ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 351 ฝึกฝนด้วยตัวเอง
ตอนที่ 351 ฝึกฝนด้วยตัวเอง
รถขับมาถึงหน้าร้านหนังสือ ตอนที่ทนายอันกำลังจะแบกโจวเจ๋อลงจากรถนั้น มือข้างหนึ่งของโจวเจ๋อจับมือจับประตูรถอย่างแน่นหนา มองปากกาที่กลิ้งร่วงลงไปบนพื้นเนื่องจากตัวรถสั่น
ทนายอันตื่นตกใจ ก่อนหน้านี้ได้คุยกับนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่าบอกว่าเถ้าแก่ของตัวเองมีความโลภในทรัพย์อยู่เล็กน้อย แม่งแบบนี้เรียกว่าโลภที่ไหน แบบนี้มันยากจนจนเป็นบ้า!
เขาจนมากถึงขนาดเข้าไปขโมยปากกาในเรือนจำตอนดึกดื่นเที่ยงคืน ถึงแม้ตอนนี้ตัวเองจะมีสภาพเช่นนี้ แต่ก็ยังเป็นห่วงปากกาไม่ยอมปล่อยมือ
“เด็กดี พวกเราไม่เอาแล้ว วันพรุ่งนี้จะซื้อปากกาปาร์กเกอร์ให้คุณนะ” แต่โจวเจ๋อก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ “โอเค” ทนายอันก้มตัวลงไปเก็บปากกาขึ้นมา ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของโจวเจ๋อ แถมยังช่วยรูดซิปเสื้อให้เขาอีกด้วย
โจวเจ๋อถึงยอมปล่อยมือ เขาออกแรงเมื่อครู่จนเกือบเป็นลม ทนายอันนึกถึงตอนที่ตัวเองทำงานเมื่อก่อน ตอนนั้นหัวหน้าผู้ตรวจสอบของเขาได้เล่านิทานเรื่องหนึ่ง บอกว่าสมัยราชวงศ์ชิงตอนปลาย ตอนนั้นยมทูตสายตรวจต้องไปรับวิญญาณคนหนึ่งลงนรก แต่ชายชราคนนั้นไม่ยอมตายเสียที
เกือบจะเกินเวลาในบัญชีมรณะแล้ว แต่เขาไม่ตายยมทูตจะเข้าไปบีบคอเขาก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ตอนนั้นชายชรานอนอยู่บนเตียงใกล้จะสิ้นใจแล้ว แต่ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมหลับตาเอาแต่ฝืน
คนในครอบครัวคิดว่าเขามีบางสิ่งที่ยังไม่สมความปรารถนา หรือมีอะไรที่ยังปล่อยวางไม่ได้อยากจะบอก แต่ละคนจึงเข้าไปถามเขา สุดท้ายอนุภรรยาของชายชราจึงเดินเข้ามาเป่าตะเกียงที่เหลือให้ดับ จากนั้นชายชราจึงนอนตายตาหลับอย่างพึงพอใจ สาเหตุเพราะจุดตะเกียงเพิ่มขึ้นจะสิ้นเปลืองน้ำมันตะเกียง
ในสายตาของทนายอัน โจวเจ๋อมีความคล้ายกับชายชราคนนั้น
โจวเจ๋อถูกทนายอันแบกเข้ามาในร้านหนังสือ โชคดีที่คนในร้านหนังสือล้วนชินแล้ว เถ้าแก่ของคนอื่นถ้าหากค่อนข้างขี้เกียจหน่อย โดยทั่วไปจะอยู่ในออฟฟิศ มีงานก็ให้เลขาจัดการ ถ้าว่างก็จัดการเลขา
แต่เถ้าแก่ของเรา พูดถึงความขี้เกียจ เขาก็ขี้เกียจจริงๆ แต่ชอบวางมาดรักงานสุดชีวิต ขาออกคือเดินออกไป ขากลับโดนหามเข้ามา ผู้คนมักจะพูดว่าตำรวจเป็นอาชีพที่อันตรายสูง แต่อัตราการบาดเจ็บของเถ้าแก่ของเรา อ้อไม่ อัตราการบาดเจ็บหนัก แทบจะเหมือนทหารรับจ้างในสนามรบ
ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นเถ้าแก่บาดเจ็บหนักกลับมาเป็นประจำ ทุกคนในร้านหนังสือล้วนมีประสบการณ์เยอะมาก ไป๋อิงอิงปูที่นอน เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำให้โจวเจ๋อ นักพรตเฒ่ารีบสั่งให้เจ้าลิงฉี่ออกมา สาวน้อยโลลิเบะปากนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ต่อไป หลังจากมองโจวเจ๋อถูกไป๋อิงอิงอุ้มเข้าไปในห้องน้ำจึงส่ายหน้า รู้สึกเหมือนภรรยาที่หัวใจตายด้านไปแล้วในที่สุดก็เห็นสามีของตัวเองกลับบ้านหลังจากที่ใช้ชีวิตมั่วไปวันๆ
“เถ้าแก่ ท่านนั่งไหวไหม” ภายในห้องอาบน้ำ ไป๋อิงอิงถามอย่างเป็นห่วง
เมื่อก่อนช่วยอาบน้ำให้เถ้าแก่ เธอจะจัดหาเก้าอี้ตัวเล็กให้เถ้าแก่ เพื่อให้เถ้าแก่นั่งบนนั้นแล้วตัวเองค่อยช่วยเขาอาบน้ำอีกที แต่ครั้งนี้ปัญหาของเถ้าแก่แปลกมาก มีความรู้สึกว่าอ่อนแอสุดขีด แต่บนร่างกายเปลือยเปล่าไม่มีรอยแผลอะไรเลย
โจวเจ๋อส่ายหน้า เขาปวดหัว หายใจติดขัด แน่นหน้าอก แต่เขาต้องการอาบน้ำ สำหรับผู้ป่วยที่รักอนามัยรุนแรงเวลาที่เขามีสติไม่ให้เขาอาบน้ำแล้วขึ้นเตียง เป็นเรื่องที่ไม่สามารถรับได้เด็ดขาด
ไป๋อิงอิงครั้งนี้ค่อนข้างลำบาก เถ้าแก่ไม่สามารถนั่งได้ หรือว่าจะให้เถ้าแก่นอนบนพื้นกระเบื้องแล้วตัวเองค่อยอาบน้ำให้เขา แต่พื้นกระเบื้องเย็นมาก อ้อไม่ ดูเหมือนเถ้าแก่จะไม่กลัวหนาว แต่พื้นกระเบื้องแข็งมาก ถ้านอนลงไปจะอึดอัดไม่สบายแน่นอน
อิงอิงนึกถึงเนื้อหาในหนังสือ ‘การฝึกฝนทักษะของสาวใช้’ ในนั้นได้ระบุเกี่ยวกับการอาบน้ำ เช่น การอาบน้ำฟองสบู่ แต่ต้องมีเบาะอัดลม ใช้ครีมอาบน้ำถูบนตัวของตัวเองก่อน จากนั้นใช้ร่างกายของตัวเองช่วยอาบน้ำให้เถ้าแก่ โอ๊ยๆๆ! น่าโมโหจริงๆ! ข้าลืมซื้อเบาะอัดลม!
เมื่อปล่อยน้ำร้อนในห้องน้ำแล้ว คลื่นความร้อนกระเพื่อมไปมา โจวเจ๋อรู้สึกทรมานมากกว่าเดิม อยากเตือนไป๋อิงอิงให้รีบอาบน้ำให้ตัวเองแล้วพาขึ้นชั้นบน แต่จากนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองโดนอุ้มขึ้นแล้วใส่เข้าไปในอ่างอาบน้ำ
ร่างกายที่ถูกโอบล้อมด้วยน้ำอุ่นจึงรู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย จากนั้นร่างกายที่เนียนนุ่มเด้งก็เข้ามานั่งในอ่างอาบน้ำเช่นกัน แล้วเริ่มถูหลังอาบน้ำให้เขา
ถึงแม้ตอนนี้จะเสียเลือดมาก ถึงแม้ตอนนี้จะอ่อนแอมาก แต่ความรู้สึกแบบนี้สบายมากจริงๆ เพียงแต่หลังจากที่เพลิดเพลินได้สักพักโจวเจ๋อก็ฝืนพูดว่า “อิงอิง…”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่ต้องการอะไรอีกไหมเจ้าคะ”
“เปลี่ยนน้ำในอ่างหน่อย เย็นแล้ว”
“อ้อ ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่” การอาบน้ำครั้งนี้สบายเหลือเกิน เพียงแต่น้ำที่อยู่ในอ่างอาบน้ำเย็นเร็วกว่าปกติเกินไป
สุดท้ายโจวเจ๋อถูกไป๋อิงอิงอุ้มขึ้นชั้นบนเข้าไปในห้องนอน หลังจากนอนบนเตียงแล้ว โจวเจ๋อจึงนอนหนุนหมอนสูงในระดับที่พอเหมาะ นักพรตเฒ่ายกน้ำซุปเดินเข้ามา
“เถ้าแก่ ดื่มน้ำซุป บำรุงกำลังดี ข้าต้มนานมากนะ”
“วันนี้เจ้าต้มน้ำซุปเหรอ” ไป๋อิงอิงถามอย่างสงสัย
นักพรตเฒ่าออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ได้ยินว่าไปช่วยคนที่ถนนเก่า นักพรตเฒ่าเพิ่งจะกลับมาก่อนเถ้าแก่จะกลับบ้านนี่เอง
“มา ดื่มเถอะเถ้าแก่” นักพรตเฒ่าพยายามประคองโจวเจ๋อขึ้นมาป้อนเขาดื่มน้ำซุป
โจวเจ๋อขมวดคิ้วถามว่า “ใส่อะไรในน้ำซุป”
“ไม่ได้ใส่อะไร” นักพรตเฒ่าพูดอย่างสงสัย
“ใส่อะไร”
“ไม่ได้ใส่อะไร”
“ใส่อะไรลงไปกันแน่!”
“ฉี่ของเจ้าลิง…”
นักพรตเฒ่าขยับปากพะเยิบๆ และอธิบายในเวลาเดียวกัน “เถ้าแก่ เมื่อก่อนตอนเจ้าบาดเจ็บก็รักษาด้วยโคลนผสมฉี่ของเจ้าลิง ครั้งนี้เจ้าไม่มีแผลภายนอก แต่ดูแล้วอ่อนแอกว่าเดิม ดังนั้นข้ารู้สึกว่า ถ้าดื่มเข้าไปน่าจะได้ผลดีกว่า”
“นักพรตเฒ่า…”
“อืม ว่าไง”
“ปีนี้คุณอายุเท่าไรแล้ว”
“เจ็ดสิบเอ็ดปีแล้ว”
“อายุเยอะขนาดนี้ ทำงานกับผมไม่ง่ายเงย”
“ไม่เป็นไร สมควรแล้ว ได้อยู่กับเถ้าแก่เป็นบุญของข้า”
“ผมอยากให้คุณช่วยทำงานให้ผมอีกสิบปี”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาเลย!”
“อย่างนั้นคุณรีบดื่มน้ำซุปบำรุงร่างกายเถอะ”
“…” นักพรตเฒ่า
“เถ้าแก่ๆ แต่ข้าเตรียมมาให้เจ้านะ”
โจวเจ๋อหลับตา นักพรตเฒ่ายักไหล่ เตรียมจะยกน้ำซุปออกไป ใครจะรู้ว่า ตอนที่เขาเดินถือน้ำซุปออกไปที่ประตู โจวเจ๋อพลันเอ่ยว่า “ดื่มให้หมด”
“…” นักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่าทำหน้ายู่เหมือนรูตูด
“ดื่มให้หมด”
นักพรตเฒ่าพยักหน้า ใช้ปากแตะเล็กน้อยก็รู้สึกถึงความเปรี้ยวเต็มปากแล้ว เมื่อเห็นเถ้าแก่ไม่เรียกตัวเองอีก นักพรตเฒ่าจึงรีบถือน้ำซุปเดินลงไปข้างล่าง
“ฮิๆ เถ้าแก่ ข้าคิดว่าท่านจะให้เขาดื่มหมดจริงๆ เสียอีก” ไป๋อิงอิงนั่งบนเตียงช่วยโจวเจ๋อยกขาไขว่ห้าง
คุณสามารถพูดได้ว่านักพรตเฒ่าหวังดี โจวเจ๋อทำแบบนี้เกินไปเล็กน้อย ไม่ๆๆ ลองนึกถึงวันที่นักพรตเฒ่าซื้อเก้าอี้รถเข็นในตอนแรกสิ สุดท้ายตอนที่ตัวเขานั่งรถ ‘ตู๊ดๆๆ’ ออกไป ก็ทำสีหน้าดูไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นบางครั้งตาแก่คนนี้คิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ ยากที่จะเข้าใจได้จริงๆ
นักพรตเฒ่าเพิ่งจะออกไป สวี่ชิงหล่างผลักประตูเดินเข้ามา “ครั้งนี้เป็นอะไร” ขณะที่พูด สวี่ชิงหล่างนั่งลงข้างเตียงตรวจดูอาการของโจวเจ๋ออย่างละเอียด
“เปราะบางขนาดนี้เชียว เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะออกไปซื้อของจำพวกตับหมู พุทรา มาทำน้ำซุปบำรุงร่างกายให้คุณ”
โจวเจ๋อพยักหน้า “อ้อใช่ แล้วก็” สวี่ชิงหล่างลุกขึ้นเดินออกไป ไม่ช้าก็เดินกลับมา ถือกล่องของขวัญอยู่ในมือ เขาดึงมันออกมาแล้ววางไว้ที่หัวเตียงของโจวเจ๋อ
“ยาบำรุงเลือด” ไป๋อิงอิงอ่านตัวหนังสือออกมา
“อืม ปกติผมก็ดื่มอันนี้” สวี่ชิงหล่างชี้ไปที่โจวเจ๋อ “คุณก็ดื่มด้วยกัน”
“มันเอาไว้ให้…ผู้หญิง…ดื่มไม่ใช่เหรอ”
“เป็นถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะแยกผู้หญิงผู้ชายอีกเหรอ” พูดจบ สวี่ชิงหล่างใช้นิ้วดีดหน้าผากของโจวเจ๋อเบาๆ “สำออย” พูดจบสวี่ชิงหล่างจึงเดินออกไป เขาน่าจะออกไปซื้อกับข้าวแล้ว
ไป๋อิงอิงเบ้ปาก ยื่นมือเช็ดหน้าผากของเถ้าแก่
“ปากกาล่ะ”
“หืม”
“ปากกาของผม ปากกา”
“ปากกา” อิงอิงตกตะลึงเล็กน้อย “น่าจะอยู่ในห้องน้ำ”
“ไปหยิบมา”
“ได้เลยเถ้าแก่” อิงอิงรีบลงไปข้างล่างทันที ผลปรากฏว่าหาในห้องน้ำไม่เจอ
“ปากกาล่ะ ปากกาของเถ้าแก่ล่ะ”
“ด้ามนี้เหรอ” สาวน้อยโลลิที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ถือปากกาด้ามหนึ่งอยู่ในมือแล้วถาม
“น่าจะใช่”
“เมื่อกี้ฉันเห็นอยู่บนพื้นในห้องน้ำ” สาวน้อยโลลิพูด
“อย่างนั้นก็ใช่แล้ว เถ้าแก่กำลังอยากได้พอดี ดูเหมือนปากกาด้ามนี้สำคัญกับเถ้าแก่มาก”
“เหอะ เจ็บหนักขนาดนี้ยังร้องหาปากกาไปฝึกเขียนตัวหนังสืออีก โง่หรือเปล่า” สาวน้อยโลลิส่ายหน้าแล้วอ่านการ์ตูนของตัวเองต่อ
“เถ้าแก่ ปากกามาแล้ว” ไป๋อิงอิงรีบวิ่งเข้าห้องนอนนำปากกามาให้โจวเจ๋อ
จริงๆ นั้นปากกาด้ามนี้สูญเสียพลังวิเศษไปแล้ว เพราะปากกาของจริงคุมตัวคนนั้นที่อยู่ในร่างกายของเขาอยู่ แต่จะทำหายไม่ได้ เผื่อวันหลังได้ใช้งาน
ตอนนี้สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อสบายใจที่สุดก็คือ สองสิ่งที่มีภัยคุกคามกับตัวเองมากที่สุดต่างฝ่ายต่างกำลังต่อต้านกันอยู่ตอนนี้ เป็นสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบมาก
อิงอิงคอยนวดให้โจวเจ๋อตลอดเวลา นวดไปนวดมาพบว่าเถ้าแก่นอนหลับไปแล้ว แต่ถึงแม้จะนอนหลับไปแล้วมือยังคงจับปากกาด้ามนั้นเอาไว้แน่น
อิงอิงพยายามดึงปากกาออกมา แต่มือของเถ้าแก่กลับกำมันแน่นมาก อิงอิงไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่หยิบผ้าห่มมาคลุมให้เถ้าแก่ จากนั้นจึงนั่งอยู่ข้างเตียง หยิบโทรศัพท์ออกมาเข้าแอปพลิเคชันสั่งของ ตั้งใจเลือกเบาะอัดลมเบอร์ใหญ่พิเศษแล้วกดสั่งซื้อ โอเค เรียบร้อย
“รอให้ของมาถึงแล้วก็รอวันที่เถ้าแก่บาดเจ็บหนักกลับมาครั้งหน้า” จากนั้นอิงอิงก็ขมวดคิ้ว รู้สึกเสียดาย “ช่างเถอะ เถ้าแก่อย่าบาดเจ็บจะดีกว่า แต่ถ้าเถ้าแก่ไม่บาดเจ็บก็จะไม่ให้ข้าช่วยอาบน้ำ ไม่ยอมให้ข้าช่วยอาบน้ำอย่างนั้นก็ไม่ได้ใช้เบาะอัดลม สับสนจังเลย ฮือๆๆ” ไป๋อิงอิงซื้อของเสร็จแล้วจึงนอนข้างโจวเจ๋อ แล้วหยิบนินเท็นโดสวิตช์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่จากตรงหัวเตียงมาเล่นเกม ‘สตาร์ดิวแวลลีย์’
นี่คือเกมทำฟาร์มรุ่นเก่ามากเกมหนึ่ง ในสายตาของใครหลายคนถือว่าล้าสมัยไปแล้ว แต่สำหรับคนที่ชอบมันเล่นเป็นร้อยรอบก็ไม่เบื่อ อิงอิงปลูกผักไว้มากมาย ยังมีคอกหมูขนาดใหญ่อยู่ในนั้น เลี้ยงหมูไว้สามตัว มีชื่อว่า เสี่ยวสวี่ เสี่ยวเข่อ เสี่ยวชิว
…………………………………………………………………………