ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 333 ไฟลุกท่วม
ตอนที่ 333 ไฟลุกท่วม
นักข่าวยังคงนำเสนอในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไร้ประโยชน์ในโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ข่าวล่าสุดจะเผยแพร่ออกมา เธอเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระต่างๆ นานาต่อหน้ากล้องอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน
นักพรตเฒ่าเหลือบมองโจวเจ๋อด้วยความประหลาดใจพลางพูดว่า “เมื่อกี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจางโทรมาทำไมเหรอ”
“ตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่จนไม่อาจจะใหญ่ได้อีกแล้ว”
“เอ่อ…” นักพรตเฒ่า
โจวเจ๋อส่ายหน้า เอือมระอาเล็กน้อย
“เขาไม่น่าจะเป็นอะไรละมั้ง ตำรวจน้ำดีอย่างนี้ น่าจะปลอดภัย” นักพรตเฒ่าพึมพำกับตัวเอง
โจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้หลังเคาน์เตอร์และจุดบุหรี่
เหล่าจางโทรหาโจวเจ๋อ เพราะเขาน่าจะมีความกลัวอยู่บ้าง กลัวตายน่ะ เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แม้ว่าจะเป็นตำรวจก็ตาม หากเขาจะมีความรักตัวกลัวตาย คุณก็อย่าไปหัวเราะเยาะเขาล่ะ
แต่เขาก็ยังไปอยู่ดี ชูมือสองข้างเดินเข้าไปในโรงเรียนอนุบาล
…
โจวเจ๋อเดาไม่ผิด
ตอนนี้เหงื่อเย็นๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจางไหลผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง นี่ก็เป็นเหตุผลเดียวกันกับรูปถ่ายเซลฟี่ที่สาวๆ โพสต์ในโมเมนต์วีแชตกับรูปลักษณ์ในความเป็นจริงช่างแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ว่าจะได้รับคำพูดสรรเสริญเยินยอประกาศเกียรติคุณกึกก้องบนเวทีมอบรางวัลแค่ไหน ถึงตอนที่คุณเจอเรื่องเข้าจริงๆ ก็ยังคงกังวลและหวาดกลัวอยู่ดี
มีเพียงเด็กชั้นเรียนเดียวในโรงเรียนอนุบาลที่ถูกคนร้ายควบคุมตัวไว้ในห้องเรียน เด็กและเจ้าหน้าที่ครูคนอื่นๆ ล้วนหนีออกมาหมดแล้ว แต่เด็กหนึ่งห้องก็เกินพอแล้ว
คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์บางส่วน คนร้ายดูเหมือนจะมีประสบการณ์มากในบางเรื่อง เขาถึงกับพ่นสีสเปรย์ตรงหน้าต่างในห้องเรียนทั้งสองด้านและละเลงซ้ำอีกรอบเพื่อป้องกันการซุ่มยิง
ในความเป็นจริงนั้นเขาทำสำเร็จแล้ว การสั่งให้พลซุ่มยิงสังหารคนร้ายในเวลานี้ถือเป็นเรื่องที่ต้อง ‘เดิมพัน’ เรื่องหนึ่ง นอกเสียจากว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่อย่างนั้นผู้บังคับบัญชา ณ ที่เกิดเหตุคงไม่กล้าออกคำสั่งนี้
ในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นเต่าหัวหดกบดานอยู่แต่ในห้องเรียน ไม่แม้แต่จะโผล่หัวออกมา พลซุ่มยิงจึงไม่สามารถล็อกเป้าเขาเอาไว้ได้
“แก หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังออกมาจากหลังประตูห้องเรียน
เมื่อจางเยี่ยนเฟิงได้ยิน ก็รีบหยุดลงและสองยกมือขึ้นสูงทันที
“ผมไม่ได้พกอาวุธมา คุณตรวจสอบได้”
ขณะที่พูด จางเยี่ยนเฟิงพลางหมุนตัวอยู่ที่เดิมเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นเต็มตา
“เปลี่ยนเอาตำรวจหญิงเข้ามา!” คนร้ายตะโกน
“เหอะ คุณอยากจะเจรจาไม่ใช่เหรอครับ ผมเป็นหัวหน้าของสำนักงานตำรวจประจำเมืองนี้ มีเพียงผมเท่านั้นที่มีสิทธิ์และฐานะพอจะเจรจาต่อรองกับคุณ ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนเป็นตำรวจหญิงละก็ ผมช่วยคุณหาได้ จะให้หาสาวคนไหนเข้ามาก็ได้ แต่ไม่ว่าคุณจะคุยอะไรกับเธอล้วนไม่มีประโยชน์” ขณะที่พูด จางเยี่ยนเฟิงยังยักไหล่อีกด้วย
“คุณดูพุงผมนี่ พุงพลุ้ยขนาดนี้ คุณจะกลัวไปทำไม”
พุงน่ะมีจริงๆ ผู้ชายมันถึงวัยนี้แล้ว จะไม่ให้มีพุงมันเป็นเรื่องยากมากจริงๆ
ดูเหมือนว่าคนร้ายกำลังลังเล
“ดูสิ นี่ก็ปาไปตั้งบ่ายแล้ว คุณคงไม่คิดจะรอจนฟ้ามืดแล้วค่อยเจรจากันใช่ไหม ผมบอกคุณได้เลยว่า พลซุ่มยิงมีแว่นอินฟราเรด ในตอนกลางคืนคุณจะมองไม่เห็นพวกเขา แต่พวกเขาน่ะมองเห็นคุณได้อย่างชัดเจนเลยละ ดังนั้น ถ้าจะเจรจาละก็ต้องรีบหน่อยนะ”
“หมอล่ะ!” คนร้ายตะโกน
“ให้ผมเอาโทรศัพท์โทรถามดีไหมครับ” ในมือทั้งสองข้างที่จางเยี่ยนเฟิงชูขึ้น มีมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถืออยู่
“แกถามสิ!”
จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้าและกดโทรออก ปลายสายคือสหายตำรวจที่อยู่ด้านนอก
“มีใครมาถึงหรือยัง”
“หัวหน้าครับ ยังไม่มา คนที่ส่งไปเชิญพวกเขาบอกว่าพวกหมอไม่ยอมมาเลยครับ”
“อ้อ ใกล้ถึงแล้วเหรอ อยู่ระหว่างทางแล้วสินะ”
“หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าพวกเขาไม่รับผิดชอบและก็ไม่มีปัญหาอะไร ก่อนหน้านี้ตอนที่หญิงมีครรภ์มาตรวจ พวกเขาก็เคยบอกแล้วว่าหญิงมีครรภ์เพียงเพื่อให้กำเนิดเด็กผู้ชายได้ผ่านการทำแท้งมาแล้วหลายครั้ง เยื่อบุโพรงมดลูกถูกทำลายอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้ก็เคยเตือนสามีของหญิงมีครรภ์ว่า ภรรยาของเขาไม่สมควรตั้งครรภ์อีก เป็นพวกเขาที่ยืนกรานจะตั้งครรภ์และเตรียมจะคลอดลูกให้ได้
แถมหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลอีกเลย ตลอดจนกระทั่งแท้งบุตรถึงได้นำส่งโรงพยาบาล แต่ได้ล่าช้าไปนานมากแล้ว พวกหมอบอกว่าพวกเขาทำเต็มที่แล้ว ทั้งผู้ใหญ่และเด็กต่างก็ช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ได้ นอกจากความเสียใจแล้วก็ไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบอะไร”
“อ้อ อีกสิบห้านาทีจะถึงแล้ว โอเค ได้ โอเคครับ ผมทราบแล้ว”
จางเยี่ยนเฟิงวางสาย ก่อนจะมองประตูทางฝั่งนั้นและพูดขึ้น
“หมอใกล้มาแล้ว พวกเขาจะคุกเข่าขอโทษคุณที่หน้าประตู”
“ฉันอยากให้พวกมันชดใช้ด้วยชีวิต!”
คนร้ายตะโกนผ่านประตู
“คุณก็รู้ มันเป็นไปไม่ได้ และผมก็จะไม่โกหกคุณด้วย พวกเราเป็นตำรวจ เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยคุณฆ่าคน บางทีเราควรจะคุยสิ่งที่เป็นไปได้มากกว่านะ
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากได้เงินสดสักสองล้าน ได้นะ พวกเราส่งคนไปถอนเงินที่ธนาคารมาแล้ว ยังมีรถที่คุณต้องการ พวกเราได้เตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ขอแค่คุณรับประกันความปลอดภัยของพวกเด็กๆ พวกเราสามารถตอบรับคำขอพวกนี้ของคุณได้จนพอใจเลย”
“ทำไมฉันต้องเชื่อพวกแกด้วย”
“งานของเราคือการปกป้องเด็ก เด็กไม่สามารถประเมินค่าได้ สองล้านแลกกับความปลอดภัยของเด็กๆ เหล่านี้ มันคุ้มค่าแล้ว! นอกจากนี้ ผมยังอยากรู้ว่า หลังจากคุณรับเงินไปแล้วจะไปที่ไหนครับ”
“แกถามเรื่องนี้ไปทำไม”
“แค่อยากรู้เฉยๆ”
“ไม่น่าถามนะ แกอย่าถามเป็นดีที่สุด ฉันจะเอาเงินไปซื้อภรรยามาอีกคนเพื่อคลอดลูกชายให้ฉัน!”
“อ้อ”
จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้าและเอ่ยราวกับคิดอย่างนั้นเหมือนกัน “ใช่แล้ว การอกตัญญูมีอยู่สามประการ ไร้บุตรหลานเป็นข้อที่สำคัญที่สุด! ผมเข้าใจดีและสนับสนุนการตัดสินใจของคุณด้วย ต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน พ่อแม่ของผมก็มีผมที่เป็นลูกชายคนเดียว”
“หมอล่ะ เงินล่ะ” คนร้ายเริ่มคำราม
จางเยี่ยนเฟิงหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรออกอีกครั้ง
“หัวหน้าครับ พลซุ่มยิงไม่สามารถยืนยันเป้าหมายได้เลย และทีมจู่โจมได้แอบเข้าไปตอนที่หัวหน้าดึงความสนใจคนร้ายแล้ว พร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ”
“อ้อ ขนเงินมาถึงแล้วสินะ ครับ ดีมาก”
หลังจากปิดโทรศัพท์ จางเยี่ยนเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งออกและพูดขึ้น “เงินมาแล้ว”
“ยกมันเข้ามาให้ฉัน และรถก็ขับมาด้วยเลย!”
“ได้ครับ แต่ว่าผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอ”
“แกไม่มีสิทธิ์เอ่ยขออะไรจากฉัน”
“เงินสองล้านไม่ใช่ปัญหา แต่ผมอยากจะเข้าไปดูเด็กที่อยู่ข้างในก่อนว่าปลอดภัยไหม ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้าง พูดกับคุณตามตรง หลักๆ เลยที่ฝ่ายตำรวจยอมเจรจากับคุณและยอมให้เงินคุณนั้น เป็นการรับประกันให้แน่ใจว่าเด็กๆ จะปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนกันจริงๆ ถ้าหากตอนนี้พวกเด็กๆ ได้รับบาดเจ็บ คุณก็จะไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว รอกินลูกปืนเลยดีกว่า!” จางเยี่ยนเฟิงตะคอกเสียงเข้มและเฉียบขาด
คนร้ายดูเหมือนกำลังชั่งใจอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เปิดประตู “แกเข้ามาดูสิ”
เมื่อคนร้ายเห็นมองเห็นแสงเงินแสงทองอยู่รำไร ก็กังวลเรื่องผลได้ผลเสีย กลับกลายเป็นเขาที่กลัวว่าจะทำให้ตำรวจไม่พอใจแล้วไม่ให้เงินเขา
จางเยี่ยนเฟิงเป็นตำรวจอาชญากรรมอาวุโส ยังมีประสบการณ์ในการควบคุมจิตวิทยาของคนร้ายอยู่บ้าง
จางเยี่ยนเฟิงชูมือสองข้างขึ้นสูงและเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ทันทีที่เข้าไป จางเยี่ยนเฟิงเห็นเด็กยี่สิบกว่าคนนั่งยองๆ อยู่ที่มุมห้องเรียน และยังมีผู้หญิงอีกสามคน ต่างก็นั่งยองๆ กอดศีรษะอยู่ตรงนั้น
มีกลิ่นน้ำมันเบนซินฉุนจนแสบจมูกตลบอบอวลอยู่ในอากาศ!
บัดซบ ห้องเรียนถูกราดน้ำมัน!
จางเยี่ยนเฟิงยังสังเกตเห็นว่าเนื้อตัวของพวกเด็กๆ และครูสาวสามคนเต็มไปด้วยน้ำมันเบนซิน ทั้งยังมีชายชราอายุประมาณห้าสิบปีกำลังยืนอยู่ตรงข้ามกับจางเยี่ยนเฟิง
เป็นเขาเหรอ
ดูไม่เหมือนรูปถ่ายของผู้ต้องสงสัยเลย แถมอายุมากขนาดนี้อีกด้วย ยังคิดจะพยายามให้กำเนิดลูกชายอีกเหรอ
ชายชราถือไฟแช็กไว้ในมือและโบกมือให้จางเยี่ยนเฟิง บอกเป็นนัยๆ ว่าเมื่อดูเสร็จแล้วให้จางเยี่ยนเฟิงรีบออกไปได้แล้ว
ในพริบตาเดียวจางเยี่ยนเฟิงรู้ดีว่าการจู่โจมนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว เกิดคนร้ายจุดไฟละก็ เด็กๆ เหล่านี้และครูสาวที่อยู่ในห้องเรียนได้ตายกันหมดแน่ๆ อีกทั้งหากมีการยิงโจมตี เป็นไปได้ว่าตัวกระสุนจะทำให้น้ำมันเบนซินติดไฟได้
“ผมดูเสร็จแล้ว ตอนนี้ผมจะออกไปขับรถเข้ามาพร้อมกับช่วยขนเงินใส่รถให้พวกคุณด้วย” จางเยี่ยนเฟิงพูด
ชายชราพยักหน้า ส่งสายตาบอกให้จางเยี่ยนเฟิงรีบไสหัวออกไปเตรียมตัว
จางเยี่ยนเฟิงยิ้ม หันหลังกลับและก้าวไปที่ประตู จากนั้น เขาหมุนตัวหันข้างอย่างรวดเร็ว ออกแรงเขวี้ยงโทรศัพท์ในมือใส่ชายชราอย่างแรง มันกระแทกโดนหน้าของชายชราพอดิบพอดี
ชายชราโอดครวญและเอามือปิดหน้า จางเยี่ยนเฟิงรีบพุ่งเข้าไปงัดเอาไฟแช็กในมือของชายชรา จากนั้นล็อกข้อมือของอีกฝ่ายและซัดลงไปอย่างแรง!
‘ตุ้บ!’
ชายชราถูกเหวี่ยงลงกับพื้น
“เจ็บ…เจ็บจัง…” ชายชราตะโกน
จู่ๆ สีหน้าของจางเยี่ยนเฟิงพลันเปลี่ยนไป! นี่ไม่ใช่เสียงที่เพิ่งสนทนากับเขาด้านหลังประตูบานนั้น ไม่ใช่เขา! ไม่สิ นี่หมายความว่าในห้องเรียนนี้ยังมีคนร้ายอยู่อีกคน!
ในเวลานี้ จู่ๆ ครูสาวหนึ่งในสามคนที่ขดตัวงออยู่ตรงมุมก็ลุกขึ้นยืน เขาสวมกระโปรงของผู้หญิงและยังใส่วิกผมอีกต่างหาก แต่เมื่อยืนขึ้นจริงๆ กลับดูออกได้ทันทีว่าเขาเป็นผู้ชาย!
“พ่อ! พ่อ!”
ชายที่ซ่อนอยู่ในหมู่ตัวประกันตะโกนสองครั้งไปที่ชายชราที่ถูกจางเยี่ยนเฟิงเหวี่ยงลงกับพื้น จากนั้นมองจางเยี่ยนเฟิงและคำรามขึ้นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
“ไอ้สารเลว แกหลอกฉัน! ดี งั้นตายด้วยกันเลย!” ขณะที่พูด อีกฝ่ายก็หยิบไฟแช็กในมือออกมาด้วย
รูม่านตาของจางเยี่ยนเฟิงหดตัวทันที ไร้ความลังเล เขากระโจนเข้าไปกระแทกตัวชายคนนั้น ในขณะเดียวกัน ก็ตรงเข้าไปกอดชายคนนั้นและกระโจนออกไปทางหน้าต่างฝั่งนั้นด้วยความแรงที่ไม่ลดละ
‘เพล้ง!’
หน้าต่างของห้องเรียนอนุบาลค่อนข้างเตี้ย มันถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้สอดคล้องกับความสูงของเด็ก ด้วยเหตุนี้ชายทั้งสองคนจึงพังหน้าต่างและพลิกตัวกลิ้งออกไปได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าจางเยี่ยนเฟิงดูเหมือนลงพุงแล้วก็ตาม แต่ในแง่ของปฏิกิริยาตอบสนอง สติ และประสบการณ์ในการต่อสู้ คนธรรมดายังเทียบเขาไม่ติด นับประสาอะไรกับคนร้ายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงคนนี้กันล่ะ
‘ฟุบ!’
เมื่อกลิ้งออกมานอกหน้าต่าง ในที่สุดก้อนหินในใจจางเยี่ยนเฟิงก็ร่วงลงพื้น
บ้าเอ๊ย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนร้ายคนที่สามโผล่มาอีกใช่ไหม!
แต่ทว่าตอนที่จางเยี่ยนเฟิงกำลังจะกำราบเจ้านี่อยู่หมัด ได้ยินเพียงเสียง ‘แป้ก’
สำหรับคนสูบบุหรี่มานานแล้ว เสียงนี้คุ้นหูมาก หรือก็คือเสียงจุดไฟแช็กนั่นเอง
คนร้ายราดน้ำมันบนตัว ทันทีที่เปลวไฟลุกพึ่บขึ้นมา จางเยี่ยนเฟิงอยากจะดิ้นสลัดออกจากคนร้ายและหนีไปให้พ้นจากลูกไฟนี้ตามสัญชาตญาณ เพียงแต่คนร้ายกลับใช้สองมือและสองขาเกี่ยวรัดจางเยี่ยนเฟิงเอาไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาของอีกฝ่ายนั้นดุร้ายและเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง
ชั่วขณะหนึ่ง จางเยี่ยนเฟิงไม่อาจดิ้นให้หลุดได้เลย สัมผัสได้เพียงอุณหภูมิที่ร้อนแรงและเปลวเพลิงที่เริ่มพุ่งเข้าหาตัวเขาอย่างรวดเร็ว…
…………………………………………………………