ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 281 ม้าหมุน
ตอนที่ 281 ม้าหมุน
นักพรตเฒ่าถูกจางเยี่ยนเฟิงอุ้มออกมาจากห้องน้ำ สำหรับตำรวจอาชญากรรมอาวุโสแล้ว กะอีแค่คนแก่ผอมแห้งแรงน้อยอายุเจ็ดสิบปีไม่ถือว่าหนักอะไร อุ้มขึ้นมาได้สบายๆ
นักพรตเฒ่าเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากและถอนหายใจด้วยความโล่งอก แอบชื่นชมความฉลาดของตัวเองอยู่ในใจ
เถ้าแก่เรียกเขามาทำพิธีกรรม ที่นี่จะต้องมีปัญหาแน่ๆ ส่วนจะเป็นปัญหาอะไรนั้น นักพรตเฒ่าไม่แน่ใจ
ดังนั้น ในขณะที่กำลังทำพิธีกรรมอยู่ อย่ามองท่าทีทุ่มเทอย่างเต็มที่ของนักพรตเฒ่าเพียงอย่างเดียว แท้จริงแล้วในใจเขาเฝ้าระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา
กลัวว่าจู่ๆ ผีหรือผีดิบจะพุ่งออกมาจากที่ไหนสักแห่ง แม้จะบอกว่ามีเถ้าแก่อยู่ข้างๆ ก็ตามที แต่ชีวิตน้อยๆ ก็เป็นของตัวเขาเองไม่ใช่เหรอ
แต่ทว่าสถานการณ์ก็เงียบสงบจวบจนกระทั่งเขาทำพิธีกรรมเสร็จ นักพรตเฒ่ายังรู้สึกแปลกใจอยู่เลย ฟ้าร้องแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นตามที่จินตนาการไว้นั้นยังไม่โผล่ออกมาเลย
แต่อย่างไรก็ตาม พอเขาเข้าไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ นักพรตเฒ่าผู้เจนสนามเจอมาหลากหลายรูปแบบยังไม่รีบใช้ห้องน้ำทันที แต่หยิบยันต์ออกมาจากเป้ากางเกงและแปะไว้ที่ฝารองนั่งชักโครก
ห้องน้ำเป็นสถานที่ที่ผีปรากฏตัวบ่อยที่สุด และยังเป็นสถานที่ซึ่งมักจะเกิดเรื่องยุ่งเหยิงขึ้นอีกด้วย นักพรตเฒ่าก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
ครั้งนี้เขายังโชคดีจริงๆ ทันทีที่เขาแปะยันต์ลงไป ยังไม่ทันนั่งลงไป ฝาชักโครกก็เริ่มสั่นเสียแล้ว ตามด้วยควันดำพวยพุ่งออกมาจากข้างใน
นักพรตเฒ่ารู้สึกเพียงว่ามีบางอย่างกำลังคว้าและฉีกทึ้งตัวเองอยู่ เขาต่อสู้ดิ้นรนไม่หยุด แต่สิ่งนั้นกลับดูเหมือนว่าจะอยู่ด้านบน และดึงเขาตรงขึ้นไปตรึงไว้กับฝ้าเพดาน
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เมื่อความรักถึงจุดสูงสุด ก็มักอยากจะเคล้าคลึงซึ่งกันและกัน และปรารถนาที่จะบดขยี้อีกฝ่ายให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเองใจจะขาด
นักพรตเฒ่าก็รู้สึกแบบนั้นในเวลานี้เช่นกัน แต่อีกฝ่ายต้องการบดขยี้เขาเข้าไปในฝ้าเพดาน ถ้าหากอีกฝ่ายทำสำเร็จแล้วละก็ คาดว่าน่าจะต้องรอเวลาอีกหลายปีหรือสิบกว่าปี พอมีคนมาตกแต่งบ้านหลังนี้ ก็จะเห็นเขาถูกผึ่งลมจนกลายเป็นเนื้อตากแห้งไปแล้ว
‘ฟู่ว…’
นักพรตเฒ่าถอนหายใจยาว
“เอ๊ะ ท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้ท่านปล่อยข้าลงได้แล้วละ”
นักพรตเฒ่าถูกอุ้มอยู่อย่างนี้ เขาก็เขินจนหน้าแดงเอาน่ะสิ
แต่ทว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจางกลับไม่ได้วางเขาลงแต่อย่างใด แถมยังเอาของร้อนๆ เข้ามาใกล้และเริ่มเลียอย่างเมามันที่ใบหน้าของเขา
นักพรตเฒ่าตกใจจนตัวสั่นและหันหน้าไปมอง
นี่มันเจ้าหน้าที่ตำรวจจางที่ไหนกันล่ะ มันเป็นสุนัขพันธุ์อลาสกาตัวใหญ่ยักษ์ชัดๆ นึกไม่ถึงว่าในเวลานี้เขาจะอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าอลาสกาตัวนี้ ลิ้นของอีกฝ่ายเอาแต่เลียเขาไม่หยุด
“เวรเอ๊ย!”
นักพรตเฒ่าถีบเจ้าอลาสกาตัวนี้ด้วยเท้าทั้งสองข้างทันที และเริ่มถอยหลังกลับอย่างสุดชีวิต
เจ้าอลาสกาตัวนี้ไม่ได้โมโห มันเพียงแค่นั่งทึ่มๆ อยู่ตรงนั้นต่อไป พลางมองนักพรตเฒ่าและแลบลิ้นยาวๆ ออกมา
“นี่มันที่ไหนกันเนี่ย”
ในเวลานี้นักพรตเฒ่าเพิ่งพบว่า ไม่ได้มีแค่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้าอลาสกาเท่านั้นที่เป็นปัญหา ยังมีสถานที่ที่ตัวเองอยู่ในตอนนี้ก็ผิดปกติด้วยเช่นกัน
ฝั่งซ้ายของเขาเป็นสระที่เต็มไปด้วยลูกบอล มีลูกบอลหลากหลายสีสันอยู่ในนั้น ส่วนฝั่งขวาเป็นกองตุ๊กตาที่วางซ้อนๆ กันอยู่
มันเป็น… ‘ศพกองสะสมเท่าภูเขา’ จริงๆ
และข้างหลังของเขายังมีม้าหมุนขนาดเล็กที่มีไฟสว่างอยู่ด้านบนและเล่นเพลงกล่อมเด็กอยู่
‘เพียะ! เพียะ!’
นักพรตเฒ่าตบหน้าตัวเองไปสองที แต่ก็ยังไม่ได้ผล ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ยังเป็นเหมือนเดิม
“ฮี่ๆ…ฮ่าๆ…หึๆ…พี่…พี่คะ…”
เสียงของเด็กผู้หญิงดังก้องขึ้น เนื้อเสียงคมชัดก้องกังวานราวกับเสียงระฆังทองแดง
นักพรตเฒ่าขยี้ตา ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงสวมใส่ชุดเจ้าหญิงปรากฏตัวขึ้นบนม้าหมุนตั้งแต่เมื่อไร
เด็กผู้หญิงกอดม้าเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างชูมือโบกสะบัดไปมา เล่นอย่างสนุกสนาน
“น้อง…พี่มาแล้ว…พี่มาแล้วจ้า!”
ส่วนบนหลังม้าตัวที่อยู่ด้านหลัง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งสวมใส่ชุดสูทดูแปลกตาเป็นพิเศษ
“อมิตาภพุทธ เทียนจุนทั้งหลาย เจ้าแม่กวนอิม เทพบุตรเทวดา…”
นักพรตเฒ่าหลับตาสวดมนต์ท่องคาถาที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือบทสวดอะไร
“เถ้าแก่ เถ้าแก่ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย!”
ท้ายที่สุด นักพรตเฒ่าก็เข้าใจ พุทธะทั่วหล้าไม่ว่าง ทวยเทพไม่มีเวลา คนเดียวที่จะช่วยชีวิตเขาได้ในตอนนี้มีเพียงเถ้าแก่เท่านั้น
แต่ทว่า แหกปากไปตั้งนานแล้ว เถ้าแก่ก็ยังไม่ขี่เมฆเจ็ดสีโผล่มาเลย
กลับกัน ม้าหมุนนั้นเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายก่อนหน้านี้ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่บนม้าหมุนขนาดมหึมาเทียบเท่ากับไดโนเสาร์ที่หมุนเป็นวงกลมและบินลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา
นักพรตเฒ่ากังวลเหลือเกินว่าเครื่องเล่นนั้นจะหล่นลงมาทับเขาตายอย่างกะทันหัน ดังนั้นเขาจึงเริ่มวิ่งหนีตามสัญชาตญาณ ในที่แห่งนี้ไม่มีแม้กระทั่งกำแพงและขอบเขตใดๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ไร้กำแพงก็คือกำแพงที่ใหญ่ที่สุด ไร้ขอบเขตก็คือขอบเขตที่น่ากลัวที่สุด
ไม่รู้ว่านักพรตเฒ่าวิ่งไปนานแค่ไหน เขาถึงกับต้องหยุดวิ่งเพื่อสูดหายใจเฮือกใหญ่ แต่กลับพบว่าตัวเองยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ สวนสนุกแห่งนี้เหมือนเดิม
เขาวิ่งไปไกลมาก แต่ในขณะที่เขายังคงวิ่งหนีไปเรื่อยๆ เครื่องเล่นสวนสนุกด้านหลังของเขาก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
เงาบนท้องฟ้าไล่ตามติดราวกับเงาตามตัว เงาดำของม้าหมุนที่เด็กทั้งสองนั่งอยู่สะท้อนลงมา แทบจะปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างนำมาซึ่งความสิ้นหวังอันน่าสยดสยอง
“ฮี่ๆ…ฮ่าๆ…”
เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังก้องมาจากด้านบนไม่หยุดหย่อน พวกเขาเล่นสนุกสนานจนลืมตัวไปสนิท
หากเป็นช่วงปกติเมื่อเห็นเด็กน่ารักสองคนนี้ นักพรตเฒ่าจะต้องขึ้นไปแหย่เล่นและซื้อขนมให้พวกเขากินแน่ๆ นักพรตเฒ่าเองก็เป็นคนที่รักเด็กเหมือนกัน
แต่ในเวลานี้ เสียงของเด็กทั้งสองคนนี้เหมือนกับเสียงภูตผีปีศาจแห่งความตาย ทะลุเข้าออกแก้วหูของคุณไม่หยุด ถึงแม้จะใช้มือปิดหูไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
นักพรตเฒ่านั่งลงบนพื้น เงยหน้ามองข้างบน ทั้งจนปัญญาและสิ้นหวัง
นี่มันสถานที่บ้าบออะไรกันแน่
‘ปุดๆ…ปุดๆ…ปุดๆ…’
พื้นผิวใต้ดินในเวลานี้คล้ายกับหม้อแกงกะหรี่กำลังเดือดพล่าน มันเริ่มเข้มข้นขึ้นและร่างของนักพรตเฒ่าก็เริ่มจมลงไปอย่างช้าๆ
“ข้า…”
ความเร็วในการจมลงไปนั้นไวมาก เมื่อนักพรตเฒ่ารู้สึกตัว เขาก็จมอยู่ในนั้นจนมิด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงตอบสนองสักนิดเลย
ไม่ได้รู้สึกหายใจไม่ออกอย่างที่คิดเอาไว้ กระทั่งปลายจมูกยังรับรู้กลิ่นหอมหวาน กลิ่นแกงกะหรี่ที่เข้มข้นมากในตอนแรก ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นหอมของลูกกวาดอย่างช้าๆ
นี่คือรสชาติและบรรยากาศที่ไม่ว่าผู้หญิง คนแก่ และเด็กล้วนตรึงตราตรึงใจกันทั้งนั้น ท่ามกลางกลิ่นแบบนี้ราวกับว่านักพรตเฒ่าฟื้นคืนวัยหนุ่มของตัวเอง ได้กลับไปยามอาทิตย์อัสดงของตัวเอง และกลับไปสู่ความรู้สึกยามวิ่งท่ามกลางพระอาทิตย์ตกในปีนั้น
อิสระเสรี ไร้กังวล สบายๆ มีกำลังวังชา ชีวิตที่งดงาม
ฝันร้ายแต่เดิมกลายเป็นฝันหวานโดยไม่รู้ตัว นักพรตเฒ่าฝันว่าตัวเองโบยบิน ฝันว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่กลางทะเลเมฆที่ทำจากขนมสายไหม
“ฮี่ๆ…ฮ่าๆ…พี่คะ…”
“หึๆ…เหอะๆ…น้องสาว…”
เสียงของเด็กทั้งสองดังขึ้นอีกครั้ง
ในเวลานี้ เสียงของพวกเขาคล้ายกับเด็กเหลือขอไร้การอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ที่วิ่งวุ่นไปทั่วรถไฟความเร็วสูง
นักพรตเฒ่าเม้มปาก และเบิกตากว้างด้วยความไม่พอใจ ถูกปลุกจากความฝันที่งดงาม ใครบ้างที่ไม่หงุดหงิดตอนตื่นนอน
แต่ทันทีที่ลืมตา นักพรตเฒ่าก็ตะลึงค้างไป
เขาเห็นตัวเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศ เขากำลังบินจริงๆ ด้านข้างของเขายังมีม้าไม้หลายตัว และมีเสียงของเด็กดังมาจากบนตัวเขา
เมื่อฝืนหันหน้ากลับไป
“ย่ะ! ย่ะ!”
เด็กผู้ชายนั่งอยู่บนตัวนักพรตเฒ่าพลางร้องตะโกน เร่งเร้าให้นักพรตเฒ่าไปข้างหน้าเร็วๆ!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!!
นักพรตเฒ่าคร่ำครวญอยู่ในใจ เขาแทบจะประสาทกินแล้ว เขาเคยเข้าไปสถานที่อย่างเช่นหมู่บ้านซานเซียงมาก่อน และไม่ใช่เด็กน้อยที่เพิ่งเข้าวงการมา แต่ฉากและสถานที่ที่แปลกประหลาดขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้เจอจริงๆ
“คุณลุง มาสิครับ มาสิ มาเล่นด้วยกัน มาขี่ม้าด้วยกัน”
“มาสิคะคุณลุง คุณลุงมาเร็ว…”
เด็กสองคนตะโกนออกไปไกลๆ
ไกลออกไป เงาร่างของจางเยี่ยนเฟิงปรากฏขึ้น เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างงุ่มง่ามคล้ายกับกำลังครุ่นคิดและก็คล้ายกับกำลังสับสน แต่เขายิ่งคิดก็คิดไม่ออกว่าตัวเขาเองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ กลับกัน ความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมแบบนั้นกำลังทวีความรุนแรงขึ้น
นักพรตเฒ่าเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง เป็นคุณแม่ท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างม้าหมุนและกำลังมองลูกทั้งสองของเธอเล่นกันอยู่
หญิงสาวคนนี้สวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีแดง ผมยาวปกไหล่ หุ่นค่อนข้างดี
“พี่คะ พี่มาสิ…มาเล่นด้วยกัน…”
หญิงสาวก็เหมือนกับลูกทั้งสองคนของเธอที่ตะโกนเรียกจางเยี่ยนเฟิงที่อยู่ไกลๆ
“อย่านะ…เจ้าหน้าที่ตำรวจจาง…คุณตื่นสิ…คุณตื่นสิครับ!”
นักพรตเฒ่าแหกปาก แต่เสียงของเขาดันผสมผสานเข้ากับเพลงกล่อมเด็กของม้าหมุน เสียงไม่ดังออกไปเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ม้าไม้ตัวหนึ่ง และเป็นหนึ่งตัวในกลุ่มม้าไม้อีกต่างหาก
จางเยี่ยนเฟิงเริ่มขยับฝีเท้าอย่างช้าๆ และเดินเข้ามาทางนี้ เดินลากขา ทั้งยังมีสีหน้าค่อนข้างสับสนและไม่เต็มใจ
แต่เมื่อน้องสาวของเขาและหลานทั้งสองของตัวเองตะโกนเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็เผยรอยยิ้มใจดีออกมาบนใบหน้า
ทำไมเขาถึงดิ้นรนกับคดีนั้นนานนักนะ
นั่นเป็นเพราะว่าเขาปล่อยวางจากน้องสาวและหลานทั้งสองของตัวเองไม่ลงยังไงล่ะ
เขาต้องการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของการตายของพวกเขา อยากล้างแค้นให้พวกเขา เขารักพวกเขา และตัดใจทิ้งพวกเขาไม่ลง!
วินาทีนี้ เขาเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่สิ วิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ต่างหาก!
ถ้านี่เป็นความฝันฉากหนึ่ง อย่างนั้นก็ปล่อยให้ผมอยู่ในภวังค์กับมันไปอย่างนี้ และไม่ขอตื่นขึ้นมาอีกตลอดไป
“ข้าจะขวิดปอดเจ้าซะ!”
นักพรตเฒ่าเริ่มตะโกนอย่างอดไม่ได้
“คุณลุง ขี่ม้าด้วยกัน!”
เด็กชายกระโดดขึ้นบนม้าไม้อีกตัวและโบกมือให้จางเยี่ยนเฟิง
“เสี่ยวหวาเด็กดี ลุงมาแล้ว!”
ลางสังหรณ์ร้ายผุดขึ้นมาในใจของนักพรตเฒ่า
เห็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจจางกระโดดขึ้นอย่างกะทันหัน แข็งแรงกระฉับกระเฉงเหมือนตอนที่ยังหนุ่มยังแน่น จากนั้นนั่งลงบนตัวของเขาตรงๆ
‘กร๊อบ…’
เอวเคล็ดแล้ว…
นักพรตเฒ่าเจ็บจนน้ำตาไหลพรากออกมา
“คุณลุง คุณลุง…”
“พี่ พี่ชาย…”
‘เอี๊ยด อ๊าด…’
ม้าหมุนยังหมุนต่อไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด และมองไม่เห็นถึงจุดสิ้นสุดของมัน
……………………………………………