ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 480 เพื่อนใหม่ของคุณออนไลน์แล้ว
ตอนที่ 480 เพื่อนใหม่ของคุณออนไลน์แล้ว
อิงอิงแบกหลังโจวเจ๋อไว้บนหลังด้วยความร้อนใจอย่างยิ่ง ส่วนสิ่งที่พระขี้เรื้อนกับหญิงสาวตัวดดำพูดนั้น เนื่องจากเพิ่งหลบประคำของพระขี้เรื้อน เธอจึงได้ยินไม่ชัดเจน
ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่ไม่สามารถมีกะจิตกะใจจะวิเคราะห์และไม่มีทางคาดเดาก้าวต่อไปได้อย่างรวดเร็ว เธอรู้แต่ว่าเถ้าแก่ของตัวเองโดนวางยาพิษ และสติของเถ้าแก่ของตัวเองในตอนนี้ก็ยิ่งพร่าเลือน สภาพของเถ้าแก่ของตัวเองกำลังแย่ลง
จริงๆ แล้วความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่เป็นครั้งแรก เมื่อเป็นยมทูตมาหนึ่งปีกว่าแล้ว โจวเจ๋อเจอเรื่องราวมากมาย แต่ยังไม่เคยโดนวางยาพิษแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามวิญญาณที่คนตายทั่วไปแล้วไม่สามารถเล่นของระดับสูงแบบนี้ได้ อย่างมากก็แค่สร้างภาพลวงตา ส่วนเวลาที่เผชิญอันตรายจากเจอยมทูตคนอื่นหรือคนเป็น ทุกคนมักจะสู้กันตรงๆ หรือเจอเรื่องการซุ่มโจมตีเป็นเรื่องปกติ แต่ฉากที่วางยาพิษเหมือนในนิยายกำลังภายในถือว่ามีไม่เยอะจริงๆมาก
อย่างที่สองคือ พิษที่หญิงสาวตัวดำนำมาใช้ไม่ใช่พิษธรรมดา แต่มีผลต่อจิตวิญญาณโดยตรง ซึ่งต่างจากการวางยาพิษทั่วไป ไม่อย่างนั้นนักพรตเฒ่าที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน รวมทั้งทนายอันที่มีประสบการณ์ผ่านการปัดแข้ป้งปัดขามาจนอย่างช่ำชองจะต้องรู้ล่วงหน้าแล้ว
อีกทั้งจังหวะที่หญิงสาววางยาถือว่าดีมาก วางยาโจวเจ๋อและคนอื่นๆ ตอนเฉลิมฉลองผ่อนคลายหลังจากเพิ่งการต่อสู้ชนะมาแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงลดความระแวดระวังลงไปอย่างแน่นอน
เมื่อหลายเหตุผลมารวมกัน ทำให้คนทั้งสี่กลับล้มไปสามคน
“เถ้าแก่ๆ ท่านคุณอดทนอีกนิดก อิงอิงจะฝ่าวงล้อมออกไป!”
อิงอิงให้กำลังใจโจวเจ๋อที่แบกอยู่บนหลังของตัวเอง เธอก็ไม่แน่ใจว่าออกไปแล้วจะไปหาใคร เพราะทนายอันกับนักพรตเฒ่ากินมากกว่าเถ้าแก่เยอะมาก ตอนนี้คงล้มกลิ้งไปกับพื้น
ทว่าจะรออยู่ในนี้ต่อไปก็ยิ่งไม่มีความหวัง ขอเพียงแค่ฝ่าออกไปได้ บางทีอาจจะเจอโอกาสที่ดี
โจวเจ๋อดวงตาพร่าเลือน อาจจะเป็นเพราะกินเนื้อไม่เยอะมาก ดังนั้นถึงแม้ตอนนี้จะทรมาน แต่เขาก็ยังไม่หมดสติเสียทีเดียว แต่รู้สึกว่าใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
เวลานี้ เถ้าแก่โจวยังสามารถใช้สติและกำลังที่เหลืออยู่น้อยนิดมาครุ่นคิดได้สุดท้ายได้อีกเล็กน้อย หญิงสาวตัวดำคนนี้ไม่เพียงแต่สามารถปลูกดอกพลับพลึงได้เท่านั้น แต่สามารถทำยานอนหลับเพื่อให้ยมทูตนอนหลับได้อีกด้วย
“ผีดิบน้อย อย่าดื้อไปเลย กลับบ้านกับฉันเถอะ” หญิงสาวตัวดำเอ่ย
อิงอิงแบกหลังโจวเจ๋อไว้บนหลัง ไม่สนใจพระขี้เรื้อนกับหญิงสาวตัวดำที่อยู่ไกลๆ แต่จ่วิ่งตะบึงตรงไปที่ถนน!
ทว่าตอนที่เธอวิ่งนั้น อิงอิงกลับพบว่าเงาร่างของพระขี้เรื้อนกับหญิงสาวตัวดำมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ ทั้งๆ ที่เธอตัวเองวิ่งในทิศตรงกันข้าม แต่พวกเขากลับวิ่งมาอยู่ตรงหน้าเธอตัวเอง
“พระท่าน ท่านสร้างค่ายกลได้ไม่เลว” หญิงสาวตัวดำกำลังดื่มอะไรสักอย่างที่อยู่ในมือ เหมือนกำลังบำรุงร่างกายและจิตใจของตัวเอง เมื่อครู่ตอนที่เธอต่อสู้กับไป๋อิงอิงได้สูญเสียพลังไปเยอะมาก
เวลานี้ ต้องเผชิญหน้ากับไป๋อิงอิงที่แบก ‘ตัวภาระ’ ไว้บนหลังของเธอ หญิงสาวตัวดำไม่รีบที่จะลงไปจับผีดิบสาวที่ตัวเองอยากพากลับไปเป็นคนงานของตัวเอง
เธอรู้ดีว่า ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือฟื้นฟูพลังงาน ไม่ใช่เพื่อป้องกันคนอื่น แต่เพื่อป้องกันพระขี้เรื้อนคนนี้
เขาเป็นคนเป็น แต่กลับเรียกร้องเพื่อสิทธิมนุษยชนของ ‘ผี’ อย่างเต็มปากเต็มคำ คนประเภทนี้ ในสายตาของหญิงสาวตัวดำ เหมือนกับแม่พระที่มีจิตใจบิดเบี้ยว ถ้าไม่โง่ก็ต้องเลว
และเห็นได้ชัดว่า พระขี้เรื้อนไม่ได้โง่ อย่างนั้นก็ต้องเป็นอย่างหลัง ถึงแม้ทั้งสองคนจะมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนกันเล็กน้อย ถึงได้สนิทกันมากขึ้น แต่ใครก็ไม่สามารถเชื่อใจใครได้ ไม่มีใครคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี
“อย่างนั้นอาตมาข้าลงมือแล้วกัน การกำจัดมารเพื่อผดุงคุณธรรม เดิมเป็นหน้าที่ของคนพุทธที่ต้องทำอย่างเต็มที่ แต่ก่อนหน้านั้นอาตมาข้าได้พูดกับโยมเจ้าเป็นดิบดีแล้วว่า อาตมาข้าจะช่วยประสานงานเท่านั้น แต่จะไม่ลงออกมือ”
“ท่านอยากได้อะไร ว่ามา”
“เงื่อนไขเดิม แล้วก็เพิ่มหญ้าเมิ่งโยวอีกหนึ่งต้น”
“นั่นคือสิ่งที่เอาไว้ฝากความคิดถึงระหว่างคู่รัก ของฉันก็มีไม่มาก แต่ท่านเป็นพระ จะเอาของแบบนี้ไปทำอะไร”
“โยมไม่ต้องรู้หรอก”
“ได้ ฉันรับปากท่าน”
“อมิตาภพุทธ” พระจึงลงออกมือ ถ้าหากจะพูดว่าการพูดคุยกับโจวเจ๋อก่อนหน้านั้นเป็นแค่แผนถ่วงเวลา เช่นนั้นตอนนี้ เขากำลังเดินขึ้นเวทีประลองของจริง
“ทะเลพุทธไร้ขอบเขต!” พระถือประคำที่มือซ้าย พร้อมกับนับนิ้วด้วยมือขวา จีวรที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มลอยพลิ้วขึ้นมา แสงแห่งธรรมเจิดจ้าแสบตาทันที
จริงๆ แล้วนี่คือวิชาที่สวยแต่รูปจูบไม่หอม นักพรตและพระในสมัยโบราณมักจะใช้ ‘เรื่องอัศจรรย์’ เหล่านี้หลอกลวงเพื่อล้างสมองลูกศิษย์ที่ศรัทธา
แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับหมอดูปลอมที่ตัวแทนศาสนาที่ถือคฑาเที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋นแล้ว การใช้เรื่องอัศจรรย์ใจเหล่านี้ก็สามารถอธิบายได้ว่านักพรตและพระก็มีระดับพอสมควร
อิงอิงแบกโจวเจ๋อ พร้อมกับต้องเผชิญแสงแห่งธรรมที่ร้อนระอุ เธอจึงเริ่มถอยหลังเมื่อได้สติ ลำแสงนี้ทำให้เธอรู้สึกอยากซ่อนตัวและหลบหาย เพราะมีผลควบคุมพลังชี่พิฆาตบนตัวเธอโดยธรรมชาติ
“พระพุทธองค์ทรงเมตตา!” แค่ต่หนึ่งแสงธรรม ก็ทำให้ความได้เปรียบย้ายพลังมายืนอยู่ฝั่งตัวเองอย่างสิ้นเชิง วินาทีต่อมา พระรูปนี้จึงถอดจีวรออก เผยให้เห็นชุดฝึกวิชาสีขาว แล้วเดินเข้าไปหาอิงอิง
อิงอิงใช้มือข้างหนึ่งจับเถ้าแก่ที่อยู่บนหลังของตัวเอง แล้วฝืนใช้มืออีกข้างหนึ่งรับมือกับการโจมตี
พลังของพระรูปนี้ไม่ถือว่าแข็งแกร่งมาก กระทั่งทุกหมัดที่อิงอิงปล่อยออกไป เขาต้องรับมือสองสามกระบวนท่าถึงจะแก้ได้ แต่อิงอิงกลับไม่สามารถตีให้ร่นถอยได้ และเนื่องจากประจันหน้าต่อสู้กันเป็นเวลานาน พระรูปนี้ได้คืบจะเอาศอก เริ่มโจมตีอิงอิงให้ไม่ล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง
พระขี้เรื้อนก็เป็นวิชาการต่อสู้ และไม่ได้เป็นวิชาของปรมาจารย์กิ๊กก๊อกอะไร ทุกเคล็ดวิชาของเขามีแข็งแรงมากรวมทั้งศิลปะการป้องกันตัวของเขา
ถึงแม้มือข้างหนึ่งของผีดิบจะถูกมัด แต่คนที่สามารถใช้กายเนื้อต่อต้านผีดิบได้นั้น สามารถอธิบายได้ถึงความน่ากลัวแล้ว และเขาก็ไม่ได้โดปยาเหมือนหญิงสาวตัวดำ แต่ตอบโต้ด้วยพลังที่อยู่ในสถานการณ์ปกติ
อย่างแรกคือใช้แสงแห่งธรรมที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมปราบพลังชี่พิฆาตของอิงอิงได้อย่างสิ้นเชิง ต่อจากนั้นจึงใช้วิธีการต่อสู้ระยะประชิดเพื่อลดทอนพลังของอิงอิง เนื่องจากเขารับปากหญิงสาวตัวดำว่าจะจับเป็น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าผีดิบตัวนี้ และไม่สามารถใช้วิชาที่รุนแรงกระตุ้นมากเกินไปได้เช่นกัน
อิงอิงโดนโจมตีด้วยฝ่ามือติดต่อกัน ท้องน้อยของอิงอิงถูกพระขี้เรื้อนใช้ลูกประคำโจมตีอย่างแรงหนึ่งครั้ง ร่างของอิงอิงถอยกรูด เถ้าแก่ที่อยู่บนหลังของเธอจึงร่วงลงมา
ตอนที่อิงอิงเอามือคว้าเถ้าแก่เมื่อรู้ตัว พระขี้เรื้อนใช้ตราแห่งธรรมประทับลงดังครืน!
อิงอิงจึงต้องปผลักเถ้าแก่ออกไปอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อช่วยรับกันตราแห่งธรรมนี้แทนเถ้าแก่ จากนั้นทั้งตัวเธอจึงล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
อีกด้านหนึ่ง โจวเจ๋อกลิ้่งลงไปกับพื้น แต่เนื่องจากการปกป้องของอิงอิงเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง อย่างมากแค่มีแผลถลอกเล็กน้อย แต่เมื่อล้มลงไปเช่นนี้ ทำให้สติสุดท้ายของโจวเจ๋อได้หายไปเช่นกัน แล้วจึงสลบอย่างสิ้นเชิง
“นาวาแห่งกรุณานำพาพ้นทุกข์ฉือหังผู่ตู้!” พระขี้เรื้อนโบกมือ จีวรที่อยู่แต่ไกลจึงลอยเข้ามา จากนั้นพระท่านจึงกัดนิ้วของตัวเอง แล้วเขียนยันต์เลือดลงบนจีวร จากนั้นจึงก่อนจะใช้จีวรนี้คลุมอิงอิง!
“กรี๊ดดๆๆๆ!!!!!!!” ชั่วเวลาเดียว อิงอิงที่ถูกคลุมด้วยจีวรร้องเสียงหลง พลังของพุทธะที่อยู่บนจีวรนี้สำหรับชี่พิฆาตที่อยู่บนตัวของอิงอิงแล้ว คือศัตรูฟ้าประทานที่ใหญ่ที่สุด
“ฮู่ว…” พระขี้เรื้อนลุกขึ้น ถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก โดยทั่วไปถือว่าจัดการได้แล้ว
“เสร็จแล้วเหรอ” หญิงสาวตัวดำเดินเข้ามา
“อมิตาภพุทธ ปราบมารเสร็จแล้ว”
“ท่านก็เก่งเหมือนกันนะ พระท่าน ตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวท่านเล็กน้อยแล้ว ถ้าหากวันไหนท่านอารมณ์ไม่ดีแล้วจับฉันขึ้นมาจะทำยังไง”
“ทำไมต้องอารมณ์ไม่ดีด้วยล่ะ”
“หืม”
“อารมณ์ดีก็ทำได้เหมือนกัน”
“เหอะๆ”
“จริงๆ แล้วต้องขอบคุณยาของโยมเจ้า ถ้าหากเขายังตื่นอยู่ พวกเราคงจัดการยากจริงๆ ถ้าหากอาตมาข้าเดาไม่ผิด คนที่ประหารสามอสุภะในโรงแรมเมื่อตอนกลางวัน น่าจะเป็นเขานั่นเอง” พระขี้เรื้อนชี้ไปที่โจวเจ๋อที่นอนอยู่บนพื้น
“ถ้าหากเขาไม่โดนยาพิษ อาจจะยุ่งยากมากกว่านี้ ตอนนี้เขาโดนพิษแล้ว ปัญหายุ่งยากที่ใหญ่ที่สุดถือว่าได้แก้ไขแล้ว”
“สามอสุภะคืออะไรฉันไม่เข้าใจ แต่ฉันรู้อยู่นิดหน่อยคือ ดูเหมือนในตัวของไอ้หมอนี่จะไม่มีอะไรพิเศษมากมายและอาจจะเก่งกว่าในบรรดายมทูตด้วยกันก็เท่านั้น”
“ไม่เหมือนกันๆ ประหารสามอสุภะคือการเปลี่ยนแปลงในจิตใจและความพึงพอใจในตนเอง ไม่ได้ช่วยเพิ่มผลของการฝึกบำเพ็ญเพียร แต่ประสิทธิภาพนั้นกลับอัศจรรย์ยิ่งนัก เหมือนกับดาบเล่มเดียวกัน เมื่อก่อนวาดดาบไปมาด้วยจิตใจของเด็ก กับอีกคนหนึ่งวาดดาบโดยปรมาจารย์นักดาบ ถึงแม้จะเป็นดาบเล่มเดียวกัน ความยาวเท่ากัน แหลมคมเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับต่างกันเป็นอย่างมาก”
“รู้แล้วน่า รู้แล้ว หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ท่านไปจับอีกสองคนที่อยู่บนโต๊ะกินข้าว ส่วนฉันจะจัดการตรงนี้เอง จากนั้นท่านก็กลับไปพร้อมกับฉัน ฉันจะ…”
‘“ฉึกแควก!’” เพิ่งจะสิ้นเสียงของหญิงสาวตัวดำ เสียงจีวรถูกฉีกขาดก็ดังมา!
อิงอิงที่ถูกห่อด้วยจีวรใช้สองมือฉีกจีวรขาดเป็นช่อง เวลานี้เธอกำลังดิ้นอยากจะออกมา
“โอ๊ยๆๆ!!!!!” เส้นผมของอิงอิงเปลี่ยนเป็นสีขาวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครึ่งขาวครึ่งดำ เห็นได้ชัดว่า การกระตุ้นพลังสายเลือดติดต่อกันในหนึ่งวัน และเมื่อถึงครั้งที่สามถือว่ามีพลังไม่พอแล้ว
“ผีดิบสาวคนนี้มีปัญหาหรือไง” พระขี้เรื้อนพูดพร้อมกับเดินไปข้างหน้า
เวลานี้หญิงสาวตัวดำเดินไปอีกทางหนึ่งจับโจวเจ๋อขึ้นมาจากพื้น แล้วใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของโจวเจ๋อ จากนั้นตะโกนว่า “ผีดิบสาว ถ้าเธอกล้าต่อต้านอีกฉันจะฆ่าเขา!”
อิงอิงได้ยินประโยคนี้ เธอจึงระงับความโกรธทันที พละกำลังที่ใช้ในการดิ้นของเธอได้ลดลงไปเช่นกัน และดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะอิงอิงคงจะยอมแพ้ไม่ดิ้นแล้ว จีวรที่ถูกฉีแกขาดเป็นช่องโหว่ เวลานี้กำลังประสานกันด้วยตัวมันเองอย่างช้าๆ
จึงเห็นเพียงอิงอิงที่ยืนอยู่ใต้จีวรดวงตาแดงก่ำจ้องมองหญิงสาวตัวดำจับเถ้าแก่ของตัวเองอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายเอาชีวิตของเถ้าแก่มาข่มขู่ อิงอิงจึงเลิกต่อต้านอย่างไม่ลังเล
หญิงสาวตัวดำยื่นมือตบใบหน้าของโจวเจ๋อเบาๆ พบว่าโจวเจ๋อไร้ซึ่งการตอบสนอง เธอจึงยิ้มพูดว่า “สลบไปแล้วจริงๆ สงสัยยาของฉันจะได้ผลดี เหอะๆ แต่ไม่รู้ว่า หนุ่มหน้าขาวอย่างคุณมีเสน่ห์อะไร ถึงทำให้ผีดิบสาวหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ เพื่อคุณแล้วแม้แต่ชีวิตของตัวเองยังไม่ต้องการ”
เวลานี้ ร่างกายของโจวเจ๋อจู่ๆ ก็สั่นเล็กน้อย
ถึงแม้จะสั่นเพียงเล็กน้อย แต่หญิงสาวตัวดำที่จับเขาก็ยังรับรู้ได้ “อ้าว สงสัยวิญญาณของยมทูตจะสลบ แต่สติของคนธรรมดายังตื่นอยู่ ฉันว่านะ คุณต้องขอบคุณฉันใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างนั้นปกติแล้วคุณจะไม่มีโอกาสออกมาสูดอากาศสดชื่นได้บ่อยๆ” ขณะที่พูด ดูเหมือนเธอจะรู้สึกติดใจ หญิงสาวงตัวดำจึงใช้มือตบคางของโจวเจ๋อเบาๆ แล้วตะโกนว่า “เป็นใบ้เหรอ พูดสิ!”
………………………………………………………………………..