ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 441 ฟ้าร้อง
ตอนที่ 441 ฟ้าร้อง
“ใช่สองคนนี้ไหม” โจวเจ๋อถาม
ศพสองศพภายในบ้าน สภาพการเสียชีวิตและสถานที่เกิดเหตุค่อนข้างน่าตกใจและเกินความเป็นจริง ไม่ใช่การฆ่าเพื่อให้จบเรื่องเท่านั้น แต่เหมือนการจัดฉากและใช้ประโยชน์จากศพ ผู้ที่ฆ่าเหมือนกำลังระบายอารมณ์บางอย่างของตัวเอง
แต่โชคดีที่ที่นี่ไม่ใช่ทงเฉิง และออกมาจากมณฑลเจียงซูแล้ว จางเยี่ยนเฟิงรู้สึกโล่งใจแทนเหล่าคุณอาตำรวจของสถานีตำรวจทงเฉิงเลย
ช่วงนี้ทงเฉิงเกิดคดีอาชญากรรมมากเกินไป ถ้าหากโผล่มาอีกหนึ่งคดีคงจะจัดการไม่ไหวแล้ว ไม่อย่างนั้น โลกภายนอกคงจะคิดว่าทงเฉิงเป็นถ้ำเสือบึงมังกรแบบไหนกันแน่ ทำไมถึงมีคดีใหญ่และคนตายเป็นประจำ
“ใช่ ถูกต้องแล้ว สองคนนี้ดื่มเหล้ากับข้าหลังจากออกมาจากห้องขัง” นักพรตเฒ่าลองดูอีกหนแล้วพูดด้วยความมั่นใจ
พ่อค้ามนุษย์สองคนที่จับตัวสาวน้อยโลลิตายอยู่ตรงนี้ แต่กลับไม่เห็นแม้แต้เงาของสาวน้อยโลลิ โจวเจ๋อขมวดคิ้วเดินมาข้างโอ่ง ลากศพของผู้หญิงออกมา ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ซู่’ ศพของผู้หญิงก็ร่วงลงมานอนอยู่บนพื้น คนเลวแบบนี้ตายไปก็ไม่เสียดาย สำหรับศพของพวกเขาแล้วไม่จำเป็นต้องให้ความเคารพอะไร
โจวเจ๋อนั่งยองลงข้างผู้หญิง ร่างกายท่อนบนและร่างกายท่อนล่างของผู้หญิงบิดงอเกินจริง ประมาณว่าเวลาคุณก้มหน้าก็จะมองเห็นก้นของตัวเอง
“เถ้าแก่ ใช่ฝีมือของหลินเข่อหรือเปล่า” ไป๋อิงอิงเดินมาด้านข้างแล้วเอ่ยถาม
“ไม่แน่ใจ ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ชั่วคราว” โจวเจ๋อส่ายหน้า “ถ้าหากหลินเข่อรอดออกมาแล้ว ทำไมเธอถึงไม่ติดต่อพวกเราล่ะ”
“บางที เธออาจจะรู้สึกขายหน้า” ทนายอันไม่รู้สึกแปลกอะไร พูดตามตรงว่า “ในฐานะยมทูต แต่กลับถูกพ่อค้ามนุษย์ธรรมดาสองสามคนจับตัวมา และถ้าหากโดนทารุณอย่างว่าละก็…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทนายอันไม่พูดขยายความอีก อย่างไรก็ตามตอนนี้ร่างกายที่หลินเข่อใช้งาน ก็เป็นลูกสาวของคนอื่น
“ดูท่าแล้ว หนึ่งคงขายหน้า สองคงโกรธสุดๆ เรื่องฆ่าคนระบายความโกรธ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปกติมาก” ทนายอันพูดจามีเหตุผลมากจริงๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์สองสามคน กับสภาพแวดล้อมแบบนั้น ถ้าหากหลุดรอดไปได้ และตัวเองยังมีกำลังอยู่ ใครบ้างที่จะอดใจไม่ฆ่าเอาคืนเพื่อแก้แค้น
เมื่อเอาใจเราไปวัดกับใจคนอื่น โจวเจ๋อรู้สึกว่าถ้าหากตัวเองถูกจับตัวไปขาย หลังจากที่ตัวเองลำบากขีดสุดและโดนย่ำยี ถ้าหากตัวเองเป็นอิสระสามารถใช้กำลังได้ เขาจะต้องฆ่าคนพวกนั้นทิ้งแน่นอน และจะทารุณพวกเขาด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมทารุณที่สุด
ยมทูตไม่สามารถฆ่าคนได้ตามอำเภอใจ แต่เรื่องแบบนี้ โจวเจ๋อกลับเข้าใจสาวน้อยโลลิ พวกพ่อค้ามนุษย์ ถ้าจะพูดแบบไม่น่าฟัง ต่อให้ฆ่าพวกเขาตายยกครัวไปเลยก็คาดว่าคงไม่มีใครคัดค้านเท่าไร เพียงแต่ถ้าหลินเข่อเป็นคนฆ่า…
โจวเจ๋อลองนึกภาพเอง ลิ้นยาวของสาวน้อยโลลิห่อตัวของผู้หญิง เหมือนกับงูเหลือมที่เริ่มบิดตัวไปมาไม่หยุดจากนั้นจึงทำกระดูกของผู้หญิงหักไม่รู้กี่ชิ้น กระทั่งผู้หญิงคนนั้นมีสภาพเป็นแบบนี้
แต่ชายชราหลังค่อมคนนั้น เขาคุกเข่าอยู่บนพื้น หรือว่าหลินเข่อใช้ลิ้นตบเขาลงไปแบบนี้เลยเหรอ เธอทำได้อย่างไร
เวลานี้ ทนายอันยื่นบุหรี่ให้โจวเจ๋อหนึ่งมวน โจวเจ๋อรับมา “เถ้าแก่ ตอนนี้หลินเข่อยังไม่โทรกลับมา”ความหมายอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าหากหลินเข่อเป็นคนฆ่าสองคนนี้จริง เช่นนั้นหลินเข่ออาจจะยังชำระแค้นของตัวเองไม่เสร็จ
“ลองหาดูอีกที” โจวเจ๋อลุกขึ้น ทันใดนั้นเขากลับเจออะไรเข้า จึงนั่งลงยองๆ คลำอะไรบางอย่างบนศพของผู้หญิง แล้วเจอโทรศัพท์เครื่องหนึ่งอยู่ในกระเป๋าของเธอ โทรศัพท์ไม่ได้ล็อกหน้าจอ และเนื่องจากใส่อยู่ในกระเป๋ากางเกง โทรศัพท์จึงไม่เปียกตอนที่อยู่ในโอ่ง
ทว่าโทรศัพท์ไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ไม่มีโปรแกรมแชต กระทั่งข้อความและบันทึกการโทรก็ไม่มี ปกติน่าจะเป็นคนที่ระวังตัวเป็นอย่างมาก ดังนั้นบักทึกต่างๆ จึงถูกลบทั้งหมด
ผู้หญิงเวลาโกรธขึ้นมาช่างน่ากลัว บางครั้งก็ไม่มีเหตุผล โจวเจ๋อหวังว่าหลังจากสาวน้อยโลลิฆ่าพ่อค้ามนุษย์แล้วจะวางมือ ไม่ก่อเรื่องต่อไป มิฉะนั้น เธออาจจะโดนลงโทษจากนรก และผลที่ตามมาก็ช่างรุนแรง
พวกเขาเป็นยมทูต เป้าหมายของงานคือผี ส่วนเรื่องของคน ไม่สะดวกที่จะยื่นมือเข้าไปแทรกจริงๆ แน่นอนว่าพ่อค้ามนุษย์สองสามคนนี้คิดทำร้ายหลินเข่อ โดนหลินเข่อโต้กลับก็มีเหตุผลสมควร ไม่อย่างนั้นถ้าหากยมทูตถูกคนเป็นรังแกบ่อยๆ ก็ได้แต่ยิ้มรับ แล้วอย่างนี้ใครอยากจะเป็นยมทูตอีกเล่า ทว่าสถานที่ใหญ่ขนาดนี้ หนำซ้ำยังไม่มีเบาะแสที่แน่นอน ถ้าอยากจะตามหาคนในเขตภูเขาแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นจริงๆ
“เถ้าแก่ ตรงนี้จะจัดการยังไง” นักพรตเฒ่าชี้ไปที่ศพสองศพในบ้านแล้วถาม
“คุณอยากช่วยเก็บศพของพวกเขาเหรอ” โจวเจ๋อย้อนถาม
“เอ่อ…ไม่อยาก”
“เปิดประตู แล้วไปล่อสุนัขป่าสองสามตัวเข้ามากินมื้อเย็นจะดีที่สุด” โจวเจ๋อปัดฝุ่นที่อยู่บนไหล่ของตัวเองแล้วเดินออกไปนอกบ้าน
ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว อากาศบริเวณภูเขาค่อนข้างดี แต่คืนนี้กลับท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำท่าเหมือนฝนกำลังจะตก ทนายอันก็เดินออกมา บิดขี้เกียจ แล้วพูดอย่างทอดถอนใจ “ผมอยากให้หลินเข่อเป็นคนฆ่าสองคนนี้จริงๆ อย่างน้อยก็หมายความว่าหลินเข่อหนีไปได้แล้ว และเธอเป็นตัวอันตรายของคนอื่น ไม่ใช่คนอื่นเป็นอันตรายสำหรับเธอ”
โจวเจ๋อพยักหน้า เขาคาบบุหรี่อยู่ในปากกำลังจะจุดบุหรี่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ‘ครืนนน’ ดังมาแต่ไกล เกิดฟ้าแลบอยู่บนภูเขาที่ทอดตัวยาวเหยียดทางทิศตะวันออก
โจวเจ๋อกับทนายอันตัวสั่นทันที ไม่ใช่เพราะตกใจเสียงฟ้าร้อง แต่ทิศทางของฟ้าร้อง กลับมีไอพิฆาตที่น่าหวาดกลัวลอยขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหมือนกับว่าในภูเขามีคนหยิบหม้อขนาดใหญ่เท่าทะเลสาบมาต้มน้ำอยู่
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” ทนายอันพ่นบุหรี่ที่อยู่ในปากของตัวเองออกมาพร้อมกับสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ช้าทุกคนจึงรีบขึ้นรถ แล้วขับรถมุ่งหน้าไปทางนั้น เพียงแต่รอบนี้ทนายอันเป็นคนขับรถ ไม่ใช่นักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่าแอบซาบซึ้งอยู่ในใจ รู้สึกว่าเถ้าแก่สงสารตัวเอง อยากให้ตัวเองพักผ่อน แต่ในความเป็นจริงคือ โจวเจ๋อกับทนายอันมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างอยู่ในใจ เกิดเรื่องใหญ่ที่นั่น ในความคิดของพวกเขา กะว่าจะดูแค่เขตรอบนอกโดยไม่คิดจะเข้าไปลึกมาก ถ้าหากสาวน้อยโลลิอยู่ที่นั่น ก็น่าจะรับเธอออกมาได้
ที่นี่เป็นเขตของคนอื่นและอยู่ห่างจากทงเฉิงเป็นอย่างมาก หากเกิดเรื่องอะไรจะไม่ใช่ความผิดของเขา ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัว พวกเขาไม่อยากให้นักพรตเฒ่าขับรถก็ด้วยเหตุผลนี้ ถ้าหากร่างกายที่น่าอัศจรรย์ของนักพรตเฒ่าเริ่มสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง พาพวกเขาไปเจอหน้าบอสใหญ่ แบบนั้นยังจะเล่นอะไรได้อีก
พวกเขาขับรถไม่ถึงยี่สิบนาที ก็มีรถจี๊ปคันหนึ่งขับมาจากด้านหลัง ความเร็วของรถจี๊ปไวมาก ขับรถเร็วบนทางภูเขาที่เลี้ยวลดเช่นนี้ คงอยากตายมากใช่ไหม
ตอนที่รถจี๊ปขับแซงหน้าไป โจวเจ๋อกวาดตามองเล็กน้อย เขาเห็นผู้ชายสองคนกับผู้หญิงอีกหนึ่งคนนั่งอยู่บนรถ และคนที่ขับรถเป็นผู้หญิง ผมม้วนเป็นลอน ดูมีออร่ามาก เหมือนอีกฝ่ายตั้งใจหันมามองทางนี้เช่นกัน แต่เพียงครู่เดียวก็ชักสายตากลับไป
“เถ้าแก่ ไพ่ที่อยู่ในกระเป๋าของข้าสั่นสองสามที”
‘ชู่ว์’ โจวเจ๋อทำมือให้ไป๋อิงอิงเงียบ
ทนายอันก็ให้ความร่วมมือลดความเร็วของรถลง เพื่อให้อีกฝ่ายแซงไป กระทั่งจงใจที่จะลดความเร็วลงเรื่อยๆ เพื่อเว้นระยะห่างกับพวกเขา
“ยมทูตท้องถิ่นออกตัวแล้ว” ทนายอันกล่าว
“อืม”
โจวเจ๋อรู้ดีว่าที่ทนายอันตั้งใจลดความเร็ว จริงๆ แล้วอยากให้คนพวกนั้นเบิกทางให้ตัวเองก่อนมากกว่า อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ใช่เขตดูแลของเขา ดังนั้นเขาจึงทำตัวเป็นชาวบ้านชอบเผือกได้อย่างสบายใจ
ถ้าหากเกิดเรื่องในทงเฉิงละก็ อย่างนั้นเขาจะพยายามทั้งแรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่ แต่ถ้าพักผ่อนได้ก็ต้องพักผ่อน ได้เปลี่ยนมุมมองคอยสำรวจความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ก็เป็นเรื่องไม่เลวอย่างหนึ่ง
ฝนเริ่มตกลงมา แต่ไม่หนักมาก ขณะเดียวกันเริ่มเกิดหมอกบริเวณเส้นทางภูเขา หมอกควันที่เกิดขึ้นบนภูเขาสามารถพบเห็นได้เป็นเรื่องปกติ อาจจะมีทั้งตอนเช้า ตอนกลางวัน และตอนเย็น กระทั่งตอนเช้ามืดก็อาจจะมีหมอกหนามาต้อนรับคุณ คนขับรถที่ขับรถตามเส้นทางภูเขาเป็นประจำน่าจะเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
ทนายอันที่ตั้งใจลดความเร็วรถจำเป็นต้องลดความเร็วลงอีกอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้จะเปิดไฟสูง แต่สถานการณ์ของเส้นทางที่อยู่ข้างหน้ากลับไม่ชัดเจนอย่างมาก เส้นทางภูเขาด้านหนึ่งเป็นร่องหรือไม่ก็หน้าผาสูงชัน ส่วนด้านล่างก็คือหินและดินโคลนที่ไหลถล่มลงมา ถ้าไม่ระวังขับพลาด ก็คือรถพังและคนเสียชีวิต
ทุกคนไม่ค่อยกลัวถ้ารถเกิดอุบัติเหตุ แต่ทำรถพังก็ถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร
“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงร้องอย่างน่าสงสาร โจวเจ๋อมองเจ้าลิงหนึ่งที แล้วถามว่า “เป็นอะไร”
“เถ้าแก่ เจ้าลิงปวดฉี่” นักพรตเฒ่าตอบ
โจวเจ๋อพยักหน้า แล้วพูดกับทนายอัน “หยุดรถก่อน รออีกหน่อยแล้วกัน” ถ้าขับเข้าไปอีกก็ลึกมากแล้ว
ทนายอันจอดรถข้างทาง และยังจงใจเปิดไฟฉุกเฉินกะพริบเป็นสัญญาณเตือน หลังจากลงรถ นักพรตเฒ่าจึงพาเจ้าลิงมายืนฉี่ข้างทาง เจ้าลิงเลียนแบบท่าทางของนักพรตเฒ่า เงาหลังของหนึ่งคนแก่หนึ่งลิงดูแล้วช่างกลมกลืนกันทีเดียว
“เถ้าแก่ เจ้าดูหมอกตรงนี้สิ บนเส้นทางน้ำพุเหลืองก็เป็นแบบนี้หรือเปล่า” นักพรตเฒ่ายังมีอารมณ์พูดล้อเล่น ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้เขาออกมากับเถ้าแก่และทนายอัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง
ทางหลวงมณฑลที่อยู่ในภูเขาลึก ทั้งสองด้านคือภูเขาเป็นกลุ่มก้อน เมื่อถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา จึงมีบรรยากาศคล้ายประตูนรกที่อยู่ในความทรงจำของคนธรรมดาทั่วไปอยู่บ้าง
“เหอะ ทำไม หรือรู้ว่าตัวเองอายุมากแล้ว ช้าเร็วก็ต้องไปเดินบนเส้นทางน้ำพุเหลือง จึงอยากลองสัมผัสก่อน ใช่ไหม” ทนายอันพูดแซว
“ถุยๆๆ ข้ารู้สึกว่าตัวเองยังมีอายุได้อีกหลายสิบปี” เมื่อนักพรตเฒ่าฉี่เสร็จแล้วจึงสบายตัว เขาบิดขี้เกียจอย่างผ่อนคลายยิ่ง วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ นักพรตเฒ่าหาวหนึ่งทีแล้วพูดบ่นว่า “ใช่แล้ว เถ้าแก่ ผีที่อยู่บนเส้นทางน้ำพุเหลืองมีเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ที่นี่ไม่มีผี จึงไม่เหมือนเส้นทางน้ำพุเหลือง”
ผ่านไปสักพักหนึ่ง นักพรตเฒ่าเห็นว่าไม่มีใครตอบตัวเอง มีแต่ความเงียบ นักพรตเฒ่ารู้สึกอายเล็กน้อย จึงเงยหน้า แต่กลับพบว่าพวกเถ้าแก่กำลังมองเลยไปด้านหลังตัวเองด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
นักพรตเฒ่าหันไปมองด้วยความสงสัย แล้วจึงเห็นหมอกหนาข้างหน้าที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเอง มีเงาดำปรากฏตัวเงาแล้วเงาเล่า กำลังเดินโอนเอนไปข้างหน้า…
………………………………………………………………………..