ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 450 ท่านสี่
ตอนที่ 450 ท่านสี่
“เด็กๆ รับแขก!” หญิงชราตะโกนคำนี้ ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่นรกแต่เป็นหอนางโลมแทน หญิงชราปากพูดว่าต้องรักษาเกียรติของสตรี แต่ตอนที่เปิดเผยนิสัยที่แท้จริงออกมา กลับเหมือน ‘บุรุษเป็นหัวขโมย สตรีเป็นโสเภณี’[1] อย่างไรอย่างนั้น
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาปลงอนิจจัง เพราะผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าแต่ละคนเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว พวกเธอยังคงเยื้องย่างอย่างชดช้อย ราวกับเป็นอาหารที่ล้ำค่าที่สุด มาพร้อมกับความสวยไร้ที่ติ
แต่โจวเจ๋อจำได้ว่าภายในร่างกายของผู้หญิงเหล่านี้ มีแมลงพิษมากมายนับไม่ถ้วนกำลังเลื้อยคลาน นับว่ามองได้แต่อย่าเข้าไปเล่นจะดีกว่า
“ได้ยินว่าผู้หญิงคนหนึ่งในยุคราชวงศ์ชิงกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์หลังสามีตาย เมื่อวิญญาณมาถึงนรกก็ได้เป็นยมทูต บวกกับอานิสงส์ของชาวบ้านที่เข้าวัดกราบไหว้บูชาเธอ ต่อมาเธอจึงเลื่อนขั้นขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้เป็นผู้พิพากษา ได้ยินว่าเธอจะจับวิญญาณของผู้หญิงที่ไม่รักษาความบริสุทธิ์ แล้วนำมาทำเป็นหุ่นเชิด แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงแตกดับ และหุ่นเชิดของเธอในตอนนั้นเหลือเพียงส่วนน้อยเท่านั้น และหญิงชราคนนี้ก็น่าจะเป็นสาวใช้ของผู้พิพากษาหญิงในตอนนั้น”
ทนายอันรีบให้ความรู้โจวเจ๋ออย่างรวดเร็ว เขาเคยทำงานในนรกมานานมาก ต่างจากยมทูตอย่างโจวเจ๋อที่ถูกปล่อยไว้ข้างนอก นับว่าเขาทำงานส่วนกลางมาตลอด ดังนั้นจึงเข้าใจการนินทาเรื่องลับของคนอื่นอยู่บ้าง
พวกผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าเริ่มล้อมเข้ามาเป็นวงกลม ส่วนผีผู้หญิงทั้งเก้าตัวกลับยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเป็นระเบียบ ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
“เถ้าแก่ พวกเราหาโอกาสฝ่าออกไป ขอแค่ออกจากเขตนี้เข้าสู่ทางเดินน้ำพุเหลือง ถึงตอนนั้นพวกเธอก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสานแล้ว พวกเราก็จะได้หาโอกาสกลับไปโลกมนุษย์”
กลับไปโลกมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง เมื่อนึกได้ว่ากายเนื้อของตัวเองอยู่ที่เขตชานเมือง ไม่ว่าจะเป็น โจวเจ๋อหรือทนายอันต่างก็ร้อนใจกันทั้งนั้น ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษซุ้มประตูบ้าบอนั่น ดูดทุกคนเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
“อี๋…ยา…” เสียงร้องเพลงแผ่วเบาเหมือนทำนองเพลงพื้นบ้าน มาพร้อมกับมนต์เสน่ห์ยั่วยวนจิตใจคน
กระดูกมือซ้ายของทนายอันกระจายควันสีชมพูออกมาเพื่อปกคลุมตัวเอง เขาไม่ได้ไปช่วยโจวเจ๋อ เพราะเขารู้ดีว่าเถ้าแก่ของตัวเองถึงจะมีหลายเรื่องที่บกพร่อง แต่การต้านทานสาวสวยของเขานั้นต้องทำให้คนรู้สึกทึ่งจริงๆ!
และความจริงแล้ว โจวเจ๋อก็ไม่ได้หลงกลสิ่งเย้ายวนพวกนี้จริงๆ แต่หันหลังชนกับทนายอัน จากนั้นเริ่มเคลื่อนไปทิศทางหนึ่งอย่างช้าๆ แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนี้คือ ผู้หญิงพวกนี้เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับสานแหแล้วปกคลุมพวกเขาทั้งสองคน
“เถ้าแก่ ผมจะคอยคุ้มกัน คุณรับหน้าที่ฝ่าออกไป!” หากไม่ตัดสินใจตอนที่ต้องตัดสินใจจะนำมาซึ่งปัญหา ทนายอันรีบตะโกนทันที เมื่อสิ้นเสียง มือกระดูกสีขาวของทนายอันก็พุ่งตรงออกไป ชั่วเวลาเดียวกันนั้น ผู้หญิงในชุดกี่เพ้าสองสามคนข้างหน้าถูกโจมตีจนต้องล่าถอย ขบวนแตกไปไม่น้อย
เล็บทั้งสองมือของโจวเจ๋อยาวดุจเคียว เริ่มบุกโจมตีซึ่งหน้า เวลานี้เขาไม่อาจรักหยกถนอมบุปผาได้แล้ว เสียงหอบของผู้หญิงดังเป็นระลอก ราวกับว่าทั้งสองคนไม่ได้ฆ่าฟัน แต่กำลังกลิ้งไปมากับผู้หญิงเหล่านี้
และไม่รู้ว่าทำไม ไม่ว่าทั้งสองคนจะบุกโจมตีอย่างไร ข้างหน้ากลับมีผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าขวางทางอยู่ตลอด หลังจากต่อสู้กันอยู่นาน ก็ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดสักที
อีกด้านหนึ่ง หญิงชราที่ถือโคมไฟกลับลูบโคมไฟกลางฝ่ามือเบาๆ ไฟที่อ่อนแสงหลังจากปราบผีผู้หญิงทั้งเก้าตัวเมื่อครู่กำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ เห็นได้ชัดว่า หญิงชราอยากให้พวกผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าถ่วงเวลาเอาไว้ เพื่อรอให้อาวุธของตัวเองได้พลังกลับมา
“เถ้าแก่ คุณต้องควบคุมตัวเองให้ได้นะ!” ทนายอันคอยกำจัดผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับกำชับ โจวเจ๋อ เขาเป็นห่วงว่าถ้าโจวเจ๋อใช้สูตรโกง ปล่อยให้จิตสำนึกที่อยู่ในร่างตื่นขึ้นมา อุปสรรคในตอนนี้ถือว่าเป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย แต่ถ้าหากจิตสำนึกนั้นตื่นขึ้น ก็จะเป็นสึนามิที่กลืนกินเหมือนวาฬกลืนอาหาร
จริงๆ แล้ว ความกังวลของทนายอันเกินความจำเป็นอย่างสิ้นเชิง ยังไม่ต้องพูดถึงตัวของโจวเจ๋อเองที่รู้ถึงผลดีผลเสีย เมื่อพูดถึงคนนั้น เวลาที่อยู่ในนรก ต่อให้โจวเจ๋อคุกเข่าขอร้องเขา เขายังไม่กล้าขานรับสักประโยค
ตอนเจอคนที่มาจากสะพานไน่เหอครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่อยู่ในนรก นอกจากนี้ไอ้หมอนี่ก็กินเสียจนอิ่มแปล้ ตอนนี้ย่อยหมดหรือยังก็ยังบอกได้ยาก แต่ปล่อยให้ยุ่งเหยิงแบบนี้ต่อไปไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ ถ้ารอให้อาวุธของหญิงชราได้ฟื้นฟูพลัง จากนั้นปล่อยไฟประหลาดออกมา เท่ากับว่าถูกปลิดวิญญาณอย่างแน่นอน
“ออกมา!” โจวเจ๋อแบฝ่ามือ งูยาวสีดำตัวหนึ่งเลื้อยออกมา นี่คือร่างแท้ของหยกผี ตอนแรกเป็นหน้าเด็ก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นงูตัวยาว สำหรับการจัดการวิญญาณนั้น ดูเหมือนเจ้าสิ่งนี้จะใช้ได้ผลเป็นอย่างมาก
และแล้วหลังจากที่มันออกมา โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นของมัน เหมือนคนแก่ลามกเก็บการ์ดเพชรได้แล้วเข้าไปจิบชาด้วยความฮึกเหิม
ชั่วเวลาเดียว มันเลื้อยผ่านระหว่างผู้หญิงที่ใส่ชุดกี่เพ้าไม่หยุด จากนั้นกลืนแมลงพิษที่อยู่ตามดวงตา หู ปาก และจมูกของผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าเหล่านี้ด้วยความพึงพอใจ
นอกจากนี้ จากเดิมที่ตัวมันเป็นสีดำ หลังจากเลื้อยผ่านไปมาสองสามรอบกลับกลายเป็นสีชมพู ดูแล้วก็น่ารักเหมือนกัน
โจวเจ๋อเป็นห่วงจริงๆ ว่ามันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ พอนึกว่าต่อไปรอยสักกลางฝ่ามือของตัวเองจากงูสีดำจะกลายเป็นงูสีชมพูน่ารัก เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาทีเดียว
แต่การปรากฏตัวของมันได้ผลอย่างเห็นได้ชัด ความรวดเร็วของผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าช้าลงทันที จากเดิมที่โอบล้อมกันหนาแน่นเริ่มเบาบางลงในทันใด
“ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี สลาย!”
“โอ๊ยยยย!!!!” เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังออกมา การโอบล้อมของพวกผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าแตกออกเพราะคาถาของทนายอันในที่สุด
“เถ้าแก่ ไป!” ทนายอันรีบนำมุ่งฝ่าออกไปก่อน โจวเจ๋อก็วิ่งตามไปเช่นกัน ขณะเดียวกันก็เรียกงูน่าเกลียดตัวนั้นกลับมา แต่งูน่าเกลียดกลับแสดงการต่อต้าน เห็นได้ชัดว่ามันยังอยากเพลิดเพลินกับสาวๆ พวกนี้อยู่ แต่ภายใต้การข่มขู่ที่เข้มงวดของโจวเจ๋อ ถ้าแกไม่ไปฉันจะบดขยี้หน่อของแกเสีย มันจึงกลายเป็นวงแสงสีชมพู มุดเข้าไปในฝ่ามือของโจวเจ๋อ
ระหว่างที่วิ่งหนี เถ้าแก่โจวตั้งใจมองฝ่ามือของตัวเองหนึ่งที พบว่ารอยสักกลายเป็นสีชมพูจริงๆ ด้วย เขาพลันรู้สึกอารมณ์เสียในทันใด
แต่หญิงชราที่ถือโคมไฟอยู่บริเวณนั้นหลังจากเห็นทนายอันร่ายคาถาเพื่อแหวกวงล้อม เธอเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
“เป็นผู้ตรวจสอบของยมโลกเหรอ” หญิงชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้จะยมโลกจะไม่สามารถดูแลนรกได้ทุกพื้นที่ แต่ยมโลกก็คือยมโลก และผู้ตรวจสอบก็ไม่ใช่ยมทูตที่เป็นข้าราชการระดับต่ำ
เจ้านายของตัวเองวิญญาณแตกดับไปร้อยปีแล้ว เธอจึงไม่กล้าผิดใจกับผู้ตรวจสอบของยมโลกจริงๆ เพราะถ้าคุณผิดใจกับคนคนเดียว ก็สามารถเชื่อมโยงได้เป็นวงใหญ่ เครือข่ายเส้นสายในระบบราชการของยมโลก เป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินบรรยายอย่างแท้จริง
“แต่ผู้ตรวจสอบไม่มีตำแหน่งข้าราชการ ไม่ใส่ชุดข้าราชการ แต่ออกปฏิบัติหน้าที่ยามดึก” ทันใดนั้น หญิงชราจึงรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะว่าเป็นผู้ตรวจสอบ ทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ หรือว่าฐานะของเขาไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้
หญิงชราคิดอย่างถี่ถ้วน เดิมทีเธอไม่อยากสืบสาวเอาเรื่องต่อ อย่าเห็นว่าตอนที่ปราบวิญญาณทั้งเก้าเธอ เหิมเกริมยิ่ง แต่นั่นก็ต้องดูเป้าหมายด้วย เวลาที่ควรอยู่เงียบๆ ก็ควรทำตัวเงียบๆ เข้าไว้ ที่นี่เป็นนรก ตายแล้วย่อมไม่มีโอกาสฟื้นคืนอีก ทว่าตอนที่เธอเห็นผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าตรงหน้าเดินโซเซโดนทำลายแม้แต่ใบหน้า เธอกลับเผยสีหน้าโกรธสุดขีดออกมา “ให้ตายเถอะ กล้าดูดพลังชี่บนตัวของหุ่นเชิดไป น่าเกลียด สมควรตาย สมควรตาย!!!”
ผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าสูญเสียพลังและจิตใจ เดินไปเดินมาเหมือนหุ่นยนต์ตายแห้ง ไม่มีความงามเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น หญิงชราหยิบจดหมายประทับตราสีฟ้าออกมาฉบับหนึ่ง แล้วฉีกให้ละเอียด สิ่งเหล่านี้มีความคล้าย‘การตีกลองร้องทุกข์’ ในยมโลก จดหมายประทับตราจะถูกส่งไปถึงมือของเจ้าหน้าที่ยมโลกที่อยู่แถวนี้ ทำหน้าที่เหมือนหอไฟสัญญาณ
หญิงชราเชื่อว่าฐานะของทนายอันมีปัญหาแน่นอน และอีกฝ่ายก็ยังขโมยพลังชี่บนตัวหุ่นเชิดของเธอ เช่นนั้นจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด!
…
เมื่ออยู่ในสภาพของดวงวิญญาณต่อให้คุณวิ่งแค่ไหนก็ไม่หอบ แต่ความรู้สึกเหนื่อยล้ากลับมีไม่น้อย ตอนแรก โจวเจ๋อกับทนายอันวิ่งตะบึงมาด้วยกัน จากนั้นทั้งสองคนค่อยๆ วิ่งช้าลงอย่างช่วยไม่ได้
“เถ้าแก่ โชคดีที่ตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากทางเดินน้ำพุเหลือง รอให้พวกเราเดินบนทางเดินน้ำพุเหลืองแล้ว พวกเราก็จะสามารถกลับไปโลกมนุษย์ได้” ทนายอันพูดให้กำลังใจ โจวเจ๋อพยักหน้าแล้ววิ่งต่อ
ครั้งนี้เถ้าแก่โจวได้เห็นทิวทัศน์ของนรกในระดับลึกซึ้งแล้ว ดีกว่าเมื่อก่อนที่ผ่านหน้าบ้านตั้งสามครั้งก็ยังไม่ได้เข้าไปเป็นไหนๆ แต่ความทรงจำที่เหลืออยู่กลับไม่ได้สวยงามมากเท่าไรนัก
เขาตัดสินใจแล้ว คราวหน้าจะไม่มาวิ่งเล่นในนรกอีก เบื้องหน้าเป็นศาลาเก่าแห่งหนึ่ง ศาลาลอยอยู่เหนือหญ้าบริเวณนั้น ตอนที่โจวเจ๋อเดินผ่านศาลานี้ จู่ๆ เขาก็หลับตาทำจมูกฟุดฟิด จากนั้นถามว่า “เหล่าอัน คุณได้กลิ่นอะไรไหม”
เหล่าอันก็ตกตะลึงเช่นกัน แล้วพูดว่า “อืม กลิ่นเปรี้ยวๆ แต่หอมมาก”
“กลิ่นผักดอง” โจวเจ๋อเอ่ยด้วยความมั่นใจ
“ผักดองเหรอ หืม ผักดอง!!!” ทนายอันเหมือนโดนช็อตด้วยไฟฟ้าตัวนิ่งงันทันที แล้วมองไปทางศาลา
โจวเจ๋อหยุดเดิน เหลือบมองทนายอันด้วยความสงสัย
“ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่ต้องหลบหรอก” ทนายอันตะโกนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ด้านนอกศาลาเหมือนถูกปลดผ้าม่านออกหนึ่งชั้น จากนั้นภายในศาลาที่เดิมทีว่างเปล่า กลับปรากฏโต๊ะหนึ่งตัวกับเก้าอี้สองสามตัว
ผู้ชายแลดูขาวสะอาดนั่งอยู่ข้างโต๊ะ เขาสวมหมวกขุนนาง ผูกเข็มขัด ใส่รองเท้าเมฆาเขียว พร้อมกับมีจดหมายประทับตราสีฟ้าหนึ่งฉบับวางอยู่บนโต๊ะ ข้างๆ ยังมีเตาขนาดเล็กซึ่งมีหม้อต้มใบเล็กวางอยู่บนเตา ข้างกายมีสาวใช้รูปงามนั่งยองๆ คอยสังเกตความแรงของไฟอย่างละเอียดถี่ถ้วน
กลิ่นหอมของผักดองลอยออกมาจากที่นี่เป็นระยะ สาวใช้ถือพัดคอยพัดเตาไฟพร้อมกับเช็ดน้ำลายของตัวเองไม่หยุดเห็นได้ชัดว่าเธอทนไม่ไหวแล้ว
ทันใดนั้นดูเหมือนเธอจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ จึงหันหน้ามองไปข้างนอก ตอนที่เธอเห็นโจวเจ๋อ เธอเผยสีหน้าหวาดกลัวบนใบหน้าทันที รีบลุกขึ้นชี้ไปที่โจวเจ๋อแล้วตะโกนว่า “ท่านสี่ เขานั่นเอง”
“…” โจวเจ๋อ
………………………………………………………………………..
[1] บุรุษเป็นหัวขโมย สตรีเป็นโสเภณี เป็นสำนวนจีนที่บ่งบอกถึงความคิดเสื่อมทราม น่ารังเกียจ