ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 395 หน้าตาที่แท้จริงของราชาปลาเค็ม!
ตอนที่ 395 หน้าตาที่แท้จริงของราชาปลาเค็ม!
หลังจากหักแขนของโจวเจ๋อแล้ว ไป๋อิงอิงก็อ้าปากแล้วกัดคอของโจวเจ๋อโดยตรงอย่างไม่ลังเลและไม่สงสารเลยสักนิด โจวเจ๋อคำรามเสียงต่ำ แล้วเหวี่ยงมืออีกข้างหนึ่ง ไป๋อิงอิงหวาดกลัวเล็บของโจวเจ๋อด้วยสัญชาตญาณ ทันใดนั้นร่างกายท่อนบนของเธอจึงเอนไปข้างหลัง ขณะเดียวกันใช้เท้าข้างหนึ่งถีบโจวเจ๋อ โจวเจ๋อลอยกระเด็นออกไปกระแทกลงบนพื้น
เขาลุกขึ้นมาด้วยร่างกายที่โงนเงน แต่เนื่องจากแขนขวาหัก ไม่สามารถออกแรงได้ สุดท้ายเขาจึงอาศัยแขนซ้ายออกแรงยันกับพื้นลุกขึ้นมาช้าๆ ไป๋อิงอิงจ้องมองโจวเจ๋อด้วยสายตาเย็นชา
“อิงอิง…” สถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าหากเป็นคนอื่นที่โดนคำสาปจนเสียสติ โจวเจ๋อคงฆ่าเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นไปนานแล้ว แต่ตอนที่อิงอิงมาอยู่ตรงหน้าตัวเอง เถ้าแก่โจวทำไม่ลงจริงๆ
ไป๋อิงอิงเดินไปข้างหน้าต่อไป โจวเจ๋อปล่อยแขนข้างหนึ่งไว้ข้างลำตัว มองไป๋อิงอิงเดินเข้ามาหาตัวเองอย่างเงียบๆ หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด
“เงียบ” ทนายอันนั่งยองๆ อยู่บนต้นไม้ตรงข้ามระเบียง กับเจ้าลิงน้อยที่อยู่บนไหล่ของเขา เจ้าลิงพยายามจับเส้นผมของทนายอันสุดฤทธิ์ เพื่อบอกให้ทนายอันรีบยื่นมือเข้าช่วย
“แกจะร้อนใจทำไม เถ้าแก่ขาดการอบรมสั่งสอน ตอนนี้กลับทำเป็นใจอ่อน ฉันรักเธอ เธอรักฉัน เขาเป็นแบบนี้รับไม่ได้จริงๆ ถ้าใครไม่รู้ คงคิดว่าเขากำลังถ่ายละครรักอยู่ คุณรีบไป ฉันไม่ไป คุณรีบไป ฉันไม่ไปโอ๊ยๆๆๆๆ!”
เจ้าลิงยังคงดึงเสื้อผ้าของทนายอันอย่างไม่หยุดยั้ง
“ไม่ต้องรีบ คอยดูต่อไป ดูว่าเขาจะโดนตีจนตายไหม คนอื่นทำงานขยันขันแข็ง มีแต่เขาเท่านั้นที่นั่งดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในร้านหนังสือ เหอะๆ ปลาเค็มของคนอื่นถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานที่ตัวเองมีกำลังมีความสามารถ นั่นเป็นการถอยหนึ่งก้าวเพื่ออิสระเสรีดุจทะเลและท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขต ส่วนเขาน่ะเหรอ ก็เหมือนกับคนขี้เกียจสันหลังยาวที่เป็นเป้าหมายของนโยบายขจัดความยากจนจนในปัจจุบัน เหมือนกับพระที่ตีระฆังบอกเวลาไปวันๆ เท่านั้น”
“เจี๊ยกๆๆ!!!” เห็นได้ชัดว่าเจ้าลิงไม่อยากคิดในสิ่งที่ทนายอันพูดว่ามีความหมายถึงอะไรกันแน่ ยังคงพยายามบังคับให้ทนายอันเข้าไปช่วยคน
“แกอย่าเป็นแม่พระได้ไหม” ทนายอันจับศีรษะของเจ้าลิงด้วยใบหน้าที่รังเกียจแล้วขยี้เบาๆ “ชาติที่แล้วเป็นแม่พระตาย ชาตินี้ทำไมถึงยังเป็นแบบนี้อีก ถ้าหากเขาถูกผีดิบสาวคนนี้ฆ่าตายที่นี่ งั้นก็ตายไปเถอะ อย่างมากฉันก็แค่เปลี่ยนท่าเรือใหม่” ใช่แล้ว อย่างมากก็แค่เปลี่ยนท่าเรือใหม่ ใช่ว่าทนายอันจะมีสองใจ แต่เนื่องจากเขาเคยบอกโจวเจ๋อแล้วว่าลมกำลังจะพัด นรกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้แต่โลกมนุษย์ก็เช่นกัน
พายุกำลังจะมาเยือน เรือเล็กบนทะเลจะต้องพลิกคว่ำ ยากที่จะรักษาเอาตัวรอด เว้นเสียแต่ว่ารีบทำเวลาทำให้ตัวเองกลายเป็นเรือลำใหญ่ ยังจะพอต้านทานได้บ้าง อย่างน้อยก็ได้กุมชะตาชีวิตไว้ในกำมือของตัวเอง
ผลปรากฏว่าโจวเจ๋อยังทำเหมือนเดิม ปลาเค็มตัวอื่นในร้านหนังสือกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างขันแข็ง เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่ง แต่มีเถ้าแก่คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงทำอะไรตามอำเภอใจ
นกที่ดีจะรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอน เขาอันปู้ฉี่จึงสามารถปันใจเป็นอื่นได้เช่นกัน ครั้งนี้เมื่อเขาได้รับข้อมูล เนื่องจากเขาเป็นผู้ควบคุมและประสานงาน อีกทั้งเขาก็อยู่บนรถอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเร่งมาถึงที่นี่เป็นคนแรก ถ้าหากโจวเจ๋อกำลังสู้กับคนอื่น เขาจะเข้าไปร่วมด้วยนานแล้ว แต่ตอนนี้จากการแสดงออกของโจวเจ๋อ ทำให้ทนายอันรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย
“อ้าว เสร็จเลย ผีดิบสาวเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว” ทนายอันยื่นมือถูคางของตัวเอง “สิ่งที่น่าสนุกก็คือ ผีดิบธรรมดาที่นอนกับคุณทุกวัน เธอสามารถเกิดการพัฒนาโดยอาศัยการดูดซับลมหายใจของคุณที่แผ่กระจายออกมา แล้วคุณล่ะ”
เวลานี้เส้นผมของไป๋อิงอิงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวช้าๆ และยาวสยายมากกว่าก่อนหน้า ผมขาวยาวพลิ้วไหวสะดุดตาสวยไม่มีใครเทียม และเล็บของอิงอิงก็ยาวยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้จะไม่ยาวโอเวอร์เหมือน ‘เคียว’ ของโจวเจ๋อ แต่ก็ยาวมากกว่าก่อนหน้านั้น ภายในห้องเริ่มแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำค้างแข็ง
“ซู้ด…”
ไป๋อิงอิงสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพ่นออกมาช้าๆ ระหว่างที่หายใจเข้าออก ราวกับกำลังนั่งปฏิบัติธรรม แต่อาจจะเป็นเพราะได้นอนกับเถ้าแก่มาตลอด ถูกสะสมมาเป็นเวลานาน จึงมีความเป็นไปได้ที่หลังจากโดนกระตุ้นจากคำสาปแล้วจึงเกิดการผสมผสานระหว่างคำสาปกับบ่อเกิดของผีดิบทำให้เกิดการกลายพันธุ์
อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายของไป๋อิงอิงมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมเป็นอย่างยิ่ง โจวเจ๋อนั่งลงกับพื้นช้าๆ เหมือนจะยอมทิ้งทุกอย่าง
ทนายอันที่นั่งอยู่ไกลๆ บนกิ่งไม้พลันขมวดคิ้ว เขากำลังจะยอมแพ้อย่างนั้นเหรอ ยอมให้ตัวเองถูกฆ่าแต่ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงของตัวเอง แม่งเอ๊ย มองไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนโง่ที่ลุ่มหลงในความรักขนาดนี้
ทนายอันโบกมือ “หมดทางรักษาแล้ว หมดทางรักษาแล้วจริงๆ ไหนบอกว่ามีพ่อถูกปิดผนึกอยู่ในตัวของคุณไม่ใช่เหรอ เรียกพ่อออกมาช่วยคุณสิ สงสัยคงจะเสียดาย กลัวว่าคนนั้นออกมาแล้วจะฆ่าเธอตายใช่ไหม”
“เจี๊ยกๆๆ!!!”
“แกไม่รำคาญหรือไง แม่งเอ๊ย!” ทนายอันลุกขึ้นจับเจ้าลิง “ตกลงกันแล้วนะ ฉันเห็นแก่หน้าลิงของแกถึงยอมช่วยเขา ครั้งนี้ไม่ยอมให้เขาตาย จากนั้นฉันก็จะรีบหนี ไอ้หมอนี่ไร้ความสามารถขนาดนี้ อย่างนั้นทนายอย่างฉันคงรับใช้ไม่ไหว”
เพียงแต่ตอนที่ทนายอันกำลังจะกระโดดลงจากต้นไม้ ร่างของเขาพลันหยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นในทันใด สายตาเป็นประกายจดจ้องเข้าไปข้างใน “ไม่ถูกสิ…”
…
ไป๋อิงอิงเดินเข้าหาโจวเจ๋อ ใบหน้าของเธอนอกจากความเย็นชาแล้วก็คือความเย็นชา เธอในตอนนี้ไม่ใช่คนที่โจวเจ๋อรู้จัก และไม่ใช่สาวใช้ที่คอยอุ่นเตียงอาบน้ำให้เถ้าแก่
โจวเจ๋อมองแขนขวาที่ห้อยต่องแต่งหนึ่งทีแล้วจึงยื่นมือซ้ายออกไป แบมือไปข้างหน้าแล้วพูดเบาๆ ว่า “กาแฟ”
ณ ที่ไกลๆ ติ่งหูของทนายอันกระดิกเล็กน้อย อะไร กาแฟ คุณใช้วิธีนี้เรียกสติของเธอกลับมาเหรอ นี่ฉันไร้เดียงสาหรือว่าจินตนาการของคุณเลิศล้ำกันแน่
ไป๋อิงอิงยกมือขึ้นแล้วพุ่งเข้ามา เธอพุ่งสุดตัวเข้ามาอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อในระยะห่างที่ใกล้เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า ไป๋อิงอิงไม่ลังเลเลยสักนิด เธอถูกควบคุมอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งจิตใจก็ถูกควบคุมเช่นกัน
ทว่าในเวลานี้ ปลายเล็บทั้งห้าของโจวเจ๋อมีควันสีดำกระจายออกมา เหมือนโซ่ตรวนถูกปล่อยออกมาทีละเส้น
“โฮก!”
“โฮก!”
ไป๋อิงอิงอยู่ห่างจากโจวเจ๋อไม่ถึงครึ่งเมตร ถึงขนาดที่ว่าเธอลอยตัวอยู่กลางอากาศแล้ว แต่ตอนนี้ควันสีดำสองสายได้พันข้อมือของเธอเอาไว้ ควันสีดำอีกสองสายได้พันขาทั้งสองข้างของเธอเช่นกัน และควันสีดำอีกสายหนึ่งได้พันคอของเธอเอาไว้ เธอลอยตัวนิ่งอยู่กลางอากาศในสภาพเช่นนี้
โจวเจ๋อนั่งอยู่กับพื้นอย่างเงียบๆ แบมือเหมือนกำลังรอกาแฟของตัวเอง ทนายอันมีสีหน้าเคร่งขรึม ไร้ซึ่งสีหน้าของการเย้ยหยันก่อนหน้านี้ และในเวลานี้ ลิ้นยาวอันหนึ่งได้พันกิ่งไม้ที่อยู่ข้างตัวเขา จากนั้นเงาร่างของคนตัวเล็กคนหนึ่งจึงร่วงลงมานั่งข้างเขา
“อันปู้ฉี่ คุณมาทำอะไรตรงนี้ สถานการณ์ข้างในเป็นยังไงบ้าง” สาวน้อยโลลิปรากฏตัวอยู่บนกิ่งไม้ จากนั้นจึงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้อง เธอกำลังจะเข้าไปช่วยแต่กลับถูกทนายอันคว้ามือเอาไว้
“คุณจะทำอะไร”
“ดูต่อไป ไม่ต้องรีบ”
“คุณไม่รีบแต่ฉันรีบ ฉันเป็นลูกน้องยมทูตของเขา ถ้าหากเขาตาย เขาลากฉันลงไปตายด้วยได้แน่นอน!”
ก็จริง สาวน้อยโลลิและยมทูตอีกสี่ตนต่างยอมรับโจวเจ๋อเป็นผู้จับกุมอย่างเป็นทางการ ความเป็นความตายของพวกเขา จริงๆ แล้วอยู่กับความคิดเพียงชั่วแล่นของโจวเจ๋อเท่านั้น
ทนายอันสามารถถอยออกมาได้อย่างสิ้นเชิง คอยมองดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ได้ แต่สาวน้อยโลลิทำไม่ได้ เธอไม่สามารถเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่น
“ผมถามคุณหนึ่งคำถาม เขาได้แอบฝึกวิชาบ้างไหม”
“อะไรนะ”
“เขาไม่มีเวลาและก็ทำไม่ได้ด้วย ผมอยู่ในร้านหนังสือตลอด เขาชอบนอนอาบแดดดื่มกาแฟอยู่ตรงนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลย เขาไม่มีเวลาและไม่มีโอกาส” ทนายอันพูดพึมพำกับตัวเอง
“โฮก!!!” และในเวลานี้เสียงแสบแก้วหูดังออกมาจากาภายในห้อง หลายครอบครัวที่อยู่ละแวกนี้ต่างก็เปิดไฟ แต่เนื่องจากกลิ่นอายของผีดิบภายในตึกแห่งนี้มีความเข้มข้นมากเกินไป จึงก่อตัวเป็นเยื่อกั้นพิเศษเฉพาะที่น่าครั่นคร้าม
สำหรับคนส่วนใหญ่ที่อยู่แถวนี้ จึงได้ยินแค่เสียงฟ้าร้อง แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรกำลังทะเลาะกันอยู่ ตอนนั้นที่โจวเจ๋อกับเจ้าลิงก่อสงครามในโรงพยาบาล เกิดความเคลื่อนไหวมากมาย แต่คนที่ผ่าตัดอยู่ข้างๆ กลับไม่รู้ ก็เพราะเหตุนี้
โลกมนุษย์กับโลกวิญญาณถูกแบ่งเป็นสองทาง คนกับผีไม่อาจอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่การพูดลอยๆ เท่านั้น
อิงอิงเริ่มดิ้นรน พยายามดิ้นสุดชีวิต แต่ควันสีดำที่พันธนาการเธอกลับยิ่งหนาแน่นมากขึ้น โจวเจ๋อค่อยๆ เงยหน้าแต่เขากลับกดฝ่ามือลงไปช้าๆ
‘พลั่ก!’ ภายใต้ความบีบคั้นและพันธนาการ อิงอิงร่วงลงไปบนพื้นแล้วล้มฟุบลงไปโดยตรง มองออกได้ว่าการต่อต้านของเธอมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าโจวเจ๋อ อยู่ต่อหน้าการผูกมัดและแรงกดดัน การดิ้นรนของเธอกลับไร้ประโยชน์อย่างชัดเจน
“เป็นแบบนี้…เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…” สาวน้อยโลลิตกใจ
“ผีดิบสาวน่าจะโดนคำสาปแช่ง สูญเสียการควบคุม”
“ฉันไม่ได้ถามอันนี้” สาวน้อยโลลิส่ายหน้า “ที่ฉันอยากจะถามก็คือ…เถ้าแก่ต่างหาก…”
“ดังนั้นผมถึงถามคุณไง เพราะผมไม่เคยเห็นเขาฝึกอะไรเลย” ทนายอันสาบาน ทุกวันเขาเห็นโจวเจ๋อนอนริมหน้าต่างไม่ขยับตัวถึงแม้จะฟ้าร้องฟ้าผ่าก็ตาม รอให้สาวใช้ยกกาแฟและหนังสือพิมพิมพ์เข้ามา จากนั้นก็นอนแบบนี้ทั้งวัน หลับตางีบหลับอยู่ตรงนั้น!
“ไม่ เขาสามารถฝึกได้” สาวน้อยโลลิเอ่ย
“อะไรนะ”
“ฉันจะบอกคุณให้นะ ไอ้ตัวน่ากลัวที่ถูกปิดผนึกอยู่ในร่างของเขา เมื่อก่อนฉันเคยแนะนำเขา ให้ลองแอบเอาพลังของเจ้านั่นออกมาใช้”
“จากนั้นล่ะ”
“ฉันรู้แค่เขาแอบขโมยออกมาใช้ครั้งหนึ่ง จากนั้นเล็บของเขาก็เปลี่ยนเป็นยาวขึ้นและคมมาก นั่นเป็นเพราะเขาขโมยออกมา”
“หลังจากนั้นล่ะ”
“หลังจากนั้น ฉันก็ไม่รู้แล้ว”
ทนายอันเบิกตาโตทันที ในหัวของเขามีภาพเวลาที่โจวเจ๋อนอนสบายอยู่บนโซฟาทุกวันปรากฏขึ้นมา หรือว่า…
“พวกเยวี่ยหยากับเจิ้งเฉียงก็มาแล้ว อยู่ข้างล่าง” สาวน้อยโลลิพูดพลางชี้ไปข้างหน้าตามแนวทแยงมุมที่เงาร่างของคนทั้งสองกำลังพุ่งเข้าไปบนทางเดิน
“หลินเข่อ” จู่ๆ ทนายอันก็ตะโกนเรียก
“หืม? มีอะไร”
“คุณยังจำตอนที่ตัวเองเรียนหนังสือได้ไหม นักเรียนที่คะแนนดีที่สุดในห้อง ปกติชอบพูดว่าอะไร”
“พวกเขา…” หลินเข่อเอียงศีรษะครุ่นคิดแล้วพูดว่า “พวกเขาชอบพูดว่า พวกเขาไม่เคยทบทวนเลย กลับบ้านไปก็เล่นแต่เกม…”
จากนั้นสาวน้อยโลลิก็เข้าใจในที่สุด จึงกัดฟันพูดว่า “ผู้ชาย ที่แท้ก็เป็นคนเจ้าชู้หลอกลวงกันทั้งนั้น!!!”
………………………………………………………………………..