ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 327 ไถ่โทษ
ตอนที่ 327 ไถ่โทษ
เสียงระฆังหยุดแล้วในที่สุด สามีภรรยาตัวซวยคู่นั้นรู้สึกว่าเสียเงินแล้วก็ต้องเคาะให้เต็มที่ เคาะให้ได้ต้นทุนกลับมา ดังนั้นจึงเคาะ ‘เหง่งหง่างๆๆ’ อยู่หลายครั้ง แต่สามีของเธอใช้แรงมากไปจึงทนไม่ไหว ก่อนหน้านั้นรีบร้อนเกินไป พอถึงช่วงท้ายจึงเริ่มหมดแรง สุดท้ายขยับแขนที่ปวดบอกว่าไม่ไหวแล้วจริงๆ
เสียงระฆังหยุดแล้ว โจวเจ๋อนอนหงายอยู่บนพื้นเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ และหายใจหอบอย่างหนัก พระอ้วนที่ถูกมัดอยู่ตรงนั้นเห็นท่าทางของโจวเจ๋อแล้วแต่ไม่มีแววตาที่หวาดกลัว ตรงกันข้ามกลับมองด้วยสีหน้า ‘ที่เลื่อมใส’ สุดยอดไปเลย พอได้ยินเสียงระฆังก็สามารถแสดงกายหยาบของตัวเองออกมาได้!
โจวเจ๋อหันมามองไปที่ตาอ้วน ตอนนี้โจวเจ๋อมั่นใจว่าระฆังนั่นมีปัญหา ไม่ใช่ปัญหาจากวัด ดูท่าทางของพระในวัดนี้สิ พระพุทธเจ้าคงตาบอดหากทำให้วัดแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์
พระอ้วนยิ้มอย่างอบอุ่น เขาบุ้ยปากไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ยังมีเครื่องดื่มแช่อยู่ในตู้เย็น เห็นว่าโยมร้อนมาก”
“…” โจวเจ๋อ
หน้าผากของทนายอันค้ำอยู่บนหินปูพื้นตรงบันไดนอกห้อง เหงื่อไหลมาตามคางแล้วหยดลงไม่หยุด จากนั้นเขาอยากจะลุกขึ้นมา แต่ความเจ็บปวดและเขียวช้ำตรงหัวเข่าทำให้เขาไม่มีแรง จึงหงายล้มลงไปกับพื้น ทนายอันเม้มปากที่เหือดแห้งพลางเอามือป้องหน้าผากของตัวเอง
“ระฆังในวัดนี้ เป็นระฆังระอะไร” โจวเจ๋อค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วถามในเวลาเดียวกัน
“มันเรียกว่าระฆังตื่นรับอรุณ ซื้อมาจากพ่อค้าคนกลางเมื่อสองสามปีก่อน ได้ยินว่าเมื่อก่อนไม่รู้ว่าเป็นที่ว่าการอำเภอในยุคไหนเอาไว้ใช้เรียกข้าราชการมารวมตัวกัน” พระอ้วนกลับอธิบายได้ดีมาก
“ซื้อมาเท่าไร” โจวเจ๋อถาม
“ห้าพัน”
“ผมให้หนึ่งหมื่น…”
“ตอนนี้ต้องห้าล้าน” พระอ้วนชิงพูดก่อนพร้อมกับยิ้มหน้าระรื่นมองโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อยิ้ม จากนั้นเล็บมือซ้ายยาวออกมาอีกครั้ง เขาเดินมาตรงหน้าพระอ้วนแล้วนั่งลงยองๆ เล็บค่อยๆ จ่อไปที่คอของอีกฝ่าย
“เท่าไรนะ เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ชัดเจน”
“ห้าสิบ รวมค่าส่งแล้ว! พระไม่พูดโกหก ไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าจะลงโทษ”
โจวเจ๋อยากที่จะเชื่อคำพูดของตานี่จริงๆ จากนั้นชี้ไปที่เชือกบนตัวเขาแล้วพูดว่า “พระพุทธเจ้าก็สั่งให้คุณทำแบบนี้เหรอ”
“โยม ความคิดโยมสุดโต่งเกินไป การฝึกบำเพ็ญตบะ ต้องเดินออกจากธุลีแดงแล้วกลับสู่ธุลีแดง ถึงจะเรียกว่าการบำเพ็ญ แบบนี้ก็นับว่าเป็นสิ่งในทางโลกอย่างหนึ่ง อาตมาให้เงิน เธอให้บริการ ทั้งสองฝ่ายไม่ติดค้างอะไรกัน”
“เหอะ”
“การดำรงอยู่ล้วนมีเหตุผล พระที่ละจากทางโลกแล้ว จะมองโลกนี้ด้วยสายตาทางโลกไม่ได้อีก โยมรู้สึกว่ามันหยาบช้า เป็นเพราะว่าตัวโยมหยาบช้า”
ทันใดนั้นโจวเจ๋อนึกถึงจิ้งจอกขาวตัวนั้น ดูเหมือนจะเคยพูดคล้ายกัน แต่เวลานี้เถ้าแก่โจวไม่มีเวลามาพูดเรื่องหลักธรรมกับพระอ้วน เขายื่นมือตัดเชือกสองเส้นบนตัวของอีกฝ่าย แล้วบอกเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายลุกขึ้นเอง ขณะเดียวกันได้พูดเตือนว่า “ถือเสียว่ามองไม่เห็นเรื่องในวันนี้ ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าก็คุ้มครองคุณไม่ได้”
“อมิตาภพุทธ ได้พบคือพรหมลิขิต โยมวางใจเถอะ ในเมื่ออาตมาปลอดภัยไม่เป็นอะไร ก็จะไม่เอาความเรื่องนี้อีก”
โจวเจ๋อพยักหน้า คลำหาบุหรี่แต่กลับพบว่าบุหรี่หมดแล้ว พระอ้วนหยิบบุหรี่จักรพรรดิเก้าห้าของตัวเองออกมาด้วยใบหน้าเอาใจ แล้วยื่นให้โจวเจ๋อหนึ่งมวน เถ้าแก่โจวมองซองบุหรี่เสี่ยวซูเยียนที่ว่างเปล่าในมือของตัวเอง ทันใดนั้นรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองธรรมดาเกินไปหรือเปล่า
เถ้าแก่โจวจุดบุหรี่แต่ไม่ได้รีบเดินออกไป เขานั่งปรับลมหายใจของตัวเองให้สม่ำเสมอก่อน เพราะเขารู้ดีว่า ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ข้างนอก และคนนั้นคือคนที่คิดจะขัดขวางตัวเองแต่ทำไม่สำเร็จ
ตอนนี้เขายังอยู่ข้างนอก เพราะเสียงลมหายใจนั่นเหมือนกำลังคลานขึ้นเนิน หายใจหอบหนักและกระชั้นถี่อยากจะอุดหูไม่ให้ได้ยินคงยาก โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วจึงเห็นว่าพระก็จุดหนึ่งมวนเหมือนกัน ดูท่าทางแล้วจะเป็นนักสูบตัวยง
“พระพุทธเจ้าก็อนุญาตให้คุณสูบบุหรี่เหรอ” โจวเจ๋อยกมือขึ้นเพื่อบอกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องตอบ แล้วตัวเองจึงพูดไปตามตรง “โอเค ผมเข้าใจ เป็นการทดสอบการใช้ชีวิตทางโลก”
พระอ้วนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ใช่นะ อาตมาพยายามสนับสนุนพนักงานในวัดมาตลอด ถ้าสูบบุหรี่ที่ดีได้ก็สูบ ขับรถที่ดีได้ก็ขับ ใช้โทรศัพท์ที่แพงได้ก็ใช้”
“ทำไม”
“เพราะว่าพวกที่มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำพิธีในวัด ถ้าไม่ขอความสงบสุขก็ขอชื่อเสียงเงินทอง ถ้าหากพวกที่มากราบไหว้เห็นว่าพระวัดนี้ตัวผอมหนังหุ้มกระดูกใส่ชุดขาดๆ จะคิดว่าพวกเราบำเพ็ญเพียรสูงส่งพวกเราเก่งไหมล่ะ”
“หืม”
“ในสายตาของพวกที่มาขอพร พระอย่างพวกเราต้องหน้าตาอิ่มเอิบ ขับรถหรู สูบบุหรี่ดี แบบนี้ถึงจะเรียกว่าพระพุทธเจ้าสัมฤทธิ์ผล ถ้าหากแม้แต่คนข้างกายตนเองยังไม่สามารถคุ้มครองได้ ไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างสบาย แล้วพวกที่มากราบไหว้ขอพรจะเชื่อว่าพระและวัดนี้สามารถคุ้มครองตัวเองได้ได้ยังไง”
“คุณพูดมีเหตุผลมากจริงๆ” โจวเจ๋อครุ่นคิดและไม่สามารถโต้กลับได้เลย
“คุณยังพูดไร้สาระอะไรอยู่อีก!” ข้างนอก ทนายอันพิงประตูแล้วชี้ไปที่โจวเจ๋อพลางถาม
“เป็นคุณ” โจวเจ๋อหรี่ตาเล็กน้อย โลกกลมจริงๆ ตอนที่อยู่กับผู้อำนวยการหลินได้เจอกันแล้วหนึ่งครั้ง เจอกันที่ไนต์คลับหนึ่งครั้ง ตอนนี้มาเจอกันที่วัดอีกหนึ่งครั้ง แม่งเอ๊ย รู้สึกว่าสัปดาห์นี้ตัวเองไม่ได้ทำเรื่องอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ได้แต่เล่นกับเขาเพราะบังเอิญได้พบกัน
“ไปจับผีสิ” ทนายอันตะโกน
“คุณสั่งให้ผมไปจับเหรอ” โจวเจ๋อชี้มาที่ตัวเอง จริงๆ เลย เมื่อกี้คนที่อยากใช้ภาพลวงตาขัดขวางผมก็คือคุณใช่ไหม ทำไมคุณเปลี่ยนจุดยืนเร็วขนาดนี้
ทนายอันหยิบหยกหนึ่งชิ้นออกมาจากคอ หยกนี้มีแสงแดงระเรื่อดูเหมือนกำลังสั่นเล็กน้อย
“ตอนนี้เขาไม่มั่นคง ไม่มั่นคงมาก กระทั่งถูกกระตุ้นจนคลุ้มคลั่งไปแล้ว! ผีร้ายตนหนึ่งที่คลั่ง ผีร้ายที่ยึดร่างของคนเป็น สามารถก่อให้เกิดการทำลายล้างได้มากแค่ไหน คุณไม่รู้เหรอ”
โจวเจ๋อไม่ตอบ
“ไม่ว่าเขาจะถูกคุณจับหรือว่าถูกผมจับ อย่างน้อยพวกเราสามารถควบคุมเขาได้ แต่จะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปจากการควบคุมของพวกเราสองคนเด็ดขาด และตอนนี้เขายังไม่เสถียรเป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณรีบไปจับเขา ผมไม่สนใจแล้ว ผมจะช่วยคุณด้วย!”
โจวเจ๋อเลียปาก เขาเดินข้ามประตูไป ทนายอันยังคงมองเขา เมื่อเห็นโจวเจ๋อยังคงระวังตัวเองอยู่ เขาจึงโบกมือเรียกโดยตรง “อยู่ทางนั้น รีบไปเร็ว!”
โจวเจ๋อไม่รอช้า และไม่มีเวลาสนใจไอ้หมอนี่ จากนั้นเขาจึงวิ่งไปทางนั้นโดยตรง ส่วนทนายอันเดิมทีอยากจะตามไปด้วย แต่เดินไปได้สองสามก้าวก็ต้องคุกเข่าลง
เขาเป็นคนมีโทษถูกยึดฐานะเดิม ดังนั้นตอนที่ระฆังดังขึ้น ความกดดันและความทรมานที่เขาได้รับทั้งหมดจึงเยอะกว่าโจวเจ๋อ
ตอนนี้พระอ้วนเป็นฝ่ายเดินเข้ามาประคองทนายอัน “โยม อยากให้อาตมาช่วยเรียกรถพยาบาลให้ไหม”
“ไม่ต้องครับ ขอบคุณครับ”
“อย่างนั้นอาตมาช่วยอะไรโยมได้บ้าง พระมีจิตใจที่เมตตาขนาดพระพุทธเจ้ายังเฉือนเนื้อให้เหยี่ยวกิน เมื่อเห็นโยมทรมานเช่นนี้ ถ้าหากอาตมาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย คงรู้สึกผิดต่อจิตพุทธจริงๆ”
“งั้นให้ผมดื่มเลือดนิดหน่อย จะได้ฟื้นฟูเร็วขึ้น”
‘พึ่บ!’ พระอ้วนรีบปล่อยมือทันที ทนายอันหน้าคะมำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกธรณีประตูบวมนูนขึ้นมา
“อาตมาพลันรู้สึกว่าจับปีศาจสำคัญกว่า เพื่อความชอบธรรมจะยอมให้ปีศาจอาละวาดกลางวันแสกๆ อย่างนี้ได้ยังไง! โยม รออาตมาอยู่ตรงนี้ อาตมาจะไปช่วยโยมคนนั้นก่อน!”
“จับวิญญาณต่างหากนะ” ทนายอันเอามือป้องหน้าผากตัวเองขณะพูด
…
ตอนที่โจวเจ๋อเดินมาถึงประตู พบว่ามีคนมารวมตัวกันไม่น้อย แม่ชีคนหนึ่งจมอยู่ในกองเลือดไม่ขยับเขยื้อน ข้างๆ มีหญิงสาวคนหนึ่งร้องเรียก “ย่า! ย่า!” ไม่หยุด
โจวเจ๋อเข้าไปดูก่อน คุกเข่าลงตามสัญชาตญาณ เพื่อดูว่าแม่ชีคนนี้ยังพอช่วยชีวิตได้หรือไม่ เวลานี้รถพยาบาลยังไม่มา ถ้าหากผู้บาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์มืออาชีพได้ไว จะสามารถช่วยให้ห่างจากประตูนรกได้อีกนิด
แม่ชียังไม่สิ้นลม ปากของเธอเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาเบิกกว้าง โจวเจ๋อเริ่มตรวจสอบแผลของเธอ ขณะเดียวกันได้พูดว่า “ผ่อนคลาย ยังไม่ต้องพูดอะไร พยายามรักษาลมหายใจให้สม่ำเสมอ อย่าเพิ่งหลับ ต้องฝืนก่อนนะครับ” โจวเจ๋อเปิดชุดของแม่ชี แล้วเริ่มใช้มือตรวจสอบอย่างมืออาชีพ ปัญหารุนแรงมาก โดนชนแรงไม่น้อย และนี่ยังเป็นการตรวจสอบภายใต้เงื่อนไขที่ยังไม่ได้ตรวจสอบสมอง
โจวเจ๋อกำลังพิจารณา ด้วยอายุของแม่ชีแล้วน่าจะถึงแก่วัยอันควร ถึงแม้ตัวเองจะใช้เล็บดึงวิญาณของเธอกลับมา แต่การช่วยชีวิตเธอได้สำเร็จเป็นเรื่องที่ยากมาก
ครั้งที่แล้วชายชราที่โรงพยาบาลถูกตัวเองยื้อชีวิตเต็มที่ สุดท้ายก็ขอร้องให้ตัวเองไม่ต้องช่วยให้เขาได้ตายไปอย่างสบายใจเถอะ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้โจวเจ๋อเข้าใจว่ามีคนมากมายที่ดวงถึงฆาตแล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นยมทูตที่มีความสามารถพิเศษก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทว่าเวลานี้ ไม่รู้ว่าแม่ชีเอาแรงมาจากไหนได้ผลักโจวเจ๋อออกไป
“ไม่ต้องช่วยฉัน…ปล่อยฉัน…ปล่อยให้ฉันตาย…” แม่ชีแผดเสียงอย่างไม่ค่อยมีสติเท่าไร ขณะที่เธอพูดร่างกายของเธอได้กระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด และหายใจหอบหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แม่งนี่คืออยากตายแล้วจริงๆ
“ยังพอมีความหวังที่จะมีชีวิตต่อได้จริงๆ ครับ” โจวเจ๋อโน้มน้าว
“ปล่อยให้ฉัน…ตาย…ถูกรถชนตาย…ดีแล้ว…” โจวเจ๋อได้ยินประโยคถัดไปของแม่ชีไม่ชัดเจน แต่อารมณ์ของเธอรุนแรงมาก มองโจวเจ๋อด้วยสายตาที่เด็ดเดี่ยว ยืนกรานว่าไม่ต้องช่วยชีวิตเธอ! จากนั้นร่างกายได้กระตุกสองสามทีแล้วแม่ชีก็ตัวอ่อน สุดท้ายก็จากไป
โจวเจ๋อรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขาไม่ค่อยเข้าใจ ถึงแม้จะเป็นหมอ เจอการเกิดการตายจนชินแล้ว แต่ผู้บาดเจ็บประเภทนี้อยู่ต่อหน้าเขายังมีความหวังแต่กลับไม่ยอมให้เขาช่วยชีวิต เป็นความรู้สึกที่ไม่ชอบใจเลยจริงๆ
เวลานี้หญิงสาวได้กอดแม่ชีร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด “ย่าบอกว่า…เธอถูกรถชนตาย…เป็นมติของสวรรค์…สวรรค์อนุญาตให้เธอไถ่โทษความผิดที่พ่อของฉันทำในตอนนั้น…เธอขอบคุณสวรรค์ที่มอบโอกาสนี้ให้เธอ”
…………………………………………………………………………