ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 357 ช่วยแก้ไขธรรมเนียมปฏิบัติแบบปลาเค็ม!
- Home
- ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล
- ตอนที่ 357 ช่วยแก้ไขธรรมเนียมปฏิบัติแบบปลาเค็ม!
ตอนที่ 357 ช่วยแก้ไขธรรมเนียมปฏิบัติแบบปลาเค็ม!
เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้ก้อนเมฆไกลหมื่นลี้ เป็นอากาศดีที่ยากจะมีสักครั้ง ตอนที่เถ้าแก่โจวตื่นนอนลงมาข้างล่าง เขาเห็นจางเยี่ยนเฟิงยังคงนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เห็นได้ชัดว่าคุณจางยังไม่ได้สติกลับมาสำหรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างยิ่งใหญ่แบบนี้
ในความเป็นจริง ไม่ว่าใครพอตื่นมาพบว่าตัวเองถูกเปลี่ยนร่างถูกเปลี่ยนฐานะ คาดว่าคงมีอาการที่คล้ายกัน
เถ้าแก่โจวตอนแรกเป็นเพราะยังพอมีสติหลังจากที่ตายแล้ว เขาผ่านขั้นตอนการช่วยชีวิต เคลื่อนศพ แต่งหน้าศพไว้ทุกข์ และเผาศพของตัวเองเป็นเวลาสองวันเต็ม หลังจากที่ได้ปูทางเป็นเวลานานแล้ว จึงเข้ามาอยู่ในร่างของสวีเล่อ ดังนั้นจึงปรับตัวได้เร็วกว่า
เรื่องของเหล่าจางจึงได้แต่อาศัยตัวของเหล่าจางค่อยๆ เอาชนะมัน อันที่จริงเขายังมีอีกหลายเรื่องที่ตัวเองต้องเอาชนะให้ได้ อย่างเช่น การกินข้าว การนอนหลับ ถ้าเรื่องกินข้าว เถ้าแก่โจวสามารถสั่งให้สวี่ชิงหล่างทำน้ำบ๊วยต่อได้ ส่วนเรื่องการนอนหลับ เถ้าแก่โจวจะให้เขาไปเรียนการทำสมาธิกับทนายอัน
ทนายอันเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง ถึงแม้ตอนแรกเขาจะช่วยโจวเจ๋อนำวิญญาณของจางเยี่ยนเฟิงยืมศพคืนชีพได้ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงนั้น ทนายอันไม่ได้รู้จักจางเยี่ยนเฟิงเท่าไร เขามักจะรู้สึกว่าเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว
โจวเจ๋อยืนอยู่ข้างเคาน์เตอร์ วันนี้เขาไม่ได้นอนอาบแดดดื่มกาแฟในตำแหน่งเดิมของตัวเองเป็นประวัติการณ์ สาวน้อยโลลิเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมออกเดินทางนานแล้ว เธอนั่งอยู่ในรถของทนายอัน และไม่ได้พูดเร่งโจวเจ๋อ
สวี่ชิงหล่างขับรถอีกคันหนึ่ง มีนักพรตเฒ่ากับเดดพูลนั่งอยู่ข้างใน เถ้าแก่โจวเดินไปตรงหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจางแล้วพูดว่า “ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจจางส่ายหน้า เขาต้องการเวลาอีกนิด ไม่อย่างนั้นเขาไม่สามารถสร้างทัศนคติกลับมาใหม่ได้ เขาจำได้ โจวเจ๋อเคยพูดว่าต้องปกป้องทัศนคติของเขา…
“เจ้าลิง ดูเขาด้วย ถ้าหากเขาอยากออกไปหรือทำอะไร ก็โทรศัพท์” โจวเจ๋อตะโกนพูดกับเจ้าลิงที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ เจ้าลิงพยักหน้า ส่ายก้นไปมา เพื่อบอกว่าตัวเองรู้แล้ว จากนั้นโจวเจ๋อจึงนั่งบนรถ
เรื่องในวันนี้ แท้จริงแล้วสาวน้อยโลลิกับทนายอันเป็นคนจัดการ ในฐานะของหญิงแกร่งเมื่อชาติที่แล้ว ในโลกของธุรกิจถือเป็นคนที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้คนหนึ่ง ผู้หญิงแบบนี้ต่อให้เข้าไปอยู่ในร่างของสาวน้อยโลลิ แต่ก็มีความหยิ่งอยากไต่เต้าอยู่เหนือคนอื่นเหมือนเดิม
เธอวอแวขอให้อันปู้ฉี่ฝึกฝนเป็นเพื่อนเธอ อันปู้ฉี่รับปาก ไม่ว่าอย่างไรถ้าจะฝึก เช่นนั้นทุกคนก็ควรฝึกไปด้วยกัน
ถึงแม้เขาจะอาศัยโจวเจ๋อ ยอมให้โจวเจ๋อเป็นเถ้าแก่ แต่โครงสร้างของร้านหนังสือที่ขนาดใหญ่แค่นี้ กับพนักงานที่มากเกินไปบวกกับความเคยชินในวิถีชีวิตปลาเค็ม ยากที่จะทำให้ทนายอันทนรับได้ อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่ถูกละลายพฤติกรรม ดังนั้นทนายอันจึงรู้สึกว่า ก่อนที่ตัวเองจะถูกหลอมรวมไปด้วย อย่างน้อยต้องขยันให้เต็มที่พยายามเปลี่ยนแปลงร้านหนังสือแห่งนี้
สถานที่ที่ทุกคนขับรถมาถึง เป็นบ้านเดี่ยวแห่งหนึ่งในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ของอิงอิง
สาวน้อยโลลิเดินนำหน้าสุด เธอเป็นคนริเริ่ม ‘กิจกรรม’ ในครั้งนี้ เธอจึงตื่นเต้นมากที่สุด ส่วนอิงอิงกลับมีท่าทีกังวลใจ
“เป็นอะไร” โจวเจ๋อถาม
“เป็นเพราะภาษีโรงเรือนใช่ไหม” ทนายอันตอบ ขณะเดียวกันได้ชี้ไปที่สวี่ชิงหล่างที่มีท่าทางกระวนกระวายใจ
ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะมีนโยบายออกมาหรือไม่ แต่กลับมีข่าวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะมีโควตาไม่เก็บภาษี แต่พอจะมองเห็นว่า ไม่ว่าจะเพิ่มจำนวนการไม่เก็บภาษีมากเท่าไร สำหรับอิงอิงและสวี่ชิงหล่างแล้ว ล้วนไม่มีความหมายอะไร
“วางใจเถอะ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะออกนโยบายไหม ต่อให้ออกนโยบายจริงๆ ช่วยเลี่ยงภาษีให้พวกคุณก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” ทนายอันหัวเราะ ‘ฮ่าๆ’ แล้วเร่งให้ทุกคนรีบเดินตาม
ทุกคนเข้าไปในโรงจอดรถใต้ดิน เป็นสถานที่ที่มีพื้นใหญ่เท่าสนามบาสเกตบอลสองสนาม สาวน้อยโลลิยืนอยู่ด้านหนึ่งนานแล้ว และแทบจะอดใจรอไม่ไหว
อิงอิงเลื่อนเก้าอี้เข้ามา จากนั้นโจวเจ๋อจึงนั่งลงไป นักพรตเฒ่า สวี่ชิงหล่าง รวมทั้งเดดพูลทั้งสามคนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง
พูดจริงๆ นะ สำหรับเรื่องครั้งนี้ คนที่สนใจจริงๆ มีไม่เยอะ แต่เมื่อถูกลากออกมาแล้ว จึงทำอะไรไม่ได้ แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เถ้าแก่ใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ก็ยังแสดงตัวอย่างชัดเจนว่าตัวเองมาปรากฏตัวเพื่อเป็นกองเชียร์เท่านั้น
ทนายอันกวาดตามองโจวเจ๋อหนึ่งที เขาหรี่ตาเล็กน้อย ปวดหัวจริงๆ ถ้าหากเป็นทีมงานชุดนี้ ตอนนี้ก็ยังพอทนได้ แต่ถ้าเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุม หรือได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ตรวจสอบในภายหลัง คงจะเสียเปรียบอย่างมากแน่นอน
เขาไปหาทีมงานที่มีปณิธานอยากเป็นปลาเค็มใช้ชีวิตเอ้อระเหยเหมือนกันมาเป็นพวกของตัวเองได้อย่างไร
อันที่จริง ทนายอันเข้าใจผิดแล้ว เหล่าสวี่กับนักพรตเฒ่าก่อนที่จะรู้จักโจวเจ๋อ จริงๆ แล้วมีความกระตือรือร้นมีสุขภาพจิตใจและร่างกายที่แข็งแรงเช่นกัน…
“ผิดหวังมากใช่ไหม” สาวน้อยโลลิพูด
ทนายอันพยักหน้า “แต่ชีวิตแบบนี้ พูดจริงๆ นะ มันทำให้คนอยากก้าวหน้าและทำให้คนหลงใหลได้จริงๆ” เขาพูดแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าไปพร้อมๆ กัน เมื่อถอดเสื้อคลุมออกกำลังกายแล้ว ได้เผยให้เห็นเสื้อผ้ารัดรูปชุดหนึ่ง
สาวน้อยโลลิหันมามอง “อดีตท่านผู้ตรวจสอบ ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ” พูดจบ สาวน้อยโลลิก็กระโจนเข้าไปทันใด
…
“เริ่มสู้กันแล้ว” นักพรตเฒ่าร้องอย่างตื่นตกใจ สวี่ชิงหล่างพยักหน้า ไป๋อิงอิงมองลงมาด้านล่างด้วยความสงสัยอยากรู้ ส่วนเดดพูลเกาศีรษะแล้วมองไปรอบๆ ว่าตรงไหนมียุงบ้าง
โจวเจ๋อกลับหาวหวอด มือขวาหมุนปากกาด้วยความเบื่อหน่าย หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา โจวเจ๋อได้พกปากกาด้ามนี้ติดตัวตลอดเวลา
…
ความเร็วของสาวน้อยโลลิไม่เร็วมาก ใช้ท่าหลอกล่ออยู่ท่าเดียว ต่อจากนั้นเธอจึงอ้าปาก แลบลิ้นออกมาทันที เหมือนแส้เหล็กร้อนสีแดงหวดฟาดทนายอันโดยตรง
“พรสวรรค์และความสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่วิญญาณได้รับกระกระตุ้นจากนรก ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้มากกว่านี้ ดังนั้นยมทูตจึงไม่สามารถฝึกฝน เนื่องจากคุณใช้ได้แค่ความสามารถที่มีเพียงอย่างเดียวของตัวเอง นำมาต่อสู้กับวิญญาณทั่วไปยังนับว่าทำได้สบาย แต่ใช่ว่าจะเลื่อนระดับไม่ได้ หลังจากการศึกษาพลังใดๆ จนถึงสุดขีดแล้ว มักจะเป็นที่น่าประหลาดใจทั้งสิ้น” ทนายอันมองลิ้นของสาวน้อยโลลิและอธิบายไปด้วย
ทุกคนที่มองความเคลื่อนไหวอยู่ไกลๆ พยักหน้าพร้อมกัน ทำท่าว่าการอธิบายของอาจารย์ดีเยี่ยมจริงๆ แต่เถ้าแก่โจวกลับมองปากกาที่อยู่ในมือของตัวเอง
‘ปึง!’ ลิ้นของสาวน้อยโลลิโจมตีทนายอัน แต่ทนายอันกลับใช้มือซ้ายจับลิ้นของสาวน้อยโลลิได้ในเวลาถัดมา แล้วสะบัดลงไปบนพื้นอย่างแรง!
สาวน้อยโลลิลอยกระเด็นเหมือนว่าวที่สายป่านขาด แต่เธอกลับหมุนลิ้นอย่างรวดเร็วจนหลุดจากแรงสะบัดร่วงลงพื้นอย่างมั่นคง เธอเงยหน้ามองทนายอันที่อยู่ตรงหน้า แล้วยิ้มมุมปากด้วยความดีใจ
“สงสัย ท่านผู้ตรวจสอบไม่ได้ทิ้งแค่ตำแหน่งเท่านั้น แม้แต่พลังก็หมดไม่มีเหลือ” ทนายอันพยักหน้า
วินาทีต่อมาสาวน้อยโลลิพุ่งเข้าไปอีกครั้ง ลิ้นของเธอแยกเป็นสองอันกลางอากาศ อันหนึ่งรัดตัว อีกอันหนึ่งกลับโจมตี
ผิวหนังมือซ้ายของอันปู้ฉี่กระจายออกช้าๆ เผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่น่าสะพรึงกลัว ‘แควก!’ จากนั้นได้ยินเสียงเหมือนผ้าถูกฉีกระยะหนึ่ง ลิ้นของสาวน้อยโลลิที่รับหน้าที่รัดตัวถูกตัดขาดทันที ส่วนลิ้นอีกอันหนึ่งที่รับหน้าที่โจมตีถูกมือกระดูกสีขาวทิ่มเข้าไปและเริ่มเน่าเปื่อย!
‘ปัง!’ ร่างกายของสาวน้อยโลลิร่วงลงพื้นอย่างแรง ลิ้นยาวหายไปภายในพริบตา เธออ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่เหลือเพียง “ฮือๆๆๆ” แล้วก็เลือดเต็มปาก
…
นักพรตเฒ่าหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตกใจ สวี่ชิงหล่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ไป๋อิงอิงเห็นสาวน้อยโลลิโดนซ้อมกลายเป็นสภาพแบบนี้ เธอรู้สึกตื่นเต้นจนเกือบจะร้อง ‘โอ๊ย’ ออกมา ส่วนเดดพูลกลับตามหายุงต่อไป โจวเจ๋อได้แต่ยิ้มเพราะทนายคนนี้เป็นต้นแบบของความขี้ขลาดแต่แข็งแกร่งตัวจริง เป็นมืออาชีพด้านการแสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ
แน่นอนว่ามันสามารถพิสูจน์ทัศนคติของเขาได้มากพอ ถ้าหากเขามีใจเป็นอื่นแอบแฝงตัวเข้ามาจริงๆ เขาจะไม่ตกลงตอบรับคำขอเรื่องการฝึกฝนของสาวน้อยโลลิแน่นอน และจะไม่แสดงความสามารถของเขาต่อหน้าทุกคน
สาวน้อยโลลิชักกระตุกอยู่นาน แล้วค่อยๆ คลานขึ้นมา พ่นเลือดสดที่อยู่เต็มปากแล้วยื่นนิ้วเข้าไปกวนอีกที ควักเนื้อเละสองชิ้นออกมา “เจ็บจริงๆ…”
อาวุธของสาวน้อยโลลิคือลิ้น ถึงแม้จะถูกตัดขาดแล้ว แต่สำหรับเธอการฟื้นฟูหรืองอกออกมาอีกครั้งไม่ใช่ปัญหาใหญ่มาก แน่นอนว่าจำกัดอยู่ที่ตำแหน่งของลิ้นเท่านั้น
แต่พูดตามจริง เวลาที่มองสาวน้อยโลลิพ่นเลือดและเนื้อออกมา จากนั้นใช้ลิ้นใหม่พูดจาไม่ชัดเจน รู้สึกว่าแปลกพิลึก
“ใช้ลิ้นโจมตีอย่างเดียว สิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนและความเสี่ยงมากเกินไป” ทนายอันพูด ขณะเดียวกันเขาได้มองไปทางทุกคนที่คอยมองการต่อสู้อยู่ด้านข้าง
สายตาของเขาจ้องมองไปที่ตัวของโจวเจ๋อ เขาต้องทำให้เถ้าแก่ฮึดสู้ขึ้นมา ถึงจะพอมีหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสไตล์การทำงานก่อนหน้านั้นของทีมได้ ดังนั้นถ้าหากเถ้าแก่ยอมลงมาให้เขาอัดหนึ่งยก ธรรมเนียมปฏิบัติของร้านหนังสือน่าจะได้รับการเปลี่ยนแปลงทันทีใช่ไหม
“เขาบ้ามาก ที่มองผม” โจวเจ๋อชี้ไปที่ทนายอันที่อยู่ข้างล่าง ขณะเดียวกันได้มองไปที่ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ เช่นกัน
นักพรตเฒ่าตั้งใจมองไปข้างบน เหมือนกำลังมองท้องฟ้าและก้อนเมฆ แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นพื้นปูนที่อยู่บนเพดานของลานจอดรถ น่าตลกจริง สาวน้อยโลลิคือพลังสู้รบที่แข็งแกร่งที่สุดรองลงมาจากวิชาอู๋ซวงของเถ้าแก่ร้านหนังสือมาตลอด แต่ยังถูกซัดเละขนาดนี้ ถ้าเขาเข้าไปไม่เท่ากับยื่นศีรษะไปให้เหรอ
สวี่ชิงหล่างกลับหยิบโทรศัพท์ออกมา เหมือนกำลังคิดเมนูของมื้อเย็นนี้ ส่วนอิงอิงรู้สึกอยากลองเป็นอย่างมากต่อสู้เหรอ เธอก็เป็น!
แต่ในเวลานี้ มีแมงมุมตัวหนึ่งคลานอยู่บนเพดาน ซึ่งอยู่ด้านบนของทนายอันพอดี เดดพูลจึงกระโดดออกไป ใช้มือข้างหนึ่งจับแมลงตัวนั้น แล้วร่วงลงมา ทว่าเขายังไม่ทันเอาใส่ปาก ทนายอันก็ตะโกนว่า “คนต่อไป คือคุณเหรอ”
กรงเล็บกระดูกสีขาวของทนายอันแทงทะลุหน้าอกของเดดพูลโดยตรง จากนั้นเขาถีบเดดพูลลอยออกไป เนื่องจากเขารู้พลังการฟื้นฟูที่น่ากลัวของเดดพูล ดังนั้นทนายอันจึงไม่ยั้งมือ ซึ่งเหมือนกับที่เขารู้พลังการฟื้นฟูลิ้นของสาวน้อยโลลิ ดังนั้นเขาถึงกล้าตัดลิ้นขาดอย่างไม่ลังเล
หน้าอกของเดดพูลถูกแทงทะลุเป็นรู เขากระแทกโดนกำแพงแล้วค่อยๆ ร่วงลงมา ทว่าเขาไม่โกรธและไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร แต่กลับรีบนำแมงมุมที่อยู่ในมือใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยทันที อร่อยจริงๆ!
ทนายอันลูบหน้าหนึ่งที เขารู้สึกว่าการดิ้นรนของเขาเหมือนไร้พลัง
เวลานี้โจวเจ๋อกลับมองไปที่เดดพูลเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันก็พูดกับเดดพูลว่า “ตั้งใจหน่อย สู้กับเขาสักตา”
…………………………………………………………………………