ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 444 หมู่บ้านที่เงียบสงบ!
ตอนที่ 444 หมู่บ้านที่เงียบสงบ!
หน้าผาไม่ได้สูงมากจนเกินไป ระดับความสูงประมาณตึกหกเจ็ดชั้นเห็นจะได้ แต่ที่น่ากลัวคือกระแสน้ำที่เต็มไปด้วยดินเลนและหินกรวด
‘ตู้ม!
‘ตู้ม!’
โจวเจ๋อกับทนายอันตกลงไปในน้ำพร้อมกัน แล้วถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากซัดจมลงไปด้านล่าง ไป๋อิงอิงที่ยืนอยู่ริมหน้าผาเพิ่งได้สติจากความซาบซึ้ง แล้วพูดพึมพำว่า “เถ้าแก่…ทำไมถึงยอมตายถวายรักพร้อมทนายอัน…แต่ไม่ยอมอยู่กับข้า…ฮือๆๆ! เถ้าแก่เป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน!”
…
พวกเขาเดี๋ยวจมเดี๋ยวลอยอยู่เหนือผิวน้ำที่ขุ่นมัว และไม่รู้ว่าถูกน้ำซัดไปไกลแค่ไหน ทนายอันหลังจากลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกครั้ง จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลมหยินที่น่ากลัวนั่นดูเหมือนจะหยุดแล้ว ถึงแม้บริเวณโดยรอบจะยังเต็มไปด้วยหมอก แต่ขอเพียงแค่ลมหยินหยุดพัดลง ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แล้ว
‘ปึก!’ ทนายอันรู้สึกว่าตัวเองชนอะไรเข้า พอหันไปมอง จึงพบว่าเถ้าแก่ของตัวเองก็ถูกน้ำซัดมาอยู่ข้างตน ดวงสมพงษ์กันจริงๆ ขนาดนี้แล้วก็ยังถูกน้ำพัดพามาอยู่ด้วยกัน ถ้าหากคุณถูกน้ำพัดไปจมน้ำตายที่ไหนก็ไม่รู้ คงจะสะใจเป็นอย่างยิ่ง
ทนายอันคิดด้วยความแค้นใจ แต่ก็ยังเอื้อมมือจับไหล่ของโจวเจ๋อแล้วว่ายน้ำพาโจวเจ๋อเข้าหาฝั่ง ก่อนหน้านั้นถ้าหากไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อดึงเขามาด้วย เขาก็คงไม่ตกลงมา
“เถ้าแก่ๆ” คนหนึ่งว่ายน้ำพร้อมกับลากอีกคนไปด้วยเป็นเรื่องที่ลำบากยิ่ง ทนายอันรู้สึกว่าแขนกับหน้าอกของตัวเองเจ็บเป็นระยะ แต่ดูเหมือนโจวเจ๋อจะถูกน้ำซัดจนสลบไป เพราะเขาเรียกแล้วแต่ไม่มีการตอบสนองอย่างสิ้นเชิง โชคดีที่ตรงนี้ไม่ใช่จุดที่กระแสน้ำเชี่ยวที่สุดแล้ว ถึงแม้กระแสน้ำจะยังเชี่ยวกราก แต่ก็ยังพอรับไหว
ทนายอันพยายามเค้นแรงของตัวเองเพื่อเข้าฝั่ง และในเวลานี้หางตาของทนายอันมองเห็นว่าห่างออกไปไม่ไกลขอนไม้แหลมอันหนึ่งกำลังพุ่งมาทางนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าโดนทิ่มจะบาดเจ็บแค่ไหน ขอนไม้หนาขนาดนี้แค่อาศัยแรงกระแทกของกระแสน้ำก็อาจจะทำให้คุณกระดูกหักสองสามซี่ได้
ทนายอันผลักโจวเจ๋อเข้าหาฝั่งทันที จากนั้นตัวเองก็ถอยหลังออกเพราะแรงดัน ขอนไม้จึงไม่ได้สร้างความอันตรายให้กับทั้งสองคน ลอยผ่านไปตรงกลางระหว่างทนายอันกับโจวเจ๋อ
ขณะที่ทนายอันกำลังจะว่ายน้ำเข้าไปช่วยเจ้านายของตัวเอง เขากลับเห็นโจวเจ๋อว่ายน้ำด้วยตัวเอง และดูจากลักษณะแล้ว เขาว่ายน้ำเก่งกว่าตัวเองด้วยซ้ำ!
“…” ทนายอัน
โจวเจ๋อว่ายน้ำขึ้นฝั่งก่อน นั่งลงริมแม่น้ำ และเหนือศีรษะของเขาก็คือเนินเขา หลังจากทนายอันขึ้นฝั่งตามมาแล้วเขาไม่ได้ถามโจวเจ๋อว่าก่อนหน้านั้นแกล้งทำเป็นสลบหรือว่าสลบจริงๆ แต่กลับถอดเสื้อผ้าของตัวเองแล้วหยิบของที่อยู่ด้านในออกมา
“โทรศัพท์ใช้ไม่ได้แล้ว” ทนายอันพูดด้วยความจนใจ
ถึงแม้โทรศัพท์จะใช้งานไม่ได้ท่ามกลางหมอกหนาเช่นนี้ แต่ปัญหาในตอนนี้คือ ถ้าหากหมอกหายไป แล้วไม่มีโทรศัพท์ใช้ติดต่อ ทั้งสองคนที่อยู่ในภูเขาหาหมู่บ้านหรือร้านค้าสักแห่งไม่เจอ ถ้าอยากจะออกไปจากที่นี่ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากเย็น
โจวเจ๋ออิงศีรษะบนหินทราย แล้วพูดว่า “ข้างหน้าน่าจะมีถนนทางหลวง พวกเราเลาะไปตามถนนน่าจะหาเขตที่มีหมู่บ้านเจอ”
ทนายอันเงยหน้าขึ้นมอง เขาพบว่าตำแหน่งเหนือเนินเขามีถนนเส้นหนึ่งอยู่จริง คนที่ท่องเที่ยวตามภูเขาหรือเคยพักอาศัยอยู่ตามภูเขามาก่อนน่าจะมีประสบการณ์ มักจะมีหมู่บ้านหรือชาวบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้ถนนในภูเขา ซึ่งเหมือนการพักอาศัยอยู่ตามริมน้ำของชาวบ้านในสมัยโบราณ
ทั้งสองคนนั่งพักได้สักครู่หนึ่ง ก็ไม่รีรอปีนเนินเขาขึ้นไปพร้อมกัน พวกเขาเลือกเดินไปทิศทางหนึ่ง เลาะไปตามถนนทางหลวง ผู้ชายสองคนเรียงแถวเดินไปพร้อมกัน สภาพที่เปียกชุ่มโชกไปพร้อมกับมีเศษหินกรวดและดินเลนเปื้อนไปทั้งตัว ดูแล้วเหมือนคนงานที่เพิ่งเลิกงานจากโรงงานอิฐ และถ้าประกอบด้วยกีตาร์อีกสองตัวพวกเขาจะยิ่งเหมือนคนที่แต่งตัวคอสเพลย์เป็นนักร้องวง ‘สวีรื่อหยางกัง’[1] เลยทีเดียว
อันที่จริง โจวเจ๋อก็ไม่อยากเดิน เขาอยากหาสถานที่นอนพักผ่อนรอให้หมอกจางก่อน แต่หลังจากที่เจอการต้อนรับของลมหยิน ในใจของโจวเจ๋อรู้สึกถึงอันตรายบางอย่างทันที ท่ามกลางหมอกหนา ถึงแม้จะนิ่งดูดายคอยมองสถานการณ์ไปเรื่อยๆ แต่พวกมันคงไม่ยอมให้คุณนั่งดูอย่างสบายใจแน่นอน
ก่อนหน้านั้นที่ขับรถบวกกับการเดินในเวลานี้ โจวเจ๋อยังไม่เห็นคนเดิน และไม่เห็นรถขับผ่านตัวเองสักคัน ที่นี่เป็นทางหลวงมณฑลนะ! ต่อให้เป็นทางหลวงมณฑลที่ห่างไกล ก็ต้องมีรถผ่านไม่น้อย
ภายในหมอกหนาพวกนี้ เหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองคุณ แต่ว่าอยู่ที่ไหน โจวเจ๋อก็พูดไม่ถูก ทว่าความรู้สึกแบบนี้ มันทำให้ไม่ค่อยสบายใจเสียเลย
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพยายามตามหาอิงอิงกับนักพรตเฒ่าให้เจอก่อน ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนพลัดหลงกับตน โจวเจ๋อจึงไม่ค่อยวางใจเท่าไร
“เถ้าแก่ ดูข้างหน้าสิ ดูเหมือนจะมีหมู่บ้านอยู่ข้างหน้า” ทนายอันชี้ไปข้างหน้าและตะโกนขึ้น ขณะเดียวกันทนายอันก็โน้มตัว เริ่มหายใจหอบใหญ่
ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ในกระแสน้ำเชี่ยวเขาลากโจวเจ๋อพร้อมกับว่ายน้ำไปด้วยจึงรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก การพักผ่อนช่วงสั้นๆ ไม่อาจบรรเทาความเหนื่อยได้อย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ยังปวดเมื่อยตามเนื้อตัวอีก
โจวเจ๋อหันไปมอง ท่ามกลางหมอกหนาที่อยู่ตรงหน้าได้ปรากฏเงาของหลังคาบ้านจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
“ไปกันเถอะ เข้าไปดูหมู่บ้านกัน” โจวเจ๋อพูดเร่งรัด
ทนายอันยื่นมือคว้าแขนของโจวเจ๋อ กลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วพูดว่า “เถ้าแก่ หมอกหนา หุบเขาลึก จากนั้นก็เจอหมู่บ้าน การจัดฉากที่ราบรื่นแบบนี้ ผมรู้สึกว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นหมู่บ้านเมื่อหลายร้อยปีก่อนหรือหนึ่งพันปีก่อน ต้องมีปัญหาแน่นอน”
นี่เหมือนกับเรือผีสิง ได้ยินว่าเรือเหล่านั้นหายไปหรือจมลงไปสองสามร้อยปี แล้วจู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำทะเลถูกคนมองเห็นแต่ไกลลิบ
“ไม่ น่าจะเป็นหมู่บ้านในยุคปัจจุบัน” โจวเจ๋อโต้กลับ
“แน่ใจขนาดนี้เชียว” ทนายอันไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
“ดูอันนี้” โจวเจ๋อชี้ไปที่ด้านหลังตัวเอง ด้านหนึ่งของทางหลวงมณฑลเป็นหน้าผา อีกด้านหนึ่งเป็นเหวลึกชัน แต่เพื่อเสริมความแข็งแรงของตัวภูเขา ป้องกันดินถล่มและหินหล่น ดังนั้นโดยทั่วไปจะก่ออิฐขึ้นมา
ทนายอันเดินเข้าไปใกล้กำแพงอิฐ พบว่าบนนั้นเขียนตัวหนังสือสีแดงสด ‘ชาติมั่งคั่ง ประชาธิปไตย อารยธรรมปรองดอง…’ และตัวหนังบรรทัดล่างคือ ‘ต่อสู้ยืนหยัดเอาชนะความยากจน!’
“…” ทนายอัน
“ใช่ไหมล่ะ” โจวเจ๋อถาม
ทนายอันพยักหน้า ต่อจากนั้น ทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เดินไปทางแยกข้างหน้าของถนนทางหลวงมณฑลแล้วเดินต่ออีกสองสามนาที ก็ถึงหน้าหมู่บ้านแล้ว ภายในหมู่บ้านมีบ้านชั้นเดียวอยู่ไม่น้อย แต่มีบ้านสองชั้นสามชั้นอยู่บางส่วน ย่อมไม่ใช่หมู่บ้านร้างแน่นอน เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดาเท่านั้น
ทว่าภายในหมู่บ้านกลับไม่มีใครแม้แต่คนเดียว พวกเขาเดินเข้ามาตั้งแต่ปากทางเข้าหมู่บ้าน แต่ไม่เจอใครสักคนประตูบ้านทั้งสองฝั่งก็ปิดสนิท ทั่วทั้งหมู่บ้านมีแต่กลิ่นอายของความเงียบสงัด
โจวเจ๋อเดินไปหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง เอื้อมมือไปผลักประตู ถึงแม้ประตูจะปิดแต่ก็ไม่ได้ถูกล็อก ของตกแต่งภายในบ้านไม่มีฝุ่น ดูเหมือนมีคนอาศัยอยู่ตลอดเวลา กระทั่งโต๊ะเก้าอี้ของห้องรับแขกยังมีผลไม้ที่หั่นเรียบร้อยแล้ววางอยู่ตรงนั้น
ทนายอันเดินออกมาจากห้องครัว กดน้ำดื่มหนึ่งแก้วแล้วเดินออกมา ขณะเดียวกันก็พูดกับโจวเจ๋อว่า “ข้างในมีเครื่องกดน้ำด้วย”
โจวเจ๋อไม่รู้สึกหิวน้ำ เขาแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น คนในหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ที่ไหน หลังจากเกิดหมอกหนา โจวเจ๋อรู้สึกว่ารอบตัวของตัวเองมีแต่สิ่งประหลาดเกิดขึ้น
อย่างแรกคือเกิดลมหยิน ต่อจากนั้นก็เป็นหมู่บ้านที่เงียบวังเวง โจวเจ๋อนั่งบนโซฟา
“ผมจะขึ้นไปดูข้างบน” ทนายอันถือน้ำเดินขึ้นไปข้างบน ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาจึงเดินลงมา แล้วตะโกนเรียก โจวเจ๋อ “เถ้าแก่ ขึ้นมาดูข้างบนเร็ว มีของเซอร์ไพรส์”
โจวเจ๋อลุกขึ้น เดินตามทนายอันขึ้นไปข้างบน ภายในห้องนอนของชั้นสอง ครอบครัวที่มีสมาชิกห้าคน น่าจะเป็นลูก พ่อ แม่ แล้วก็คุณปู่ คุณย่า ทุกคนได้ผูกคอตายอยู่ตรงนั้น
พวกเขาทั้งห้าคนแลบลิ้นตาถลนออกมา เป็นลักษณะของการผูกคอตายตามแบบมาตรฐาน
“ไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะไม่มีเก้าอี้ข้างล่าง” ทนายอันพูด
ถ้าหากฆ่าตัวตาย ก็ควรจะเหยียบเก้าอี้ขึ้นไป แต่ข้างล่างกลับไม่มีเก้าอี้ น่าจะโดนคนอื่นฆ่าตาย แต่เป็นฝีมือของใครล่ะ
ทนายอันดื่มน้ำอีกอึกก่อนจะวางแก้วเปล่าลงข้างๆ แล้วเอ่ยว่า “คุณคิดว่า คนในหมู่บ้านแห่งนี้ อาจจะ…” ตายทั้งหมด ถูกแขวนคอตายทั้งหมดไหม
“ลองไปดูบ้านอื่นด้วย” โจวเจ๋อกล่าว
ทั้งสองคนเดินออกจากบ้านสองชั้นแล้วไปบ้านข้างเคียง บ้านข้างๆ เป็นบ้านชั้นเดียว หลังจากผลักประตูออกแล้วก็เห็นสามีภรรยามีอายุคู่หนึ่งแขวนคอตายอยู่บนขื่อบ้านเหมือนกัน ต่อจากนั้นก็เดินไปบ้านหลังอื่นอีก คนที่อยู่ในบ้านล้วนผูกคอตายทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าคนทั้งหมู่บ้านจะกลายเป็น ‘ผีแขวนคอตาย’ ทั้งหมด
โจวเจ๋อเจอบุหรี่ยี่ห้อ ‘ต้าเฉียนเหมิน’ ในบ้านหลังหนึ่ง จากนั้นจึงแบ่งกันสูบกับทนายอันคนละมวน ถ้าหากเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปหรือทีมสำรวจมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อได้เห็นฉากเหล่านี้ คาดว่าคงตกใจเสียขวัญ ลนลานทำตัวไม่ถูกแล้วรีบหนีออกมาทันที กลายเป็นตำนานของ ‘หมู่บ้านผีสิง’ อีกแห่งหนึ่ง และเมื่อเทียบกับ ‘หมู่บ้านผีสิง’ ที่กุเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวเสียส่วนใหญ่ ที่นี่ยิ่งน่ากลัวและสมจริงยิ่งกว่า
แต่โจวเจ๋อกับทนายอันเป็นคนมีประสบการณ์แล้ว สำหรับสถานที่ที่น่ากลัวสุดแปลกพิกลแบบนี้ ทั้งสองคนยังคงรักษาความสงบนิ่งและใจเย็นได้เหมือนเดิม
ถึงอย่างไรก็เจอศพมาเยอะแล้ว สำหรับผีหรือคนที่ตายไปแล้วยิ่งเจอเยอะกว่า ถึงแม้ทั้งสองคนจะรู้สึกไม่ค่อยสบายและอึดอัด แต่ก็ไม่ถึงขั้นตกใจตั้งสติไม่อยู่ สุดท้ายทั้งสองคนเข้าไปในบ้านสามชั้นหลังหนึ่ง ครอบครัวมีฐานะพอสมควร ถึงแม้ในหมู่บ้านจะไฟดับ แต่ในตู้เย็นยังคงเก็บความเย็นได้อยู่บ้าง ทนายอันหยิบเครื่องดื่มเย็นออกมาสองขวด แล้วโยนให้โจวเจ๋อหนึ่งขวด
เหนือศีรษะของคนทั้งสอง มีหญิงสาวอายุน้อยสองคนแขวนคอตายอยู่ตรงนั้น พวกเขาสองคนเห็นจนชินตาไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว
“เถ้าแก่ คุณคิดว่า ถูกหลินเข่อฆ่าหรือเปล่า”
“ไม่น่าจะใช่ ผลเสียของการฆ่าคนทั้งหมู่บ้านเป็นยังไง เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้”
“เธอไม่ใช่เด็กแล้ว” ทนายอันนับนิ้วแล้วเอ่ยว่า “พอลองนับอายุ ตอนนี้เธอน่าจะเข้าวัยทองแล้ว ผู้หญิงวัยทองถูกจับไปขาย พอโกรธแล้วมีอะไรบ้างที่ทำไม่ได้”
โจวเจ๋อเงียบ เพราะจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าที่ทนายอันพูดก็มีเหตุผลเล็กน้อย
“ใช่ไหม มีเหตุผลใช่ไหม” ทนายอันยักไหล่ให้โจวเจ๋อ จากนั้นยิ้มเล็กน้อยขณะดื่มโคล่าเย็นชื่นใจ เขาเงยหน้าแล้วพบว่าหญิงสาวที่แขวนคอตายอยู่เหนือศีรษะทั้งสองคนกำลังยิ้มให้ตัวเอง “อ้าว พวกคุณก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผลใช่ไหม”
………………………………………………………………………..
[1] สวีรื่อหยางกัง เป็นนักร้องคู่ดูโอ้ชายของประเทศจีน ภาพลักษณ์เซอร์ๆ และมีกีตาร์คู่ใจ