ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 463 การกลับมา!
ตอนที่ 463 การกลับมา!
คนน่ากลัวและไม่ควรหาเรื่องด้วยกลับไปแล้ว ส่วรนเรื่องกรณีของจูเซิ่งหนาน อย่างไรก็ต้องคิดบัญชีอยู่ดี ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายเคยก่อเรื่องที่ทงเฉิงมาก่อน และตอนนั้นถ้าโจวเจ๋อและทนายอันจัดการได้ไม่ดี โจวเจ๋อจะต้องรับโทษจากยมโลก ตอนนั้นเถ้าแก่โจวได้เตรียมใจหลบหนีผู้ตรวจสอบจากยมโลกที่จะมาไล่ฆ่าเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้สาวน้อยโลลิได้ขาดการติดต่อในกภายหลัง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตภูเขาด้วยเช่นกัน
ทว่าจะไม่คิดบัญชีตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรอให้อิงอิงพากายเนื้อของเขาตัวเองมาก่อน เมื่อได้กายเนื้อคืนแล้วค่อยว่ากัน ก็เหมือน ‘บันทึกการออกตรวจราชการนอกเครื่องแบบของฮ่องเต้คังซี’ เมื่อไม่มีเสื้อคลุมมังกร ฮ่องเต้ก็ทำตัวไม่ถูก
หลังจากผ่านเหตุการณ์ตอนนั้นแล้ว โจวเจ๋อกับจางเยี่ยนเฟิงจึงไม่กล้านั่งตามถนนใหญ่อย่างเปิดเผยอีก เหล่าจางหยิบโทรศัพท์ออกมา เดิมทีเขาอยากจะเรียกรถแล้วพาโจวเจ๋อไปที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเพื่อรออิงอิงและพรรคพวกคนอื่นๆ เขาอย่างน้อยก็จะได้ประหยัดเวลาลงจากสถานีรถไฟความเร็วสูงมาตามหาคน และที่สำคัญที่สุดคือ จะได้ไม่รอนาน เพราะยิ่งเวลาเนิ่นนานอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ เมื่อกี้๊ตอนที่นั่งอยู่บนถนนก็เจอยมทูตท้องถิ่น
แต่ที่บังเอิญก็คือ แอปเรียกรถแท็กซี่หยุดให้บริการยามดึกสัปดาห์นี้พอดี จึงเรียกรถไม่ได้และรถแท็กซี่ก็หายาก สุดท้ายเหล่าจางก็หมดหนทาง จึงแสดงบัตรของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับพนักงานในไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อยืมรถจักรยานไฟฟ้าของเธอ เขาสตาร์ทรถจักรยานไฟฟ้า จุดหมายปลายทางคือสถานีรถไฟความเร็วสูง ออกเดินทางได้!
เนื่องจากเขาขับรถเร็วตลอดทาง ดังนั้นรถจักรยานไฟฟ้าจึงสะเทือนเล็กน้อย โจวเจ๋อถูกมัดอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะร่วงลงมา
“เหล่าจาง…”
“อืม เถ้าแก่”
“ชาตินี้ผมยังไม่เคยนั่งรถแบบนี้มาก่อน”
“ตอนเด็กไม่เคยนั่งรถของพ่อตัวเองเหรอ”
คาดว่าคนส่วนใหญ่คงเคยซ้อนท้ายนั่งข้างหลังรถของพ่อในวัยเด็ก โดยเฉพาะในยุค 80 กับ 90 เพราะหลังจากปี 2000 เป็นต้นไปพ่อแม่ส่วนใหญ่จะซื้อรถยนต์ค่อนข้างเยอะ
“ผมเป็นเด็กกำพร้า โตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“อ้อ ขอโทษครับ เถ้าแก่”
“ไม่เป็นไร เรื่องมันนานมาแล้ว อ้อใช่ คุณเคยนั่งไหม”
“เคยนั่ง เมื่อก่อนผมพ่อนั่งรถจักรยานยุคปลดแอกของพ่อผมเป็นประจำ ช่วงที่มีความสุขมากที่สุด ก็คือพ่อของผมใส่ชุดตำรวจขี่รถจักรยานใส่ชุดตำรวจส่งผมไปโรงเรียน พวกเพื่อนนักเรียนต่างอิจฉาผม”
“ดีจริงๆ”
ผู้ชายที่มีอายุจิตใจอยู่ในวัยกลางคนสองคนนั่งรถจักรยานไฟฟ้าด้วยกันตอนกลางคืน คุยเรื่องในวัยเด็ก ข้างๆ ยังมีร้านปิ้งย่างที่ยังไม่ได้เก็บร้าน เปิดเพลง ‘เรื่องราวของกาลเวลา’ ของหลัวต้าโย่ว ดูเข้ากับบรรยากาศเป็นอย่างมาก
“เถ้าแก่ มีวิธีอะไรสามารถเพิ่มทำให้ตัวเองเพิ่ม ทำให้ตัวเองเพิ่มๆ…”
“คุณอยากพูดว่าพลังใช่ไหม”
“อืม” ยิ่งนานเหล่าจางยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์น้อยที่สุด
“จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องคิดเรื่องพวกนี้”
“หืม”
“คุณตั้งใจเป็นตำรวจก็พอ ตอนแรกที่ผมช่วยคุณ มอบหนังสือรับรองยมทูตให้คุณ ก็ไม่ได้คิดอยากให้คุณช่วยหรือสนับสนุนอะไรผม”
“อย่างนั้นทำไม”
“แค่รู้สึกว่า คุณเป็นตำรวจที่ดี ตายแล้วน่าเสียดายเกินไป ง่ายๆ แค่นั้นเอง”
“…” จางเยี่ยนเฟิง
“เหล่าจาง คุณอยากเป็นตำรวจ ก็ตั้งใจเป็นตำรวจไปเถอะ เรื่องอื่น ผมจะไม่รบกวนคุณหรอก คุณเป็นตำรวจที่ดีอย่างสบายใจได้เลย อย่าไปฟังทนายอันพูดมั่วที่ว่าช่วยคุณเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว พูดจริงๆ นะ ผมรู้สึกว่าไม่มีอะไรเสียหาย บนโลกนี้ มีตำรวจที่ดีอีกเยอะ แต่ตำรวจที่ดีอย่างคุณ มีไม่มากจริงๆ คุณคิดว่า คนเรามีชีวิตอยู่ มัวแต่ทำในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ แต่ในความเป็นจริง ที่ทำงานลำบากต่างๆ นานา จุดประสงค์ของความลำบาก จริงๆ แล้วคืออยากมีอิสระให้ตัวเองสบายได้ทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์เท่านั้นเอง”
“เถ้าแก่ อย่าพูดเลย”
“อืม มันสะเทือนอารมณ์เกินไปใช่ไหม”
“น้ำตาไหลแล้ว มองทางไม่เห็น ถ้าหากพวกเรารถชนตายทั้งคู่ จะทำยังไง”
“อืม ผมช่วยคนไม่ได้เรื่องอย่างคุณ ถ้าหากยังปล่อยให้คนไม่ได้เรื่องอย่างคุณขับรถชนจนแล้วชนตายอีก คงจะเสียหายหนัก”
“…” จางเยี่ยนเฟิง
รถจักรยานไฟฟ้าขับมาด้วยความเร็วตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงสถานีรถไฟฝั่งตะวันตกของสวีโจว ทั้งสองคนนั่งอยู่ริมสวนดอกไม้นอกสถานีรถไฟ รอคอยไปเรื่อยๆ ผ่านไปไม่นาน โทรศัพท์ของเหล่าจางดังขึ้น เป็นสายของไป๋อิงอิง
“ฮัลโหล เถ้าแก่ พวกเราถึงชานชาลาแล้ว ท่านคุณอยู่ที่ไหน ตอนนี้ข้าฉันกำลังแบกร่างของท่านคุณอยู่!”
เมื่อคิดว่าสาวน้อยวัยมัธยมปลายคนหนึ่งกำลังแบกร่างของตัวเองเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่ โจวเจ๋อรู้สึกว่าเป็นภาพที่ประหลาดมากเป็นพิเศษ
แน่นอนว่า เธอไม่สามารถอุ้มเดินได้โดยตรง น่าจะห่อด้วยผ้าห่มปิดบังเอาไว้ แต่ไป๋อิงอิงเหมือนหญิงแกร่งที่เข้าเมืองทำงานแบกหามหาเงินเพื่อรักษาสามีของตัวเอง แบกห่อผ้าขนาดใหญ่กว่าตัวเองอยู่ในสถานีรถไฟ ซี้ดหึๆ ทนดูฉากนี้ไม่ได้จริงๆ
“เถ้าแก่ ข้าฉันกำลังจะออกจากสถานีแล้ว ท่านคุณรอเดี๋ยวนะ!”
“อืม”
เมื่อวางสายแล้ว โจวเจ๋อจึงโยนโทรศัพท์ให้จางเยี่ยนเฟิง
“ได้ร่างกลับมาแล้ว ต่อไปจะทำอะไร” จางเยี่ยนเฟิงถาม
…
โจวเจ๋อที่มีหน้าอกยุบเข้าไป ขาเป๋ ขมับมีรูกระสุนชัดเจน ตอนนี้กลับรู้สึกฮึกเหิมเป็นพิเศษ แต่จะโทษเถ้าแก่โจวไม่ได้ที่จู่ๆ เกิดอารมณ์คึกคักแบบนี้ ขัดกับภาพคุ้นชินที่ตัวเขาเป็นปลาเค็มมาตลอด เพราะปลาเค็มเป็นการใช้ชีวิตที่สบายและเงียบสงบรูปแบบหนึ่ง แต่เถ้าแก่โจวหลังจากออกมาจากนรกได้หนึ่งสัปดาห์ ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกับเตาเผาศพก็คือเต้นอยู่ในห้องเก็บศพ เขาจึงรู้สึกอึดอัดนานมากนานมากจริงๆ เขาทนไม่ไหวอยากจะหาที่ระบายอารมณ์ให้ตัวเอง!
ปลาเค็ม ก็มีอารมณ์เหมือนกัน มิหนำซ้ำนั่นยังเป็นศัตรูเก่า ชายชราคนนั้นหรือไม่ก็แก๊้งที่อยู่เบื้องหลังของชายชรา เหตุการณ์ในทงเฉิงเกือบจะทำให้เถ้าแก่โจวกลายเป็นนักโทษ และแค้นนี้ ถูกผูกเป็นเงื่อนตายมานานแล้ว
อีกฝ่ายแอบยุยงบงการอยู่เบื้องหลังสองสามเรื่อง จงใจจุดประกายอารมณ์ของจูเซิ่งหนานกับวิญญาณของผีผู้หญิงที่โดนจับมาขาย ผลักพวกเธอให้อยู่ในเกลียวคลื่น ปล่อยให้พวกเธอฆ่าฟันอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นพวกเขาก็นั่งรอฉกฉวยผลประโยชน์ไปแทน
เขาคิดว่าแค้นส่วนตัวกับ แค้นส่วนรวม ต้องแก้แค้นพร้อมกัน เขากำหมัดและถูไปมา ร่างกายหนอ ทำไมยังไม่มาอีก จะรอไม่ไหวอยู่แล้ว
“ทำไมยังไม่ออกมา” โจวเจ๋อพูดอย่างสงสัย และตอนนี้โทรศัพท์ของจางเยี่ยนเฟิงได้ดังขึ้นอีกครั้ง จางเยี่ยนเฟิงลุกขึ้นมองไปรอบๆ และรับสายในเวลาเดียวกัน
“อิงอิง พวกเราอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสถานี พวกคุณอยู่ที่ไหน อะไรนะ พวกคุณก็อยู่หน้าประตูเหรอ ทำไมถึงไม่เห็นพวกคุณล่ะ เป็นไปไม่ได้ พวกเราก็อยู่ ผมใส่ชุดตำรวจ เถ้าแก่ถูกห่อตัวอย่างมิดชิด คุณลองมองหาให้ดี หาอีกทีพวกเราอยู่หน้าประตูจริงๆ พวกคุณอยู่ที่ไหนเหรอ ผมจะไปหาพวกคุณ ต้องหาเจอแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะหาไม่เจอ พวกเราคนเป็นแท้ๆ ถึงสองคน… พวกเราสองคนยืนอยู่ตรงนี้”
โจวเจ๋อยื่นมือจิ้มไหล่ของจางเยี่ยนเฟิงเบาๆ จางเยี่ยนเฟิงผละจากโทรศัพท์มองโจวเจ๋อด้วยความสงสัย
“เหล่าจาง”
“เถ้าแก่”
“พวกอิงอิงพวกเขาลงที่สถานีไหน”
“อ้อ อิงอิง เถ้าแก่ถามว่าพวกคุณลงที่สถานีไหน อ้อ สถานีฝั่งตะวันออก เถ้าแก่ พวกเขาบอกว่าอยู่สถานีฝั่งตะวันออก”
“อ้อ”
ถ้าหากไม่ใช่จางเยี่ยนเฟิงใส่หมวกตำรวจอยู่ในเวลานี้ โจวเจ๋ออยากจะตบกะโหลกหน้าอกของเขาจริงๆ “อย่างนั้นคุณลำบากขับรถจักรยานไฟฟ้าทางไกลพาผมมาที่สถานีฝั่งตะวันตกทำอะไร”
“…” จางเยี่ยนเฟิง
…
ผู้ชายสองคนนั่งอยู่ริมสวนดอกไม้ท่ามกลางสายลมยามเช้า บรรยากาศค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อย เหล่าจางลูบจมูกของตัวเองอย่างเขินอาย เขาเป็นตำรวจอาวุโส แต่กลับทำพลาดกับเรื่องแบบนี้
โจวเจ๋อค่อนข้างกังวล หากเขายังไม่เห็นร่างกายของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้าตัวเอง เขามักจะรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อยหลังจากความเคยชินของคนเรามันมีพลังมาก จะไม่รู้สึกถึงความพิเศษอะไร ก็เหมือนนักับคนเราที่ได้รับรับการบริการและเงินชดเชยที่ดีมาตลอด เขาจะค่อยๆ ลืมการขอบคุณ แต่กลับคิดว่าเป็นเรื่องปกติ รู้สึกว่าสมเหตุสมผลที่ควรจะได้ครอบครอง แต่ถ้าจู่ๆ ก็กลับยกเลิกการบริการและเงินชดเชยนี้ จะจึงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง รู้สึกว่าตัวเองถูกบีบบังคับไม่ได้รับความยุติธรรม
โจวเจ๋อในตอนนี้มีความรู้สึกแบบนี้ เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าร่างของสวีเล่อจะน่าหลงใหลและน่าโหวยหาขนาดนี้
โจวเจ๋อรู้สึกเบื่อนิดหน่อยที่ต้องรอคนอื่น อยากหาคนคุยเล่น เขายื่นมือเคาะหน้าอกของตัวเอง รู้สึกเจ็บเป็นพักๆและซี่โครงที่อ่อนแอแต่เดิมดูเหมือนจะหักหนึ่งอีกหนึ่งซี่ เหล่าจางที่อยู่ข้างๆ มองอย่างเซ่อซ่า เถ้าแก่ของเขาเป็นลูกผู้ชายจริงๆ ไม่มีอะไรทำก็รื้อกระดูกของตัวเองแก้เซ็ง!
“นี่ พูดสิ” โจวเจ๋อตะโกนอยู่ในใจ
“พูด…อาราย…”
“อาหารย่อยหรือยัง”
“อาเจียนออก…หมดแล้ว…”
“ผมแค่อยากมั่นใจว่าคุณยังอยู่ไหม ถ้าหากอีกสักพักต่อสู้ไม่ไหว ก็ต้องอาศัยคุณ”
“เจ้าไม่กลัว…ข้า…กินเจ้าเหรอ”
“ไม่เป็นไร ไม่ว่ายังไงคุณก็อาเจียนออกมาส่วนหนึ่งแล้ว หมายความว่าผมยังเที่ยวเล่นได้อีกสองสามครั้ง”
“…” อิ๋งโกว
“นี่ ทำไมไม่พูดล่ะ”
“อีกสักพัก..อาจจะ…ไม่ต้องถึงข้า…”
“ทำไม นี่ อย่าถือสาสิ จะงกไปทำไม ใช้แรงนิดหน่อยไม่ทำให้ท้องหรอก ถ้าหากผมไปแก้แค้น ถูกคนฆ่า จะทำให้คุณขายหน้ามากใช่ไหมล่ะ”
“รอเจ้า…ได้ร่างกลับมา…ก็เข้าใจแล้ว…”
“เข้าใจอะไร”
“เจ้า…จะ…แข็งแกร่ง”
“ทำไม เพราะการผจญภัยทางจิตวิญญาณของโรบินสัน ครูโซคราวนี้ ได้เพิ่มพลังจิตวิญญาณของผมฉันโดยที่มองไม่เห็นเหรอ นี่จึงนับว่าเป็นการฝึกตนเหมือนกันเหรอ อย่ามาหลอกผมเลย กาแฟ หนังสือพิมพ์ เพิ่มน้ำตาล ใช้วนไปวนมาไม่กี่ท่า คุณให้ผมขโมยอีกสักสองสามวิชาสิ”
“เจ้า!!!!!!” ดูเหมือนคำว่าเหล่านี้อย่างกาแฟ หนังสือพิมพ์สองสามคำนี้จะกระตุ้นอารมณ์ของคนนั้นที่อยู่ในร่างของเขา อีกฝ่ายจึงไม่พูดอะไรเลย และไม่แปลกใจเลย ทุกครั้งที่ได้ยินคำเรียกวิชาเหล่านี้ อิ๋งโกวมักจะเกิดอารมณ์อยากตายไปพร้อมกับไอ้หมอนี่จริงๆ
“ก็ได้ๆ คุณพักผ่อน อ้อใช่ ผมแข็งแกร่งแล้วคุณจะไม่กลัวผมเหรอ”
“เสือ…จะสนใจ…มดตัวหนึ่ง…ที่ฝึก…กล้ามเนื้อลูกหนูที่โคนแขนไหม เหอะๆ…ราตรีสวัสดิ์…” เขาไม่โกรธ ไม่โกรธสักนิดเลยจริงๆ
โจวเจ๋อยิ้มมุมปากเล็กน้อย รู้สึกรอคอยที่จะมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อลองคิดดูแล้ว ความลำบากครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่า
เวลานี้ รถตู้คันหนึ่งขับมาจอดอยู่หน้าประตูสถานีรถไฟ ประตูรถถูกเปิด อิงอิงกระโดดลงมาจากด้านใน จากนั้นก็คือทนายอัน นักพรตเฒ่านั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ และไม่รู้ว่าพวกเขาไปหารถตู้มาจากที่ไหน อิงอิงเห็นจางเยี่ยนเฟิงก่อนอย่างไรก็ตามเหล่าจางใส่ชุดตำรวจ จึงสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด
“นี่คือ…เถ้าแก่” อิงอิงชี้ไปที่คนที่ถูกห่ออย่างมิดชิดข้างจางเยี่ยนเฟิง
“ใช่ เถ้าแก่” เหล่าจางกล่าวอย่างมั่นใจ
“เถ้าแก่! ฮือๆๆๆ! ข้าฉันคิดถึงท่านคุณมากเลยเจ้าค่ะ!” อิงอิงโผเข้าหาโจวเจ๋อ เธออยากจะกอด ขอกอดหน่อยๆ!
โจวเจ๋อตกตะลึง จางเยี่ยนเฟิงก็ตกตะลึง จากนั้นจึงเห็นอิงอิงกระโดดเข้ามาเหมือนนกน้อยที่ต้องการคนพึ่งพิงเธออยากกอดแล้วโดนอุ้มสูงๆ ฮือๆๆ!
‘“กรึก!’” อิงอิงชนโจวเจ๋อล้มหงายไปบนพื้น ซี่โครงที่เหลืออยู่สองสามซี่จึงหักทั้งหมด เสียงกระดูกหักที่ทำให้คนหนังศีรษะชาดังเข้ามา
“เอ่อ…” จางเยี่ยนเฟิง
“อิง…” ไป๋อิงอิง
“อ๋า…” ทนายอัน
“โอ้ว…” นักพรตเฒ่า
“เถ้าแก่ๆ” อิงอิงอุ้มโจวเจ๋อขึ้นมา “เถ้าแก่ ท่านคุณอย่าทำให้ข้าฉันตกใจ! ช่วางนี้ข้าฉันน้ำหนักขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าหากจะทับเถ้าแก่ให้ตายจริงๆ ข้าฉันคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้ มันน่าละอายใจเกินไป!”
“เอาเข้าไปในรถ!” ทนายอันตะโกนทันที อิงอิงจึงอุ้มโจวเจ๋อขึ้นรถ และในรถมีคนคนหนึ่งนอนอยู่ ซึ่งก็คือร่างเดิมของโจวเจ๋อ
“เถ้าแก่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
โจวเจ๋อส่ายหน้าอย่างหมดแรง เพราะเขาเกือบจะโดนทับตายจริงๆ…
“ผมจะช่วยเรียกวิญญาณของคุณกลับเข้าร่าง” ทนายอันยื่นมือวางไปที่ตำแหน่งหน้าผากของโจวเจ๋อ โจวเจ๋อจึงหลับตา ขณะที่ทนายอันกำลังเรียกวิญญาณกลับมา มือของเขาจู่ๆ ก็สั่น จากนั้นจึงชา และสูญเสียความรู้สึกไปในพริบตาต่อจากนั้น หมอกสีดำได้ลอยออกมาจากร่างกายที่บอบช้ำ แล้วตัวเองจึงกลับเข้าไปอยู่ในร่างเดิมของโจวเจ๋อด้วยตัวเอง
ทนายอันตกใจเล็กน้อย “วิญญาณของเถ้าแก่แข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้วเหรอ”
ขณะเดียวกัน หลังจากที่วิญญาณกลับเข้าร่างแล้ว ดวงตาของโจวเจ๋อก็ลืมขึ้นมาช้าๆ ชั่วเวลาเดียวผิวหนังตามร่างกายเริ่มมีสีเขียวเข้มขึ้นมา และมีความแห้งเล็กน้อย กลายเป็นความแข็งแกร่งที่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามที่เรียบง่าย! คมเขี้ยวทั้งสองงอกออกมาจากปาก น่าสะพรึงกลัว! เขาอยู่ในสภาพของผีดิบ และภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ได้ปลุกจิตสำนึกที่อยู่ในร่างกาย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะปรากฏขึ้นมาด้วยตัวเอง
นักพรตเฒ่าที่กำลังนั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับถือแก้วเก็บอุณหภูมิกระติกน้ำร้อนดื่มน้ำเก๋ากี้อยู่รู้สึกเพียงรถสั่นไปทั้งคัน ‘“ปึง!’” จากนั้นรถตู้ก็ยุบลงไปช่วงหนึ่ง ทำให้น้ำที่อยู่ในแก้วเก็บอุณหภูมิกระติกน้ำร้อนกระเด็นออกมา
นักพรตเฒ่ารีบผลักประตูรถลงมาตรวจสอบทันที จากนั้นก็สูดปากแล้วจึงพ่นลมหายใจเย็นออกมา “ซี้ดเห้อ ล้อทั้งสี่ยางระเบิดหมดแล้ว!”
………………………………………………………………………..