ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 329 ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง
ตอนที่ 329 ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง
ทนายอันเดินกะเผลกเข้ามา เขาค่อนข้างช้านิดหน่อย เห็นได้ชัดว่าหัวเข่ายังเป็นปัญหาใหญ่อยู่
เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณของการกลับบ้าน
เมื่อระฆังในวัดถูกลั่นขึ้น คุณคิดว่าในความเป็นจริงมีภัยคุกคามและอันตรายมากแค่ไหน จริงๆ แล้วแทบจะไม่มีเลย แต่อานุภาพของระฆังใบนี้มีความสามารถพอที่จะปลุกธาตุแท้ของสิ่งชั่วร้ายให้ตื่นขึ้นได้ ให้ตื่นตัวต่อการ ‘ปฏิบัติหน้าที่’ ของตน
เช่นเดียวกับชุดนักการที่ปรากฏบนตัวเถ้าแก่โจว มันคล้ายกับทหารตัวประกอบตัวน้อยที่เติมเต็มเบื้องหลังฉากบนเวทีงิ้วปักกิ่ง ตามที่สาวน้อยโลลิเคยพูดไว้ หากยมทูตถูกเรียกกลับไปรายงานเรื่องบางอย่าง เมื่อเข้าสู่ยมโลกแต่ละขุม เครื่องแบบทางการของแต่ละคนจะปรากฏขึ้น
ยมโลกเป็นสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับลำดับยศถาบรรดาศักดิ์มากแห่งหนึ่ง ทั้งยังห้ามมีข้อผิดพลาดและตกหล่นแม้แต่น้อย
ทนายอันพิเศษนิดหน่อย เพราะเขาถูกกระตุ้นความทรงจำในอดีตที่ถูกโซ่ตรวนและขื่อคาจองจำไว้ ความรู้สึกอัปยศอดสูนั้นฝังรากลึกและบดขยี้ความแข็งแกร่งของเขาจนไม่อาจยืนหยัดได้แม้แต่วินาทีเดียวต่อให้เข่าของเขาจะแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม มันทำให้สติของเขาไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร
เมื่อตามมาถึง ทนายอันเห็นชายวัยกลางคนนั่งพิงชานชาลารถประจำทางเหมือนกับโจวเจ๋อ
“จับได้แล้วเหรอ”
ทนายอันก้าวไปข้างหน้าพลางเอ่ยถาม ทันใดนั้นก็พบว่ามันผิดปกติ เขาสูดจมูกดม จนดมได้กลิ่นจางๆ ในขณะเดียวกันก็เห็นชายวัยกลางคนเอนกายอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนเลย
เขาประหลาดใจเล็กน้อยและพูดขึ้น “คุณทำลายเขาไปแล้วใช่ไหม”
โจวเจ๋อพยักหน้า
“ทำไมกัน” ทนายอันไม่เข้าใจนิดหน่อย
ไม่มีคุณธรรมและเมตตาธรรมในการซื้อขาย ธุรกิจครั้งนี้ ตอนที่เขาเอาไพ่โป๊กเกอร์ออกมาเผาต่อหน้าโจวเจ๋อ ก็ไม่ได้คิดที่จะสานต่อแล้ว และเขายังพร้อมยอมรับปัญหาที่จะตามมาอีกด้วย
คงไม่อาจปล่อยให้ผีร้ายที่ถูกกระตุ้นหลุดรอดจากการควบคุมระเหเร่ร่อนอยู่ในสังคมต่อไป นี่เป็นความเสียหายร้ายแรงยิ่งกว่าหมาบ้าตัวหนึ่งเสียอีก
แต่ทนายอันคิดไม่ถึงว่าโจวเจ๋อจะจัดการทำลายดวงวิญญาณจนสิ้นซากไปตรงๆ
นี่ต้องเป็นความแค้นยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นสำคัญก็คือ ทนายอันเคยทำงานในระบบยมโลกย่อมเข้าใจดี ทำแบบนี้มันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
“ผมสะใจน่ะ”
โจวเจ๋อมองทนายอัน และประโยคถัดไปแสดงออกทางสายตาเป็นนัยว่า ‘คุณยุ่งอะไรด้วย’ ชายวัยกลางคนพูดถูก เถ้าแก่โจวไม่กล้าปล่อยเขาลงไปอีก แม้ว่าทำแบบนี้เป็นวิธีการที่ไม่แยบยลอีกทั้งส่อพิรุธให้คนอื่นจับได้ ยิ่งปิดยิ่งฉาวโฉ่ แต่โจวเจ๋อก็ยังไม่กล้าปล่อยเขากลับไปอยู่ดี
ทนายอันเลียริมฝีปากอย่างขมขื่น เจรจาธุรกิจไม่สำเร็จ ก็ปล่อยคนกลับนรกไปอีกครั้งสิ ถึงตอนนั้นเขายังสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ แต่นี่แค่ชั่วพริบตาเดียวกลับถูกทำลายไปหมดสิ้น ธุรกิจก็พังไม่เป็นท่าอีก เท่ากับว่าเขาเสียแหล่งลูกค้าที่สำคัญไปอีกคน
แม่งเอ๊ย เงินเล็กน้อยที่ได้มาอย่างยากลำบากอย่างนี้คิดว่ามันหามาได้ง่ายนักหรือไง!
“ไปเถอะ ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้คุยกับคุณให้ชัดเจน” โจวเจ๋อเอื้อมมือไปรั้งไหล่ของทนายอันเอาไว้
“ผมไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับภรรยาคุณ” ทนายอันรีบอธิบายออกมาทันที
โจวเจ๋อหัวเราะ “ไม่หรอก ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”
“งั้นผมก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณด้วยเหมือนกัน” ทนายอันไม่พอใจเล็กน้อยที่โจวเจ๋อมาอยู่ใกล้เขามากขนาดนี้
“งั้นถ้าตอนนี้ผมบอกว่าอยากจะให้มีความเกี่ยวข้องกับคุณล่ะ”
“…” ทนายอัน
…
‘ติ๊งต่องๆๆ’ กริ่งประตูดังขึ้น
สาวน้อยโลลิเปิดประตู มองเห็นโจวเจ๋อกลับมาแล้ว และยังมีคนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋ออีกคน เป็นคนที่เจอที่ไนต์คลับคนนั้น
หลิวฉู่อวี่ที่หัวบวมเป่งเหมือนหัวหมูนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ตอนที่เห็นเขา ทนายอันหลบสายตาโดยไม่รู้ตัว
หลิวฉู่อวี่ยังยื่นบุหรี่ให้เขาก่อนอีกด้วย นึกว่าเจ้านายพาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไหนกลับมาด้วยเสียอีก
โจวเจ๋อนั่งลง ส่งสัญญาณให้สาวน้อยโลลิรินน้ำให้ตัวเอง ใส่น้ำแข็งด้วย
สาวน้อยโลลิทำหน้ามุ่ย ไม่เต็มใจนิดหน่อยแต่ก็ยังไปอยู่ดี
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว โจวเจ๋อก็ยื่นมือชี้ทนายอันและเอ่ยขึ้น “ว่ามาสิ”
“พูดอะไร” ทนายอันยักไหล่ด้วยสีหน้าไม่มีพิษมีภัยกับใคร ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ใสซื่อและมองออกง่ายมาก
สาเหตุที่เขาถูกโจวเจ๋อนำตัวกลับมาด้วยได้ หนึ่งเป็นเพราะความอ่อนแอหลังได้ยินเสียงระฆัง สองเป็นเพราะเขาไม่อยากขัดขืน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ตอนที่เขาเข้าใกล้โจวเจ๋อ มักจะมีลางสังหรณ์ให้หนังตากระตุกอยู่เสมอ คล้ายกับว่ามีสัตว์ดุร้ายอะไรบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ในร่างของโจวเจ๋อ ซึ่งตัวเขาเองก็คิดว่ามันตลกดี
“พูดเรื่องของคุณมาสิ”
“ผมเป็นแค่ทนายคนหนึ่ง ช่วยคนจัดการเรื่องราวบางอย่าง ไกล่เกลี่ยปรับความเข้าใจในความสัมพันธ์”
ทนายอันถูมือทั้งสองข้างและวางไว้ด้านหน้าตัว
“มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็มาคุยกันแบบตรงไปตรงมากันเถอะ”
เถ้าแก่โจวดื่มน้ำเย็นและกัดฟันเคี้ยวน้ำแข็งจนเกิดเสียงดัง ‘กรุบกรับ’ ในขณะเดียวกันก็เอ่ยเตือน
“ถ้าไม่พูดให้ชัดเจน ตอนออกไปคุณจะไม่ได้ผ่านประตูนี้หรอก ผมจะช่วยเปิดประตูสู่นรกภูมิให้คุณเอง”
“มีสิทธิ์อะไร!” ทนายอันยืดคอตั้งตรงทันที “ผมไม่ใช่ผีไร้ญาตินะ”
“ในสายตาของเถ้าแก่ของเรามีเพียงแต้มผลงานเท่านั้น” สาวน้อยโลลิเอ่ยเตือน “ไม่สนว่าคุณจะมีใบรับรองพลเมืองดีหรือไม่”
“พี่ชาย พูดมาสิ” หลิวฉู่อวี่โน้มน้าว “คุณเป็นใครกันแน่ ผมก็อยากรู้มากๆ เหมือนกัน”
หลิวฉู่อวี่โน้มน้าวทนายอันอย่างกระตือรือร้น แต่ยิ่งเขากระตือรือร้นมากเท่าไร ทนายอันยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากเท่านั้น
“งานของผม เมื่อไรก็ตามที่มีผีแหกออกมาจากนรก ผมก็จะช่วยจัดเตรียมร่างกายและอำพรางตัวตนให้พวกเขาสองสามคน ส่วนบริการติดตามผลคือการช่วยให้พวกเขาเข้ากับชีวิตในปัจจุบันได้ ให้พวกเขาตั้งใจเรียน ก้าวหน้าทุกวัน จ่ายภาษีตรงเวลา เป็นคนดีมีประโยชน์ต่อสังคม มีอารยะ มีมารยาท รักง…”
‘ปัง!’
โจวเจ๋อเขวี้ยงแก้วเปล่าตรงหน้าออกไป ทนายอันมือไวตาไวรับแก้วเอาไว้ได้ในชั่วพริบตา
“ยังรวมไปถึงบริหารจัดการตัวตนให้เป็นยมทูตด้วยสินะ” โจวเจ๋อจี้ถาม
ทนายอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่สันนิษฐานว่าตอนที่โจวเจ๋อทำลายวิญญาณดวงนั้นน่าจะล้วงอะไรออกมาได้บ้างแล้ว ในขณะนี้ ทนายอันก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน อีกทั้งยังพยักหน้าตรงๆ
“จัดการตัวตนให้เป็นยมทูตก็อยู่ในขอบเขตธุรกิจของผมเช่นกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของสาวน้อยโลลิที่มองทนายอันดูเหมือนจะเย็นชาเล็กน้อย
เรื่องนี้เข้าใจได้ง่ายมาก คล้ายกับมีคนใช้เส้นสาย อ้อนวอนไปทั่ว ยัดเงินกว่าจะได้มาเป็นข้าราชการนั้นไม่ง่ายเลย เมื่อกำลังเตรียมกลับไปอวดโฉมที่บ้านเกิดเทิดเกียรติบรรพบุรุษ จู่ๆ ก็เจอคนที่บอกว่าเขาสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ มันง่ายมากจนเหมือนกับหลอกลวงคนให้ทำใบรับรองปลอมตามท้องถนน
นี่ทำให้คนรู้สึกไม่พอใจมาก
ส่วนหลิวฉู่อวี่กลับตกอยู่ในภวังค์ความคิด ทันใดนั้น เขาก็ตบขาตัวเองอย่างแรงหนึ่งฉาด
“แม่ง คนที่ออกมาในคืนนั้นเป็นคุณเองเหรอเนี่ย” ในที่สุดเขาก็คิดออกแล้ว
ทนายอันพยักหน้า “ขอโทษที คนที่คุณไล่ตามน่ะ เป็นลูกค้าของผมเอง แน่นอนว่าตอนนี้ลูกค้าคนนั้นไม่อยู่แล้ว”
“ผม…”
หลิวฉู่อวี่ลุกพรวดจากโซฟา กำลังจะพุ่งเข้าไปสู้กับทนายอันให้ตายกันไปข้าง ตอนนี้เขายังหัวบวมปูดเป็นหัวหมูอยู่เลย ล้วนเป็นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
เดิมทีเขาเตรียมจะจับวิญญาณผีร้ายตัวนั้นส่งลงนรกอย่างตื่นเต้นเพื่อแลกกับแต้มผลงาน ผลก็คือจู่ๆ ในคืนนั้นคนตรงหน้าคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นและซัดเขาจนหมอบ แล้วผีร้ายที่ถูกเขาไล่ตามตัวนั้นก็หันกลับมาทุบตีเขา ทั้งยังปล่อยให้เขานอนจมอยู่ในกองขยะที่ทั้งสกปรกทั้งส่งกลิ่นเหม็นเน่าอบอวลตลอดทั้งวัน!
เป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงนัก!
โจวเจ๋อขมวดคิ้วและพูดตรงๆ “ถ้าอยากจะสู้ตัวต่อตัวละก็ พวกเราจะขึ้นไปข้างบนก่อนแล้วเหลือห้องนั่งเล่นไว้ให้พวกคุณ หลังจากผลการต่อสู้ออกมาแล้ว พวกเราค่อยลงมา”
หลิวฉู่อวี่ตกตะลึง มองไปทางโจวเจ๋อด้วยความไม่อยากจะเชื่อและพูดขึ้นอย่างเจ็บใจ
“หัวหน้า เขาเคยทำร้ายผมนะ”
“ผมก็เคยทำร้ายคุณนะ” โจวเจ๋อเอ่ยขึ้น
“…” หลิวฉู่อวี่
หลิวฉู่อวี่ฟึดฟัดไม่พอใจเล็กน้อยและกลับมานั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง อันที่จริงเขารู้ดีว่าถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากโจวเจ๋อและสาวน้อยโลลิแล้วละก็ อย่าว่าแต่เขาที่ยังบาดเจ็บอยู่ในตอนนี้เลย ต่อให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็เอาชนะไอ้คนตรงหน้านี้ไม่ได้อยู่ดี
ทนายอันขยับกรอบแว่นของตัวเองแล้วปรบมือ
“รู้จักก็รู้จักกันแล้ว สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว ตอนนี้ผมไปได้หรือยัง นอกจากนี้ ผมยังมีข่าวแถมให้ฟรีด้วย ในฉางโจวไม่มีผีร้ายหลบหนีอีกแล้ว พวกคุณทั้งสองคนจะกลับทงเฉิงก็ได้หรือไม่ก็ไปเสี่ยงดวงที่อื่นอีกก็ได้นะ”
ทนายอันลุกขึ้นยืน แถมยังตั้งใจหันหน้ากลับไปเหลือบมองทั้งสามคนที่อยู่ตรงนั้นแล้วพูดว่า “ไม่ต้องส่งนะ”
โจวเจ๋อนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน หลิวฉู่อวี่มองไปที่โจวเจ๋อ รอจนทนายอันยื่นมือไปเปิดประตู จู่ๆ ลิ้นยาวก็ฟาดเข้ามาอย่างแรง ทนายอันเอี้ยวตัวหันข้างหลบ ลิ้นฟาดเข้าที่ประตู และประตูก็ถูกปิดลงในชั่วพริบตา
ทนายอันเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยนิดหน่อย “ยังมีอะไรอีก”
คนที่เขามองน่ะคือสาวน้อยโลลิ
สาวน้อยโลลิบิดขี้เกียจแล้วชี้ไปที่โจวเจ๋อ “เถ้าแก่ของเรายังไม่ได้ถามคำถามจริงๆ เลยนะ”
“คำถามจริงๆ งั้นเหรอ”
ทนายอันรู้สึกขำเล็กน้อยและพูดต่อ “เมื่อก่อนผมก็เคยอยู่ในระบบเดียวกับพวกคุณ แต่ตอนนี้ผมเริ่มต้นธุรกิจใหม่แล้ว แม้ว่าจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ในอดีตนิดๆ หน่อยๆ แต่ทุกคนก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโลกมนุษย์หรือยมโลก ถูกไหม แต่ว่า พูดก็พูดเถอะ ผมเป็นพ่อค้าเถื่อน ทำธุรกิจลักลอบขนคนเข้าเมือง พวกคุณเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ ถึงอย่างไรตอนนี้เราก็ไม่ได้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีมิตรภาพลึกซึ้งอะไรนั่นหรอกจริงไหม”
หลิวฉู่อวี่ก็สงสัยเล็กน้อยเช่นกันว่าทำไมโจวเจ๋อถึงรั้งคนคนนี้เอาไว้ เป็นไปได้ไหมที่โจวเจ๋อจะวางแผนส่งเขาลงนรกน่ะ
โจวเจ๋อกวักมือให้ทนายอัน บอกเป็นนัยๆ ว่าให้ทนายอันกลับมานั่งอีกครั้ง ทนายอันเดินกลับมาอย่างเชื่อฟังและนั่งลงบนโซฟา
“ไม่ต้องเกร็ง”
โจวเจ๋อหยิบบุหรี่จักรพรรดิเก้าห้าที่พระอ้วนมอบให้เขาออกมาจากในกระเป๋าสองมวน ในขณะที่กำลังจะโยนให้ทนายอันเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพนั้น จู่ๆ รูม่านตาของโจวเจ๋อก็หดลงอย่างกะทันหัน เพราะเขาเห็นทนายอันหยิบซองบุหรี่ยี่ห้อลี่ฉวินรูปเทือกเขาฟู่ชุน[1]ออกมา มือที่ถือบุหรี่สั่นไหวเล็กน้อย
แม่งเอ๊ย ไม่กล้ายื่นบุหรี่มวนนี้ออกไปเลยโว้ย
แต่ในขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็ได้ยืนหยัดความคิดบางอย่างของโจวเจ๋อ
ทนายอันจุดบุหรี่แล้วเอนพิงบนโซฟา บอกตามตรง ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากหนีไปให้ห่างไกลจากโจวเจ๋อ แม้กระทั่งข้อตกลงทำธุรกิจที่ทงเฉิง เขาไม่คิดจะติดตามงานนั้นต่อไปด้วยซ้ำ
ต่อให้ทำธุรกิจมากแค่ไหน หาเงินกระดาษได้มากเท่าไร เขาต้องมีชีวิตไว้ใช้เงินถึงจะถูก ต่อหน้าโจวเจ๋อเขาเหมือนจะเชื่องราวกับลูกแมวตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาชอบเป็นลูกแมวเสียหน่อย
ถ้ายมทูตธรรมดาทั่วไปกล้าบังคับเขาไปเล่นเกมแนะนำตัวเองอะไรนั่น เขาคงจะตบจนบ้องหูสั่นไปนานแล้ว
ยมทูตเจ๋งนักหรือไง!
สมัยนั้นตำแหน่งข้าใหญ่กว่าพวกยมทูตอย่างพวกแกตั้งเยอะ!
ถ้าไม่ใช่เพราะสมัยนั้นก่ออาชญากรรมจนถูกเพิกถอนใบรับรองตัวตน ถ้าอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ล่ะก็ ป่านนี้ยมทูตอย่างพวกแกต้องคุกเข่าคำนับและเรียกข้าว่า ‘นายท่าน’ แล้ว
เลียรองเท้าทางการของข้าเดี๋ยวนี้!
ทนายอันพ่นควันออกมา และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมกับสีหน้าท่าทางประจบสอพลอ
“คุณว่ามาเลย มีอะไรจะรับสั่งอีกไหมครับ”
โจวเจ๋อเลียริมฝีปากและถามขึ้น
“ธุรกิจนี้ของคุณน่ะ สภาพปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง”
………………………………………………………….
[1] บุหรี่ยี่ห้อลี่ฉวินรูปเทือกเขาฟู่ชุน คือ บุหรี่ที่มีราคาแพง