ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 464 ไป จะพาคุณไปต่อสู้
ตอนที่ 464 ไป จะพาคุณไปต่อสู้
นักพรตเฒ่ามองดูยางรถที่ระเบิดทั้งสี่ล้อแล้วได้แต่เดาะปากเสียงดัง พลางพูดอย่างทอดถอนใจว่า “ข้าตกใจหมดเลย”
จากนั้นรถตู้ก็เริ่มส่ายโอนเอนขึ้นมา เนื่องจากรถจอดอยู่หน้าประตูทางเข้าของสถานีรถไฟ ดังนั้นคนแถวนี้จึงค่อนข้างเยอะ มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่เข้ามามุงทางนี้ ยังดีที่รถตู้ไม่ได้โอนเอนอยู่นาน จากนั้นมีเสียงดัง ‘เพล้ง’ กระจกรถแตกะทันที ประตูรถก็ยุบลงไปทั้งหมด จากนั้นฝุ่นควันจึงลอยฟุ้งขึ้นมา
พวกนักท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ ต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตำรวจประชาชนที่เข้าเวรแถวสถานีรถไฟจึงเข้ามาดูสถานการณ์ทันที จางเยี่ยนเฟิงที่ใส่ชุดตำรวจประชาชนรีบลงมาพูดคุย เขาแสดงบัตรตำรวจของตัวเองก่อน ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณให้ตำรวจประชาชนช่วยกระจายผู้คนออกไป
เวลานี้ทุกคนต่างเชื่อฟัง ไม่มีใครยืนอยู่ที่เดิมเพื่อดูเหตุการณ์ต่อไป อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้คึกคักเหมือนดูเรื่องของชาวเพราะไม่ได้ยืนอยู่ในบ้านตัวเองดูเรื่องสนุกของเพื่อนบ้านเสียหน่อยของตัวเอง และหลายปีนี้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่มาสถานีรถไฟของประเทศก็มีเยอะแยะ กระทั่งตามสถานีรถไฟได้เตรียมมีตำรวจพร้อมอาวุธครบครันมาเข้าเวรเพื่อคอยจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น จนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้ว
ตอนที่ผู้คนถูกไล่ให้กระจายตัวออกไป ทุกคนที่อยู่ในรถตู้ก็อาศัยจังหวะนี้ลงมาจากรถแล้วเข้าไปปะปนกับกลุ่มของผู้คนที่เดินออกไป อิงอิงไม่ลืมที่จะใช้ผ้านวมห่อศพที่ร่างผุพัง การเจรจาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจางเยี่ยนเฟิงไปตามเก็บงาน และจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น
อันที่จริง บางครั้งฐานะของจางเยี่ยนเฟิงก็มีประโยชน์มาก จัดการเรื่องสะดวก จึงไม่ต้องโทษที่ทนายอันคิดจะช่วยเหล่าจางเลื่อนขั้นในสถานีตำรวจ
ทุกคนไปเปิดห้องที่โรงแรมควิกที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟจำนวนสองห้อง โจวเจ๋ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยภายใต้การปรนนิบัติของไป๋อิงอิง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว จึงสั่งให้ทนายอันกับนักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างนอกเข้ามา
เมื่อได้กลับมาอยู่ในร่างของตัวเอง ได้อาบน้ำอย่างสบายใจ โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง นี่คือร่างที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด และสบายมากที่สุดเช่นกัน มันนำความรู้สึกปลอดภัยมาให้เขาอย่างใหญ่หลวง
และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าหากเมื่ออยู่ในร่างนี้ หากไม่ไหวจริงๆ ก็ยังสามารถเรียกอิ๋งโกวออกมาได้ ถึงแม้จะพูดว่ายามปกติจะ ‘ไม่อยาก’ เรียกออกมาก็ตาม แต่เวลาที่คับขันก็ยัง ‘คิดถึง’ อยู่ดี
นี่ก็มันเหมือนกับอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องเสียเวลาวิจัยออกมาแต่กลับใช้งานยากมาก แต่ถ้าคุณไม่มีมันก็จะรู้สึกกระวนกระวายใจ
เขานั่งพิงบนเตียง ไป๋อิงอิงนั่งอยู่ข้างยองๆ คอยนวดไหล่ให้โจวเจ๋อ ทนายอันยื่นบุหรี่ให้นักพรตเฒ่าหนึ่งมวนก่อน จากนั้นจึงหยิบออกมาอีกสองมวนคาบยใส่ปากของตัวเองแล้วจุดบุหรี่ ต่อจากนั้นก็หยิบออกมาแล้วยื่นให้โจวเจ๋อหนึ่งมวน
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว ไม่รับ ทนายอันยิ้ม แล้วจึงหยิบออกมาใหม่อีกหนึ่งมวนก่อนจะพร้อมกับไฟแช็กโยนไปบนเตียงพร้อมกับไฟแช็ก ไป๋อิงอิงรีบเก็บบุหรี่กับไฟแช็กขึ้นมา ปากแดงน่ารักคาบบุหรี่ จากนั้นจุดด้วยไฟแช็ก เธอสูบไปหนึ่งทีแต่ไม่ได้กลืนควันลงไป ทว่ากลับอมไว้ในปาก
โดยทั่วไป เด็กที่สูบบุหรี่ไม่เป็นแต่แสร้งทำเป็นสูบเป็นนั้นจะชอบสูบแบบนี้ ดูเหมือนจะสูบบุหรี่ไปไม่น้อย แต่ก็แค่พ่นควันออกมาเท่านั้น ทว่าไป๋อิงอิงกลับใช้ปากของตัวเองประกบปากของโจวเจ๋อโดยตรง ปากประกบปากแล้วส่งควันที่อยู่ในปากของตัวเองให้โจวเจ๋อ
สีหน้าของทนายอันเต็มไปด้วยความรังเกียจ โบกมือแล้วพูดว่า “นี่ๆ อยากจะอวดความรักโชว์เหรอ”
“นั่นน่ะสิ” นักพรตเฒ่าพูดประสมโรงอยู่ข้างๆ เสียงเบา แต่ก็แอบมองเถ้าแก่ไปด้วย เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่ไม่สนใจตัวเอง เขาจึงวางใจ นักพรตเฒ่าที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย ก็ไม่กล้าลองเชิงกับความขีดจำกัดความอดทนของเถ้าแก่ เนื่องจากนักพรตเฒ่าหลงเข้าไปในนรกครั้งที่แล้วเกือบจะก่อเรื่อง ตัวของเขาจึงรู้ดีอยู่แก่ใจ
โจวเจ๋อไม่สนใจการคัดค้านของทนายอัน อิงอิงก็ถือเสียว่าไม่ได้ยิน จากนั้นจึงสูบอีกหนึ่งที ปากประกบปากส่งต่อให้โจวเจ๋อ และตอนที่จะผละออกมา เธอจงใจใช้ริมฝีปากของตัวเองงับปากของโจวเจ๋อเบาๆ จากนั้นใช้ฟันขาวๆ กัดปากของตัวเอง ดูเหมือนจะยิ้มอย่างเขินอาย
ไป๋อิงอิงไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอไม่ได้เจอเขาหลายวันจึงคิดถึง หรือว่าหลังจากที่โจวเจ๋อได้กายเนื้อกลับมาแล้วปล่อยกลิ่นอายของผีดิบออกมาทำให้เธอเกิดการตอบสนองทางร่างกายขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรผีดิบสาวในเวลานี้เต็มไปด้วยพลังของสาวน้อย เธอโตแล้ว รู้จักอ่อยคนแล้ว
โจวเจ๋อยื่นมือวางบนไหล่ของไป๋อิงอิง ไป๋อิงอิงจึงเอียงตัวเข้าไปซบที่หน้าอกของเถ้าแก่อย่างรู้งาน
“โอ๊ยๆๆ ทำเกินไปแล้ว ทำเกินไปแล้วนะ” ทนายอันลุกขึ้นยืน “อยากรังแกคนโสดอย่างพวกเราใช่ไหม”
“คุณมีผู้หญิงที่ชอบไม่ใช่เหรอ” โจวเจ๋อย้อนถาม
“หืม” ทนายอันตกตะลึง “คุณรู้ได้ยังไง เฝิงซื่อบอกคุณเหรอ ไม่ใช่นะ ตอนนั้นผมก็อยู่ด้วย เขาไม่ได้พูดเลย”
“ถ้าหากตอนแรกคุณไม่มีผู้หญิงที่ชอบ อย่างนั้นตอนนี้ก็น่าจะคบกับเฝิงซื่อแล้ว”
“…” ทนายอัน
สายตาของโจวเจ๋อกวาดมองไปรอบๆ จางเยี่ยนเฟิงกำลังเคลียร์งานจึงไม่อยู่ เดดพูลน่าจะอยู่เฝ้าร้านที่อยู่ที่บ้านแต่ยังเหลืออีกหนึ่งคน
“หลินเข่อล่ะ” โจวเจ๋อถาม
“ยังหาไม่เจอ” ทนายอันส่ายหน้า “เถ้าแก่ พวกเราตามหาในภูเขาจนทั่วแล้ว แต่ก็หาเธอไม่เจอ และสัมผัสไม่ได้ถึงลมหายใจของเธอ จากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์ของเหล่าจาง บอกว่าเถ้าแก่คุณอยู่ที่สวีโจว พวกเราจึงรีบมาหาคุณทันที ไม่ได้ตามหาหลินเข่อต่อ”
“อืม” โจวเจ๋อพยักหน้า “ความเคยชินนี้ดีมาก” ไม่ว่าเรื่องอะไรหัวหน้ามาก่อนเสมอ ไม่ว่าเรื่องใดต้องนึกถึงผลประโยชน์ของหัวหน้าก่อน ถึงจะเป็นลูกน้องที่ผ่านคุณสมบัติ
“ทางด้านของผมอาจจะมีเบาะแสที่เชื่อมโยงกับหลินเข่อได้บ้าง ตอนเช้ามืด ผมเจอยมทูตหญิงของสวีโจวคนหนึ่ง กับชายชราใส่แว่้นกันแดดที่มาพร้อมกับเธอ คุณลองเดาว่าผมเจออะไร”
“ยมทูตหญิงคนนั้นสวยไหม” ทนายอันถาม
“พอใช้ได้” โจวเจ๋อครุ่นคิด แล้วจึงตอบ “หน้าอกไม่ใหญ่มาก แต่ขายาว แถมยังชอบใส่กางเกงหนัง”
“โอ้วๆ อย่างนี้นี่เอง อย่างนั้นต้องทำความรู้จักแล้ว ว่าแต่เธอเป็นคนยังไง จีบยากไหม”
“ดูจากตอนที่เธอซื้อถุงยางอนามัยกล่องใหญ่แล้ว น่าจะจีบง่ายนะ”
คนที่ตายมาแล้วครั้งหนึ่ง และเคยอยู่ในนรก เมื่อกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้ง มักจะทำให้อารมณ์และจิตใจของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไป อย่างเช่น โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อในชาติที่แล้วขยันทำงานเพื่อขึ้นสู่ที่สูง แต่โจวเจ๋อในชาติกลับขี้เกียจเป็นอย่างมาก จริงๆ แล้ว สิ่งที่ปลดปล่อยได้ง่ายที่สุดมักจะเป็นอารมณ์ของชายหญิง จึงยิ่งเข้าใจหลักของการหาความสุขในทันที
คนอย่างจางเยี่ยนเฟิง ที่ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ที่แล้วมีศีลธรรมและจริยธรรมอันสูงส่ง ขณะเดียวกันยังให้สัตย์สาบานจะบริการเพื่อประชาชน ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนจำนวนน้อยถึงน้อยมาก
“อย่างนั้นก็ได้ ผมจะลองดู…”
“เถ้าแก่ ทนายอัน” นักพรตเฒ่ายกมือขึ้นอย่างเงียบๆ เพราะเขามักรู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างเถ้าแก่ของตัวเองกับทนายอันมักจะเบี่ยงประเด็นไปไกลมาก
ไหนบอกว่าจะตามหาเบาะแสของหลินเข่อไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาพูดเรื่องผู้หญิงได้เล่า
“อะแฮ่ม อืม ชายชราคนนั้นมีหุ่นเชิดสองตัว โดยพื้นฐานแล้วสามารถยืนยันได้ว่า เป็นเงาดำทั้งสองที่ปรากฏข้างกายของจูเซิ่งหนานตอนที่ตามจับจูเซิ่งหนานในคืนนั้น เป็นเงาดำทั้งสองที่ปรากฏข้างกายของจูเซิ่งหนาน หรือก็คือสองคนนั้นที่ใช้วิชาเดียวกับคุณเหล่าอัน”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ในดวงตาของเหล่าอันเกิดประกายแวบทันที
“แน่ใจเหรอ”
“แน่ใจ”
เหล่าอันพยักหน้า กลับไปนั่งบนเก้าอี้ ยกเท้าขึ้นมาแล้ววาง พลางเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็สนุกแล้ว”
ทนายอันมองโจวเจ๋อหนึ่งที แล้วหัวเราะ ประมาณว่าเขาเข้าใจความคิดของโจวเจ๋อ
ถึงแม้จะไม่ได้พูดรายละเอียด แต่ก็เดาออกว่าช่วงนี้วิญญาณของโจวเจ๋อเร่ร่อนอยู่ข้างนอกลำบากมากแค่ไหน ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กายเนื้อของตัวเองกลับมา แน่นอนว่าต้องหาโอกาสระบายออกมา จากนั้นจะให้เขาจึงหนีไปนั่งอาบแดดเหมือนเดิมทั้งอย่างนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบตลอดเวลา
“อยากจะเรียกยมทูตต่างเมืองอีกสามคนเข้ามาไหม” ทนายอันถาม เขาหมายถึงพวกเยว่เยวี่ยหยากับหลิวฉู่อวี่
“ไม่ต้อง ในเมื่ออีกฝ่ายอยู่กับยมทูตท้องถิ่นในสวีโจว ก็พิสูจน์แล้วว่าอีกฝ่ายถึงแม้จะไม่อยู่ในระบบของยมโลกนรก แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบภายในที่ลึกมากพอสมควร และยมทูตท้องต่างถิ่นสองสามคนนั้น ถ้าหากออกมาโดยพลการ พลาดพลั้งทำให้ข่าวรั่วออกมา ก็จะเห็นเจตนาที่ชัดเจนเกินไป”
อันที่จริง มีเรื่องหนึ่งที่โจวเจ๋อไม่ได้พูด ถึงแม้โจวเจ๋อจะไม่พูดบางเรื่อง นั่นก็คือเป็นเพราะต้องขอบคุณเหล่าจางที่แสร้งทำเป็นเก๋าอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ และคาดว่าชายชราคนนั้นก็น่าจะตื่นตกใจตื่น และมีความเป็นไปได้ที่จะออกจากสวีโจวทันทีแล้ว
หากรอลูกน้องรวมตัวกันจะเสียเวลาเกินไป สวีโจวเป็นศูนย์กลางการขนส่ง มีรถไฟความเร็วสูงรวมตัวกันหนาแน่น และชายชราคนนั้นถ้าจะออกไปแล้วจริงๆ เขาจะนั่งรถไฟความเร็วสูงสายไหนก็ได้ สามารถทะลุผ่านทั้งสี่ทิศทั่วประเทศได้ตลอดเวลา
“โอเค ในเมื่อเจอศัตรูแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่คืนของขวัญเป็นน้ำใจ” นิสัยของทนายอันจริงๆ แล้วเป็นคนระมัดระวังตัว แต่สำหรับโจวเจ๋อ ทนายอันไม่กลัวว่าโจวเจ๋อจะก่อเรื่อง แต่กลัวว่าว่าโจวเจ๋อจะไม่ทำอะไรเลยมัวนแต่นอนอาบแดดอยู่ตรงนั้นทั้งวัน
เถ้าแก่โจวกว่าจะหาเรื่องทำสักครั้งก็ไม่ง่าย ทนายอันเหมือนกำลังมองลูกโง่เขลาของตัวเองมีการพัฒนาในที่สุดเขาซาบซึ้งจนน้ำตาเกือบจะไหลลงมา
“ตำแหน่งของพวกเขาล่ะ พวกเราต้องหาที่ตั้งของพวกเขาก่อน จากนั้นก็ค่อยไปสู้กับพวกเขาแบบไม่ให้ตั้งตัวก็ไม่สาย ถ้าหากยมทูตท้องถิ่นของสวีโจวอยู่กับพวกเขา อย่างนั้นก็จัดการทีเดียวเลย เรื่องนี้ดูตามหลักการแล้วพวกเราเป็นฝ่ายที่มีความชอบธรรมเหนือกว่า ถึงแม้ว่าวันหลังตอนที่ยมโลกตรวจสอบขึ้นมา พวกเราก็จะไม่เสียเปรียบ เถ้าแก่ ผม รวมทั้งอิงอิง พวกเราสามคนก็พอแล้ว”
“เจี๊ยกๆๆ!!!!!!” เจ้าลิงที่อยู่ในอ้อมอกของนักพรตเฒ่าจู่ๆ ก็ได้ยื่นมือแล้วร้องขึ้นมา นักพรตเฒ่าก็ตกใจจนตัวสั่น รีบยื่นมือจับเจ้าลิงกดเข้าไปอยู่ในเสื้อผ้าของตัวเอง อย่าหาเรื่องสิ! พวกเขาไปต่อสู้ เจ้าจะตื่นเต้นทำไม!
ตอนนี้นักพรตเฒ่าอยากจะให้พวกเถ้าแก่และพวกเขามองไม่เห็นตัวเองจริงๆ มองไม่เห็นตัวเอง…
“อ้อใช่ แล้วก็นักพรตเฒ่า”
“…” นักพรตเฒ่า
“นักพรตเฒ่า คุณกับเจ้าลิงก็ไปด้วยกัน วางใจได้ เจ้าลิงหลังจากที่กลืนร่างแยกของเซี่ยจื้อเข้าไปครั้งที่แล้ว ก็จึงเปี่ยมไปด้วยความห้าวหาญ ปกป้องคุณไม่น่าจะมีปัญหา”
นักพรตเฒ่ามองเจ้าลิงน้อยจอมเซ่อที่อยู่ในอ้อมอกของตัวเองด้วยความสงสาร เขารู้สึกว่ายากที่จะเชื่อคำพูดของทนายอัน ตอนนี้โทรศัพท์ของโจวเจ๋อดังขึ้นมา โจวเจ๋อจึงรับสาย เป็นเหล่าจางที่โทรมาหา
“ฮัลโหล เถ้าแก่ เรื่องที่สถานีรถไฟจัดการเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ตำแหน่งของรถพอร์เชอคันนั้นทางตำรวจของสวีโจวได้ช่วยยืนยันแล้ว ผมจะส่งตำแหน่งให้คุณนะ” ด้วยสัญชาตญาณของตำรวจเก่า เหล่าจางที่แสร้งทำเป็นเท่ห์จึงไม่ลืมที่จะช่วยจำป้ายทะเบียนรถให้เถ้าแก่ของตัวเอง
เมื่อวางสาย โจวเจ๋อจึงบิดคอเล็กน้อย ตบหลังของสาวใช้ที่อยู่ข้างกายเบาๆ แล้วพูดว่า “อิงอิง”
“เจ้าคะ”
“ไป จะพาคุณไปม่ต่อสู้”
………………………………………………………………………..