ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 308 กลืน!
ตอนที่ 308 กลืน!
“ปล่อย!” โจวเจ๋อคำราม “ปล่อย!!!” โจวเจ๋อคำรามต่อ “ปล่อยให้ข้ากินเขา ของของเขาก็จะเป็นของเจ้า!”
‘กรุ๊งกริ๊ง…’ มือขวาคลายออกในที่สุด และไม่รู้ว่าการต่อต้านได้ผลหรือยอมปล่อยวาง เสียงเหรียญเงินร่วงเพราะเหลือเกิน เสียงดังกังวาน ถ้าหากเอามาบันทึกเสียงแล้วโหวตคะแนน น่าจะเป็นหนึ่งในเสียงที่เพราะที่สุดในโลก แต่สิ่งที่ร่วงมาพร้อมกับเหรียญเงิน ยังมีหัวใจของเจ้าที่ที่ร่วงตามมาด้วย เขารู้ว่าตัวเองพ่ายแพ้แล้ว ข้าวกล่องเพิ่มน่องไก่กำลังโบกมือเรียกเขาอยู่ไกลๆ
เขามองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเดินเข้ามาหาตัวเองทีละก้าว หลังจากถูกปิดกั้นการเคลื่อนไหวของพลังชี่รอบด้านไม่ให้หนีไปได้ เจ้าที่รู้สึกสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง ‘กึก!’ เล็บจิกกลุ่มแสงสีเขียวเอาไว้ คลึงๆ นวดๆ เหมือนกำลังเล่นดินน้ำมันอย่างสนุกสนาน เจ้าที่อยากจะพูดกับโจวเจ๋อว่า ถ้าจะกินก็รีบกินเสียสิ ขั้นตอนการรอที่จะโดนกินแบบนี้ช่างทรมานสุดๆ!
โจวเจ๋ออ้าปากใส่มันเข้าไปในปากอย่างช้าๆ และไม่ต้องเคี้ยว เพราะตอนที่แสงสีเขียวกระทบกับเขี้ยวที่แหลมคมทั้งสองข้างได้แตกสลายโดยสิ้นเชิง กลายเป็นความรู้สึกเหมือนดื่มชาเขียวเย็นยี่ห้อคังซือฟุ ไหลลงสู่ลำคอ
‘ซี้ด…’ โจวเจ๋อครางเสียงต่ำ การสั่นสะท้านแสนสบายที่กระจายออกมาจากส่วนลึกสุดของจิตวิญญาณแบบนี้ทำให้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหลไม่รู้ลืม
“เถ้าแก่ บุหรี่!” นักพรตเฒ่าไม่รู้ว่ากลิ้งลงมาข้างล่างตั้งแต่ตอนไหน กลิ้งตกลงมาตรงหน้าโจวเจ๋อโดยตรง เพียงแต่ตอนที่นักพรตเฒ่าเข้าใกล้โจวเจ๋อ เขารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
ของบางอย่าง หลังจากที่คุณได้เข้าใกล้แล้วถึงจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าน่ากลัวแค่ไหน หลักการเหมือนกับดูเสือนอกกรงกับปล่อยให้คุณเข้าไปดูเสือข้างในกรง ถึงแม้ระยะห่างไม่แตกต่างกันมาก แต่ด้านความรู้สึกกลับต่างกันราวฟ้ากับดิน
“บุหรี่…” นักพรตเฒ่ายื่นบุหรี่ให้ ฟันเริ่มสั่น แต่ก็ยังฝืนพูดต่อ “สูบบุหรี่หลังกินข้าว สุขกว่าเป็นเทพเซียน”
โจวเจ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อย มองนักพรตเฒ่า หรี่ตาเล็กน้อย รูม่านตาดำเหมือนน้ำหมึกหมุนวนเป็นประกายมีความหมายลึกซึ้งยากที่จะคาดเดา
‘เอือก…’ นักพรตเฒ่ากลืนน้ำลาย รู้สึกอยากตบหน้าตัวเองเล็กน้อย แม่งเอ๊ย สงสัยตัวเองอยากโดนผีดิบกัดจนเป็นบ้าไปแล้ว อยากเป็นอมตะจนบ้าไปแล้วใช่ไหม รีบลงมาหาพระแสงอะไร แต่จะทำอย่างไรได้ ก็เหมือนกับผีดิบดูดเลือดฝั่งตะวันตก ยิ่งโดนผีดิบระดับสูงกัดมากเท่าไรระดับขั้นต้นของคุณก็จะยิ่งสูง นักพรตเฒ่าไม่อยากโดนผีดิบตัวไหนก็ได้กัดจากนั้นตัวเองกลายเป็นผีดิบปัญญาอ่อน อย่างนั้นสู้แก่ตายจะดีกว่า
และถ้าหากเดาไม่ผิดผีดิบที่อยู่ตรงหน้าอาจจะเป็นบอสใหญ่ขั้นบรรพบุรุษในโลกผีดิบก็เป็นได้ เมื่อก่อนนักพรตเฒ่ารู้สึกแปลกใจ ทำไมอิงอิงโดนเถ้าแก่จัดการแล้วถึงว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ หรือว่าเป็นโรคสต็อกโฮล์มซินโดรม ตอนนี้นักพรตเฒ่าเข้าใจแล้ว อิงอิงในฐานะที่เป็นผีดิบถึงแม้จะโดนคนตรงหน้าฆ่าตายก็ยังรู้สึกเป็นเกียรติ!
‘ฮู่ว…’ โจวเจ๋อพ่นลมออกมา บุหรี่ที่อยู่ในมือของนักพรตเฒ่าเผาไหม้ด้วยตัวเอง ลุกไหม้หายไปภายในพริบตาเดียว
“โอ๊ย..ร้อนๆ!” นักพรตเฒ่ารีบสะบัดมือ ตอนที่เงยหน้ามองโจวเจ๋อ พบว่าเขายังคงมองตัวเองด้วยสายตาลึกลับยากที่จะคาดเดา
‘เอือก…’ นักพรตเฒ่ากลืนน้ำลายต่อแล้วพูดติดอ่างว่า “ใช่ บุหรี่ไม่ดี ทำลายสุขภาพ”
โจวเจ๋อหมุนตัวนั่งลงช้าๆ ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจนักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นนักพรตเฒ่ารู้สึกตัวเบาทั้งตัวความรู้สึกที่โดนงูสารพัดพิษจดจ้องมลายหายไปทันที
ต่อจากนั้นนักพรตเฒ่าจึงรีบหันไปมองโจวเจ๋อ พบว่าโจวเจ๋อหลับตาแล้ว ดูเหมือนเขาจะส่งเสียงกรนเบาๆ ออกมาทางจมูก แล้วจึงตรวจดูตามร่างกายของเถ้าแก่ด้วยความเคยชิน กลับไม่พบรอยแผลภายนอกร่างกาย และไม่รู้ว่าตัวเองควรจะดีใจหรือเสียใจ ไม่ว่าอย่างไรสายตาเมื่อครู่นี้ของคนผู้นั้น นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าเถ้าแก่ของตัวเองมีความสนิทสนมมากกว่า
เขาย้อนนึกกลับไปตอนที่เถ้าแก่เพิ่งเรียนวิชาใหม่ๆ หลังจากนั้นต้องนอนบนเตียงหนึ่งเดือนทุกครั้ง ตอนนี้ไม่เป็นอะไรเลยสักนิดเดียว อย่างนี้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแน่นอน
นักพรตเฒ่าถอนหายใจ ลองคิดว่าถ้าหากวันหนึ่งตัวเองตื่นขึ้นมา พบว่าที่นั่งริมหน้าต่างว่างเปล่า ผู้ชายคนนั้นไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์และไม่ดื่มกาแฟ แต่กลับใช้สายตาแบบนั้นจ้องมองตัวเอง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
“ตรงนี้แหละ เมื่อกี้เสียงดังมากมาจากตรงนี้!”
ณ ที่ไม่ไกลมาก จู่ๆ มีเสียงคนดังเซ็งแซ่ พร้อมกับเสียงไซเรนตำรวจดังมาจากถนนด้านนอกป่า นักพรตเฒ่าจึงแบกโจวเจ๋อออกมาจากในถ้ำ และกำลังจะลงไปเก็บเหรียญเงินเหรียญทองอีกที
“ไป ถ้าไม่ไปจะไม่ทันแล้ว” จางเยี่ยนเฟิงรับโจวเจ๋อมาแล้วแบกใส่หลังของตัวเองพลางพูดเร่งนักพรตเฒ่า
“แต่ว่า…”
ข้างล่างเป็นเงินทั้งนั้นเลย ตัวเองต้องอาศัยเงินพวกนี้ไปบำเรอสาวๆ มอบความอบอุ่นให้พวกเธอ และยังสามารถช่วยเด็กออกมาจากภูเขาได้อีกไม่น้อย
“นี่คือวัตถุโบราณ! ตามหลักแล้วต้องมอบให้ประเทศ!” จางเยี่ยนเฟิงพูดด้วยความเที่ยงธรรม และตอนนี้มองเห็นเงาคนมาแต่ไกล นักพรตเฒ่าจึงกัดฟัน ไม่รอช้า วิ่งออกไปข้างนอกพร้อมกับจางเยี่ยนเฟิง
ทั้งสองคนกลับมาถึงที่จอดรถ หลังจากวางโจวเจ๋อไว้ที่เบาะหลังรถแล้ว ทั้งสองคนจึงนั่งข้างหน้า จากนั้นจางเยี่ยนเฟิงจึงสตาร์ทรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าจะกลับไปปิดคดียังไง” นักพรตเฒ่าถาม หรือคำสรุปคดีจะเขียนว่า ‘ผู้ตายทำให้เจ้าที่โกรธ จึงถูกเจ้าที่ฆ่าเพื่อลงโทษ’ จากนั้นเจ้าที่ก็ไม่ต้องโดนจับมาสอบสวน เพราะเจ้าที่ถูกผีดิบกินไปแล้ว
“เรื่องน่าเหลือเชื่อก็ส่วนเรื่องน่าเหลือเชื่อ ฆ่าตัวตายก็ส่วนฆ่าตัวตาย” จางเยี่ยนเฟิงพูดรวดเดียวจบ
“ได้เลย” นักพรตเฒ่าหาวหวอด
…
ตอนที่กลับมาถึงร้านหนังสือ นักพรตเฒ่าได้แบกเถ้าแก่เข้ามา พบว่าสาวน้อยโลลิกำลังนั่งอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์กำลังเล่นเกมไพ่อยู่ในมือ
“เขาเป็นอะไร”
“ดื่มเหล้าเมา”
นักพรตเฒ่าไม่สนใจสาวน้อยโลลิ แบกโจวเจ๋อขึ้นไปข้างบนโดยตรง อิงอิงเดิมทีกำลังนอนเล่นเกมอยู่ในห้อง พอเห็นเถ้าแก่ถูกแบกกลับมาจึงตกใจ
แต่ด้วยความมีประสบการณ์แล้ว เธอจึงเอนตัวเถ้าแก่นอนลงบนเตียง แล้วสั่งนักพรตเฒ่าไปเอาปัสสาวะลิงเข้ามา
“ฮิๆ ครั้งนี้ ไม่เป็นไร” นักพรตเฒ่าคลึงศีรษะพลางพูด
ไป๋อิงอิงตกตะลึงเล็กน้อย เปิดดูเสื้อผ้าทั้งด้านล่างด้านบนของโจวเจ๋อ ตรวจดูด้านหน้าด้านหลังอย่างละเอียด ไม่พบบาดแผลใดๆ เลยจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไม ไป๋อิงอิงกลับกัดปากของตัวเองแน่นมาก
พูดตามความจริง ดูเหมือนเธออยากเห็นเถ้าแก่โดนแบกกลับมาพร้อมกับเลือดท่วมตัว แต่ไม่อยากเห็นเถ้าแก่เหมือนคนไม่เป็นอะไร เพราะนี่หมายถึงความหนักเบากับรายละเอียดที่อยู่ในนั้น นักพรตเฒ่าสามารถมองออกอยู่แล้ว ไป๋อิงอิงย่อมรู้เช่นกัน
“เจ้าดูแลไปก่อน ข้าจะลงไปดูข้างล่าง” นักพรตเฒ่าพูดกับอิงอิงแล้วจึงเดินลงไปข้างล่าง
ตรงหน้าบันได เขาเจอสาวน้อยโลลิกำลังจะเดินขึ้นมาพอดี สาวน้อยโลลิไม่สนใจนักพรตเฒ่าเช่นกัน เดินดุ่มๆ ขึ้นไปเปิดประตูห้องนอนของโจวเจ๋อ
“อ้าว ครั้งนี้กลับมาครบสมบูรณ์” สาวน้อยโลลิยืนพิงประตู พร้อมกับเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ในปาก
“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง!”
“ข้าขี้เเกียจยุ่งอยู่แล้ว เจ้าน่าจะดีใจสิ ต่อไปเจ้าจะได้มีคนให้เกาะขาจริงๆ เสียที” สาวน้อยโลลิยิ้มมุมปากอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
ไป๋อิงอิงมองเธออย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ข้าก็ว่าอยู่ อะไรนะเทศกาลเสื้อกันหนาวตอนเย็นวันนั้น ใช้ไม้ไผ่เป็นเตียง เผาร่างกายของข้า เหอะๆๆ” สาวน้อยโลลิโบกมือ ทำท่าเหมือนดูถูกอย่างยิ่ง
“ข้าเพิ่งเป็นยมทูตเมื่อสองสามปีก่อน แต่แม่นางไป๋ตั้งศาลเจ้าอาบลมอาบฝนอยู่ที่นี่สองร้อยปี สิ่งที่ข้ามองไม่ออก นางก็น่าจะมองออกใช่ไหมล่ะ ทำไมตอนที่ข้าอยู่ที่นี่ถึงไม่ไหว้วานฝากฝังเจ้าให้กับข้า แต่กลับรอให้ข้าไปเมืองหรงเฉิงแล้วจึงฝากเจ้าไว้กับเขา ผู้ชายที่ตอนนั้นเป็นเพียงยมทูตชั่วคราวไม่ต่างอะไรกับของที่ใช้การไม่ได้” สาวน้อยโลลินึกถึงซือตันที่โจวเจ๋อถือในคืนนั้น เขาอยากหยิบใส่ปากของตัวเอง แล้วก็เปลี่ยนไปใส่ปากของไป๋อิงอิง เปลี่ยนกลับไปกลับมาเป็นฉากที่น่าสับสน
“เจ้าคิดว่าทุกคนเหมือนเจ้าอย่างนั้นเหรอ ที่คิดแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว” ไป๋อิงอิงย้อนถาม
“เหอะๆ รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าในใจเจ้าคิดอะไรกันแน่”
“ข้า…ไม่มีหัวใจ” ข้าเป็นผีดิบ ข้าไม่มีหัวใจ
สาวน้อยโลลิเดินไปข้างเตียง มองโจวเจ๋อที่กำลังนอนหลับสนิท เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “อืมมม…ไม่มีกลิ่นคาวเลือดเลยสักนิด สงสัยใกล้จะถึงแล้วจริงๆ”
ขณะที่พูดสาวน้อยโลลิได้ยื่นมือตบไหล่ของไป๋อิงอิงเบาๆ “จริงๆ แล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าจริงใจ” ไป๋อิงอิงหรี่ตาเล็กน้อย “คนโง่ก็มีความสุขแบบคนโง่” สาวน้อยโลลิพูดขณะเดินออกจากห้องนอน เธอไม่ได้เดินลงไปข้างล่าง แต่เดินเลี้ยวเข้าไปที่ห้องข้างๆ แม่นางสวี่ยังคงนอนสลบอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่าเขาอยากจะเป็นนกกระจอกเทศไม่ตื่นเลยชาตินี้
สาวน้อยโลลิคายหมากฝรั่งออกมาจากในปาก “นี่ ถ้าคุณไม่ตื่นอีกผู้ชายของคุณจะไม่อยู่แล้วคุณรู้ไหม” แม่นางสวี่ยังคงไม่ไหวติง “เหอะๆ” สาวน้อยโลลินั่งลงตรงหัวเตียง มองแม่นางสวี่ที่ใส่ชุดนอน โดยเฉพาะผิวที่ขาวนวลเนียนของเขาทำให้ผู้หญิงต่างอิจฉาเป็นบ้า
“โถๆๆ เป็นเจ้าหญิงนิทรานานพอแล้วนะ”
โจวเจ๋อเดิมทีอยากให้ตัวองฟื้นตัวดีแล้วค่อยใช้เล็บของตัวเองปลุกสวี่ชิงหล่างให้ตื่น แต่ก็มีเรื่องติดขัดมาตลอด ตอนนี้เองนักพรตเฒ่าถือเสื้อผ้าที่สกปรกของตัวเองเดินขึ้นมา เขาเดินตัวเปลือยท่อนบนจึงตกใจเมื่อเห็นสาวน้อยโลลินั่งอยู่ในห้อง
“เจ้ามาทำอะไรในนี้” นักพรตเฒ่ายังคงระวังสาวน้อยโลลิเป็นอย่างยิ่ง
“อยากลองดูว่าจะปลุกเขาได้ไหม”
“ปลุกเขาให้ตื่น เหอะๆ อย่าเลย”
“ก็ไม่แน่นะ ได้ยินว่า ช่วงนี้ราคาห้องต่อตารางเมตรในทงเฉิงลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี”
“ลดลงเหรอ” นักพรตเฒ่ารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง “ลดลงเท่าไร”
สาวน้อยโลลิกางนิ้วทั้งห้า
“ลดลงห้าพัน อย่างนั้นก็ลดลงไม่น้อยนะ”
สาวน้อยโลลิส่ายหน้า
“ห้าร้อย อย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไร”
สาวน้อยโลลิส่ายหน้าต่อ แล้วพูดว่า “ห้าสิบ ห้าสิบหยวน ”
นักพรตเฒ่า “(━┳━_━┳━)”
“ห้าสิบ ก็ไม่น้อยนะ” สาวน้อยโลลิชี้ไปที่สวี่ชิงหล่างที่ยังนอนสลบอยู่ “ห้องของเขาส่วนใหญ่เป็นสามห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ถ้าคำนวณด้วยหนึ่งร้อยสามสิบตารางเมตร เขามียี่สิบห้าห้อง ลดลงมาห้าสิบต่อตารางเมตร อย่างนั้นเขาก็ขาดทุนหนึ่งแสนหกหมื่นกว่าหยวน รถหนึ่งคัน ระเหิดหายไปเลย”
เพิ่งจะสิ้นเสียง สวี่ชิงหล่างที่ไม่รู้นอนสลบไปนานแค่ไหน จู่ๆ นิ้วมือของเขาก็กระตุกสั่นเล็กน้อย
…………………………………………………………………………