ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 434 คนดวงซวยนอกจากฉันแล้วจะเป็นใครได้อีก!
- Home
- ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล
- ตอนที่ 434 คนดวงซวยนอกจากฉันแล้วจะเป็นใครได้อีก!
ตอนที่ 434 คนดวงซวยนอกจากฉันแล้วจะเป็นใครได้อีก!
เข้าไปแล้วได้ออกมาอีกครั้ง เสมือนกับว่า ฟ้ามืดหวนกลับมาสว่างอีกครั้ง
นักพรตเฒ่าสูดหายใจเข้าลึก ฝืนกลั้นความโศกเศร้าที่พรั่งพรูภายในใจไว้อย่างต่อเนื่อง และกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าตาไว้ พลางรำพึงรำพันกับตัวเอง
“เถ้าแก่พวกเขาจะต้องยุ่งอยู่แน่ๆ ถึงได้ไม่สามารถมารับข้าได้ ถูกต้องแล้ว จะต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ เถ้าแก่เคยพูดไว้ ในบรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชา เขาให้ความสำคัญกับข้ามากที่สุด”
นักพรตเฒ่าเดินออกมายืนริมถนนด้านนอก เตรียมจะเรียกรถกลับไปร้านหนังสือ
รถตู้คันหนึ่งขับผ่านหน้าเขาไป นักพรตเฒ่าโบกมือตามความเคยชิน สำหรับเขาในวัยนี้บวกกับขึ้นเหนือล่องใต้ไปทั่วมาเกือบทั้งชีวิต การโบกเกวียนหรือรถยนต์สี่ล้อที่ผ่านไปแบบนี้ มักเป็นเรื่องที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว
คนหนุ่มสาวบางคนอาจจะรู้สึกอายในการทำอย่างนี้ แต่นักพรตเฒ่าที่มักจะเร่ร่อนอยู่ตามแม่น้ำทะเลสาบย่อมรู้ชัดถึงหลักของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น ในสังคมนี้ยังมีคนใจดีอีกมาก อีกอย่าง ที่นี่น่าจะโบกแท็กซี่ได้ไม่สะดวกนัก
รถตู้คันนั้นจอดลง ชายชราอายุประมาณหกสิบปีโผล่หัวหงอกออกมา แต่ดูเหมือนว่ามีชีวิตชีวามาก ชายชราคาบบุหรี่ในปากและตะโกนขึ้น
“พี่ชายจะไปไหนครับ”
“ถนนหนานต้า”
ชายชรายิ้มและพูดขึ้น “ได้ครับ ขึ้นรถเลย ผมกำลังจะกลับไปพอดี”
นักพรตเฒ่าขึ้นรถและพบว่ายังมีอีกสองคนอยู่บนรถด้วย เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งอายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ผู้หญิงอายุสี่สิบปีกว่าเห็นจะได้ ส่วนผู้ชายน่าจะอายุห้าสิบกว่าปีแล้วเพราะหลังค่อมงอแล้ว
เมื่อนักพรตเฒ่าขึ้นรถแล้ว เขาก็ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไรอีก แต่ว่าผู้หญิงกลับยิ้มให้นักพรตเฒ่าอย่างอบอุ่น ความรู้สึกรักใคร่หลงใหลเฉกเช่นหนุ่มสาวรินไหลเข้าระหว่างคิ้วและดวงตา
หัวใจของนักพรตเฒ่าขนลุกขนชันขึ้นมาทันที สาวใหญ่สดนุ่มน่าขบเผาะ!
แต่เมื่อนึกได้ว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานกักกันและถูกดำเนินคดีเพราะอะไร นักพรตเฒ่าก็สะท้านโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง หลังจากสั่นสะท้านไปก็หมดอารมณ์แล้ว แม้แต่สาวใหญ่คนนี้จะทอดสะพานให้เขาก็ไม่น่ารักเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“พี่ชาย พี่มาเยี่ยมลูกเหรอครับ” ชายชราผมหงอกที่ขับรถถามขณะขับรถ
ชายชราสวมแว่นกันแดดและแต่งตัวสไตล์ฝรั่งจ๋า อย่างน้อยสำหรับคนอายุหกสิบก็ถือว่าค่อนข้างทันสมัยเลยทีเดียว
หากเต้นระบำผู้สูงอายุที่จัตุรัสซีหยางหงละก็ คงได้สาวสังคมติดมาสักคนแน่ๆ อย่าคิดว่าคนแก่และเหล่าป้าน้าอาที่เต้นรำในจตุรัสล้วนเป็นมิตรภาพที่ใสซื่อนะ
“ไม่ใช่ ข้าเพิ่งถูกปล่อยออกมาน่ะ”
ได้ยินดังนั้น ชายชราหลังค่อมเงยหน้าขึ้นทันที และจงใจเหลือบมองนักพรตเฒ่า
สาวใหญ่วัยใกล้ห้าสิบปีด้านข้าง มีน้ำในตาเอ่อมากกว่าเดิมราวกับจะพรั่งพรูมันออกมา
“อ้าว!” ชายชราที่ขับรถยิ้มพลางเอ่ยว่า “พี่ชาย พี่ก่อคดีอะไรมาเหรอครับ ติดคุกนานขนาดนี้เลยเหรอ”
อันที่จริงนักพรตเฒ่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา อยู่ในสถานกักกันมาระยะหนึ่ง แต่ในสายตาของคนกลุ่มนี้ดูเหมือนว่าเขาถูกขังในนั้นมานานหลายสิบปี บางทีตอนที่เขาเข้าไปในตอนแรกยังเป็นพี่หลงร่างสูงใหญ่กำยำและเย่อหยิ่งอยู่เลย หลังจากออกมาก็กลายเป็นชายชราอายุเจ็ดสิบปีผอมกระหร่องไปเสียแล้ว
นักพรตเฒ่าลูบผมสั้นๆ ของตัวเอง แสร้งทำเป็นหดหู่และพูดอย่างมีอารมณ์
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ฆ่าคนโดยบังเอิญน่ะ”
ชั่วขณะหนึ่ง คนทั้งสามในรถตู้สูดหายใจดังทันที
หลังของชายชราไม่ค่อมแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะหันไปยิ้มให้นักพรตเฒ่า ชายชราหลังค่อมสวมหมวกปลดแอกและรองเท้าพลาสติก ดูเหมือนชาวนาแก่ผู้ซื่อสัตย์
แต่ตอนที่เขาเผยให้เห็นรอยยิ้ม นักพรตเฒ่าสังเกตเห็นฟันขาวจั๊วะเรียงในปาก ไอ้หมอนี่ไม่ใช่ชาวนาอย่างแน่นอน สาวใหญ่ที่อยู่ข้างเขาจงใจถูตัวเองใส่นักพรตเฒ่า ฟักทองใหญ่ยานทั้งสองลูกยังดูฟิตปั๋งอยู่เลย!
รูจมูกของนักพรตเฒ่าเกือบจะเชิดขึ้นด้วยความสุขใจ การเสแสร้งนี้ มันคุ้มมาก!
รถแล่นเข้าสู่เขตเมืองและมุ่งหน้าไปทางถนนหนานต้า ไม่ผิดแน่
นักพรตเฒ่าเอ่ยปากถามบ้าง “พวกน้องชายน้องสาวทำงานอะไรกันเหรอ”
“ขนส่งน่ะครับ” ชายชราที่ขับรถตอบ “วิ่งเต้นขายพวกสมุนไพรจากภูเขา หาเงินลำบากไม่น้อย”
นักพรตเฒ่าพยักหน้าและไม่ถามอะไรต่อ ตอนนี้เขาอยากกลับบ้านมากกว่า เขาคิดถึงเจ้าลิงน้อยของเขาแล้ว เขาเอนตัวพิงหลังถึงได้รู้สึกเหมือนทับอะไรอยู่ จึงเอื้อมมือไปคลำ นึกไม่ถึงว่าจะคลำได้รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมออกมา
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ดูประณีตมาก แต่ตัวฐานกลับเป็นสีแดงให้ความรู้สึกแปลกพิกลอย่างยิ่ง
“เฮ้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นสิ่งนี้หลังจากห่างหายไปหลายสิบปี”
“โอ้โห พี่ชายรอบรู้จริงๆ เลยนะครับ” ชายชราที่ขับรถตอบ
“ไม่ได้เจอมันมานานมากเลย ฐานนี้ทาเลือดหมาดำไว้ใช่ไหม”
“ถูกต้องครับ ติดนิสัยมาตอนวิ่งขนส่งช่วงแรกๆ ตอนนี้ในรถทุกคันก็วางไว้อย่างละองค์ ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยน่ะครับ” ชายชราที่ขับรถทอดถอนใจ
ในสายตาของคนนอกนั้น ฐานล่างรูปปั้นกวนอิมเปื้อนเลือดหมาดำเป็นการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไม่สำรวมหยาบคายอย่างยิ่ง แต่ในยุคแรกๆ โดยเฉพาะช่วงยุค 80 และ ยุค 90 นี่คือนิสัยของคนขับรถบรรทุกขนส่งทางไกลหลายคน ช่วงนั้นการขับรถบรรทุกทางไกลรู้สึกเหมือนเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อหาเงิน แต่ตอนนี้เป็นเพียงเจ้าหนูบางตัวขโมยน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้คนขับรถบรรทุกปวดเศียรเวียนเกล้าเสียมากกว่า
แต่ตอนนั้นมีโจรดักปล้นรถจริงๆ มีมารยาทหน่อยก็โรยตะปูบนถนน พอรถคุณขับมายางก็รั่ว และริมถนนจะมีร้านปะยางอยู่แห่งหนึ่ง ราคาค่าปะยางสูงลิ่ว ถ้าไม่ปะยางก็ไม่ปล่อยคุณไป หยาบคายหน่อยก็เข้าร่วมฟาดฟันกันทั้งบาง ฆ่าคนขโมยของและออกอาละวาด ถึงอย่างไรก็ตาม ในสายตาของคนรุ่นใหม่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก แต่ตอนนั้นมันกลับเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและขอให้โชคดี พวกคนขับรถเลยทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
นักพรตเฒ่าเคยโบกรถบรรทุกทางไกลในช่วงยุคแรกๆ มาไม่น้อย เคยเห็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์แบบนี้เช่นกัน
“พี่ชาย ฟังจากสำเนียงแล้วพี่ไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหมครับ” ชายชราคนขับรถถาม
“อืม ข้าเป็นคนส่านซีน่ะ”
“อ้าว บ้านเกิดเลยนี่นา!”
“จริงหรือ”
“จริงครับ เอาเข้าจริงก็ช่างมันเถอะ เที่ยงนี้พวกเราไปดื่มด้วยกันสักแก้วดีกว่า บ้านพี่มีคนอยู่ไหม”
ในสายตาของชายชราคนขับรถ นักพรตเฒ่าถูกขังจนแก่หงำเหงือกขนาดนี้เพิ่งจะได้รับการปล่อยตัวออกมา น่าจะไม่มีใครอยู่ที่บ้านแล้วถึงจะถูก
“ไม่มีคนหรอก” มีลิงหนึ่งตัวและผีอีกหลายตนแทน
“งั้นก็ดื่มด้วยกันสักแก้วสิ การพบกันคือพรหมลิขิตใช่ไหมครับ”
ไม่รอให้นักพรตเฒ่าเอ่ยปากปฏิเสธ รถตู้เลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม
“มาๆๆ ดื่มด้วยกันสักแก้ว ผมคนนี้น่ะชอบฟังเรื่องเล่า พี่ชายเชิญเล่าเรื่องสนุกๆ ของพี่มาได้เลย”
ชายชราคนขับรถดูกระตือรือร้นมาก แถมนักพรตเฒ่ายังมองออกว่า เขาอบอุ่นด้วยใจจริงๆ ไม่ได้ เสแสร้ง เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มานานหลายปี การกระทำพวกนี้เขาสามารถมองออกได้
ตอนนี้ใจของนักพรตเฒ่ายังซาบซึ้งอยู่นิดหน่อย เดาว่าถึงยังไงพวกเถ้าแก่ก็คงไม่มารับเขาอยู่ดี ถ้าเขาจะดื่มก่อนกลับไปก็คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม
เขาเพิ่งจะออกจากสถานกักกันมา ถือโอกาสนี้ปัดเป่าเคราะห์ร้ายเสียเลย
กิจการร้านอาหารเล็กๆ เงียบเหงามาก เถ้าแก่นั่งเล่นเกมมือถืออยู่ตรงนั้น รอคนเข้าร้านถึงจะลุกขึ้นไปเตรียมอาหาร และไม่ถงไม่ถามว่าจะกินอะไรก็ตรงเข้าครัวไปเลย น่าจะรู้จักคนพวกนี้ละมั้ง
“พี่ชาย นั่ง มา เรามาดื่มน้ำสีใสกันก่อน”
ชายชราคนขับรถเรียก ส่วนชายชราหลังค่อมและสาวใหญ่นั่งลงข้างๆ
กินไป ดื่มไป พูดไป คุยโวไป ทั้งที่นักพรตเฒ่าเพิ่งจะเข้าไปได้เดือนเดียว แต่กลับคุยโวออกมาให้พวกเขาฟังว่า ‘ข้าติดคุกมาสามสิบปีแล้ว’
มโนสร้างภาพเอย คำบอกเล่าเอย เรื่องแต่งไร้สาระเอ่ยออกมากองพะเนินเต็มไปหมด ถึงอย่างไรค่อนชีวิตของนักพรตเฒ่าก็เป็นผู้ชายที่อาศัยฝีปากกินข้าวอยู่แล้ว คนที่ถ่ายทอดสดและใช้เงินกระดาษขายแทนเงินหยวนได้ ทักษะการคุยโม้จะกากได้อย่างไร
บรรยากาศการกินอาหารมื้อนี้เรียกได้ว่าเป็นไปอย่างครึกครื้น แม้แต่ชายชราหลังค่อมที่ดูเหมือนจะพูดน้อยก็ชนแก้วเหล้ากับนักพรตเฒ่าไปหลายแก้ว สาวใหญ่คนนั้นแลกแก้วดื่มกับนักพรตเฒ่าไปถึงสองครั้ง
หลังจากคุยโม้เรื่องคุกแล้วก็คุยโม้เรื่องการดูแลรักษาสุขภาพกับพวกเขา โม้เรื่องการรักษาสุขภาพเสร็จแล้วก็คุยโม้เรื่องเหนือธรรมชาติกับพวกเขาต่อ
นักพรตเฒ่าคนนี้ถนัดนัก ในชาตินี้เขาไม่มีทักษะอื่น แต่เขาเชี่ยวชาญเรื่องการรับใช้ผีเชียวนะ!
เมื่อบรรยากาศกำลังครื้นเครงได้ที่ ก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจากด้านนอก เป็นรถมาสด้า เอสยูวีสีดำ นักพรตเฒ่าเห็นชายวัยกลางคนทั้งสองบนรถแบกกระสอบลงจากรถมา ชายชราคนขับรถลุกขึ้นเดินออกไปช่วยพวกเขายกกระสอบเข้าไปในรถตู้ของตัวเอง ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนทั้งสองจะเห็นนักพรตเฒ่าอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ เข้า จึงพยักหน้าให้ชายชราคนขับรถและพูดอะไรบางอย่าง ชายชราคนขับรถไม่ถือสา ทั้งสามสูบบุหรี่อยู่ด้านนอก จากนั้นชายชราคนขับรถคนเดิมก็กลับมา
“ของถึงแล้ว ผมจะไปส่งของแล้ว พี่ชายกินเสร็จแล้วใช่ไหม” ชายชราคนขับรถถาม
“กินเสร็จแล้ว เยี่ยมมากๆ” นักพรตเฒ่าพออกพอใจ
กินอิ่ม โม้ก็สนุก คนที่ชอบคุยโวต่างก็รู้กันดี ตอนที่คุณกำลังคุยโม้ หากมีคนเออออห่อหมกไปด้วยข้างๆ สักสองสามคนละก็ จะยิ่งทำให้ความสนุกเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
“พี่ชาย ให้เขาขับรถไปส่งพี่กลับนะ” ชายชราคนขับรถชี้คนที่ขับรถมาสด้าสีดำคนนั้น “เขาผ่านเส้นนั้นพอดีน่ะ”
“ได้สิ ดีเลย”
หลังจากกินดื่มจนอิ่มหนำ นักพรตเฒ่าก็ไปปลดเบาอีกครั้ง เมื่อนักพรตเฒ่าเดินออกมาก็พบว่ารถตู้คันนั้นออกไปแล้ว
สาวใหญ่ก็ไปแล้วสินะ นักพรตเฒ่ารู้สึกใจหายเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนชี้นักพรตเฒ่าแล้วพูดขึ้น “ไปกันเถอะ ขากลับผ่านทางนั้น”
“ได้เลย ขอบคุณมาก ขอบคุณ”
นักพรตเฒ่าขึ้นรถและนั่งด้านหลัง ชายวัยกลางคนสตาร์ทรถขับไปทางถนนหนานต้า ซึ่งก็คือใจกลางเมือง
เมื่อคิดว่าใกล้จะได้กลับบ้านแล้วนักพรตเฒ่าก็ตื่นเต้นในใจ
แต่ชายวัยกลางคนขับรถเร็วมาก แม้แต่ตอนเข้าโค้งก็ไม่ชะลอ นักพรตเฒ่าเพิ่งดื่มเหล้าไปจึงรู้สึกอยากอ้วก แต่ไม่กล้าอ้วกบนรถคนอื่น ทำได้เพียงโน้มตัวลงกลั้นแล้วกลืนมันกลับลงไป!
ตอนที่ก้มหัวโน้มตัวลง นักพรตเฒ่าเจอหนังสือแบบฝึกหัดเล่มหนึ่งใต้เบาะรถ เลยหยิบขึ้นมาดู มันเป็นสมุดการบ้านปิดเทอมภาคฤดูร้อนของนักเรียนชั้นประถม
“นี่ น้องชาย การบ้านของลูกเอ็งลืมทิ้งเอาไว้บนรถละสิ รีบเอาไปคืนเร็วๆ อย่าปล่อยให้เด็กทิ้งการบ้านภาคฤดูร้อน แล้วหาข้ออ้างว่าทำการบ้านหายและและตีเนียนผ่านไปแบบงงๆ ล่ะ”
ชายวัยกลางคนที่ขับรถชะงักไปครู่หนึ่ง ยื่นมือไปรับการบ้านภาคฤดูร้อนด้วยรอยยิ้มเจื่อนเล็กน้อย
ตอนที่นักพรตเฒ่ายื่นส่งให้เหลือบไปเห็นหน้าปกหนังสือแบบฝึกหัดจึงเอ่ยขึ้น
“อ้าว ลูกสาวคุณชื่อหวังหรุ่ยสินะ ชื่อดี ชื่อดีมาก ข้ารู้จักคนหนึ่ง ลูกสาวของเขาก็ชื่อหวังหรุ่ย เขาก็นามสกุลหวังเหมือนกัน แต่ข้าจะบอกอะไรเอ็งให้นะ คนนี้น่ะมันดวงซวยมากเลย เอ็งรู้ไหมว่าซวยถึงขนาดไหน ฮ่าๆๆ ข้าไม่บอกเอ็งก็คงไม่รู้แน่ๆ ว่าทำไมเขาถึงได้ดวงซวยขนาดนี้ ฮ่าๆๆ”
………………………………………………….