ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 439 คนจากไปแล้ว บ้านก็ว่างเปล่า
ตอนที่ 439 คนจากไปแล้ว บ้านก็ว่างเปล่า
นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าตัวเองเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่เหนื่อยล้าสุดๆ ขอบตาเริ่มแดงขึ้นมาแล้ว แต่โดยพื้นฐานแล้วการแสดงออกของเขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแค่มองเห็นรถข้างหน้า ก็เปิดไฟ แซงหน้า ปิดไฟ มองเห็นไฟแดงข้างหน้า ก็หยุดรออย่างมึนๆ
พฤติกรรมทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่ทำไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น โดยพื้นฐานแล้วมันอยู่เหนือความคิดในสมองแล้ว อันที่จริงการขับขี่ในสภาวะแบบนี้อันตรายมากจริงๆ และอุบัติเหตุก็มักจะเกิดขึ้นภายใต้สภาวะแบบนี้กันทั้งนั้น
เจ้าลิงหมอบอยู่บนตักของนักพรตเฒ่า หลับปุ๋ยไปแล้ว มันก็เหนื่อยเช่นกัน
นักพรตเฒ่ามองจากกระจกมองหลัง เถ้าแก่พิงไหล่ไป๋อิงอิงหลับปุ๋ยไปแล้ว อิงอิงกำลังใช้มือข้างหนึ่งลูบผมของเถ้าแก่เบาๆ ช่วยเถ้าแก่จับเหาเหมือนที่เขามักจะทำให้เจ้าลิงบ่อยๆ
ส่วนที่นั่งข้างคนขับนั้น ทนายอันนอนหลับจนเรียกได้ว่าหลับสบายสุดๆ น้ำลายไหลยืดออกมา ภาพลักษณ์ไม่เหลือแล้ว เสียงกรนสะเทือนฟ้าดิน ถึงขั้นกลบเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ได้มิด น่ากลัวมากๆ
ทนายอันหวงแหนโอกาสอันหาได้ยากที่จะได้ใช้เครื่องปรับอากาศนี้มากๆ กระทั่งพกหมอนและผ้าปิดตาขึ้นรถมาด้วย คล้ายกับจะฉลองข้ามปีเสียอย่างนั้น ส่วนนักพรตเฒ่าจุดบุหรี่ ข่มใจไว้แล้วขับรถต่อ
ตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์ที่ปรากฏครั้งสุดท้ายของลู่เหล่าซานได้รับการยืนยันแล้ว การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เถ้าแก่ไม่มีแผนให้ตำรวจเข้ามาแทรกแซง และไม่อนุญาตให้จางเยี่ยนเฟิงตามมาด้วย
เป็นไปไม่ได้ที่สาวน้อยโลลิจะถูกลักพาตัวไปขาย แต่เมื่อเผชิญกับความเป็นจริงตรงหน้าแล้ว มันบอกได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเกิดความผิดปกติกับสาวน้อยโลลิ
การรอความช่วยเหลือจากตำรวจนั้นค่อนข้างล่าช้า อีกทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมักจะพะว้าพะวงในหลายๆ เรื่อง ถ้ามัวแต่รอคนมาช่วย ไม่สู้ลงมือเองดีกว่า รวดเร็วกว่ากันโข
ในที่สุดเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด เถ้าแก่ก็ตื่นขึ้น หลังจากตื่นแล้วอิงอิงก็นวดและยื่นน้ำส่งให้เขา แถมยังรู้สึกปวดใจบอกว่าเถ้าแก่เหนื่อยแล้วลำบากแล้วไม่หยุด นอนในรถจะต้องอึดอัดมากแน่ๆ
“เถ้าแก่” นักพรตเฒ่าลองตะโกนเรียก
“หือ” โจวเจ๋อตอบ
“ยังห่างจากตำแหน่งนั้นอีกประมาณสิบห้ากิโลเมตร เจ้ามาขับได้ไหม” นักพรตเฒ่าเหนื่อยล้าและง่วงนอนจริงๆ
“เหลืออีกสิบห้ากิโลเมตรแล้วไง คุณก็ขับต่อให้มันถึงเลยสิ”
“…” นักพรตเฒ่า
หลังจากขับไปแล้วพักหนึ่ง นักพรตเฒ่าเหนื่อยมากจริงๆ จึงบอกว่า “เถ้าแก่ ตาข้าแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว”
“งั้นคุณก็หลับตาขับรถสิ ไม่เป็นไรหรอก”
“…” นักพรตเฒ่า
ก็ถูกนะ ถึงอย่างไรหากประสบอุบัติเหตุจริงบรรดาคนในรถนั้น เขาที่เป็นคนขับรถก็มีโอกาสเสียชีวิตมากที่สุด
หลังจากผ่านไปได้อีกไม่กี่นาที
“เถ้าแก่…ฮือๆๆ…ข้าขับไม่ไหวแล้วจริงๆ”
“อันนี้น่ะ มีแต่คุณที่ขับได้เท่านั้น”
“ทำไมหรือ เถ้าแก่”
“คุณมีดวงสัมพันธ์กับพวกค้ามนุษย์นั่นน่ะ”
“เอ่อ…”
แม้จะรู้สึกว่ามันฟังดูแปลกๆ ทะแม่งๆ ไปสักหน่อย แต่ก็ดูสมเหตุสมผลมาก พอเขาออกจากคุกมา ก็ถ่อไปกินเหล้ากับพวกพี่น้องค้ามนุษย์แสนดีคนนั้นแล้ว
“แต่ว่านะ เถ้าแก่ ถ้าขับต่อไปข้างหน้าอีกละก็ มันก็จะไม่มีสัญญาณบอกจำเพาะเจาะจงแล้วนะ ข้างหน้ามันเป็นแค่ตำบลเล็กๆ ข้าไม่รู้ว่าควรจะขับไปทางไหนต่อดีเนี่ยสิ”
“ขับไปมั่วๆ เลย ขับวนไปรอบๆ เดี๋ยวก็ใช่เองแหละ” มีอยู่ประโยคหนึ่งที่โจวเจ๋อไม่ได้พูดชัดๆ นั่นก็คือพวกเราเชื่อในประสิทธิภาพร่างกายที่ดึงดูดความซวยของนักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่าพยักหน้าอย่างจนปัญญา และขับต่อไป
ตำบลเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขา ขนาดพื้นที่ของตำบลนั้นไม่เล็ก หลังจากนักพรตเฒ่าขับรถเข้ามาก็คอยสอดส่องดูสองข้างทางและระแวดระวังคนเดินเท้าบนถนน
เจ้าลิงก็ตื่นเพราะเสียงตะโกนของนักพรตเฒ่า เจ้าลิงน้อยเกาะอยู่ข้างกระจกรถ ทำจมูกฟุดฟิดบ้างเป็นบางครั้ง มันก็ช่วยค้นหาด้วยเช่นกัน
ทนายอันลืมตาขึ้นด้วยความอาลัยอาวรณ์พร้อมกับยืดเส้นยืดสาย สบายจัง สบายจริงอะไรจริง ทนายอันหาวหวอดๆ ในใจก็คิดว่าตัวเองจะเข้าป่าไปจับผีดิบกลับมานอนด้วยต่างหากดีหรือเปล่า แต่พอคิดอีกตลบก็รู้สึกว่าผีดิบในป่านั้นสกปรกและน่าขยะแขยงขนาดนั้น แล้วยังจะหลับลงได้เหรอฟะ
ผีดิบสาวใช้ที่น่ารักและเอาใจใส่แบบนี้ ทั้งชีวิตของเขาเคยเจอแค่ตัวเดียว
เฮ้อ อิจฉาจัง
“จะกินอะไรหน่อยไหม” ทนายอันถาม
“ตามหาต่อเถอะ อย่าชักช้าเสียเวลา” โจวเจ๋อปฏิเสธคำเสนอแนะนี้
โจวเจ๋อไม่ได้พาหวังเคอมาด้วย และบอกให้เขาวางใจได้ พร้อมกับรับประกันว่าลูกสาวของเขาจะปลอดภัย จากนั้นก็บังคับให้เขากลับไป แต่ในตอนนี้ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับสาวน้อยโลลิ หวังหรุ่ยขึ้นจริง เขาเองก็ไม่มีหน้าจะไปอธิบายให้หวังเคอฟังได้จริงๆ
เมื่อรถแล่นไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า จนเกือบจะออกนอกเขตตำบลแล้ว ข้างหน้ามีปั๊มน้ำมันอยู่หนึ่งแห่ง และด้านหลังปั๊มน้ำมันก็เป็นศูนย์รับซื้อของเก่า
“เติมน้ำมันนะเถ้าแก่” นักพรตเฒ่าขับรถเข้าไปในปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน ทุกคนบนรถก็ลงจากรถไปพร้อมกัน นั่งรถมาทั้งวันแล้ว ต้องยืดเส้นยืดสายสักหน่อย
“คราวหน้าซื้อรถบ้านเถอะ ออกมาทำธุระจะได้สะดวกกว่านี้หน่อย” ทนายอันพูด
โจวเจ๋อพยักหน้า เขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“ต้องแจ้งยมทูตแถวนี้สักหน่อยไหม” โจวเจ๋อถาม
เมื่อก่อนเขาเคยวิ่งข้ามเขตไปแล้วดันเจอยมทูตเจ้าถิ่นโจมตีเข้าให้ ยมทูตสายธรรมมะเหมือนยมทูตที่ฉางโจว ในที่อื่นๆ นั้นมีน้อยมาก
“ไม่เป็นไร พวกเรารีบมารีบไป เรามาตามหาคนไม่ได้มาหาเรื่อง” ทนายอันอยากจะล้วงบุหรี่ออกมาจุดตามความเคยชิน แต่เมื่อเห็นว่าที่นี่คือปั๊มน้ำมันก็เลยยั้งเอาไว้ก่อน
“ถ้ามียมทูตแถวนี้สัมผัสได้และมาหา ผมจะรับผิดชอบสื่อสารให้เอง”
“เถ้าแก่ พวกเจ้าพกเงินติดตัวมาด้วยไหม” นักพรตเฒ่าวิ่งเข้ามาถาม
ตรงอกนักพรตเฒ่าแปะยันต์ของเขาเอาไว้ ดวงตาก็ ‘วาววับ’ น่าจะทาน้ำตาวัวผสมน้ำมนต์เข้าไป ต้องบอกเลยว่า หลังจากผ่านเรื่องราวบางอย่าง ความตระหนักในการป้องกันตนเองของนักพรตเฒ่าก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
เพียงแต่ว่าเขาเพิ่งออกมา โทรศัพท์ก็ไม่ได้ใช้ ในกระเป๋าก็ไม่มีเงิน
ทนายอันควักเงินออกจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นให้นักพรตเฒ่า ขณะเดียวกันก็ชี้ไปที่ร้านค้าในปั๊มน้ำมันและพูดว่า “ไปซื้อน้ำและขนมปังมาเพิ่มหน่อย”
“ได้เลย” นักพรตเฒ่าไปจ่ายเงินและซื้อของ
โจวเจ๋อหาที่สะอาดๆ นั่งลง อิงอิงยืนอยู่ตรงนั้นพลางยื่นมือออกไปนวดคลึงไหล่ให้โจวเจ๋อ
“ที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่เราต้องระวัง ตอนนี้หลินเข่อต้องเจอปัญหาเข้าแน่ๆ และปัจจัยที่สามารถทำให้เธอมีปัญหาได้ก็อาจจะเป็นปัญหาต่อเราเช่นกัน”
“อืม”
โจวเจ๋อนึกย้อนถึงตอนแรกที่เขาอยู่ที่วัดแห่งนั้นในฉางโจว ตอนที่ระฆังดังขึ้น เขาและทนายอันทั้งสองคน ทุรนทุรายคลานลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด โลกนี้กว้างใหญ่ เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถปราบภูตผีได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในฐานะยมทูตก็ตาม แต่ในความจริงแล้วเป็นเพียงผีที่ตัวใหญ่กว่าก็เท่านั้นเอง
“อย่าหนีนะ!!!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนของนักพรตเฒ่าก็ดังมาจากในปั๊มน้ำมัน ตามด้วยเสียงกระจกแตกดังสนั่น
เจ้าลิงน้อยเงยหน้าขึ้นทันทีและรีบพุ่งพรวดไปที่นั่น ในบรรดาคนในร้านหนังสือผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักพรตเฒ่ามากที่สุดก็คือตัวมันเอง
ส่วนโจวเจ๋อสบตากับทนายอัน ทั้งคู่เห็นแววตาตกตะลึงของกันและกัน ให้ตายเถอะ นักพรตเฒ่าคนนี้มีประโยชน์เกินไปแล้ว!
ตอนที่ทุกคนรีบพุ่งเข้าไปในร้านค้าของปั๊มน้ำมัน เห็นนักพรตเฒ่าล้มคะมำอยู่ใต้ชั้นวางของ มีพนักงานปั๊มน้ำมันสองคนยืนอยู่ข้างๆ อย่างทำตัวไม่ถูก
ทนายอันเอื้อมมือไปยกชั้นวางของขึ้นเพื่อให้นักพรตเฒ่าปีนออกมา
“ข้าเห็นมันแล้ว เห็นมันแล้ว ไอ้หลังค่อมนั่นมันวิ่งออกไปทางประตูหลังแล้ว หนีไปแล้ว!”
นักพรตเฒ่าชี้ประตูหลังปั๊มน้ำมันแล้วตะโกน โจวเจ๋อรีบรุดเข้าไปทันที เมื่อผลักประตูถึงได้พบว่าประตูถูกล็อกเอาไว้ แถมยังล็อกจากด้านในอีกด้วย
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
ก่อนที่จะทันได้คิดอะไรมากมาย โจวเจ๋อใช้เล็บสะเดาะตัวล็อกประตูตรงๆ ผลักประตูและพุ่งออกไป อิงอิงก็ตามหลังโจวเจ๋อไปติดๆ โดยไม่ปล่อยเถ้าแก่ห่างออกไปแม้แต่วินาทีเดียว
ด้านหลังปั๊มน้ำมันเป็นทุ่งนา และข้างทุ่งนาเป็นศูนย์รับซื้อของเก่า โจวเจ๋อมองไปรอบๆ สุดท้ายก็ตัดสินใจตามไปข้างหน้า ทั้งสองคนลัดเลาะทุ่งนามา และเดินไปจนถึงหน้าประตูศูนย์รับซื้อของเก่า ด้านในนั้นไร้เงาคน ว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ตะเกียงสักดวง
“เถ้าแก่ มีกลิ่นด้วยเจ้าค่ะ” อิงอิงเตือน
โจวเจ๋อพยักหน้าบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาเองก็ได้กลิ่น มันคือกลิ่นคาวเลือด
ทั้งสองเดินเข้าไปในศูนย์รับซื้อของเก่าพร้อมกัน ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป แต่เดินดูและสังเกตรอบข้างไปเรื่อยๆ
พวกเขาต่างก็มีร่างเป็นผีดิบจึงไวต่อเลือดของมนุษย์มาก ไม่มีทางที่จะสับสนระหว่างกลิ่นเลือดของมนุษย์และกลิ่นเลือดของสัตว์
ยิ่งเข้าใกล้เพิงศูนย์รับซื้อของเก่ามากเท่าไร กลิ่นเลือดก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น พอเปิดประตูเข้าไปกลิ่นที่พุ่งมาเตะจมูกก็ยิ่งฉุนกึก เพราะว่าอากาศยังร้อนอยู่ ดังนั้นแมลงวันถึงเยอะเอามากๆ
ด้านในมีโอ่งอยู่ และในโอ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งคล้ายกับล้มหัวทิ่ม ร่างกายของผู้หญิงคนนั้นมีรูปร่างบิดเบี้ยวขีดสุด ร่างกายท่อนบนและร่างกายท่อนล่างคล้ายกับถูกบิดจนเหมือนขนมเกลียวเทียนจิน
หัวของผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ในโอ่งด้วย ประกอบกับผมของเธอพริ้วสยายออกไป จึงทำให้น้ำในโอ่งสกปรกเช่นกัน และตรงกลางห้องนั้น มีชายชราหลังค่อมคุกเข่าอยู่บนพื้น เท้าทั้งสองข้างของเขาจมอยู่ใต้ดิน โน้มเอวโค้งคำนับลงมาและคุกเข่าอยู่ตรงนั้น พร้อมทั้งมีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วทั้งร่าง แมลงวันจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังบินวนตอมอยู่รอบเขา
ในบ้านมีเพียงศพสองรายนี้เท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีก อีกทั้งดูเหมือนว่าที่นี่จงใจทำความสะอาดจนหมดจด ไม่ให้สกปรกเลยสักนิด
แม้แต่เลือดของชายชราหลังค่อมที่ไหลออกจากตัวก็จงใจเช็ดให้สะอาด เหลือเพียงด้านที่ดูดีที่สุดเท่านั้น
ในตอนนี้ทนายอันกับนักพรตเฒ่าก็ตามมาถึงและเข้าบ้านไป เมื่อเห็นศพของชายชราหลังค่อม นักพรตเฒ่าก็สะดุ้งตกใจและตะโกนออกมาทันที
“เถ้าแก่ เจ้าฆ่าพวกเขาทิ้งหรือ”
เมื่อมองท่าทางของผู้หญิงคนนั้นที่ถูกบิดเป็นขนมเกลียวจนตาย นักพรตเฒ่ายิ่งรู้สึกเย็นวาบในใจ
เถ้าแก่ปลาเค็มของเขาเริ่มลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร นี่มันแม่งเลียนแบบตามสไตล์ของเถ้าแก่คนก่อนของเขาหรือไง
“คนตายไปได้พักหนึ่งแล้ว” ทนายอันพูด
“ตายไปสักพักหนึ่งแล้วงั้นหรือ” นักพรตเฒ่าส่ายหน้าพลางเอ่ย “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เลย เมื่อกี้ที่อยู่ในปั๊มน้ำมัน ข้ายังเห็นไอ้หลังค่อมคนนี้อยู่เลย ข้าพุ่งไปหมายจะจับตัวเขาไว้ แต่ดันจับไม่ได้ กลับกลายเป็นทำให้ตัวเองถูกชั้นวางทับเสียได้”
ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็นึกถึงประตูที่ล็อกจากด้านในตอนที่เขาตามมาถึงประตูหลังปั๊มน้ำมัน พลันเข้าใจและรีบพูดขึ้นทันที
“บางที ก่อนหน้านี้ที่คุณเจอในปั๊มน้ำมันอาจจะไม่ใช่คน”
“ไม่ใช่คนแล้วมันเป็นอะไร”
“เป็นผี”
……………………………………………………….