ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 378 คดีค้างคาปรากฏ
ตอนที่ 378 คดีค้างคาปรากฏ
นับตั้งแต่รับยมทูตครั้งที่แล้วจนถึงตอนนี้ ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงนี้ร้านหนังสือปกติสุขทุกอย่าง ใช้ชีวิตอย่างราบเรียบ แต่ราบเรียบก็ส่วนราบเรียบ ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
ไป๋อิงอิงถูกทนายอันแนะนำให้ไปเรียนเทควันโด เรียนรู้การเตะต่อย ทว่าใช้เวลาระหว่างบ่ายสองโมงถึงห้าโมงเย็นเท่านั้น เวลาที่เหลือก็อยู่กับโจวเจ๋อที่ร้านหนังสือ
ตามหลักการพูดของทนายอันแล้ว ผีดิบสาวมีร่างกายที่ทรงพลังและน่ากลัวเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่เข้าใจหลักการต่อสู้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้
สาวน้อยโลลิเคยถามไป๋อิงอิง หลังจากออกไปแล้วเจอผู้ชายเจ้าชู้เข้ามาวอแวบ้างไหม อย่างไรก็ตามถึงแม้สาวน้อยโลลิจะพูดว่า ‘ผีดิบโง่’ อยู่บ่อยๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า อิงอิงเป็นผู้หญิงที่สวยเหมือนเด็กมัธยมปลายที่เจริญเติบโตมาเป็นอย่างดี ปกติอยู่แต่ในร้านหนังสือจึงไม่มีอะไรมาก แต่พอออกไป จะต้องดึงดูดสายตาของคนกลุ่มใหญ่ได้แน่นอน
จากนั้นทุกครั้งที่ไป๋อิงอิงกลับมาเธอจะเล่าให้สาวน้อยโลลิฟังว่าวันนี้เตะขาผู้ชายเจ้าชู้ไปกี่คน แต่ก็จริง ด้วยนิสัยของอิงอิง เธอ ‘อ้อนๆๆ’ และสนใจโจวเจ๋อคนเดียวเท่านั้น ผู้ชายคนอื่นมีความเหม็นหึ่ง
นิสัยของเธอไม่ได้อ่อนโยนเชื่อฟังเหมือนที่แสดงให้เห็นในร้านหนังสือ ตอนนั้นที่เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมา สวี่ชิงหล่างเกือบโดนไป๋อิงอิงฆ่าตายเชียวนะ
พอพูดถึงเหล่าสวี่ ตอนนี้เขายังคงเก็บตัววาดยันต์อยู่ในห้องทั้งวัน เว้นเสียแต่ว่าได้เวลาทำกับข้าวแล้วเขาถึงจะออกมา โดยทั่วไปจะไม่ออกจากห้อง
เขามีสิ่งที่ต้องฝึก แต่เนื่องจากมีห้องชุดยี่สิบกว่าห้องแล้ว และยังหลงใหลในธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร จึงพลาดวิชาหลายอย่างโดยไม่รู้ตัว หลังจากอาจารย์ ‘ที่รักเขามาก’ ปรากฏตัวครั้งที่แล้ว ได้กระตุ้นเหล่าสวี่ให้กลับมาฝึกอีกครั้ง
เดดพูลก็เหมือนกัน หลังจากทนายอันสั่งให้เขาดูนินจาฮารูโตะ ก็สั่งให้เขาดูวันพีชด้วย ทำเอาเดดพูลเดี๋ยวก็พูดว่า ‘หนีห่าว (สวัสดี)’ เดี๋ยวก็พูดว่า ‘บากะ (ไอ้โง่)’ ทั้งวัน
ส่วนนักพรตเฒ่า ทนายอันขี้เกียจสนใจ คนอายุเจ็ดสิบเอ็ดปีแล้วอย่าไปทรมานเขาเลย ส่วนเจ้าลิงของนักพรตเฒ่ามักจะถูกทนายอันพาไปเที่ยวเล่นประจำ ขณะเดียวกันทนายอันได้ทำยาชนิดน้ำให้เจ้าลิงแช่อีกด้วย ตอนแรกนักพรตเฒ่ากังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นขนของเจ้าลิงเริ่มเงาขึ้นเรื่อยๆ พละกำลังก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาจึงวางใจ
แต่ในเมื่อมีความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นก็ต้องมีสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน และสิ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมีเพียงเถ้าแก่โจวเท่านั้น
โจวเจ๋อยังคงนอนหลับเวลาเดิม ตื่นเวลาเดิม แล้วมานอนอาบแดดดื่ม…น้ำส้มอยู่ตรงนั้น ด้วยเหตุนี้ ทนายอันจึงจนปัญญา แต่ช่วงที่ผ่านมานี้โจวเจ๋อได้จับดวงวิญญาณอยู่สองสามตัวทุกวัน บวกกับคะแนนสะสมก่อนหน้านั้น ทำให้ผลงานของเขาเพิ่มขึ้นมาบางส่วน
ช่วงนี้ทนายอันหากมีเวลาว่างจะค้นหาหนังสือตำนานท้องถิ่นและแผนที่ ก่อนหน้านั้นเขารับปากว่าจะช่วยทำคะแนนให้โจวเจ๋อ แต่ก็เหมือนกับการเล่นเกมออนไลน์ ต้องวางกลยุทธ์ก่อนถึงจะเล่นได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากทนายอันเข้ามาร่วมงานกับร้านหนังสือ ถือว่ามีคนเก่งทำงานเป็นสักที และยังถือว่าหลุดพ้นจากกระแส ‘ปลาเค็ม’ ที่มีผลมาจากมีเถ้าแก่โจวเป็นแบบอย่างชั่วคราว
…
เวลาบ่ายวันนี้ ตอนที่โจวเจ๋ออ่านหนังสือพิมพ์ เขาเห็นจางเยี่ยนเฟิงในชุดตำรวจเดินลงบันไดมา พร้อมกับยืนทำสีหน้าขรึมของตำรวจอยู่หน้ากระจกอย่างจริงจัง
“จะไปทำงานเหรอ” โจวเจ๋อวางหนังสือพิมพ์แล้วถาม
จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า “วันหยุดหมดแล้ว วันนี้ต้องไปทำงานอย่างเป็นทางการ”
“อาศัยจังหวะที่ตัวเองยังเป็นหนุ่ม รีบหาคู่ชีวิตเร็วๆ ดูเหมือนอายุแต่งงานของตำรวจค่อนข้างช้า คุณเพิ่งจะอายุสามสิบต้นๆ ยังพอมีโอกาส”
“จะไปไหนก็ไป พูดพิเรนทร์น้อยๆ หน่อย” จางเยี่ยนเฟิงถลึงตาใส่โจวเจ๋อหนึ่งที
“ผมเห็นจางเฟิงโพสต์รูปแฟนสาวในโมเมนต์ คุณเห็นหรือยัง”
จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า
“ก็ดี แสดงว่าเขาเดินออกมาจากความเศร้าที่พ่อตายได้แล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่ ดังนั้นคุณก็พิจารณาชีวิตใหม่ของคุณเถอะ”
“ผมไปทำงานวันแรก ทำไมถูกคุณพูดเหมือนจะไปร่วมรายการ ‘หาคู่’ ล่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
จางเยี่ยนเฟิงขับรถของสวี่ชิงหล่างออกไป บริเวณที่จอดรถด้านนอกของร้านหนังสือมีรถจอดอยู่ตลอดสองคัน คันหนึ่งเป็นรถของเหล่าสวี่ อีกคันหนึ่งเป็นรถของทนายอัน ปกติใครจะใช้รถคนนั้นจะต้องไปเอากุญแจที่เคาน์เตอร์
แต่เมื่อพิจารณาถึงอาชีพของตัวเอง รถของทนายอันหรูหราไปนิด เหล่าจางจึงเลือกขับรถของเหล่าสวี่แทน
โจวเจ๋อบิดขี้เกียจแล้วหาว เขารู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อเล็กน้อย ผิดท่าแล้วๆ จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนท่าแล้วนอนอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เสียงรถคันหนึ่งดังมาจากนอกประตูร้านหนังสือ
โจวเจ๋อหันไปมองหนึ่งที จากนั้นจึงตกตะลึง เพราะเหล่าจางขับรถกลับมาอีกแล้ว! เกิดอะไรขึ้น ทำงานวันแรกไม่ราบรื่นเหรอ จนกระทั่งเหล่าจางวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน โจวเจ๋อยังไม่ทันได้ถาม เหล่าจางก็นั่งลงตรงหน้าโจวเจ๋ออย่างอดใจไม่ไหว เขาหยิบเอกสารออกมาแล้วผลักไปตรงหน้าโจวเจ๋อ จากนั้นพูดด้วยความร้อนใจว่า “คุณรีบดูเอกสารนี้”
“…” โจวเจ๋อ
เถ้าแก่โจวรู้สึกแปลกๆ จึงถามทันที “นี่ คุณเพิ่งไปทำงานไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็ได้คดีทำแล้วเหรอ”
แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะ คดีเพิ่งเกิดได้แค่แป๊บเดียวก็ทำแฟ้มคดีเสร็จแล้วเหรอ
“เปล่านะ ผมแค่ไปรายงานตัวอย่างเป็นทางการ แล้วก็รีบกลับมา” จางเยี่ยนเฟิงตอบ “เพราะเหตุนี้ ผมถึงปฏิเสธทางสถานีที่เตรียมจะเลี้ยงข้าวกลางวันต้อนรับผมด้วย” สำหรับจางเยี่ยนเฟิง เขาคุ้นเคยกับคนในสถานีเป็นอย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักใหม่
“อย่างนั้นตอนนี้คุณหมายความว่ายังไง” โจวเจ๋อถาม
“สืบคดีไง” จางเยี่ยนเฟิงพูดอย่างมั่นใจ
“คุณสืบคดีเกี่ยวอะไรกับผม” โจวเจ๋อโบกมือด้วยความรังเกียจ แล้วเอนตัวพิงด้านหลัง
จางเยี่ยนเฟิงในชาติที่แล้วมักจะให้โจวเจ๋อช่วยตัวเองสืบคดีเป็นประจำ แถมยังแต่งตั้งให้เขาเป็นที่ปรึกษาของสถานีตำรวจ เนื่องจากมีคดีเยอะมาก ถ้าหากสามารถ ‘สื่อสารผ่านวิญญาณ’ ได้ ปัญหาก็จะคลี่คลายได้เยอะ
แต่ที่ปรึกษาของสถานีตำรวจได้แค่เหรียญรางวัลเท่านั้น ไม่ได้ให้เงิน อย่างมากสุดพอถึงช่วงเทศกาล ก็จะให้เป็ดต้มน้ำเกลือกับคุณ
เถ้าแก่โจวไม่เคยคิดที่จะเป็นประชาชนผู้ผดุงคุณธรรมอย่างแท้จริง
“จะไม่เกี่ยวกับคุณได้ยังไง ตอนนี้ผมเป็นลูกน้องของคุณแล้ว ใช่ไหมล่ะ”
“รับไม่ไหว” โจวเจ๋อรีบปฏิเสธทันที
“เรื่องของผมก็คือเรื่องของคุณใช่ไหม”
“จริงจังเกินไปแล้ว”
“คดีนี้ เป็นคดีค้างคาเมื่อสิบหกปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเพิ่งมาอยู่ในสถานีตำรวจได้ไม่นาน ก็เลยจำคดีนี้ได้อย่างแม่นยำ แต่ยังสรุปคดีไม่ได้มาตลอด นับว่าเป็นปมในใจของผม เมื่อก่อนผมเองก็รู้ว่า รบกวนคุณช่วยสืบคดีให้ผม ผมทำให้คุณต้องฝืนใจ แต่ตอนนี้ฐานะของผมก็เหมือนกับคุณแล้ว อีกทั้งผมยังได้กลับไปทำงานใหม่อีกครั้ง ดังนั้นคุณช่วยผมก็เท่ากับผมช่วยคุณใช่ไหม อย่างน้อยๆ เวลาผมอยากให้คุณช่วยสืบคดี ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร ไม่ว่ายังไงตอนนี้ทุกคนก็เป็นคนกันเองแล้ว”
โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ จึงชี้ไปที่จางเยี่ยนเฟิงแล้วพูดว่า “คุณวางแผนไว้นานแล้วใช่ไหม”ทำงานวันแรก หลังจากรายงานตัวเสร็จไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็กลับบ้านแล้ว คุณบอกว่าเขาเพิ่งนึกได้ จะเป็นไปได้อย่างไร!
“ช่วยหน่อยนะ ช่วยกันหน่อย” จางเยี่ยนเฟิงขอร้องโจวเจ๋อ
“ขอโทษนะ ขอโทษด้วยจริงๆ”
ขอโทษ ฉันขอปฏิเสธ แล้วก็คุณเป็นใคร
“คดีอะไร” นักพรตเฒ่าเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
“คดีฆ่าหั่นศพ” จางเยี่ยนเฟิงตอบ
“โห น่ากลัวมาก” นักพรตเฒ่าพ่นเปลือกเมล็ดแตงออกมาจากปาก “จำได้ว่าเมื่อก่อนที่หนานจิงเคยมีคดีฆ่าหั่นศพดังมาก”
“เรื่องนี้ไม่เหมือนที่หนานจิง คดีนี้ ตอนนั้นไม่ได้เป็นข่าวในทงเฉิง และด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราวในสังคม แต่มีเรื่องหนึ่งที่สามารถยืนยันได้คือ ศพถูกฆาตกรหั่นแยกสยอง”
“เฮ้อ” นักพรตเฒ่าส่ายหน้า แล้วหยิบเอกสารขึ้นมาดู จากนั้นเขาจึงเปิดดูแล้วถามว่า “รูปของผู้เคราะห์ร้ายล่ะ”
“ไม่มี” จางเยี่ยนเฟิงพูดอย่างจนใจ
“หาไม่เจอเหรอ”
“จำได้ว่าตอนนั้นสถานีตำรวจของพวกเราได้สืบอย่างละเอียด ตรวจสอบจากครอบครัวของผู้สูญหายแล้วก็ชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้น แต่ก็หาตัวของผู้เคราะห์ร้ายไม่เจอ”
“โอเวอร์ขนาดนี้เลยเหรอ”
“เมื่อสิบหกปีก่อน เงื่อนไขของการทำคดีและเทคนิคในการสืบไม่ได้ดีเท่าตอนนี้ การลงทะเบียนผู้อยู่อาศัยก็ไม่ได้สมบูรณ์เหมือนยุคปัจจุบัน และที่สำคัญที่สุดคือ พวกเราพบว่าฆาตกรจงใจทิ้งชิ้นส่วนกล้ามเนื้อของผู้เคราะห์ร้ายออกมา พวกเราหาไม่เจอแม้แต่กระดูกของคนตาย แต่มีสิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้คือผู้เคราะห์ร้ายเป็นสาววัยรุ่น เพราะฆาตกรจงใจทิ้งส่วนที่เป็นหน้าอกออกมา”
นักพรตเฒ่าเลียปากแล้วถอนหายใจพูดว่า “เลวระยำ”
เหล่าจางมองโจวเจ๋ออีกครั้ง “เถ้าแก่ ตอนนี้คดีนี้มีเบาะแสที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือน้อยมากจริงๆ จึงอยากเชิญคุณให้ออกมือช่วย”
“คุณว่างจัดเหรอ ถึงต้องทำคดีที่ค้างคาแบบนี้” โจวเจ๋อพูดอย่างรู้สึกขำ “คดีค้างคาที่หาไม่เจอแม้แต่ตัวตนของผู้เคราะห์ร้าย ผมว่านะ ถ้าหากผมช่วยคุณครั้งนี้ ครั้งหน้าคุณคงอยากจะลองทำคดีฆ่าหั่นศพที่หนานจิง หรือไม่ก็คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ไป๋หยิน หรือไม่ก็คดีวางยาพิษ” โจวเจ๋อรู้สึกว่าหลังจากเหล่าจางใช้วิธียืมศพคืนชีพและไปทำงานวันแรก เขาเริ่มทำตัวอิสระกล้าลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ ความรู้สึกแบบนี้คงประมาณว่า ไม่ว่าอย่างไรฉันก็เป็นคนที่ตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังมีอะไรปล่อยวางไม่ได้อีก
“เถ้าแก่ คดีที่ไป๋หยินถูกสรุปสำนวนคดีไปนานแล้ว” นักพรตเฒ่าพูดเตือนเบาๆ
โจวเจ๋อขึงตาใส่นักพรตเฒ่าหนึ่งที นักพรตเฒ่าหุบปากทันที
“คาดเดาจากข้อมูลที่สืบได้ในตอนนั้น ฆาตกรคนนี้น่าจะนำชิ้นส่วนของศพมาโยนทิ้งตามเส้นทางที่กำหนดไว้วันละชิ้นติดต่อกันหลายวัน แต่ทางตำรวจของพวกเราเก็บชิ้นส่วนศพได้น้อยมาก ซึ่งเป็นชิ้นส่วนศพตามรูปภาพในเอกสารนั่นแหละ”
“ทำไมล่ะ” โจวเจ๋อถาม
“เพราะว่าตอนนั้นฆาตกรใช้ถุงพลาสติกอย่างดีมาห่อชิ้นเนื้อ แล้วข้างนอกยังใช้กล่องกระดาษห่อไว้อีกชั้น หลังจากนั้นจึงนำไปวางตามถนนสายเล็ก คาดว่าคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นคิดว่าใครทำหมูตกหลังจากกลับมาจากตลาด จึงเก็บกลับบ้านตัวเองเอาไปทำกับข้าวกิน”
………………………………………………………………………..