ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 455 เถ้าแก่โจวนวดสปาพาเพลิน
ตอนที่ 455 เถ้าแก่โจวนวดสปาพาเพลิน
ข้างหูของเขาได้ยินเสียงลมดังหวีดหวิวอย่างต่อเนื่อง เหมือนกำลังลอยขึ้นไม่หยุด เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเรือเล็กลำหนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ คุณอยู่ที่ไหนและกำลังจะไปที่ไหน แท้จริงแล้วคุณไม่อาจกำหนดได้ด้วยตัวคุณเอง
อย่างแรกเขารู้สึกเจ็บปวดทรมานยากที่จะทนไหว ราวกับวิญญาณของตัวเองแตกออกนับครั้งไม่ถ้วน โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเจอความเจ็บปวดระดับนี้ คนทั่วไปก็คงจะสลบไปดื้อๆ แล้ว นี่คือระบบป้องกันตัวเองของร่างกาย
แต่โจวเจ๋อในเวลานี้อยู่ในสถานะของวิญญาณ พลังรับรู้ไวกว่าตอนที่มีร่างกาย ความเจ็บปวดที่ได้รับทั้งหมดจึงมากกว่าเป็นธรรมดา เหมือนผิวหนังใต้ฝ่าเท้ามีความอ่อนไหวเท่ากับหนังหุ้มปลาย แถมยังเดินเท้าเปล่าอีกต่างหาก
วิญญาณของเขาล่องลอยไปเรื่อย ส่วนสตินึกรู้ของตัวเองก็เริ่มเข้าสู่ความสับสน ราวกับแสงวาววับสีทองกับ พระนั่นยังคงยืนอยู่ข้างกายตัวเองท่องคำไร้สาระอย่าง ‘ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง’ ซ้ำไปซ้ำมา
ทั้งที่เขาล่องลอยอยู่ในตัวเมืองแท้ๆ แต่ในสายตาของโจวเจ๋อกลับปรากฏถนนเส้นหนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏสภาพของร้านหนังสือ สลับกันไปมาอยู่เช่นนี้ โจวเจ๋อรู้ดีว่า นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าความทรงจำกับความเป็นจริงเริ่มผสมปนเปกัน สำหรับคนทั่วไป นี่เป็นอาการช่วงสุดท้ายก่อนตาย ชาติที่แล้วโจวเจ๋อเคยเห็นคนป่วยตายมาเยอะแยะมากมาย
ในหลายสถานการณ์ ต่อให้เป็นหมอที่เก่งกาจแค่ไหน จริงๆ แล้วก็ได้แต่ทำสุดความสามารถ ก่อนที่คนไข้จะเสียชีวิตมีหลายคนเกิดภาพหลอน พูดจาเพ้อเจ้อ
เมื่อก่อนโจวเจ๋อไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า มันคือสัญญาณของวิญญาณกับร่างกายกำลังจะแยกออกจากกัน วิญญาณที่ผูกมัดอยู่กับร่างกายมาตลอดกำลังจะออกจากกายสังขารนี้ ดังนั้นหลายสิ่งที่ไม่สอดคล้องกันจึงเริ่มปรากฏออกมา
แต่สำหรับวิญญาณแล้ว สถานการณ์เช่นนี้เป็นปรากฏการณ์ของวิญญาณที่กำลังจะแตกดับ ถ้าหากกายเนื้ออยู่ที่นี่ สารีริกธาตุของพระเกจินั่นไม่มีทางทำร้ายโจวเจ๋อได้มากขนาดนี้ แต่หากพูดถึงแก่นแท้แล้ว สาเหตุยังคงเป็นเพราะวิญญาณอ่อนแอเกินไป
ในตำราของลัทธิเต๋าได้บันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวของวิญญาณนักพรตออกไปท่องเที่ยวมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว นักพรตที่เก่งกาจพอจะทำได้แบบนี้ อย่างมากก็แค่ปล่อยให้วิญญาณของตัวเองเดินเล่นอยู่แถวนี้ เดินห่างออกไปมากสุดคือห้องรับแขกกับห้องน้ำในบ้านของตัวเองเท่านั้น
ถ้าไปไกลกว่านั้นอีกหน่อย ก็ต้องเตรียมใจหากพวกลูกศิษย์คิดว่าอาจารย์ของตัวเองมรณภาพเตรียมจัดงานศพให้
อึกๆ… เสียงจมน้ำ
โจวเจ๋อยังคงเดินไม่หยุด ลอยไม่หยุด เขาเหมือนจะมองเห็นด้านหน้ามีไฟสว่างไปทั่ว ด้านล่างคือเตียงผ่าตัด สองข้างของเตียงผ่าตัดมีหมอใส่เสื้อกาวน์และพยาบาลยืนขนาบอยู่
อุปกรณ์วัดทั้งสองด้านคอยส่งสัญญาณเตือนตัวเองเป็นระยะ สำหรับหมอแล้ว นี่คือตัวโน้ตที่ไพเราะมากที่สุดวินาทีนี้ โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนเกิดภาพลวงตา เหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน พอตื่นจากฝันเขาก็ยังเป็นหมอผ่าตัดที่เก่งกาจและหนุ่มที่สุดในทงเฉิง
ทว่าวินาทีต่อมาภาพที่อยู่ตรงหน้ากลับพังทลายลงในพริบตา เผยให้เห็นผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตาที่เต็มไปด้วย ไอแห่งความตาย มีวิญญาณร้ายมากมายนับไม่ถ้วนกำลังแผดเสียงคำรามอยู่ในผืนน้ำอันกว้างใหญ่ ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนหินผาสูงตระหง่านริมทะเล เปลือยกายท่อนบนเหมือนกำลังพูดกับใครบางคน และพอจะได้ยินเขาพูดว่า ‘ข้าอิ๋งโกวทำอะไร ทำไมต้องอธิบายให้คนอื่นฟังด้วย’
โจวเจ๋องุนงง ความเจ็บปวดของวิญญาณที่กำลังแตกดับเพิ่มความรุนแรงไม่หยุดหย่อน ตอนนี้เขารู้สึกสิ้นหวังอยากจะยอมแพ้แล้ว
ยังไม่ต้องพูดถึงวิญญาณอ่อนแอถึงขั้นนี้ แค่ความเจ็บปวดกับความสิ้นหวังนี้ก็เกินขอบเขตที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้แล้ว
งูตัวยาวสีชมพูตัวหนึ่งมุดออกมาในทันใด จากนั้นพันรอบตัวของโจวเจ๋อ มันปล่อยแสงอ่อนๆ ออกมาจากตัวของมันเหมือนสายน้ำหล่อเลี้ยงแผ่นดินที่แตกระแหง ทำให้โจวเจ๋อสามารถคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันเอาไว้ได้! ถือว่าแกยังมีน้ำใจนะ ไม่รู้ว่าทำไม ภายในใจโจวเจ๋อรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา
หยกผีเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย การกำเนิดของมันได้กำหนดลักษณะนิสัยของมันแล้ว มันเหมือนกับดาบคม มันเป็นแค่ดาบคมเล่มหนึ่งเท่านั้น แตกต่างกันตรงที่มันอยู่ในมือของใคร ตอนนี้มันอยู่ในมือของเขา และมันได้เปลี่ยนไปแล้ว
ทว่าตอนนี้จู่ๆ หยกผีกลับร้องเจ็บปวดน่าเวทนาออกมา เหมือนงูถูกคนจับที่เจ็ดนิ้ว[1] สูญเสียทิศทางทันที
“มัน…จะ…ฉวยโอกาส…กิน…เจ้า…”
“…” ทันใดนั้น ความรู้สึกซาบซึ้งใจของโจวเจ๋อพลันหายไป
“นี่ คุณอาหารย่อยหมดแล้วใช่ไหม”
“ต้องขอบคุณเจ้า…ครั้งที่แล้วที่กินลงไป…ครั้งนี้ได้คายออกมาแล้ว…และ…และยังต้องชดเชยไม่น้อย…”
“ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่า…เจ้ายังจะมีชีวิตรอด”
โจวเจ๋อหัวเราะทันที เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ควรหัวเราะ แต่เขากลั้นไม่อยู่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็รับหน้าที่ต่อเลย ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแตกสลายแล้ว”
“ตอนนี้เจ้า…ไม่มีกายเนื้อ…ข้าไม่สามารถรับหน้าที่ได้…”
“ทำไม ผมแค่ให้เจ้างั่งปลดผนึกปากกาก็ได้แล้ว”
“ไอ้ฮั่นป๋า[2]…คนเลวนั่น…”
“ถ้าเขาออกมา…จะเกิดหายนะไปทุกหย่อมหญ้า…”
“เจ้าไม่มีกายเนื้อ…แต่อยากให้ข้ารับดวงวิญญาณของเจ้า…ดูแล้ว…จะเสียหายหนักมากขึ้น…”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้คุณอ่อนแอมาก ผมเชื่อว่าจะไม่เกิดหายนะรุนแรง อย่างมากก็จัดการสุนัขป่าบริเวณรอบๆ ให้ตกใจได้”
“ถ้าหากลมหายใจของข้ากระจาย…ออกไป…พวกเรา…จะตายอย่างน่าอนาถ…”
“ตอนนี้ก็รอความตายเหมือนกันไม่ใช่รึไง”
“เจ้ารีบ…ไปหาร่างสิงก็พอแล้ว…รอให้เสถียร…รอให้วิญญาณเสถียรก่อน…ข้าจะนอนแล้ว…”
“คุณจะนอนแล้วเนี่ยนะ”
“อืม…เหนื่อยแล้ว…”
“คุณตื่นขึ้นมาเถอะ ผมอยากนอน มาๆ ไม่แย่งแล้ว ผมยอมแพ้ คุณมาเถอะ”
“ราตรีสวัสดิ์”
“…” โจวเจ๋อ
เดิมทีหยกผีอยากจะฉวยโอกาสตอนโจวเจ๋อกำลังอ่อนแอ แต่หลังจากถูกอิ๋งโกวที่อยู่ภายในร่างกายจัดการ ตอนนี้จึงสงบเสงี่ยมมากขึ้น ไม่กล้าก่อกวนอีก และมันกับโจวเจ๋อต่างฝ่ายต่างมีผลเสียและผลประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นจึงต้องแบ่งพลังชี่ที่เพิ่งดูดมาจากผีชุดกี่เพ้าเหล่านั้นให้โจวเจ๋ออย่างไม่มีข้อแม้
โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนเมาเหล้า ง่วงซึมอยากนอนมาก เขาล่องลอยไปทั่วอย่างงุนงง เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังลอยไปที่ไหน และเกือบจะสูญเสียการคิดพิจารณาแล้ว
นิยามของการสิงร่างและยืมศพคืนชีพนั้นมีความแตกต่างกัน วิญญาณโดยทั่วไปสามารถยืมศพคืนชีพได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น อย่างเช่นหลี่ไม้เท้าเหล็กหนึ่งในแปดเซียน หลังจากกายเนื้อของเขาถูกทำลายจึงต้องเข้าไปอาศัยร่างของขอทานขาเป๋ ถ้าหากเป็นไปได้ละก็ แน่นอนว่าเขาอยากจะเลือกร่างกายที่หล่อเหลาและสง่างาม แต่เขาเลือกไม่ได้
ทว่าการสิงร่าง เท่ากับการหาบ้านที่ซอมซ่อหลบลมหลบฝนชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น อย่างน้อยก็สามารถทำให้ตัวเองได้นอนสบายนิดหน่อย
เขาลอยไปเรื่อยๆ และดูเหมือนโจวเจ๋อจะสัมผัสอะไรได้ท่ามกลางความมืดมิด ความรู้สึกแบบนี้เหมือนครั้งแรกที่เขาหนีออกมาจากนรกหลังจากตาย แล้วรับรู้ได้ถึงเสียงเรียกที่อบอุ่นตอนที่ผ่านร้านหนังสือของสวีเล่อ
เขาลอยโซซัดโซเซ จากนั้นก็นอนลง ตอนแรกยังคงรู้สึกแปลกที่และไม่ชิน แต่หลังจากใช้แรงของตัวเองเล็กน้อยในที่สุดก็เข้าไปได้ ฮู้ สบายจัง
…
‘ซู่ๆๆๆๆๆ!’ เสียงน้ำและไอน้ำ สายตาของโจวเจ๋อดำมืดสนิท เขารู้สึกทรมานก็จริง แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับมีสภาพย่ำแย่สามารถแตกดับได้ตลอดเวลาเหมือนก่อนหน้านี้ การรับรู้สิ่งภายนอกจึงชัดเจนมากขึ้นไม่น้อย
ฉันเข้ามาในร่างของใคร โจวเจ๋อครุ่นคิดอยู่ในใจ ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเป็นร่างของใคร ตัวเองขออาศัยโอกาสนี้พักผ่อนก่อน อย่างมากก็แค่หากายเนื้อของตัวเองกลับมาแล้วค่อยมาชดเชยให้เขาคนนี้ทีหลังก็ได้
ไม่ว่าอย่างไรคนที่โดนผีสิงร่าง ร่างกายของเขาจะถูกรุกรานบางส่วน ต้องชดเชยด้วยเงินเท่านั้น
เขาได้ยินเสียงน้ำ และมีคนกำลังนวดเท้าให้เขา หืม ไม่ใช่แค่คนเดียว ยังมีคนนวดขาและแคะขี้หูให้เขาอีกด้วย มีหมอนวดสองสามคนกำลังบริการให้เขาพร้อมกัน ถึงแม้เขาจะไม่สามารถลืมตาได้ แต่การรับรู้กลับส่งสัญญาณมาให้มากมาย พี่ชายที่ฉันอาศัยร่างอยู่ช่างหาความสุขใส่ตัวจริงๆ ไปหาหมอนวดในสปาคลับคราวละมากมายขนาดนี้เชียว
พูดจริงๆ นะ เถ้าแก่โจวชาตินี้ไม่เคยเสียเงินกับคลับจริงๆ เสียที ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพหรือไม่ใช่ด้านสุขภาพ ตัวเขาในชาติที่แล้วก็ไม่มีเวลาว่างและไม่สนใจด้วย ส่วนตัวเขาในชาตินี้ อืม หมอนวดในร้านสปาไม่ว่าจะบริการด้านไหนก็ไม่ดีและเอาใจใส่เท่าอิงอิงของเขา นอกจากนี้ต่อให้เป็นชุดยูนิฟอร์ม ก็ไม่อาจเทียบกับถุงน่องสีดำกับเสื้อกาวน์ของหมอหลินได้
ดอกไม้ในบ้านไม่หอมเท่าดอกไม้ป่า นั่นขึ้นอยู่กับว่าดอกไม้ในบ้านสวยและอ่อนโยนพอไหม แต่ตอนนี้เถ้าแก่โจวรู้สึกเพลินจริงๆ ลงไปนรกหนึ่งรอบ จากนั้นก็เจออิทธิฤทธิ์สารีริกธาตุของพระเกจิอย่างไม่มีสาเหตุ เขาในตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้าทั้งกายใจ เมื่อได้นวดสปาทั้งตัวแบบนี้จึงรู้สึกดีไม่เลว
ตอนแรกเขามีความคาดหวังอยู่บ้าง แต่สุดท้ายกลับถอนหายใจด้วยความโล่งอก พี่ชายคนนี้นวดสปาแบบธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ทำรายการพิเศษ และพวกหมอนวดก็ทำตามกฎ ไม่มีการแอบส่งสัญญาณเพื่อยั่วยวน พวกเธอนวดอย่างรู้ขอบเขตเป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง โจวเจ๋อพยายามจะลืมตา แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเขามาสิงร่าง จึงไม่มีสิทธิ์ควบคุมร่างนี้อย่างแท้จริง ช่างเถอะ ปล่อยไปแบบนี้ก่อนก็แล้วกัน ตัวเขายังอยากพักผ่อนก่อน เดี๋ยวรอให้ได้พลังกลับมาแล้วค่อยหาวิธีติดต่ออิงอิงและคนอื่นเอาก็แล้วกัน
เขาคิดว่าผีก็น่าจะโทรศัพท์ได้ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องราว ‘ผีโทรศัพท์ตอนกลางคืน’ ได้อย่างไร
หลังจากนวดสปาสิ้นสุดลง โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองถูกผลักออกมา จากนั้นมีคนใส่เสื้อผ้าให้ตัวเอง บริการดีขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยได้ยินทนายอันกับนักพรตเฒ่าเล่าให้ฟังว่าสปาคลับบริการดีขนาดนี้
เถ้าแก่โจวรู้สึกเหมือนคนซื่อออกมาเที่ยวเป็นครั้งแรก เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและประหลาดใจกับโลกใบใหม่ และในเวลานี้เถ้าแก่โจวได้ยินเสียงคนร้องไห้ข้างๆ ตัว ขณะเดียวกันก็มีคนพูดว่า “คุณซุน บริการสปาบอกลาศพเป็นครั้งสุดท้ายของหอประกอบพิธีฌาปนกิจของเราเสร็จแล้วครับ คุณดูก่อนครับ ว่าพอใจไหม”
“ขอบคุณค่ะ ผู้อำนวยการจ้าว”
“อืม เดี๋ยวค่อยบอกบิลค่าใช้จ่ายก็ได้ครับ อันนี้ไม่รีบ เพราะพิธีไว้อาลัยได้จัดตอนเช้าไปแล้ว และศพของคุณอู๋ก็ได้จัดระเบียบใหม่เรียบร้อย ต่อจากนี้ พวกเราจะเข้าสู่กระบวนการเผาศพเลยไหมครับ”
“ค่ะ ผู้อำนวยการจ้าว”
“…” โจวเจ๋อ
………………………………………………………………………..
[1] มาจากสำนวนที่ว่า ตีงูต้องตีที่เจ็ดชุ่น ซึ่งจุดเจ็ดชุ่นงูนั้นเป็นบริเวณหัวใจ อยู่ถัดจากหัวลงไปตรงท้องเจ็ดนิ้ว
[2] ปีศาจแห่งความแห้งแล้ง