ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 352 ชีวิตประจำวันของร้านหนังสือ
ตอนที่ 352 ชีวิตประจำวันของร้านหนังสือ
โจวเจ๋อฝันครั้งนี้ไม่ใช่ลงนรก แต่เป็นความฝันที่เรียบง่าย ง่ายเสียจนไร้สีสัน ในความฝันเขานั่งอยู่บนเสาไม้ที่ทำเป็นท่าเรือเล็ก ด้านข้างมีคุณป้าสองสามคนกำลังซักผ้าคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ด้านหลังของพวกเธอมีเด็กจำนวนไม่น้อยกำลังวิ่งไล่กันเสียงดังสนุกสนาน เขาถือเบ็ดตกปลา เหวี่ยงเหยื่อลงไปในแม่น้ำ ตัวเองสวมหมวกไม้ไผ่สานนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น
ท้องฟ้าสดใส แสงแดดจ้า แต่กลับไม่ร้อนมาก สายลมพัดมาจากกลางหุบเขาเย็นสบายชื่นใจ จากนั้นเขาก็นั่งอยู่แบบนั้นตลอดเวลาที่อยู่ในความฝัน ตกปลา ตกปลา แล้วก็ตกปลา จนถึงตอนที่ตื่นจากฝันก็ยังตกปลาไม่ได้สักตัว
หลังจากตื่นขึ้นมา โจวเจ๋อถอนหายใจยาว ไป๋อิงอิงนอนหันหลังให้เขากำลังเล่นเกมอยู่ จึงไม่ได้สังเกตว่าเขาตื่นแล้ว เขาลืมตามองเพดาน เมื่อวานเขาได้เห็นความแตกต่างระหว่างตัวเองกับคนนั้นแล้ว คนหนึ่งเป็นเจ้าแห่งทะเล ส่วนตัวเองเป็นแค่เรือเล็กในทะเลที่สามารถอับปางลงตลอดเวลา
และในความฝันเขากลับนั่งตกปลาอยู่ตรงนั้นท่าเดียว เคยมีคนพูดว่า อาจจะมีภาพของตัวเองในชาติที่แล้วปรากฏขึ้นมาในความฝัน แต่โจวเจ๋อรู้ดีว่าตัวเองไม่มีชาติที่แล้ว ต่อให้มีแต่ดูจากความฝันแล้ว ชาติที่แล้วของตัวเองกับชาตินี้เหมือนกันเป็นอย่างมาก
เขายื่นมือขยี้ตา เถ้าแก่โจวไม่ได้อยากบ่นอะไร และไม่รู้สึกว่าน่าสงสารน่าน้อยใจมากแค่ไหน หรือบางทีอาจจะเกี่ยวกับประสบการณ์วัยเด็กของเขาก็เป็นได้
สำหรับคนทั่วไป อืม สำหรับคนทั่วไปส่วนใหญ่ ชีวิตของพวกเขาก็คือ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน วัยแก่ ผ่านมาไม่กี่ขั้นตอนนี้ พวกที่มากความสามารถครอบครองทั้งชาติที่แล้วกับชาตินี้เหมือนจักจั่นทอง อย่างไรเสียก็มีจำนวนน้อยเหลือเกิน
ตอนเด็กอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีเนื้อกิน มีสไปรท์กับโคล่าให้ดื่ม ก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนพอใจมากแล้ว
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ จะสุขกายสบายใจกว่ามากเมื่อเทียบกับชาติที่แล้วที่ตัวเองทำงานยุ่งทั้งวันทั้งคืนคว้าทุกโอกาสที่อาจจะเป็นไปได้เพื่อไต่เต้าขึ้นไป
อยู่กับปัจจุบัน คนที่พูดเป็นมีเยอะแยะ แต่คนที่เข้าใจจริงๆ กลับมีไม่เยอะเลย เมื่อคิดไปคิดมา โจวเจ๋อก็รู้สึกเหนื่อยอีกแล้ว ช่วงนี้มีเรื่องเยอะ กลับมาจากฉางโจวก็เกิดเรื่องอื่นอีก อยากนอนขี้เกียจอยู่ข้างๆ อิงอิงให้สบายก็กลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน
ด้วยเหตุนี้ โจวเจ๋อจึงไม่เรียกอิงอิง แล้วหันหน้านอนหลับอีกครั้ง ไป๋อิงอิงยังคงตั้งใจเล่นเกมอย่างมุ่งมั่น ไม่ได้สังเกตว่าเถ้าแก่ของตัวเองตื่นนอนแล้วก็หลับไปอีกครั้ง
พอถึงตอนที่เครื่องเล่นเกมเตือนว่าแบตเตอรี่ไม่พอ อิงอิงจึงเดินย่องลงจากเตียง รีบวิ่งไปชั้นล่างหยิบที่ชาร์จแบตเตอรี่แล้ววิ่งกลับมา เธอรู้ว่าตัวเองจะหายไปนานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเถ้าแก่ของตัวเองจะตื่นขึ้นมา
เมื่อเสียบเครื่องชาร์จแบตเตอรี่แล้ว ไป๋อิงอิงไม่ได้เล่นต่อ แต่วางเครื่องเล่นเกมไว้บนตู้ข้างเตียง แล้วนอนตะแคงมองโจวเจ๋อที่กำลังนอนหลับสนิท
เธอมองขนตาของเขา มองปากของเขา มองจมูกของเขา หลายคนคงจะรู้สึกว่ามีอะไรน่ามอง บางทีสำหรับคนที่เคยมีความรักมาก่อนถึงจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้
ประตูห้องนอนถูกผลัก สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามา ชี้ไปที่โจวเจ๋อพลางถามไป๋อิงอิงว่าเขาตื่นหรือยัง อิงอิงส่ายหน้า สวี่ชิงหล่างยักไหล่แล้วจึงเดินออกไป ไม่ว่าอย่างไรน้ำซุปที่เขาต้มเอาไว้ต้องใช้เวลาเคี่ยวอีกสักพักผลลัพธ์จะดีกว่า เขาจึงไม่รีบร้อน
เมื่อลงมาข้างล่าง เดดพูลกำลังถูพื้น นักพรตเฒ่านั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนเจ้าลิง ใช่แล้ว เล่นหมากรุก ไม่น่าเชื่อว่าลิงตัวหนึ่งจะเล่นหมากรุกเป็น และดูจากสถานการณ์แล้ว นักพรตเฒ่ากลับเป็นฝ่ายที่ด้อยกว่า
สาวน้อยโลลินั่งอยู่บนโซฟาเปิดอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างเซ็งๆ แล้วหาวหวอดเป็นพักๆ
“อยากนอนก็นอนสิ” สวี่ชิงหล่างพูด “แค่ง่วงเพราะอากาศร้อนเท่านั้น ไม่เป็นไร”
สาวน้อยโลลิส่ายหน้า เธอยังชินกับการนอนเวลากลางคืน ถึงแม้จะพูดว่าในร้านหนังสือไม่มีงานอะไรให้ทำก็ตาม แต่เธอยังรู้สึกว่าถึงแม้จะว่างนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาก็ยัง ‘สุขภาพดีมีพลัง’ กว่านอนหลับทั้งวันทั้งคืน บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอสามารถยืนหยัดไว้ได้ก่อนที่เธอจะกลายเป็นปลาเค็มอย่างแท้จริง
ทนายอันเพิ่งกลับมา หลังจากเขาส่งโจวเจ๋อกลับร้านหนังสือแล้วก็ไปที่เรือนจำอีก ช่วงนี้งานของเขาเหลือเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็คือวิญญาณร้ายที่อยู่ในเรือนจำทงเฉิง
“เถ้าแก่อารมณ์ดีจริงๆ วิ่งไปหลอกคนอื่นตอนดึกดื่นเที่ยงคืน ทำให้คนอื่นนั่งสมาธิไม่ได้เลย” ทนายอันบ่นอย่างจนใจ
ช่วงแรกๆ ที่วิญญาณร้ายมาโลกมนุษย์ การนอนหลับและอาหารเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด การกินอาหารยังพอฝืนกันได้ ขอเพียงแค่อยากมีชีวิตต่อ จะปล่อยให้ร่างกายนี้หิวตายไม่ได้ ดังนั้นถึงแม้จะสะอิดสะเอียนหรือลำบากแค่ไหนก็ต้องฝืนทำ มากสุดก็กินแค่นิดเดียว ขาดสารอาหารที่ดีก็เท่านั้น
แต่การนอนหลับไม่สามารถทำได้จริงๆ ถึงแม้ว่าจะกินยานอนหลับตลอด เว้นเสียแต่ว่าร่างกายของตัวเองป่วยหนักนอนติดเตียงไม่สามารถขยับได้ สติของคุณจะตื่นตลอดเวลา
นอกจากนี้ อย่าคิดว่ากินยานอนหลับฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่งดงาม อันที่จริงกินยานอนหลับฆ่าตัวตายก็นั้นทรมานที่สุด แต่ตอนนั้นคุณไม่ตื่น ดังนั้นในสายตาของคนเป็นจึงคิดว่าคนที่กินยานอนหลับฆ่าตัวตายจากไปอย่างสงบ แต่ลองคิดดูสิเวลาที่ยานอนหลับออกฤทธิ์ทั้งๆ ที่ตัวเองสุดแสนทรมานแต่กลับต้องทนทุกข์ตะโกนไม่ได้ขยับตัวก็ไม่ไหว
“นี่ ได้ยินว่าคุณเคยเป็นเจ้าหน้าที่มาก่อน” สาวน้อยโลลิถามทนายอัน
“หืม” ทนายอันมองสาวน้อยโลลิ
“สามารถพูดกับฉันได้ไหม” สาวน้อยโลลิยื่นมือตบโซฟาที่อยู่ข้างตัวเอง เธอนั่งไขว่ห้าง ตรงหน้ายังมีน้ำเย็นวางอยู่แก้วหนึ่ง แต่เสียดาย อายุของเธอยังน้อยเกินไป
ทนายอันค่อนข้างลามกเล็กน้อย แน่นอนว่า นี่คือโรคทั่วไปของผู้ชาย หลังจากอาการกลายเป็นลักษณะทั่วไปแล้ว ก็ไม่นับว่าเป็นโรค
แต่ทนายอันไม่สนใจคนอายุน้อยอย่างสาวน้อยโลลิเลยสักนิด และด้วยอายุกับประสบการณ์ที่แท้จริงของสาวน้อยโลลิเธอมักจะให้ความรู้สึกที่ดูขัดแย้งอย่างหนัก เหมือนสาวน้อยที่แอบหยิบลิปสติกของแม่มาทาปาก เหมือนกับคุณป้าใส่ชุดนักเรียนโบกมือเรียกคุณว่า ‘โอปป้า มาสิคะ!’ ดูฝืนใจเกินไป
“เอ่อ คุณถามเรื่องนี้ทำไม”
“สงสัย”
“เหอะๆ” ทนายอันนั่งตรงข้ามสาวน้อยโลลิ
“ดังนั้น ตอนแรกคุณทำถึงตำแหน่งไหน”
“คุณลองเดาดูสิ”
“ผู้จับกุม” สาวน้อยโลลิส่ายหน้า “น่าจะสูงกว่านี้หน่อย อย่างเช่น ผู้ตรวจสอบ”
“ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว”
“สงสัยมากจริงๆ ตอนนั้นคุณทำผิดอะไร” ขณะที่พูด สาวน้อยโลลิเงยหน้ามองเพดาน ดูเหมือนคนที่อยู่ชั้นบนจะทำความผิดเยอะกว่า แต่ไม่เคยเป็นอะไรเลย
“อันนี้ ยังไม่อยากตอบชั่วคราวครับ” ทนายอันลุกขึ้น “อันที่จริง บางครั้งยิ่งสูงขึ้นไปมากๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเพราะเป็นแค่ยมทูต คือเวลาที่ไร้ห่วงไร้กังวลที่สุดแล้ว”
“ไร้ห่วงไร้กังวล”
“คำใกล้เคียงของมันก็คือ ไม่สนกฎเกณฑ์”
ทนายอันบิดคอของตัวเองแล้วหาวหวอด “อิจฉาคุณจังเลย ได้นอนตอนกลางคืน” ทนายอันก็อยากนอนเหมือนกัน แต่เขากลัวตายมากกว่า เขาพอจะจินตนาการได้ ถ้าหากเขาแอบไปเข้าไปในห้องของไอ้หมอนั่น ไอ้หมอนั่นจะสู้กับกับเขาให้ลงจากเตียงแน่นอน ขณะที่พูด ทนายอันได้ลุกขึ้น
“โอเค ผมจะไปนั่งสมาธิแล้ว ไม่อย่างนั้นจะแก้ไขความเหนื่อยล้าของร่างกายไม่ได้”
“ดังนั้น คุณยังอยากได้ตำแหน่งคืนใช่ไหม” สาวน้อยโลลิถาม
ทนายอันหยุดเดิน หันหน้ากลับมามองสาวน้อยโลลิด้วยสายตาที่ใช้มองคนปัญญาอ่อน
“อันนี้ไม่ใช่คำพูดไร้สาระเหรอ วางเดิมพันไว้กับเขาแล้ว ส่วนแบ่งแปดต่อสองเลยนะ!”
…
ตอนค่ำ โจวเจ๋อตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วจึงลงมาอาบน้ำ ถึงแม้ร่างกายจะยังอ่อนแอ แต่อย่างน้อยในด้านกำลังและจิตใจก็ฟื้นฟูดีมาก
เขาดื่มน้ำดอกพลับพลึงแดงก่อน แล้วจึงดื่มน้ำซุปที่สวี่ชิงหล่างเคี่ยวเอาไว้สองสามชาม เขารู้สึกว่านิ้วเริ่มมีแรงจับแล้ว
นักพรตเฒ่าเปิดประตูร้าน ดึงป้ายหยุดบริการชั่วคราวลงมา เปิดบริการร้านหนังสือยามวิกาลอย่างเป็นทางการจากนั้นนักพรตเฒ่าจึงมองไปข้างนอก
ดึกแล้ว ไม่รู้ว่าสาวๆ ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องตามลำพังไหม บางครั้งนักพรตเฒ่าก็มีความรับผิดชอบมาก เขามีกำลังจำกัด คนที่เขาสามารถช่วยได้ก็มีจำกัดเหมือนกัน เขาหยิบวิทยุออกมา เปิดหาสถานีอยากจะฟังรายการมิดไนต์ พอเจอสถานีแล้ว ก็มีโฆษณาวรรคหนึ่ง “ภาวะไตพร่อง บางครั้งเกิดขึ้นหลังจากเหนื่อยล้ามากเกินไป…”
สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อย มาพร้อมกับความร้อนอบอ้าวในหน้าร้อน ถนนหนานต้าที่เสียงดังจอแจตอนกลางวันได้สงบลงในที่สุด
สาวน้อยโลลิขึ้นไปชั้นสองแล้ว เพราะหวังเคอโทรมาหา เธอจึงตั้งใจขึ้นไปคุยที่ชั้นสอง เธอไม่อยากให้คนนอกได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อกับลูกสาว
สวี่ชิงหล่างนั่งอยู่ในห้องพิเศษส่วนตัว นั่นคือห้องส่วนตัวที่เอาไว้ให้ผีกินอาหารเวลาจะออกเดินทางไปสู่นรกโดยเฉพาะ เขานั่งมาส์กหน้า วางแก้วเหล้าที่หมักด้วยตัวเองไว้ด้านข้าง สูดดมกลิ่นเหล้าหอมอ่อนๆ พร้อมกับมาส์กหน้าไปด้วย
เดดพูลนั่งอยู่ตรงประตู เนื่องจากเปิดร้านจึงมียุงและแมลงบินเข้ามาบ่อย หากยุงและแมลงบินเข้ามา เดดพูลจะแลบลิ้นออกมาแล้วกลืนลงไปอย่างอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ สีหน้าของเขาเคลิบเคลิ้มพึงพอใจ
ทนายอันตัวล่อนจ้อน นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงในห้องบนชั้นสองของตัวเอง เข้าสู่สภาวะการนั่งสมาธิ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ระบายความเหนื่อยล้า
ฝั่งตรงข้ามเขายังคงเป็นเหล่าจางที่นอนสลบอยู่ เหล่าจางตื่นขึ้นมาสองสามครั้งแล้ว แต่ตื่นขึ้นมาแล้วก็สลบอีก ตามหลักการพูดของทนายอัน บอกว่าวิญญาณของเหล่าจางอ่อนแอเกินไป ดังนั้นต้องใช้เวลาหลายวันในการปรับตัวให้เข้ากับร่างกายใหม่ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แล้ว คาดว่าวันพรุ่งนี้น่าจะฟื้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์
จากนั้นตำรวจจางที่เถ้าแก่โจวให้ความสนใจพยายามรักษาทัศนคติของเขามาตลอด อาจจะ…
เจ้าลิงน้อยนั่งอยู่บนระเบียงชั้นสอง ทอดมองพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า แสงสีเงินยวงสาดลงมาบนตัวของเจ้าลิงน้อย ดูเหมือนรูปปั้นลิงตัวหนึ่ง ข้างตัวมันยังมีค้อนของเล่นเล็กๆ ที่นักพรตเฒ่าซื้อให้มัน เดิมทีนักพรตเฒ่าอยากให้มันเล่นกระบองวิเศษสมปรารถนา แต่เจ้าลิงน้อยชอบค้อนเล็กของตัวเองมากกว่า
ไป๋อิงอิงชงน้ำชาให้โจวเจ๋อแล้วยกเข้ามา ซึ่งเธอได้ใส่เก๋ากี้ลงไปในน้ำชาอีกด้วย จากนั้นตอนที่โจวเจ๋อนั่งลง เธอก็ถือพัดพัดโบกให้โจวเจ๋อเบาๆ
เถ้าแก่โจวนั่งเอนหลังพิงอยู่บนเก้าอี้หวายที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ แล้วลุกขึ้นจิบน้ำชาเป็นระยะ เขาใช้เวลาส่วนมากอยู่บนเก้าอี้หวาย โยกไปโยกมา…
…………………………………………………………………………