ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 401 เดือดดาล
ตอนที่ 401 เดือดดาล
“ซี้ด…เจ็บ…ซี้ด…”
โจวเจ๋อคุกเข่าซบลงบนพื้น มือซ้ายวางบนหน้าอก บนนิ้วชี้และนิ้วนางมีบาดแผลขนาดใหญ่สองจุด ความรู้สึกเจ็บปวดจากการฉีกขาดส่งทอดไปยังส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขาไม่ขาดสาย
สิบนิ้วเชื่อมต่อถึงหัวใจ ในกรณีของโจวเจ๋อเป็นการเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณ ความเจ็บปวดนี้ทวีคูณมากกว่าสิบเท่า เพียงพอจะทำให้คนธรรมดาสลบได้ในคราวเดียว
“ทำไมต้อง…ปล่อยให้ตัวเองเจ็บปวดขนาดนี้…ข้าเห็นแล้วสงสารจับใจ…”
“ขอเพียงแค่เจ้าปลดผนึก…เราก็จะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ศัตรูหน้าไหนที่ขวางหน้าสามารถกำจัดได้อย่างง่ายดาย…”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทนรับความเจ็บปวดใดๆ…ข้าช่วยกำจัดทุกสิ่งที่ขวางหน้าเจ้าได้…กำจัดอย่างไร้ร่องรอย…”
โจวเจ๋อพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเอาชนะความเจ็บปวดนี้ แต่ในเวลานี้คนผู้นั้นเริ่มพล่ามออกมาไม่หยุด!
นับตั้งแต่ที่เขาถูกผนึก เขาก็ถูกกดข่มเอาไว้อย่างสมบูรณ์ แต่ด้วยเหตุนี้ระยะห่างระหว่างเขากับโจวเจ๋อจึงใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่มหาวิทยาลัยทงเฉิง ตอนที่โจวเจ๋อเผชิญหน้ากับผีสวมหน้ากากที่สามารถยั่วยุกิเลสในส่วนลึกของจิตใจคนได้ ทำไมโจวเจ๋อถึงสามารถส่งมันไปอยู่ตรงหน้าคนผู้นั้นในร่างของเขาได้ ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้เช่นกัน
แต่เวลาเจอเรื่องแบบนี้คนผู้นั้นก็มักจะโผล่มาพล่ามไม่หยุดทุกที มันเหมือนกับทุกครั้งที่คุณกลับบ้านไปก็จะเจอกับพวกพี่ป้าน้าอาที่เอาแต่รบเร้าให้คุณไปนัดดูตัวและแต่งงานจริงๆ
“เจ้างั่ง!” โจวเจ๋อตะโกนเรียก “หุบปากเขาที”
ต่อมา เสียงก็เงียบไป โจวเจ๋อถอนหายใจโล่งอกและลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ
หยกผีลอยอยู่ตรงนั้น นับตั้งแต่มันก่อตัวใหม่อีกครั้งและปรากฏตัวขึ้นจนถึงตอนนี้ ใบหน้าเด็กน้อยบนหยกผีเปลี่ยนสีหน้าไปแล้วหลายครั้ง
ในตอนแรก มันทำหน้าแบบนี้ (~ ̄▽ ̄)~
เมื่อมันเห็นว่าโจวเจ๋ออยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
มันทำหน้าแบบนี้ (?⊙ω⊙)?
เมื่อเห็นโจวเจ๋อถูกผู้หญิงทุบตีและปราบจนราบคาบ
มันทำหน้าแบบนี้ ( ̄︶ ̄)
หลังจากที่โจวเจ๋อล้มผู้หญิงคนนั้นได้
มันก็ทำหน้าแบบนี้แล้ว X﹏X
โจวเจ๋อเดินไปหาหยกผีที่เพิ่งประกอบร่างได้ หยกผีที่มีเพียง ‘อากัปกิริยา’ เท่านั้นแต่หลบหนีไปไหนไม่ได้ถูกโจวเจ๋อคว้าหมับมาไว้ในมือ จากนั้นโจวเจ๋อใช้เล็บสามนิ้วที่ยังเหลือแทงซ้ำอยู่อย่างนั้นไม่หยุด
แต่ผลลัพธ์ยังไม่ดีพอ เห็นเพียงหยกผีกำลังถูกโจวเจ๋อเคล้นคลึงอยู่เท่านั้น คล้ายกับดินน้ำมันที่เปลี่ยนรูปร่างต่างๆ ไปเรื่อยๆ
เขาประมาทเอง ไม่ได้พกยันต์ของนักพรตเฒ่ามาด้วย แน่นอนว่าเป็นเพราะยันต์ของนักพรตเฒ่าเมื่อคราวก่อนดันใช้ไปจนเกือบจะหมดเกลี้ยง แทบไม่เหลือไว้เลย
อย่างนั้นจะจัดการกับเจ้านั่นอย่างไร
และในตอนนี้เอง ราวกับจะรู้ว่าถึงคราวเคราะห์ของมันแล้ว จู่ๆ สีหน้าของเด็กน้อยบนหยกผีก็แข็งกร้าวขึ้นมาในทันใด ร่างกายพองขยาย ตามด้วยเสียงดังที่เหมือนกับเสียงลูกโป่งระเบิดแตก
‘ปัง!’
สิ่งที่เป็นสีชมพูกลุ่มหนึ่งแทรกซึมเข้าไปในร่างของโจวเจ๋อทันที
เวรเอ๊ย เจ้านี่อยากจะฮึดสู้เฮือกสุดท้ายงั้นเหรอ จะให้พินาศไปพร้อมกัน!
ไม่ต้องพูดถึงสภาพของหยกผีในตอนนี้ว่ายังมีพลังเหลืออยู่อีกเท่าไร บวกกับยังมีประสบการณ์ของเถ้าแก่โจวเกี่ยวกับการต่อต้านเจ้าพวกนั้นที่ต้องการเข้าควบคุมร่างของเขา ที่ไล่บี้ประสบการณ์ในการต้านทานกลยุทธ์สาวงามของเถ้าแก่โจวมาเลยทีเดียว
…
ตึง!
ตึง!
ตึง!
หยกผีเข้ามาแล้ว อันที่จริงมันรู้ว่ามันทำอะไรไม่ได้ และพลิกเกมได้ยากมากเช่นกัน แต่สาเหตุที่สิ่งชั่วร้ายประเภทนี้ทำให้ผู้คนหวาดกลัว เป็นเพราะว่าความบ้าคลั่งยึดติดแบบนั้นได้ฝังลึกลงไปถึงกระดูกของมัน
แม้ว่ามันจะสลายไป แม้ว่ามันจะเป็นเถ้าธุลีก็ตาม มันก็จะไม่นั่งงอมืองอเท้ารอวันตายเด็ดขาด มันจะทำทุกอย่าง อย่างน้อยๆ ก็กัดกินชิ้นส่วนของร่างกายคุณ!
เงาคนมากกว่าสิบร่างโยกคลอนไปมา คล้ายกับหุ่นกระบอกสิบกว่าตัวแกว่งไกวไม่สิ้นสุดท่ามกลางความเวิ้งว้าง
มันเข้ามาแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน มันก็งุนงงเช่นกัน
นี่ที่คือที่ไหนอีก
เมื่อเงาทะมึนเริ่มเพ่งมองไปเรื่อยๆ เมื่อหมอกสีขาวรอบๆ เริ่มถูกกำจัดออกไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อมันเตรียมจะค้นหาจิตสำนึกของโจวเจ๋อนั้น มันพบว่าอาณาเขตที่มันอยู่กลายเป็นหินแมกมาไปทั้งแถบ
บนพื้นผิวมีรอยร้าวสีแดงเพลิงอยู่ทุกหนทุกแห่ง และมีเหล็กหลอมเหลวกระเด็นกระจายออกมาตลอดเวลา เดิมทีในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเงาคนมากกว่าสิบเงานี้ถูกหยกผีสังหารจนวิญญาณกลายเป็นหุ่นเชิด แต่ในขณะนี้พวกมันกลับมีแนวโน้มที่จะพังทลาย
ใบหน้าเด็กน้อยดำทะมึนลอยอยู่ท่ามกลางเงาคน สายตาของมันสอดส่องไปรอบๆ เพื่อค้นหาเป้าหมายของมัน
ไม่นานนัก มันก็เจอ ไม่ไกลจากตรงหน้าของมันมีบัลลังก์กระดูกกองสะสมพูนขึ้นมา บนบัลลังก์มีชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบนนั่งอยู่
ใบหน้าของชายหนุ่มเหมือนโจวเจ๋ออย่างกับแกะ แต่ความรู้สึกน่าเกรงขามและความหวาดกลัวที่เขานำมาสู่หยกผีนั้นมากกว่าตอนที่เผชิญหน้ากับโจวเจ๋อก่อนหน้านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า!
ตอนนี้หยกผีอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะถอยก็ถอยไม่ได้แล้ว มันระเบิดตัวเองเพื่อเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายและปิดทางหนีของมันด้วยตัวมันเอง
แต่พอเข้ามาแล้ว ดูเหมือนจะแย่ยิ่งกว่าเดิม
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนกระดูกลืมตาขึ้นเล็กน้อย กวาดตามองเงาคนที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าตัวเอง เห็นได้ว่าเขาดูไม่พอใจมากนัก สำหรับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แล้ว การที่ถูกขัดจังหวะขณะกำลังพูดอยู่ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างมาก
ในเวลานี้ มีลูกแมวอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูเข้ามาโอ้อวดแสนยานุภาพของมัน เจ้านั่นเพิ่งจะอุดปากของเขาไป แถมยังเปลี่ยนมือโยนปัญหาที่เผชิญมาทิ้งไว้ตรงหน้าเขาอีก
หยกผีคิดหาคำตอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในท้ายที่สุดเงาคนสิบกว่าเงาเรวมถึงตัวมันเองก็พุ่งเข้าหาบัลลังก์พร้อมกัน วิญญาณชั่วร้ายคำราม เงาคนไหววูบ มันไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นแล้ว
ชายหนุ่มบนบัลลังก์กระดูกยกมือขึ้นและเอ่ยเบาๆ ว่า “กาแฟ”
โซ่ตรวนสีดำทะมึนนับไม่ถ้วนถูกกระตุ้นออกมาท่ามกลางพื้นหินแมกมาในชั่วพริบตา ตรึงเงาดำทั้งหมดและตัวหยกผีเอาไว้ ราวกับว่าในชั่ววินาทีนี้ โลกใบนี้กลายเป็นกรงขัง ทุกสรรพสิ่งต้องถูกจองจำ!
ชายหนุ่มมองฝ่ามือของตัวเองต่อ ก่อนจะตบมือลงไปด้านล่างและพูดเบาๆ ว่า “หนังสือพิมพ์”
ราวกับทั้งสวรรค์ชั้นฟ้าจะพังทลายลงมาทั้งหมดในเวลานี้ แรงบีบอัดทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวได้บดขยี้เงาดำทั้งหมดจนละเอียดไม่เหลือเศษซาก
หยกผีถูกกักขังไว้ตรงนั้น มันตกใจจนช็อก!
มันนึกเสียใจเหลือเกิน นึกเสียใจทำไมมันถึงเผชิญความตายอย่างสงบไม่ได้ ช่วงสุดท้ายของชีวิตยังยืนกรานเลือกเข้ามาค้นหาความตื่นเต้นถึงที่นี่!
จากไปอย่างสงบมันดีกว่าไม่ใช่หรือ
หยกผีหมดหนทาง ช็อกจนกลายเป็นเจ้างั่ง คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูกลุกขึ้นยืนอย่างห้าวหาญ ใบหน้าบิดเบี้ยวขณะคำรามเสียงต่ำ
“กาแฟ หนังสือพิมพ์ เพิ่มน้ำตาล!!! เจ้ายังตั้งชื่อซี้ซั้วตามใจชอบได้แย่ยิ่งกว่านี้อีกไหม ขโมยพลังของข้าก็ว่ามากพอแล้ว สำหรับสิ่งนี้ หากเจ้าคุกเข่าอ้อนวอนข้า ข้าจะให้ยิ่งกว่านี้อีก! แต่ในเมื่อเจ้าแพ้แล้ว ทำไมยังต้องตั้งชื่อประเภทนี้อีกเล่า เจ้าเห็นข้าเป็นตัวอะไรกันแน่!!!!!!!”
ใบหน้าชายหนุ่มบนบัลลังก์บิดเบี้ยว พลิกฝ่ามือเดียว โซ่ตรวนที่ตรึงหยกผีเอาไว้ก่อนหน้านี้แตกกระจายในบัดดล แม้แต่หยกผีเองก็เริ่มบิดเบี้ยวและพังทลายลง พลังทำลายล้างนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ!
“ท่านี้เจ้าควรเรียกมันว่า…พลิกตัวไม่ใช่หรือ”
ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้เจ้านี่จะโกรธจนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ที่โจวเจ๋อประมือกับอิงอิงรวมทั้งตอนที่เผชิญหน้ากับยายโง่คนนั้นในครั้งนี้ ชื่อท่าที่ตะโกนออกมาแต่ละอัน มันทำให้เจ้านี่ในร่างโจวเจ๋อได้ยินแล้วแทบจะคลั่ง!
กาแฟ หนังสือพิมพ์ เพิ่มน้ำตาล ต่อไปคงจะเป็นนวดหลัง อาบน้ำ ขึ้นเตียงใช่หรือไม่
เขาคืออิ๋งโกวที่ครั้งหนึ่งในยุคจักรพรรดิเหลืองเคยปกครองทะเลแห่งความตาย หากพวกไอ้แก่ตายยากเหล่านั้นรู้ว่าท่าของตัวเองถูกตั้งชื่อแบบนี้ให้ละก็ ไม่ฟื้นแล้ว ไม่ฟื้นคืนชีพแล้ว ไม่อยากดิ้นรนแล้ว ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนให้มีชีวิตรอดอีกแล้ว ตายให้มันจบๆ ไป ดับสูญมลายสิ้นไปเสียเถอะ!!!!
ถ้าปากกาด้ามนี้ไม่ได้ยับยั้งอิ๋งโกวที่อยู่ภายใต้ความเดือดดาลเอาไว้ เขาอาจจะเลือกจบชีวิตตัวเองไปเลยก็ได้ เขาทนความปัญญาอ่อนอย่างนี้ของโจวเจ๋อไม่ได้จริงๆ!
หลังจากท่า ‘ปลาเค็มพลิกตัว’ หยกผีก็ยังคงอยู่ ตัวมันเองก็ตกใจ ทำไมมันถึงยังไม่ตาย
แต่ว่า ใบหน้าเด็กที่เคยเป็นสีดำทะมึน ในตอนนี้พลันเปลี่ยนเป็นผ่องใสไร้สิ่งเจือปน แม้ว่าบนใบหน้าจะยังมีรอยยิ้มที่ร้ายกาจและแปลกประหลาดหลงเหลืออยู่บ้างก็ตาม แต่ได้สูญเสียพลังแห่งคำสาปที่สามารถปลุกปั่นยั่วยุจิตใจของผู้คนไปแล้ว
“เจ้าอยู่ต่อเถอะ อยู่กับข้า…แก้เบื่อ”
หลังจากชายหนุ่มระบายความโกรธแล้วก็กลับไปนั่งบนบัลลังก์กระดูกอีกครั้ง แต่ทว่าในเวลานี้เอง จู่ๆ ม่านแสงสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นและกันหยกผีออกมาจากบัลลังก์
ชายหนุ่มบนบัลลังก์แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างฉับพลัน พู่กันขนาดใหญ่มหึมาคล้ายกำลังแสดงแสนยานุภาพกับตัวเอง ร่างกายยังคงกวัดแกว่งไปมาไม่รู้จักจบ
“เหอะ คิดจะฮุบไปงั้นหรือ”
…
แม้ว่าในโลกแห่งจิตสำนึกจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้นผ่านไปเพียงชั่วพริบตาสั้นๆ เท่านั้นเอง
โจวเจ๋อเพียงแค่ใจลอยไปชั่วขณะหนึ่ง ก้มหน้าลงมองตรงฝ่ามือข้างซ้ายของตัวเอง ใบหน้าผีปรากฏขึ้นคล้ายกับรอยสัก
ชาตินี้รวมถึงชาติที่แล้วเถ้าแก่โจวไม่เคยสักร่างกายมาก่อน และไม่ได้สนใจในด้านนี้ด้วย ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเขาก็เคยเป็นหมอ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีรอยสักจะเป็นคนเลว แต่หากคุณเป็นคนไข้ คุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นหมอที่มีรอยสักทั่วร่างกายผ่าตัดให้คุณ
“แค่กๆ…”
โจวเจ๋อประหลาดใจครู่หนึ่ง มองไปทางนั้นแล้วพบว่าผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่!
พลังชีวิตแกร่งถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ
โจวเจ๋อเดินเข้าไปและเห็นว่าหญิงสาวยังกำตราสัญลักษณ์นั้นในมือไว้แน่น แม้ว่าเธอจะหลับตาสนิท แต่สามารถมองออกว่าเธอกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจากร่างกาย
เขาโน้มตัวลง กางนิ้วของเธอออกจากกัน หยิบตราสัญลักษณ์นั้นขึ้นมา
โจวเจ๋อมองตราสัญลักษณ์อย่างละเอียดแล้วหัวเราะ ‘เหอะๆ’
ทันใดนั้น ‘แกร๊ก’ เสียงแตกร้าวดังขึ้น
จู่ๆ หญิงสาวที่หลับตาพริ้มก็เปิดปาก เธอกระอักเลือดพลางหัวเราะไปด้วย
“เจ้าตาย…เจ้าตายแน่…ท่านสี่บอก…ท่านสี่บอกว่า…”
“ท่านสี่ของคุณไม่มีอะไรทำ เอาแต่มาคุยเล่นกับยายโง่อย่างคุณทั้งวันเลยใช่ไหม”
“ท่านสี่บอก…ท่านสี่บอกว่า…ขอแค่ทำลายตราสัญลักษณ์นี้…ท่านก็จะรับรู้ถึงมัน…จะปรากฏขึ้น…เจ้าตาย…เจ้าตายแน่…ท่านสี่ใกล้จะมาถึงแล้ว…ท่านสี่…ท่านสี่จะต้องฆ่าเจ้า…จะต้อง…”
เมื่อโจวเจ๋อได้ยินก็ก้มหน้ามองตราสัญลักษณ์ที่ไร้ร่องรอยบุบสลายในมือของเขาและพยักหน้า พลางเอ่ยว่า
“ขอบใจที่เตือน”
พูดแล้วโจวเจ๋อก็ฉีกเฝือกบนแขนขวาที่เกิดปัญหาเพราะการเคลื่อนไหวในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ และโยนมันทิ้งลงบนพื้น มีเสียงดัง ‘แกร๊ก’ ออกมา
…………………………………………………………