ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 284 คนสองด้าน
ตอนที่ 284 คนสองด้าน
ตอนนี้เถ้าแก่โจวรู้สึกเหมือนชีวิตอยู่ในเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’
เพราะใน ‘โปเยโปโลเย’ มักจะมีผีสาวเอย จิ้งจอกเอย หรือแม้แต่ศพผีสาวและอื่นๆ อีกหลากหลายประเภท สิ่งพวกนี้ชอบโผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ ตกหลุมรักบัณฑิตอย่างไม่มีสาเหตุ จากนั้นก็เกิดผลลัพธ์ตามมาหลายสิ่งหลายอย่างที่อธิบายไม่ได้
โจวเจ๋อไม่ใช่บัณฑิตในเรื่อง แต่ในขณะนี้เขาก็ยังคงสับสนงุนงงอยู่เหมือนเดิม
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งส่งนักพรตเฒ่ากับจางเยี่ยนเฟิงกลับไป และนั่งรอไป๋อิงอิงเอาหนังสือทั้งหมดของหญิงสาวคนนั้นมาให้อย่างสงบเรียบร้อยบนโซฟา
ส่วนคืนนี้จะพบเบาะแสสำคัญหรือค้นหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของนักเขียนหญิงคนนั้นได้หรือไม่นั้น โจวเจ๋อเองก็ไม่แน่ใจ ให้มันเป็นไปตามโชคชะตาก็แล้วกัน
แต่เขากลับกำลังคิดอยู่เลยว่าอีกเดี๋ยวจะให้อิงอิงซื้อไวน์แดงและอาหารมาแกล้มสักหน่อย แล้วเขาก็จะนั่งดื่มเหล้ารับลมสบายๆ ชิลล์ๆ บนชั้นสองของบ้านหลังนี้ ส่วนอิงอิงก็ทุบไหล่ให้เขาอยู่ข้างๆ
เพลิดเพลินไปกับชีวิตที่เสื่อมทรามของเศรษฐีเงินถังเจ้าของที่ดินในยุคศักดินาก่อนจะปลดแอก
แม้ว่าที่นี่จะเป็นบ้านหลอน กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าบ้านผีสิง แต่โจวเจ๋อเองก็เป็นยมทูต อิงอิงก็เป็นผีดิบ เข้าบ้านผีสิง ก็รู้สึกสนิทใจเหมือนได้กลับบ้านของตัวเองจริงๆ มันก็คล้ายกับนักเลงหัวไม้ริมถนนพวกนั้นที่เข้าไปในสถานกักกันผู้ต้องหา
เพียงแต่ว่า การเป็นไปของเรื่องนั้นกลับถลำลงไปในเส้นโค้งที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งเสียแล้ว ไม่สิ มันคือเส้นโค้งพาราโบลา!
ก่อนอื่น ผู้หญิงคนนี้คือใคร
ตอนแรกโจวเจ๋อนึกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ตอนนี้โจวเจ๋อสามารถสรุปได้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
ตอนแรกการแสดงออกของเธอยังปกติดี แต่ตอนนี้เขาเกือบจะถลกหนังทั้งแผ่นหลังของเธอทิ้งไปอยู่แล้ว แต่เธอกลับยังคงเต้นระบำแถมยังบังคับโอบรัดเขาไว้ต่อ
เรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอ
บังเอิญกับผีน่ะสิ!
“แผ่นหลังฉันเย็นมากเลยค่ะ”
นักเขียนสาวยื่นริมฝีปากแนบชิดข้างหูของโจวเจ๋อ เอ่ยเสียงแผ่วเบา คล้ายกับแฟนสาวขี้อ้อนกำลังกระซิบกระซาบบอกคุณ
โจวเจ๋อเพียงรู้สึกว่าโลกได้สูญเสียตรรกะไปแล้วในขณะนี้
ตอนนี้เขาทนมาพอแล้ว เขาทนมามากพอแล้วจริงๆ
ไม่สนว่าแกจะเป็นคนหรือเป็นผี และไม่สนว่าแกจะเป็นตัวอะไรกันแน่ ฉันจะหักคอของแกเดี๋ยวนี้!
เล็บของโจวเจ๋อยาวขึ้นกลายเป็นรูปเคียวอีกครั้ง และแทงเข้าไปที่ต้นคอของหญิงสาวอย่างไร้ความปรานี!
‘ฉึก…’
ในตอนแรกมันเป็นเสียงของโลหะที่แทงเข้าไปในเนื้อ แต่แล้วมันกลับเหมือนกับเสียงตัดลากยาวที่เกิดจากการสีซอเอ้อร์หู
โจวเจ๋อรู้สึกว่าเขากำลังถือเลื่อยตัดเหล็กเส้นอยู่ และไม่รู้ว่าเขามีความแค้นกับเลื่อยหรือว่าเขากำลังแข่งกับตัวเองอยู่กันแน่ เล็บแทงทะลุต้นคอของหญิงสาว โจวเจ๋อแทงเข้าแทงออกซ้ำๆ ไม่หยุด
แต่หญิงสาวกลับยังคงเต้นระบำกับโจวเจ๋ออยู่เหมือนเดิม เธอเคลิบเคลิ้มไปกับมันและไม่สามารถถอนตัวได้ เหมือนกับงานพิธีก่อนงานเลี้ยง ทั้งศักดิ์สิทธิ์และขาดไม่ได้
ฟ้าเห็นยังสงสาร เถ้าแก่โจวสาบานได้แม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยมีเวลาที่น่ารันทดมาก แต่ยังไม่เคยน่ากระอักกระอ่วนใจเท่าตอนนี้มาก่อนจริงๆ
หญิงสาวคนนี้เป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง ดื้อรั้นหัวแข็ง แม้แต่เล็บของเขาก็ไม่มีอะไรพิเศษสำหรับเธอ
สเต็ปการเต้นระบำเริ่มเร็วขึ้น และจังหวะก็เริ่มกระชั้นขึ้น คล้ายกับเข้าสู่ตอนจบสุดท้าย
กรงเล็บมืออีกข้างของโจวเจ๋อก็เแทงเข้าที่ต้นคอของหญิงสาวเช่นกัน เล็บสองคู่ของมือทั้งสองข้างคล้ายกับเลื่อยสองอันฝังลึกในร่างของหญิงสาว
เถ้าแก่โจวอาชีพเดิมไม่ใช่คนขายเนื้อ แต่เนื้อและผิวหนังท่อนบนของหญิงสาวภายใต้การเลื่อยไปมานี้ เหลือไม่มากแล้วจริงๆ สามารถสัมผัสได้ถึงกระดูกส่วนใหญ่ที่โผล่ออกมาโดยตรง
กระดูกสะอาดและเกลี้ยงเกลามันขลับ แม้แต่เล็บที่แหลมคมของโจวเจ๋อก็ไม่มีทางทิ้งร่องรอยไว้ได้มากนัก
‘เฮือก…’
มือทั้งสองข้างของหญิงสาวโอบกอดโจวเจ๋อไว้แน่น
“ที่รัก เราเริ่มกินกันเถอะ”
ระบำจบ เริ่มกินได้!
‘ปัง!’
โจวเจ๋อถูกอุ้มเข้าไปในห้องครัว จากนั้นทั้งตัวของเขาถูกผลักลงไปบนอ่างล้างจาน ปกติแล้วท่าทางแบบนี้พบเห็นได้ปกติมากในหนังฟอร์มเล็กบางเรื่อง แต่ในขณะนี้ตำแหน่งพระนางสลับกันเล็กน้อย
หญิงสาวหยิบมีดทำครัวที่อยู่ข้างๆ รูม่านตาของโจวเจ๋อหดเกร็ง เขารู้ดี หากรอจนหญิงสาวเอามีดทำครัวผ่าร่างของเขาไปแล้ว ก็คงจะสายเกินไปจริงๆ
‘โฮก!’
เสียงคำรามเบาๆ ดังมากจากส่วนลึกในลำคอของโจวเจ๋อ จิตสำนึกอีกดวงกำลังตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
ทันใดนั้น ผิวหนังของโจวเจ๋อเริ่มแห้งซูบ เบ้าตาลึกกลวงอย่างช้าๆ เขี้ยวสองซี่งอกออกมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ชั่วขณะหนึ่ง โจวเจ๋อที่มีพละกำลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้ดึงเล็บของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็วให้หลุดพ้นออกจากพันธนาการของหญิงสาว และมีดทำครัวในมือหญิงสาวก็ฟันลงไปบนความว่างเปล่า
โจวเจ๋อลงมาจากบนอ่างล้างจาน และมองหญิงสาวที่มีผิวหนังครึ่งหนึ่งกระดูกครึ่งหนึ่งคนนี้
“เริ่มกินได้”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายตรงหน้า
โจวเจ๋อก้าวไปข้างหน้า จากนั้นเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
ไม่ถูก มันไม่ถูกต้องเอามากๆ
โจวเจ๋อมองมือของตัวเอง การตื่นในครั้งนี้ ทำไมเขาถึงเป็นผู้ควบคุม เป็นไปไม่ได้ที่จิตสำนึกนั้นจะละทิ้งอำนาจและมอบพลังให้กับเขา
เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!
แต่ก่อนเมื่อจิตสำนึกนั้นตื่นขึ้น โจวเจ๋อทำได้เพียงหลบอยู่หลังฉาก คอยเฝ้าดูนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นแก้ไขปัญหาอันตรายที่เผชิญอยู่ตรงหน้าและกินจนอิ่มหนำกลับไปแล้ว โจวเจ๋อค่อยกลับออกมาอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ โจวเจ๋อพบว่าเขาได้ปลุกจิตสำนึกนั้นขึ้นมาชัดๆ แต่ทำไมเขาถึงยังเป็น ‘ผู้คุมบังเหียน’ อยู่
“มา เริ่มกินได้!” หญิงสาวกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
โจวเจ๋อไม่ทันจะได้คิดเรื่องอื่น เขาก็รีบพุ่งเข้าไปก่อน ทุกครั้งที่จิตสำนึกนั้นตื่นขึ้นและหลังจากเปลี่ยนตัวเองเป็นผีดิบ ปัญหาใดๆ ก็ตามที่อยู่ตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
และด้วยเหตุนี้ สำหรับสภาวะแบบนี้แล้ว โจวเจ๋อมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก
แต่ทว่า หลังจากทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าปะทะกัน ตัวโจวเจ๋อกลับลอยกระเด็นกลับออกไปกระแทกบนกระเบื้องห้องครัวอย่างแรง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีรอยแผลอาบเลือดหลายจุดบนหน้าอก
เป็นไปได้อย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น
หญิงสาวแค่เซถอยหลังไปสองสามก้าว และรีบวิ่งพุ่งเข้าใส่ทันควันอีกครั้งอย่างรู้สึกสนุกสนาน
โจวเจ๋อลุกขึ้น ครั้งนี้เขาไม่กล้าฝืนต้าน แต่เลือกที่จะถอยหลังไป เพียงแต่ว่าความเร็วของหญิงสาวนั้นรวดเร็วของจริง แม้จะเห็นชัดเจนว่าโจวเจ๋อหลบไปแล้วก็ตาม แต่มีดทำครัวในมือทั้งสองข้างที่เหลือแต่กระดูกของเธอก็ยังคงฟันโดนแขนของโจวเจ๋ออยู่ดี
‘ซี้ด…’
โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้า ในเวลานี้แขนของเขาถูกฟันเป็นแผลเหวอะ เลือดสดๆ กำลังไหลออกมา และในเวลาเดียวกันนี้เขี้ยวในปากของเขาก็กำลังหดกลับเข้าไปอย่างช้าๆ ผิวที่เพิ่งเหี่ยวแห้งลงไปไม่นานก็กลับมาหย่อนยานอีกครั้ง
“แกทำอะไรของแก”
โจวเจ๋ออดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง มันเป็นการพึมพำกับตัวเองจริงๆ แต่ไม่มีคนตอบเขา ราวกับว่าจิตสำนึกนั้นได้ออกจากร่างของเขาไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ไปทำธุระหรือว่าไปเที่ยวพักผ่อนล่ะ
“เริ่มกินได้แล้ว!”
หญิงสาวชูมีดทำครัวและบีบเข้ามาอีกครั้ง โจวเจ๋อคว่ำโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง เพื่อถ่วงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายให้ช้าลงชั่วคราว จากนั้นรีบพุ่งออกจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว แล้วหมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำตามด้วยล็อกประตูทันที
ในห้องน้ำยังคงมีกลิ่นเหม็นตลบอบอวลอยู่ แต่โจวเจ๋อกลับไม่ได้สนใจมากนัก ภายใต้สถานการณ์อันตรายถึงชีวิตอย่างนี้ ถึงจะเป็นโรครักความสะอาดก็ใช่ว่าจะทนไม่ได้!
ถึงขั้นสามารถตะโกนได้ว่า ‘หอมจังเลยโว้ย!’
‘พลั่ก!’
ประตูห้องน้ำถูกมือกระดูกข้างหนึ่งเจาะทะลุเข้ามาตรงๆ โจวเจ๋อหันหน้ากลับมามองพบว่ายันต์ของนักพรตเฒ่าแผ่นนั้นยังอยู่บนฝาชักโครก จึงรีบแกะยันต์ออกมาโดยไม่ลังเลแล้วแปะลงบนประตู
ยันต์เริ่มไหม้ มือกระดูกเริ่มกลายเป็นสีแดงทันที กระทั่งยังส่งกลิ่นหอมคล้ายกับ ‘ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน’ จากนั้นรีบดึงกลับไปอย่างแรง
หญิงสาวไม่กล้าทำลายประตูอีก อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เธอเพียงแค่ก้มหน้าลง และนำเบ้าตาของเธอแนบเข้ากับรอยแตกที่เธอเพิ่งพังมันออก และจ้องมองโจวเจ๋อที่อยู่ข้างในนั้นไม่วางตา
“หึๆ รอ…กิน”
โจวเจ๋อกวาดตามองยันต์ พบว่ายันต์ไหม้ไปแล้วหนึ่งในสามส่วน
บ้าฉิบ…
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!
โจวหันหน้ากลับไปมองกระจกในห้องน้ำ ในเวลานี้ เขาตกตะลึงเมื่อพบว่าตัวเองกำลังคำรามและดิ้นรนอยู่ในกระจกอย่างต่อเนื่อง
“แกคือ…” โจวเจ๋อได้สติกลับมาทันที “แกเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง!”
โจวเจ๋อที่อยู่ในกระจกกำลังคำรามอย่างเอาเป็นเอาตาย
โจวเจ๋อไม่ได้ยินเสียง
แต่ประมาณว่า
บางที
อาจจะ
เกือบจะ
เดาออก
เขากำลังด่าคนอยู่อย่างนั้นเหรอ
ความโกรธของโจวเจ๋อปะทุขึ้นมาทันที
บ้าเอ๊ย แกไม่ทักทายสักคำก็หนีไปแล้ว ลำบากจนฉันใช้ท่าไม้ตายไม่ได้ นี่แกยังมีหน้ามาด่าคนอีกเหรอ
ดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่าโจวเจ๋อกำลังคิดอะไรอยู่ การดิ้นรนและคำรามของคนผู้นั้นในกระจกยิ่งรุนแรงขึ้น
ประมาณได้ว่าหากเขาสามารถออกมาได้ในเวลานี้ละก็ แม้กระทั่งความคิดที่จะให้ตัวเองฉีกทึ้งตัวเองให้ตายตกไปตามกันก็มีแล้ว
…
“ถึงแล้ว ที่นี่แหละ” คนขับรถหยุดรถ “แม่หนู ชุมชนเล็กๆ นี้รถลุงขับเข้าไปไม่ได้ แม่หนูเข้าไปจากตรงนั้นเองก็แล้วกันนะ”
“ได้ค่ะ โชเฟอร์ คิดค่ารถเลยค่ะ”
ไป๋อิงอิงลงจากรถ หลังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว คนขับรถก็ตะโกนเรียกตามหลังเธอ
“เฮ้ แม่หนู ตรงนี้ยังมีหนังสือเล่มหนึ่งที่คุณไม่ได้หยิบไปน่ะ”
ไป๋อิงอิงรีบวิ่งกลับมา โชเฟอร์เอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากใต้เบาะนั่งด้วยความยากลำบาก
น่าจะเป็นตอนก่อนหน้านี้ที่รีบเบรกกะทันหันจึงกระเด็นลงไป ไป๋อิงอิงก็ไม่ทันสังเกตว่าหนังสือหล่นลงไปเล่มหนึ่ง
“หึ ‘คนสองด้าน’ เรื่องผีละสิ แม่หนูอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่กลัวจะเก็บไปฝันร้ายเหรอ” คนขับรถพูดหยอกอย่างตรงๆ
หากโชเฟอร์คนนี้รู้ว่าเขากำลังแนะนำให้ผีดิบตนหนึ่งอ่านเรื่องผีน้อยลงหน่อยจะได้ไม่ฝันร้ายละก็ ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรดี
“ฉันเอามาให้คนอื่นน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะโชเฟอร์”
“ที่จริงลุงก็ชอบอ่านเรื่องผีเหมือนกัน แต่ไม่กล้าอ่านตอนขับรถช่วงกลางคืนน่ะ ลุงขออ่านบทนำหน่อยนะ มีจิตสำนึกสองดวงในร่างเดียวกัน เดิมทีพวกเขาอาศัยอยู่ในร่างเดียวกัน มีความขัดแย้ง มีการทะเลาะเบาะแว้ง มีการระแวดระวัง และมีความกระวนกระวายใจ
แต่จู่ๆ วันหนึ่ง หนึ่งในจิตสำนึกนั้นดันถูกขังอยู่ในกระจก ส่วนอีกจิตสำนึกหนึ่งกลับเริ่มไม่คุ้นเคยกับชีวิตอิสระที่ตัวเองโหยหา กระทั่งเริ่มตามหาตัวเองอีกคนที่ถูกขังอยู่ในกระจก…”
โชเฟอร์เม้มปาก
“เหอะๆ นี่มันไม่ใช่โรคจิตเภทหรอกเหรอ พูดซะโอเวอร์ขนาดนี้ ตอนนี้หนังสือนวนิยายเหล่านี้มีลูกเล่นแฟนตาซีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่ไม่มีกลิ่นอายหนังสือกำลังภายในของกิมย้งและโกเล้งที่พวกเราอ่านตอนหนุ่มๆ แล้ว”
ขณะที่พูด โชเฟอร์ก็ยื่นหนังสือให้ไป๋อิงอิง
“ไปละนะ!”
“บ๊ายบายค่ะโชเฟอร์”
……………………………………………………