ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 392 เบาะแสสำคัญ!
ตอนที่ 392 เบาะแสสำคัญ!
นอกห้องสอบสวน มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา จากนั้นเกิดการทะเลาะเสียงดังขึ้นทันที
โจวเจ๋อได้ยินเสียงของเหล่าจาง ดูเหมือนกำลังอธิบายอะไร แต่ความรู้เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้จะรู้สึกเสียใจว่าที่เรียนมามันน้อยเกินไป เมื่อนำมาใช้ทางราชการจึงเสียใจที่รู้น้อยไปด้วย ไม่ช้าประตูห้องสืบสวนถูกผลักออก เหล่าจางยืนอยู่หน้าประตูมองโจวเจ๋อด้วยความจนใจ เมื่อตัดเงื่อนไขการต่อต้านด้วยอาวุธออกไป เหล่าจางพยายามถ่วงเวลาอย่างสุดชีวิตแล้ว
โจวเจ๋อเพิ่งจะลุกขึ้น แต่ปรากฏว่ามือของเขากลับถูกทนายอันที่ยังนั่งหลับตาอยู่ตรงนั้นจับไว้แน่น ทนายอันพูดเสียงหนักว่า “ประคองผมแล้วออกไปก่อน ปล่อยเขาไว้ที่นี่”
โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าที่ยังคงทำตัวเซ่อซ่าเหมือนเดิม ก่อนจะประคองทนายอันขึ้นมาแล้วเดินออกไป เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถด้านนอก โจวเจ๋อเพิ่งจะปล่อยมือ ทนายอันก็พิงหน้าต่างรถทันที เขาหายใจหอบแฮก มุมตาของเขามีคราบเลือดไหลออกมาเล็กน้อย ดูแล้วน่าสงสารอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ซี้ด…” ทนายอันสูดลมเย็นเข้าปาก เขาพยายามลืมตา แต่กลับรู้สึกว่าสายตาของตัวเองพร่าเลือนไปหมด แสงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เขารู้สึกทรมานเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความจนใจ ทนายอันจึงได้แต่หลับตา
“เถ้าแก่”
“ช่วยนักพรตเฒ่าออกมาไม่ได้เหรอ”
ไป๋อิงอิงกับสาวน้อยโลลิก็เดินเข้ามา
“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงถูกไป๋อิงอิงกอดอยู่ในอ้อมอก เวลานี้มันโบกกรงเล็บของมันไปมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อไม่เห็นนักพรตเฒ่าออกมาด้วยกัน เจ้าลิงน้อยจึงยิ่งร้อนใจ มันเป็นวิญญาณลิงกลับชาติมาเกิด ฉลาดเป็นกรด ดังนั้นจึงรู้ดีว่า ถ้าหากไม่ใช่เรื่องที่จัดการยากเกินไป พวกเถ้าแก่จะต้องพานักพรตเฒ่าออกมาได้แน่นอน
“ขึ้นรถก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
โจวเจ๋อช่วยเปิดประตูรถให้ทนายอัน ประคองทนายอันเข้าไปนั่งในรถ จากนั้นโจวเจ๋อจึงเข้าไปนั่งในรถเช่นกันพวกเขาขับรออกมาจากพื้นที่ของสถานีตำรวจ แล้วจอดอยู่ตรงหน้าสัญญาณไฟจราจร
ทนายอันเปิดประตูรถ เดินโซเซลงมา โน้มตัวแล้วอาเจียนแห้งออกมา
“เมารถเหรอ” ไป๋อิงอิงถามด้วยความสงสัย
ถึงแม้ทนายอันจะขับรถด้วยตัวเอง ทว่าคนที่ขับรถเองจะไม่เมารถ มีแต่คนนั่งที่เมารถต่างหาก โจวเจ๋อยื่นขวดน้ำเปล่าเข้ามาแล้วช่วยบิดฝาขวดให้ทนายอัน
ทนายอันรับขวดน้ำเปล่าแล้วราดลงไปบนหน้าของตัวเองโดยตรง พยายามเช็ดหน้าอย่างแรง ไม่ง่ายเลยกว่าจะหายใจยาวได้อย่างโล่งอกแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ยุ่งยากเล็กน้อย นักพรตเฒ่าไม่ได้ถูกสะกดจิต แต่ถูกคนสาปแช่ง”
“โดนสาปแช่ง” โจวเจ๋อขมวดคิ้ว เรื่องการสาปแช่ง เขามีประสบการณ์น้อยมาก ครั้งที่แล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ชายชราที่ร่ำรวยคนนั้นถูกสาบแช่งโดยเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
“ใช่แล้ว โดนสาปแช่ง และคำสาปแช่งนั้นก็รุนแรงมาก ผมแก้ไขไม่ได้ ตอนนี้ ต้องหาตัวคนที่สาปแช่งถึงจะมีวิธีแก้คำสาปได้” ขณะที่พูด ทนายอันรับกระดาษทิชชูที่ยื่นมาจากไป๋อิงอิงแล้วเช็ดหน้า จากนั้นพูดเตือนว่า “อ้อใช่ คนที่ร่ายคาถาอาจจะไม่ใช่คนเสมอไป อาจจะไปเจอของดำอะไร อย่างเช่น ของที่ใช้เซ่นไหว้อาจจะมีการร่ายคาถาแฝงอยู่”
“อย่างนั้นมันคืออะไร” สาวน้อยโลลิถาม
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง” ทนายอันบกสองมือขึ้นมาแล้วตะโกนพูดในทันใด “ตัวผมเองเกือบจะซวยไปด้วย เกือบโดนเจ้าสิ่งนั้นควบคุมแล้ว มันเหมือนกับโรคระบาด โรคระบาด!!!” ขณะที่พูด ทนายอันกุมศีรษะของตัวเอง คุกเข่าแล้วพูดเบาๆ ว่า “ขอโทษครับ ผมเสียมารยาท…”
“เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงมองไปที่โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยว่า “สืบ!”
ใช่แล้ว ต้องสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับนักพรตเฒ่า เกี่ยวโยงกับคนในร้านหนังสือ โจวเจ๋อจึงนิ่งดูดายไม่ได้
ก่อนหน้านั้นเขาช่วยเหล่าจางสืบคดีเพราะความสนุก แค่อยากหาอะไรทำเท่านั้น แต่ครั้งนี้ เขาเอาจริงแล้วจริงๆ
“อิงอิง”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
“โทรหาเจิ้งเฉียง หลิวฉู่อวี่ เยวี่ยหยา สั่งให้พวกเขาวางงานในมือทั้งหมด แล้วรีบมาที่นี่ บอกพวกเขาว่า ถ้าหากคนไหนมาช้า ผมจะบดขยี้เลือดวิญญาณของคนนั้น”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
“หลินเข่อ ตอนนี้คุณไปหาเหล่าจาง ไม่ว่ายังไงเขาก็โดนเพ่งเล็งโดนจับย้ายออกมาจากทีมสืบสวนเฉพาะกิจแล้ว สั่งให้เขาลาหยุดไปเลย เพราะเรื่องนี้ไม่ต้องอาศัยตำรวจ พวกเราจะสืบกันเอง”
สาวน้อยโลลิพยักหน้า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
โจวเจ๋อโน้มตัว ยื่นมือไปตบไหล่ของทนายอัน แล้วถามว่า “ขวัญไม่หายนะ”
“ผมไม่เป็นไร” ทนายอันโบกมือ “แต่มีเรื่องหนึ่งผมอยากจะเตือน ถ้าหากเจอเบาะแสอะไรแล้ว อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด แม้แต่ผมยังเกือบโดน พวกเขา คงต้านทานไม่ได้”
“ผมเข้าใจ”
“นักพรตเฒ่า ปล่อยให้เขาอยู่ในสถานีตำรวจไปก่อน ไม่ว่ายังไงที่นั่นก็เป็นกลไกความยุติธรรมของโลกมนุษย์ ต้องมีผลยับยั้งต่อคำสาปได้ระดับหนึ่งแน่นอน และต่อให้ต้องกินลูกปืน ก็ต้องผ่านหลายขั้นตอน ใช้เวลานานพอสมควร แต่คุณต้องคิดเหตุผลและเตรียมตัวให้ดีก่อน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเอาเรื่องเหนือธรรมชาติเป็นข้อสรุปไปคุยที่สถานีตำรวจเพื่อให้ตำรวจปล่อยคน แม้แต่ศาลก็ไม่รับหลักฐานของคุณ”
“เรื่องหลังจากนี้ หลังจากนี้ค่อยว่ากัน ไม่ว่ายังไง จะปล่อยให้นักพรตเฒ่าเป็นแพะรับบาปและตายไปแบบนี้ไม่ได้”
“เหอะ นานๆ จะเห็นคุณจริงจังสักครั้ง”
ทนายอันลุกขึ้นยืน “ผมขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อทำงาน พวกเขาน่าจะมาพร้อมกันหลังเที่ยงคืน ถึงตอนนั้นพวกเราจะรวบรวมข้อมูลที่อยู่ในมือก่อน จากนั้นค่อยแบ่งหน้าที่ให้ทุกคนไปสืบ”
…
‘ก๊อกๆๆ!’
‘ก๊อกๆๆ!’
“ใครๆ! เคาะประตูแรงมาก เรียกผีเหรอไง!!” ผู้หญิงวัยกลางคนเปิดประตู เส้นผมของเธอยังคงเปียกชื้น เธอใส่ชุดนอนเผยให้เห็นผิวพรรณของเธอ แต่ก็ไม่ถือสาถ้ามีใครมองเห็น
“คุณรู้จักคนนี้ไหม” โจวเจ๋อหยิบรูปภาพของนักพรตเฒ่าออกมา
ผู้หญิงตกใจ รีบส่ายหน้าพูดทันที “ไม่รู้จัก ใครจะรู้จักคนแก่แบบนี้!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้หญิงเตรียมตัวจะปิดประตู ไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างๆ กลับยื่นมือขวางประตูเอาไว้ จากนั้นใช้แรงเล็กน้อย ประตูห้องถูกเปิดออก ผู้หญิงล้มลงไปบนพื้นทันที กล้าเล่นเกมกับผีดิบสาว สมองมีปัญหาหรือเปล่า
“พวกคุณเป็นตำรวจเหรอ” ผู้หญิงนั่งตะโกนพูดอยู่บนพื้น
โจวเจ๋อเดินเข้าไปโดยตรง ไป๋อิงอิงปิดประตู จากนั้นไป๋อิงอิงจึงจับผู้หญิงขึ้นมาอย่างรู้งาน ใช้มือข้างหนึ่งจับมือทั้งสองของผู้หญิงรวบไว้ข้างหลัง แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งบีบคอของผู้หญิง
“ตอบคำถามของเถ้าแก่ดีๆ ไม่อย่างนั้นจะหักคอของเจ้าซะ” ขณะที่พูด ไป๋อิงอิงออกแรงที่ข้อมือเล็กน้อย ผู้หญิงรู้สึกเจ็บอยากจะร้องออกมา แต่เธอถูกไป๋อิงอิงบีบคอ จึงตะโกนออกมาไม่ได้
ผีดิบสาวที่ทำตัว ‘ออดอ้อน’ เวลาอยู่ต่อหน้าโจวเจ๋อมาตลอด เวลาที่อยู่ข้างนอก กลับมีนิสัยที่คบหายากเป็นอย่างมาก เพื่อประหยัดเวลาจึงเข้าประเด็นโดยตรง การข่มขวัญอีกฝ่ายก่อนถือเป็นเรื่องที่ประหยัดเวลาที่สุด และโจวเจ๋อก็ไม่ใช่ตำรวจ ดังนั้นเวลาทำงานจึงไม่ถูกจำกัดอิสรภาพ
“เมื่อวานตอนบ่าย เขามาหาคุณใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม
ตอนนี้ผู้หญิงนิ่งแล้ว นับว่าเธอก็ผ่านโลกมาเยอะเหมือนกัน ดูจากสไตล์การทำงานของทั้งสองคนนี้แล้ว ไม่ใช่ตำรวจอย่างสิ้นเชิง และเป็นเพราะว่าเธอรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ตำรวจ ดังนั้นเธอจึงยิ่งหวาดกลัว
“เขามาหาฉัน แต่สิ่งที่ควรพูด ฉันได้บอกตำรวจไปหมดแล้ว เขาสมควรโดนฟันเป็นพันครั้ง คุณรู้ไหม เดิมทีฉันยังเห็นแก่ความดีของเขา ถึงแม้จะอายุมากไปหน่อย แต่กำลังดีไม่เลว ดีกว่าเด็กหนุ่มอายุยี่สิบปีต้นๆ ที่ดูดีแต่ภายนอกแต่ใช้การไม่ได้ และยังมีอารมณ์ขัน เอาใจคนเก่ง รู้ว่าต้องปรับตรงไหน ไม่รีบถอดกางเกงทันที…”
ไป๋อิงอิงฟังอยู่ข้างๆ อย่างสนุกสนาน เรื่องพวกนี้ไม่มีในหนังสือ ‘การฝึกทักษะของสาวใช้’ แต่โจวเจ๋อกลับยกมือขึ้น “ไม่ต้องอธิบายอันนี้”
‘แต่ข้ายังอยากฟังนะ’ ไป๋อิงอิงแอบพูดอยู่ในใจ
“อ้อ ค่ะ” ผู้หญิงเม้มปากเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “ใครจะรู้ว่าฆาตกรคนนั้น หลังจากเสร็จกิจจากฉันแล้ว ก็วิ่งขึ้นไปฆ่าคน ทำเอาฉันต้องโดนตำรวจสอบสวน เกือบจะทำให้ฉันติดคุกไปด้วย คุณดูสิ ฉันทำอาชีพแบบนี้ จะโดนสอบสวนได้ไหม”
“วันนั้นเขามีความผิดปกติอะไรตรงไหนหรือเปล่า” โจวเจ๋อถาม
“ผิดปกติเหรอ” ผู้หญิงส่ายหน้า “ฉันไม่รู้สึกเลย เขายังทำนานเหมือนเดิม แต่หลังจากเสร็จครั้งที่สอง ตอนที่จะจ่ายเงิน เขาบอกว่าลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องผู้ชายคนนั้น เขาจึงขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ ผลปรากฏว่าไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ตอนนั้นฉันก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน ตามหลักแล้วเขาไม่น่าใช่คนขี้งก และไม่น่าจะหลอกคนที่หาเงินลำบากอย่างพวกเรา ฉันยังบอกว่าไม่ต้องให้ก็ได้ แต่เขาบอกว่าจะต้องให้ให้ได้ แต่ก็ไม่เห็นกลับมา จากนั้นตำรวจก็มาแล้ว”
“หลังจากเขาออกไป ก็ไม่กลับมาอีก ใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม
“ไม่ได้กลับมาค่ะ ตอนหลังพอตำรวจมาก็จับตัวเขาไป บอกว่าเขาฆ่าคน และคนที่เขาฆ่าก็คือชายชราที่อยู่ข้างบนนั้น ฉันยังงุนงงไม่เข้าใจอยู่เลย คนแก่สองคนทะเลาะอะไรกันทำไมถึงต้องใช้มีดฆ่ากันด้วย คิดว่าตัวเองยังเป็นหนุ่มๆ กันหรือไง”
“ไม่มีอย่างอื่นอีกใช่ไหม ผมหมายความว่า เขามาหาคุณสองครั้ง ระหว่างสองครั้งนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยเหรอ”
“…” โจวเจ๋อ
“อ้อ พูดถึงความเปลี่ยนแปลง มีอยู่อย่างหนึ่ง” ทันใดนั้นผู้หญิงเหมือนนึกอะไรออก ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า“ฉันจำได้ว่าทุกครั้งที่เขามา ตอนที่ถอดกางเกง จะหยิบยันต์ออกมาใบหนึ่ง”
แววตาของโจวเจ๋อเปลี่ยนเป็นเฉียบแหลมขึ้นมาทันที ยันต์กระดาษของนักพรตเฒ่า!
“เขาบอกว่าเป็นวิชาของเขา แถมยังโม้กับฉันว่ายันต์กระดาษนี้มีฤทธิ์เดชแค่ไหน ทุกครั้งที่เขามา ตอนที่เขาถอดกางเกง เขาจะหยิบยันต์นี้ออกมาเสมอ แล้วเอามาแปะที่ตัวของฉัน”
โจวเจ๋อส่ายหน้า นี่คือการป้องกันตัวหลังจากที่นักพรตเฒ่าเจอสุนัขจิ้งจอกขาวตัวนั้นที่คลับครั้งที่แล้ว เขาจะหยิบยันต์กระดาษออกมาเพื่อเป็นแนวป้องกันสุดท้ายให้ตัวเอง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา
และด้วยยันต์กระดาษนี้ ตอนที่ขึ้นรถยังไปตรวจป้ายทะเบียนรถว่าเป็นทะเบียนรถปลอมไหมด้วย
โจวเจ๋อลุกพรวด ยันต์กระดาษ หากุญแจสำคัญของปัญหาเจอแล้ว นั่นก็คือระหว่างสองครั้งที่นักพรตเฒ่าอยู่ที่นี่ เขาเอายันต์กระดาษไปใช้ที่ไหนบ้าง!
………………………………………………………………………..