ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 393 คำสาป
ตอนที่ 393 คำสาป
“ผลการสืบได้หรือยัง” ทนายอันนั่งอยู่ในรถ แล้วส่งข้อความเสียงในวีแชตกลุ่ม พวกเขาสร้างกลุ่มวีแชตขึ้นมาเพื่อการติดต่อที่สะดวกขึ้น ทุกคนในร้านหนังสือที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้บวกกับยมทูตนอกพื้นที่อีกสามคนต่างก็อยู่ในกลุ่มวีแชตนี้เหมือนกัน ชื่อกลุ่มคือ ‘นักพรตเฒ่าคนเซ็กซี่แจกไพ่ออนไลน์…’
ไม่ช้าเจิ้งเฉียงก็ตอบกลับมาหนึ่งข้อความ “ใกล้แล้ว”
ทนายอันเอนเบาะเพื่อเอนตัวนอนลงไป พลางยื่นมือคลึงดวงตาของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นตอนนี้ เมื่อเขานึกภาพของดวงตาที่อยู่เต็มเพดานอีกครั้ง เขาก็ยังรู้สึกกลัวเหมือนเดิม
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาจะไม่สืบเรื่องนี้ต่อแน่นอน เพราะอาจจะนำอันตรายมาสู่ตัวเองก็เป็นได้ อย่ามองว่าทนายอันเคยอยู่ทั้งวงการสีขาวและสีดำ เวลาพูดขึ้นมาแล้วดูเก่งแค่ไหน แต่ถ้าหากต้องอวดเก่งไปทุกเรื่อง คงไม่รู้ว่าเขาต้องตายกี่ครั้งแล้ว และคำสาปนั่นก็มีมนต์ขลังมากจริงๆ อีกทั้งดูจากสภาพการณ์แล้ว บนเพดานมีดวงตาสองสามดวงเท่านั้นที่อยู่ในสภาพปิดตาไม่สนิท เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ในสภาพนอนหลับยาว ยังไม่ตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์
ถ้าหากการสืบต่อของตัวเองไปกระตุ้นมัน ปลุกเจ้าสิ่งนั้นให้ตื่นขึ้นมา เช่นนั้นผลเสียที่ตามมาน่าจะรุนแรงแน่นอน แต่ในเมื่อโจวเจ๋ออยากจะสืบต่อ สั่งให้ลูกน้องของตัวเองสืบหาความจริง ทนายอันจึงไม่สามารถพูดคำว่า ‘ไม่’ ได้เลย หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้ตัวเขาเองก็เป็นพนักงานของโจวเจ๋อ คุณจะห้ามเถ้าแก่ไปช่วยพนักงานของตัวเองเหรอ คิดอะไรของคุณ คุณอยากให้เถ้าแก่ทิ้งคุณหลังจากที่เจอเรื่องแย่ในวันหน้าเหรอ ระหว่างที่คิดวนไปวนมา ก็มีข้อความส่งเข้ามาในกลุ่มวีแชตอีกครั้ง
“ข้อมูลของผู้ตายคนนั้นผมสืบได้แล้ว จะส่งเข้าไปในกลุ่มเดี๋ยวนี้”
เจิ้งเฉียงกับหลิวฉู่อวี่รับผิดชอบหาข้อมูลของชายชราที่เสียชีวิต เพราะเป็นไปไม่ได้ที่นักพรตเฒ่าจะฆ่าคน และคนนั้นก็ตายแล้ว ดังนั้นสาเหตุการตายของคนนั้นจะต้องเป็นสาเหตุอย่างอื่น
ข้อมูลของชายชราคนนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง
เพราะถ้าหากมีบางสิ่งที่ต้องการหาเรื่องร้านหนังสือละก็ คุณสามารถพูดได้ว่ามันระมัดรังวังตัวและรอบคอบไม่ลงมือกับโจวเจ๋อโดยตรง แต่มันระวังมากถึงขั้นเลือกลงมือกับนักพรตเฒ่าก่อนใช่ไหม
นี่เหมือนสงครามระหว่างสองประเทศ หนึ่งประเทศในนั้นส่งนักฆ่าที่ยอดเยี่ยมออกมา เพื่อไปลอบฆ่าทหารใหญ่ที่เฝ้าประตูเมืองของอีกประเทศโดยเฉพาะ…แน่นอนว่า ถ้าอยากสืบประวัติใครคนหนึ่งด้วยความรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นตำรวจก็ยากที่จะทำได้ เพราะของพวกนี้ไม่ได้นั่งเคาะแป้นพิมพ์หน้าคอมพิวเตอร์แล้วจะหาเจอ ข้อมูลตามทะเบียนบ้านจะมีสักกี่คำเชียว
ดังนั้นจึงต้องไปเยี่ยมตามครัวเรือนถึงขนาดที่ว่าถ้าหากอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือก็ต้องใช้วิธีการเฉพาะตัวเล็กน้อย เรื่องแบบนี้สั่งให้ยมทูตที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวไปจัดการจะสะดวกมากกว่า
ทนายอันแอด (@) ถึงเหล่าจางที่อยู่ในกลุ่ม เหล่าจางส่งอิโมจิรูป ‘OK’ กลับมา จากนั้นทนายอันจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นสถานีตำรวจ
…
‘ฉึบ!’
‘ฉึบ!’
‘ฉึบ!’
เข็มเงินทั้งสามเล่มลอยออกไป ทิ่มไปยังตำรวจที่เฝ้าเวรทั้งสามคน จากนั้นทั้งสามคนก็นอนสลบพร้อมกัน ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว ก็มีโมริ โคโกโร่นอนหลับสนิทอยู่ตรงทางเข้าห้องขังสามคน เยวี่ยหยาวางเข็มเงินที่เหลือในมือ แล้วปัดมือพลางเอ่ยกับเหล่าจางว่า “จัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะนอนหลับครึ่งชั่วโมง”
เหล่าจางพยักหน้า ถึงแม้แอบเข้ามาในห้องขังจะรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่เวลานี้แบบนี้ เขาไม่สามารถคิดจุกจิกต่อศีลธรรมของตัวเองได้แน่นอน เขาถูกไล่ออกจากทีมสืบสวนเฉพาะกิจแล้ว จึงไม่อนุญาตให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้อีก
สาเหตุคือพาคนนอกเข้ามาสืบสวน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎ แต่ก็ไม่มีใครสงสัยตัวเขาผู้เป็นฮีโร่ในวงการตำรวจที่เพิ่งทำความดีความชอบกลับมาจากการเป็นตำรวจสายลับเสี่ยงตายแถวหน้าว่าจะมีปัญหาอะไร เขาย้ายเพื่อนร่วมงานทั้งสามคนไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อให้พวกเขานอนหลับสบายหน่อย ส่วนกล้องวงจรปิดของที่นี่ เหล่าจางได้ซิกแซกจัดการก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นปราการที่เข้มแข็งที่สุด มักจะถูกโจมตีจากภายในเสมอ
ตอนนี้จางเยี่ยนเฟิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแสดงเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ตำรวจจับผู้ร้าย จึงรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไร แต่เขายังคงรีบตามหาคนที่ตัวเองต้องการ เปิดประตู ยื่นขาเขี่ยชายชราที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเสื่อเบาๆ ชายชราก็คือนักโทษที่ฆ่าคนเมื่อสิบหกปีที่แล้ว เนื่องจากผลการสืบสวนยังไม่สิ้นสุด และยังไม่ถูกศาลตัดสิน ดังนั้นชายชราจึงถูกกุมขังอยู่ในสถานีตำรวจชั่วคราว
หลังจากรอรับการตัดสินโทษแล้ว ถึงจะย้ายเข้าไปในเรือนจำ รอวันที่เขาโดนยิงตาย ชายชราคนนี้ก็น่าสนใจเล็กน้อย เขาก่อกรรมทำเรื่องชั่วมากมายไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย แต่สำหรับเขาแล้ว ความตายกลับไม่น่ากลัวเลยสักนิด ตอนแรกถ้าหากเถ้าแก่ของตัวเองไม่ยื่นมือเข้าไป เขาคงกระโดดตึกฆ่าตัวตายไปนานแล้ว ทว่าคนแบบนี้มักจะเป็นคนที่น่ากลัวที่สุด
ชายชราขยี้ตา มองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัยเล็กน้อย แล้วจึงพูดด้วยความจนใจ “ผมบอกไปแล้ว ศพอื่นที่โผล่มาเยอะแยะ ผมไม่ได้เป็นคนฝัง มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ผมยังหวังว่าตัวเองจะเป็นคนฆ่าด้วยซ้ำไป แต่ผมไม่ได้ทำจริงๆ โอเค ปล่อยให้ผมนอนได้แล้ว อายุมากแล้ว นอนหลับไม่ค่อยสนิท”
จางเยี่ยนเฟิงหิ้วชายชราขึ้นมา สำหรับการต่อกรกับคนเลวชั่วช้าคนนี้ ต่อให้เหล่าจางเป็นตำรวจน้ำดี ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องรู้สึกผิด “ผมมีเรื่องอย่างอื่น อยากจะถามคุณ”
“ได้ๆ ผมพูดๆ คุณปล่อยผม ปล่อยผมก่อน”
จางเยี่ยนเฟิงปล่อยมือ จากนั้นเลือกรูปภาพที่อยู่ในโทรศัพท์มารูปหนึ่ง วางตรงหน้าชายชราแล้วถามว่า “เขา คุณรู้จักไหม”
“หืม?” ชายชรายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ มองอย่างละเอียดแล้วพูดด้วยความสงสัยว่า “ดูเหมือน…จะคุ้นหน้าเล็กน้อย”
“ผมสืบประวัติในอดีตของคนคนนี้ พบว่าเขาเคยเป็นคนงานที่เกษียณจากโรงงานทอผ้า ซึ่งเป็นโรงงานทอผ้าที่อยู่หลังบ้านของคุณ”
“อ้อ!!!” ชายชราตกใจทันที “ผมนึกออกแล้ว นึกออกแล้ว ใช่เขาจริงๆ ตาหลิว!”
“ที่แท้ก็รู้จักกันจริงๆ”
“รู้จัก รู้จักแน่นอน ฮ่าๆๆ ก่อนหน้านั้นผมเคยพูดกับพวกคุณไม่ใช่เหรอ คนนั้นที่เล่นหมากรุกกับผมบ่อยๆ ก็คือตาหลิว!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เหล่าจางตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาจับคอเสื้อของชายชราอย่างแน่น
…
นักพรตเฒ่าพิงอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้เรื่อง พร้อมกับน้ำลายที่ไหลไม่หยุด เยวี่ยหยาขี้เกียจไปหากุญแจ เธอจึงใช้เข็มเงินไขกุญแจโดยตรงแล้วเดินเข้าไป คนที่โดนขังอยู่ในห้องขังไม่ได้มีแค่สองคนนี้เท่านั้น แต่ชายชราคนนั้นเป็นฆาตกรฆ่าคน และนักพรตเฒ่าที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกสงสัยว่าเป็นเพชฌฆาตฆ่าคนกว่าสิบชีวิต จึงได้รับสวัสดิการให้อยู่ ‘ห้องใหญ่’ คนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้
“นักพรตเฒ่า ตื่นๆ นักพรตเฒ่าตื่นๆ!” เยวี่ยหยายื่นมือผลักนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่าลืมตามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“คุณจำฉันได้ไหม” เยวี่ยหยาชี้มาที่ตัวเองแล้วถาม
“สุนัขรับใช้คนใหม่…ที่เถ้าแก่รับมา…”
“…” เยวี่ยหยา
เวลานี้ในใจของเยวี่ยหยาเกิดอารมณ์หุนหันพลันแล่นขึ้นมา นั่นก็คืออยากใช้เข็มทิ่มไอ้แก่ที่อยู่ตรงหน้าให้ตายไปเลย แต่เธอได้กดไฟโกรธภายในใจของตัวเองเอาไว้ แล้วถามต่อ “เถ้าแก่สั่งให้ฉันมาถามคุณ ยันต์กระดาษที่คุณใส่ไว้ในเป้ากางเกง เมื่อวานเอาไปใช้ที่ไหน”
นักพรตเฒ่าส่ายขยับร่างกายท่อนบนเหมือนคนทึ่ม
“อะไร…”
“ยันต์กระดาษ ยันต์กระดาษของคุณ ที่คุณเก็บไว้ในเป้ากางเกงตลอด” เยวี่ยหยาพูดเตือน
“ข้าฆ่าคน…ข้ามีความผิด…ข้ามีความผิด…ข้ามีความผิดจริงๆ…” นักพรตเฒ่าเริ่มตอบอย่างนิ่งเฉย นัยน์ตาที่พร่าเลือนก่อนหน้านั้นตอนนี้ยิ่งขุ่นมัว
“โอ๊ย…”
เยวี่ยหยาเลียปากแล้วใช้เข็มทิ่มไปที่หน้าอกของนักพรตเฒ่าโดยตรง จากนั้นจึงหมุนวนเล็กน้อย นี่คือการฝังเข็ม ไม่ถึงกับตาย แต่สามารถทำให้คนเกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง
แต่นักพรตเฒ่ากลับเหมือนคนไม่เป็นอะไร ตัวโอนเอนต่อไป น้ำลายไหลยืด ราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิดคราวนี้เยวี่ยหยาจึงหมดหนทาง เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มวีแชต “ถามอะไรไม่ได้เลย และฉันรู้สึกว่าอาการของเขาดูเหมือนจะแย่กว่าที่พวกคุณบอกก่อนหน้านั้น”
“คำสาปนั่นเริ่มขยายตัวแล้ว สุดท้ายจะกลืนกินสติของเขาอย่างช้าๆ ลบความคิดเดิมของเขา ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่พวกเราควรเป็นห่วง ไม่ใช่เขาต้องเป็นแพะรับบาปถูกยิงตายที่ลานประหารหรือไม่ แต่ควรห่วงว่าถ้าหากไม่รีบทำเวลา ต่อให้ร่างกายของเขาไม่ตาย แต่วิญญาณของเขาจะถูกแปดเปื้อนแน่นอน นี่ขนาดปล่อยให้เขาอยู่ในสถานีตำรวจไปก่อน มีกลิ่นอายพลังความยุติธรรมแห่งโลกมนุษย์ยับยั้งไว้บ้างแล้วนะ” ทนายอันส่งข้อความเข้ามาในกลุ่ม
…
“เถ้าแก่ ในกลุ่มบอกว่า อาการของนักพรตเฒ่าแย่มาก รุนแรงมากกว่าเดิม” ไป๋อิงอิงถือโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ขณะพูดกับโจวเจ๋อ
พวกเขาทั้งสองคนได้เข้าไปในสถานที่เกิดเหตุแล้ว ตำรวจติดเส้นเขตแดนและยังติดเส้นห้ามเข้า แต่โจวเจ๋อกลับดึงมันออก หลักฐานที่สำคัญถูกตำรวจเก็บไปหมดแล้ว รวมไปถึงอุปกรณ์ทำอาหารในห้องครัว เดิมทีห้องที่โล่งกว้างอยู่แล้ว ตอนนี้กลับยิ่งกว้างเข้าไปอีก
“ตู้แช่เย็นก็ไม่อยู่แล้ว” โจวเจ๋อเม้มปาก แบบนี้จะหาอย่างไร ว่านักพรตเฒ่าเอายันต์กระดาษไปใช้ที่ไหนกันแน่
“บอกเหล่าจาง สั่งให้เขาคิดวิธีไปหาของที่ห้องเก็บหลักฐาน” โจวเจ๋อพูด
“ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงส่งข้อความกลับทันที หลังจากส่งข้อความแล้ว ไป๋อิงอิงมองไปที่โจวเจ๋อหนึ่งทีแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ตอนนี้พวกเราจะไปไหน”
“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อน แล้วพวกเราค่อยไปรวมตัวกับพวกเหล่าอัน” โจวเจ๋อพูดขณะเดินไปเข้าห้องน้ำ โชคดีที่ตำรวจไม่ได้ย้ายชักโครกไปด้วย
ทันใดนั้นโจวเจ๋อตกตะลึง เขาจำได้ว่าในบันทึกคำให้การ นักพรตเฒ่าบอกว่าตัวเองดื่มเหล้าไปไม่น้อย และผู้หญิงที่อยู่ข้างล่างตึกก็พูดว่า ตอนที่นักพรตเฒ่ามาหาเธอครั้งที่สอง มีแต่กลิ่นเหล้าเต็มตัวไปหมด
นักพรตเฒ่าดื่มเหล้าเมายืนอยู่หน้าชักโครก แล้วก็หยิบยันต์กระดาษออกมาหรือเปล่า จากนั้นเขาจึงนำยันต์กระดาษแปะตรงที่…
“หืม? อิงอิง คุณจะทำอะไร” โจวเจ๋อตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นไป๋อิงอิงนั่งลงยองๆ ต่อหน้าตัวเองเพื่อช่วยแกะเข็มขัดให้เขา
“ฮือๆๆ ไม่เป็นไร เถ้าแก่ ท่านคิดเรื่องของท่านไป ส่วนที่เหลืออิงอิงจะช่วยท่านเองเจ้าค่ะ”
“…” โจวเจ๋อ
………………………………………………………………………..