ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 390 เหลือเชื่อ
ตอนที่ 390 เหลือเชื่อ
“ทำไมกาแฟนี้ยิ่งดื่มยิ่งแปลก หรือว่าดื่มจนเบื่อแล้ว” ด้านล่างร้านหนังสือ ทนายอันยังคงศึกษากาแฟที่อยู่ในมือของเขา และในกระติกเก็บอุณหภูมิใบใหญ่ก็ยังมีกาแฟอยู่เต็มเปี่ยม
“หรือว่าเถ้าแก่จู่ๆ ไม่สนใจกาแฟที่ฉันดื่มแล้ว ดังนั้นกาแฟจึงหมดรสชาติสำหรับฉัน” ทนายอันปกติไม่ดื่มกาแฟ ชาติที่แล้วเขาชอบดื่มน้ำชา แต่ปัจจุบันกลาย ‘สภาพ’ เป็นแบบนี้ จากเดิมที่นอนไม่หลับอยู่แล้ว เมื่อดื่มกาแฟเข้าไปอีก ยิ่งเหมือนหาตัวกระตุ้นให้ตัวเองหรือเปล่า มีเพียงปลาเค็มบางตัวเท่านั้นแหละ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ถึงดื่มกาแฟได้ทุกวัน
แต่สาเหตุหลักๆ ของเรื่องนี้ อันที่จริงนั้นง่ายแสนง่าย นั่นก็คือทนายอันไม่เคยดื่มกาแฟสำเร็จรูปมาก่อนจริงๆ เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างประณีตมาตลอด และด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ไป๋อิงอิงจะเปลี่ยนกาแฟแล้ว แต่เขาก็ยังแยกแยะไม่ออก
รถตำรวจคันหนึ่งมาจอดหน้าประตูร้านหนังสือ เสียงเบรกดังแสบแก้วหูเป็นอย่างยิ่ง ทนายอันลุกขึ้นพรวด แล้วจึงมองเห็นเหล่าจางเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“เกิดอะไรขึ้น” ทนายอันถาม
ถึงแม้เขาจะดูถูกความสามารถของเหล่าจาง ถึงแม้ตอนนี้เขาจะคิดว่าเถ้าแก่จับเหล่าจางมาเป็นหนึ่งในห้ายมทูตลูกน้องของเขา เป็นการซื้อขายที่ขาดทุนเพราะทำงานโดยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งก็ตาม แต่เขายังคงยอมรับนิสัยของเหล่าจางที่มีความสุขุม ถึงแม้ตอนที่ต้องพลีชีพ ก็ไม่เห็นความลนลานของเขา
“เกิดเรื่องแล้ว!” เหล่าจางตะโกนพูด “เถ้าแก่ล่ะ”
ทนายอันยื่นมือจิ้มศีรษะ แล้วพูดว่า “นอนกลางวันอยู่”
เหล่าจางรีบวิ่งขึ้นบันไดเสียงดัง ‘ตึงๆๆ’
ทนายอันส่ายหน้า พลางคิดในใจว่าเกิดเรื่องอะไรถึงได้ร้อนใจขนาดนี้
‘ก๊อกๆๆ! ก๊อกๆๆ!’ ประตูห้องนอนถูกเคาะเสียงดัง
ไป๋อิงอิงกวาดตามองเถ้าแก่กับสาวน้อยโลลิที่นอนหลับอยู่ข้างกายของตัวเอง จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตูแล้วเปิดออก สิ่งที่เข้าตาแวบแรกคือเหล่าจางที่มีใบหน้าร้อนใจ
“ทำไมเถ้าแก่ไม่รับโทรศัพท์ โทรไปครั้งแรกบอกว่าไม่อยู่ในเขตให้บริการ โทรครั้งที่สองก็ปิดเครื่องไปเลย โทรครั้งที่สามกลับบอกว่าค้างชำระจึงหยุดให้บริการ!”
“เอ่อ…” ไป๋อิงอิงไม่รู้ควรจะอธิบายอย่างไร เพราะเธอรู้ดีว่า ด้วยประสบการณ์ของตำรวจอาชญากรรมอย่างเหล่าจางเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเดาไม่ออกว่า โจวเจ๋อจัดเบอร์โทรของเขาเข้าสู่รายชื่อบัญชีดำแล้ว
“รีบปลุกเถ้าแก่ขึ้นมาเร็ว เกิดเรื่องแล้ว”
“ไม่ได้ เถ้าแก่บอกว่า ห้ามใครรบกวนการนอนหลับของเขา!” ไป๋อิงอิงยืนกราน
“รีบปลุกขึ้นมา เกิดเรื่องจริงๆ ต้องปลุกเขาขึ้นมา!” ขณะที่พูด เหล่าจางได้เดินเข้าไปข้างใน เตรียมจะหิ้วโจวเจ๋อขึ้นมาจากบนเตียง แต่วินาทีต่อมาคนที่โดนหิ้วกลับเป็นตัวของเขาจางเยี่ยนเฟิง
เท้าทั้งสองข้างของจางเยี่ยนเฟิงลอยขึ้นจากพื้นและส่ายไปมาไม่หยุด แต่คอเสื้อของเขากลับถูกไป๋อิงอิงจับขึ้นมา
“เถ้าแก่เกลียดคนอื่นรบกวนเวลานอนของเขาที่สุด ไม่ว่าเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ไม่อนุญาตให้เรียกเขา!”
เหล่าจางทั้งโกรธทั้งร้อนใจจริงๆ เขาอยากจะขัดขืน แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋อิงอิงเลยด้วยซ้ำ ตัวของเขาเป็นแค่ยมทูตอ่อนหัดเท่านั้น เนื่องจากวิญญาณของเขายังไม่เคยได้รับการกระตุ้นจากนรก เป็นผลทำให้เขามีพลังที่อ่อนแอที่สุดในบรรดายมทูตด้วยกัน
ผีดิบสาวอยากจะจัดการเขาเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างมาก ต่อให้ใช้เทคนิคการจับล็อกข้อต่อแบบฉินหนาของตำรวจอาชญากรรม ก็แค่พอต่อสู้กับนักโทษทั่วไปได้ แต่การต่อสู้กับผีดิบสาวน่ะเหรอ เป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเหล่าจางขุดหลุมให้ตัวเองเยอะเกินไปด้วย เรียกโจวเจ๋อไปช่วยเขาสืบคดีเป็นว่าเล่น ด้วยนิสัยขี้เกียจของเถ้าแก่โจวแล้วย่อมไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งครั้งสองครั้งยังพอไหว มากครั้งเกินไป เถ้าแก่โจวเบื่อจะแย่แล้ว
“นักพรตเฒ่าเกิดเรื่องแล้ว เขาโดนจับ!”
“หืม” ไป๋อิงอิงตกตะลึงเล็กน้อย แล้วจึงมองโจวเจ๋อที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง จากนั้นนึกถึงนักพรตเฒ่า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถูกจับก็คือถูกจับ แต่การนอนของเถ้าแก่สำคัญกว่า”
“…” จางเยี่ยนเฟิง
“…” นักพรตเฒ่าที่ไม่อยู่ตรงนี้
จางเยี่ยนเฟิงรู้สึกว่าผีดิบสาวคนนี้ไม่มีเหตุผลเลย ตอนนี้เขาจึงตะโกนออกมาเสียงดัง “เกิดเรื่องแล้ว!!!!”
สาวน้อยโลลิลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับจ้องมองเหล่าจางด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง น้องสาวที่เพิ่งเข้ามาล่าสุดคนนี้ไม่มีระเบียบเอาเสียเลย!
โจวเจ๋อก็ลืมตาพลางขมวดคิ้ว แล้วลุกขึ้นนั่งช้าๆ “มีคดีอีกแล้วเหรอ” โจวเจ๋อมองเหล่าจางที่โดนอิงอิงจับตัวอยู่ แล้วจึงถามอย่างรำคาญอยู่บ้าง
“นักพรตเฒ่าถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร โดนทีมสืบสวนเฉพาะกิจจับตัวไปแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องด่วนมาก ทีมสืบสวนเฉพาะกิจมองเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญที่สุดในตอนนี้!”
สายตาของโจวเจ๋อจ้องนิ่ง มองเหล่าจางด้วยความสงสัยอยู่บ้าง “คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม” คนอื่นเที่ยวผู้หญิงจนขาดการติดต่อ แต่นักพรตเฒ่าแค่ออกไปเที่ยวผู้หญิง กลับเที่ยวจนโดนข้อหาเป็นฆาตกรเหรอ
“ไม่ได้ล้อเล่น แล้วก็มีหลักฐานหลายอย่างชี้ชัดว่าเป็นเขา กระทั่งแม้แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่ามีหลักฐานมากมายโผล่มาจากไหน! ไม่ใช่แค่คดีใหม่ล่าสุดเท่านั้น นักพรตเฒ่าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย บนอาวุธก็ปรากฏลายนิ้วมือของเขา ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิด กระทั่งเบาะแสบางส่วนที่สืบได้จากศพก่อนหน้านี้ กลับพุ่งเป้ามาที่นักพรตเฒ่าอย่างไม่น่าเชื่อ”
โจวเจ๋อนั่งข้างเตียง มองเหล่าจางแล้วถาม “ตอนที่จับคน คุณอยู่ในที่เกิดเหตุหรือเปล่า”
เหล่าจางตกตะลึง
“ไม่ได้เรื่อง”
“…” เหล่าจาง
…
ภายในรถ เหล่าจางเป็นคนขับรถ ส่วนโจวเจ๋อนั่งอยู่ข้างคนขับด้วยสีหน้าเฉยเมย ส่วนไป๋อิงอิงกับสาวน้อยโลลินั่งอยู่ด้านหลัง
เหล่าอันขับรถของเขาพร้อมกับพาเจ้าลิงน้อยตามไปด้วย ดังนั้นภายในร้านหนังสือจึงเหลือสวี่ชิงหล่างกับเดดพูดคอยเฝ้าร้าน
“อย่าวู่วาม” จางเยี่ยนเฟิงลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังเอ่ย
โจวเจ๋อมองเหล่าจางหนึ่งทีแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าเป็นคดีอะไร สถานที่เกิดเหตุเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ ผมขอถามคุณประโยคเดียว คุณคิดว่า นักพรตเฒ่าจะเป็นฆาตกรได้ไหม”
“ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นฆาตกร แต่…”
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องมีแต่” โจวเจ๋อพูดตัดบทเหล่าจาง
“ตอนนี้ปัญหาคือ หลักฐานมากมายชี้ชัดไปที่เขาอย่างไม่มีสาเหตุ พวกเราต้องสืบเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง”
“สืบ ต้องสืบแน่นอน แต่ไม่ว่าสุดท้ายจะสืบเจออะไรหรือไม่ ผมไม่อยากเห็นนักพรตเฒ่าต้องเป็นแพะรับบาป”
“เรื่องราวจะไม่ถึงขั้นนี้”
“ผมก็หวังว่าจะไม่ถึงขั้นนี้”
เนื่องจากเหล่าจางขับรถตำรวจ ดังนั้นจึงขับรถมาถึงสถานีตำรวจได้อย่างราบรื่นไร้สิ่งกีดขวาง หลังจากลงจากรถ โจวเจ๋อส่งสัญญาณบอกให้ไป๋อิงอิงกับสาวน้อยโลลิรออยู่ในรถ ส่วนตัวเขาจะเข้าไปในสถานีตำรวจกับเหล่าจาง
หลังจากเห็นเงาหลังของทั้งสองคนหายลับตาเข้าไปในห้องโถงใหญ่แล้ว สาวน้อยโลลิจึงใช้ศอกกระทุ้งเอวของไป๋อิงอิงแล้วพูดว่า “นานๆ จะเห็นเถ้าแก่มีท่าทางนิ่งขรึมขนาดนี้”
ปลาเค็มตัวหนึ่ง จู่ๆ กลับลุกขึ้นมา ความไม่เข้ากันแบบนี้ ทำให้รู้สึกแปลกใหม่และไม่ชินเป็นธรรมดา
“เถ้าแก่บอกว่า เขาแค่อยากใช้ชีวิตที่เงียบสงบก็พอ” ไป๋อิงอิงไม่รู้สึกแปลกอะไร “เถ้าแก่รู้ว่าตัวเขาเองควรทำอะไร”
ทนายอันจอดรถหน้าประตูสถานีตำรวจ จากนั้นยื่นมือกอดเจ้าลิงน้อยที่กระโดดไปมาด้วยความกระวนกระวายใจตลอดเวลา เจ้าลิงร้อง ‘เจี๊ยกๆๆ’ โบกค้อนพลาสติกที่อยู่ในมือไม่หยุด ท่าทางเหมือนจะเข้าไปปล้นคุก!
เมื่อก่อนใช่ว่านักพรตเฒ่าจะไม่เคยเข้าคุกมาก่อน ข้อหาขับรถไม่มีใบขับขี่กระทั่งเอายาเสพติดออกมาเร่ขายก็มี แต่เจ้าลิงรู้ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกันอย่างมาก
“วางใจได้ วางใจเถอะ ไม่เป็นไรหรอก” ทนายอันกลับใจเย็นเป็นอย่างมาก “ลองดูว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงแล้วค่อยว่ากัน มาอาขอดูหน่อย ตัวแกมีเหาหรือเปล่า”
…
เหล่าจางเดินนำหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โจวเจ๋อเดินตามหลังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งกว่า ทั้งสองคนเดินตามกันเข้าไปในสถานีตำรวจ พร้อมกับแพร่กระจายกลิ่นอายห้ามใครเข้าใกล้ออกมา
“เถ้าแก่ อย่าวู่วามเด็ดขาดนะ ที่นี่เป็นสถานีตำรวจ คุณเคยพูดว่า ยมทูตอย่างพวกเราจะทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน่วยงานของโลกมนุษย์ไม่ได้”
“เหล่าจาง ผมขอพูดอะไรที่ไม่น่าฟังก่อน”
“คุณว่ามา”
“ผมอนุญาตให้คุณสับเปลี่ยนฐานะไปมาระหว่างยมทูตกับตำรวจอาชญากรรมต่อไป แต่เวลาแบบนี้ ผมอยากให้คุณมองว่าตัวเองเป็นยมทูตคนหนึ่ง”
“ผมรู้ครับ”
“ไม่ คุณไม่รู้” โจวเจ๋อยื่นมือกดไหล่ของเหล่าจาง แล้วพูดเสียงขรึม “นักพรตเฒ่าไม่มีทางฆ่าคน”
“ครับ ผมก็คิดแบบนั้น”
“ดังนั้น เรื่องนี้จึงง่ายมาก ต้องมีคนอยากใส่ความเขา หรือไม่ก็มีคนอยากยืมมือของเขาเพื่อมาจัดการผม!”
โจวเจ๋อกัดฟัน ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่ แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายบางอย่างโดยสัญชาตญาณ
“ถ้าหากมีคนอยากจัดการผม อย่างนั้นยมทูตที่เป็นลูกน้องของผมรวมทั้งทุกคนในร้านหนังสือ รวมถึงคุณด้วย จะไม่โชคดีรอดพ้นไปได้ ผมไม่ใช่คุณ ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว ผมจะไม่เสียสละตัวเองแน่นอน ณ จุดนี้ คุณก็เข้าใจ”
…
“หัวหน้า นักโทษคนนั้นเพิ่งสอบสวนเสร็จครับ และกำลังจะควบคุมตัวเขาไปที่ห้องขัง”
“เรียกตัวมาอีก ผมมีเรื่องบางอย่างอยากถามเขาอีกหน่อย”
“ได้ครับ หัวหน้า”
โจวเจ๋อกับเหล่าจางเข้าไปนั่งอยู่ในห้องสอบสวนด้วยกัน ซึ่งผิดกฎระเบียบ ผิดกฎระเบียบเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า เวลานี้เหล่าจางอำนวยความสะดวกให้มากแล้วจริงๆ
เขาไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักพลิกแพลงอะไรอีกแล้ว หากอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เป็นภัยต่อสังคมและไม่ผิดหลักการพื้นฐาน เขายังพอเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
โจวเจ๋อหลับตา พร้อมกับใช้มือซ้ายหมุนปากกาไปพลาง เพิ่งสงบได้ไม่นาน ก็มีเรื่องวุ่นวายอย่างอื่นมาหาเขาอีกแล้ว ตั้งแต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอาจารย์สวี่ชิงหล่างเมื่อครั้งที่แล้ว ที่เกือบจะทำให้ทุกคนในร้านหนังสือได้รับบทเรียนของการฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้โจวเจ๋ออ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมาก เพียงแต่สิ่งที่น่าจนใจในเวลานี้คือ จนถึงป่านนี้เขายังไม่เข้าใจเบื้องหลังของการก่อเรื่องในครั้งนี้ ว่าต้องการหาเรื่องนักพรตเฒ่าหรือหาเรื่องเขาโจวเจ๋อกันแน่
ถ้าหากเป็นอย่างแรก อย่างนั้นก็ยังพอควบคุมปัญหาได้และแก้ไขได้ไม่ยาก ถ้าหากเป็นอย่างหลัง…โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพิ่มความเร็วการหมุนปากกาที่อยู่ในมือให้เร็วยิ่งขึ้น เขาจำได้ว่าตอนที่ปากกาเจ้างั่งผนึกจิตสำนึกที่อยู่ภายในร่างกายของเขา จิตสำนึกนั่นเคยตะคอกใส่โจวเจ๋อ บอกว่าเขาจะคอย จะคอยดูว่าต้องรออีกนานแค่ไหนโจวเจ๋อจะเป็นคนปลดผนึกด้วยตัวเองเพื่อขอพลังของเขา
โจวเจ๋อใช้ความคิดไม่หยุด เมื่อนักพรตเฒ่าถูกตำรวจควบคุมตัวเข้ามานั่งบนเก้าอี้สอบสวน พร้อมกับมือที่ถูกใส่กุญแจมือ โจวเจ๋อลืมตาช้าๆ จากนั้นเขารู้สึกตกใจที่เห็นสภาพยุ่งเหยิงและแววตาที่เลื่อนลอยของนักพรตเฒ่าในตอนนี้
โจวเจ๋อหยุดหมุนปากกาที่อยู่ในมือทันที และเริ่มโน้มตัวไปข้างหน้าช้าๆ
นักพรตเฒ่ามีสภาพเป็นแบบนี้ได้อย่างไร!
………………………………………………………………………..