ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 483 หัวใจเจ็บจนหายใจไม่ออก
ตอนที่ 483 หัวใจเจ็บจนหายใจไม่ออก
จริงๆ แล้วโจวเจ๋อไม่ค่อยเข้าใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน คนนั้นจะเป็นคนปลดผนึกเอง พอเจอเรื่องยุ่งยากก็จะเรียกเขาตัวเองออกมา จากนั้นเขาตัวเองถึงจะออกมา
แต่ครั้งนี้ ไม่มีลางบอกเหตุใดๆ ราวกับว่าพอลืมตาขึ้น เขาตัวเองก็ฟื้นแล้ว และยังควบคุมร่างกายนี้ได้อีกด้วย
แผนการหลอมรวมประหารสามอสุภะเพื่อหลอมรวมกับโจวเจ๋อไม่สำเร็จ และยังถูกโจวเจ๋อยื่นบุหรี่ให้หนึ่งมวนจากนั้นก็พูดว่า ‘ราตรีสวัสดิ์’ ทำให้เขาแล้วจึงเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นจู่ๆ สถานการณ์ก็จึงเปลี่ยนไป นี่คือสาเหตุที่เขาเงียบงันอยู่นานหลังจากที่เพิ่งตื่น
เวลานี้ โจวเจ๋อเดินมาข้างๆ ไป๋อิงอิง ไป๋อิงอิงมองเขาด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย มองดูใบหน้าที่ตัวเองที่ปกติแล้วรู้สึกสนิทสนมมากที่สุด แต่เธอในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ความหวาดกลัวนี้ไม่ได้แสดงออกทางด้านอารมณ์เท่านั้น แต่ยังแสดงออกทางใบหน้าอีกด้วย มันชัดเจนและแจ่มชัด อย่างไรก็ตามความหวาดกลัวเขา ถูกตราตรึงอยู่ในสายเลือดในไขกระดูกของเธอไปแล้ว
“ทำไม…ถึงกลัวข้าฉัน…” โจวเจ๋อเอ่ยพูด ไม่รู้ทำไม เขาสามารถพูดโอ้อวดว่าตัวเองพร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งได้อย่างเฉยชา แต่สำหรับผีดิบน้อยตัวนี้ เขากลับมีความรู้สึกที่พิเศษออกไป เป็นความรู้สึกสนิทสนมที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก และเนื่องจากความรู้สึกสนิทสนม ดังนั้นเขาจึงแปลกใจ ถึงได้ถามคำถามแบบนี้
“อ้อ เอ่อ…” ไป๋อิงอิงพูดอึกๆ อักๆ เธอจะตอบคำถามนี้อย่างไร
และด้วยสถานการณ์ภาพในตอนนี้ พวกเขาดูเหมือนชายหญิงวัยมัธยมต้นสองคน ผู้ชายจูงมือของผู้หญิง แล้วถามว่า ‘“ทำไมเธอถึงไม่ชอบฉัน’” แต่สิ่งที่ทำให้ภาพนี้พังทลายก็ยิ่งแย่คือ จากมุมมองของไป๋อิงอิง สิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่ผู้ชายวัยมัธยมต้น แต่เป็นบรรพบุรุษของตัวเอง!
เมื่อลองคิดดูสิแล้ว หากวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมา แล้วชายชราที่แก่หงำเหงือกนั่งอยู่ข้างเตียงของคุณ จากนั้นจับมือของคุณ แล้วก็บอกคุณว่าเขาเป็นปู่ทวดของ….ปู่ทวดของปู่ทวดของปู่ทวดของปู่ทวดปู่ทวดของปู่ทวดของคุณ แล้วปู่ทวดของ….ปู่ทวดของปู่ทวดของปู่ทวดของปู่ทวดปู่ทวดของปู่ทวดของคุณก็ถามคุณอย่างจริงจังว่า ‘ทำไมถึงกลัวเขา’
คุณจะรู้สึกอย่างไร
“เฮ้ห้อ…” เมื่อเห็นไป๋อิงอิงไม่ตอบ โจวเจ๋อจึงรู้สึกหมดสนุกในทันใด ยื่นมือแล้ววางบนหน้าผากของไป๋อิงอิง
ไป๋อิงอิงไม่ขยับตัว เธอรู้สึกถึงความเย็นจัดมากจากฝ่ามือของอีกฝ่ายบ ขนาดเธอเป็นผีดิบก็ยังรู้สึกหนาวสั่น!
“โอ๊ย…” ความเจ็บปวดส่งผ่านเข้ามา อิงอิงหลับตา และตอนที่ลืมตาอีกครั้ง เธอกลับมองเห็นโจวเจ๋อดึงเส้นไหมสีทองเส้นหนึ่งออกมาจากกลางหว่างคิ้วของเธอ จากนั้นก็บดขยี้มันอย่างไม่ลังเล
สิ่งเหล่านี้คือพลังแห่งพุทธะที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในร่างกายของอิงอิง จากนั้นไป๋อิงอิงรู้สึกตกประหลาดใจ เพราะร่างกายที่เจ็บปวดทรมานแต่เดิม ตอนนี้กลับสบายตัวมาก ความอ่อนแอยังคงเหมือนเดิม แต่ไม่ทรมานเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว
“ขอบคุณเจ้าค่ะ…”
โจวเจ๋อมองผีดิบสาวที่อยู่ตรงหน้า แล้วหลับตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไร จากนั้นจึงลืมตา ยื่นมือจับมือของเธอต่อจากนั้นยังไม่ทันจะทำอะไร ก็รู้สึกว่ามือลื่น โจวเจ๋อจ้องมองนิ่ง ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยและคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
สำหรับเขาแล้ว เป็นสิ่งที่คาดคิดไม่ถึงจริงๆ!
ผีดิบสาว ดึงมือออกไป ไม่ยอมให้เขาตัวเองจับมือ!
“เหอะๆๆ…” ไป๋อิงอิงหัวเราะอย่างเก้ๆ กังๆ น่าโมโหจัง ไม่กล้าพูดจาขัดขืนต่อต้าน แต่ยังต้องแสร้งทำเป็นสุภาพมีมารยาท!
แสงสีแดงสว่างวาบอยู่ในนัยน์ตาของโจวเจ๋อแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นพยายามกดข่มมันลงไป ไป๋อิงอิงรู้สึกว่าเมื่อครู่ อุณหภูมิรอบกายของตัวเองลดลงฮวบฮาบ แต่ไม่ช้าก็กลับมาเหมือนเดิม
ในฐานะผีดิบ ไป๋อิงอิงเพิ่งเคยสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่มีผลกระทบต่อร่างกายเป็นครั้งแรก ซึ่งเธอไม่เคยมีแนวคิดนี้มาก่อน!
โจวเจ๋อยื่นมืออีกครั้ง จับมือของไป๋อิงอิง เขาใช้แรงจับแน่นมาก หืม เธอยังอยากจะเอามือออก เธอกล้าดึงมือออกเหรอ เธอกล้าดีแบบนี้ได้อย่างไร เธอยังพยายามใช้แรงสะบัดออกเหมือนเดิม และยังคงทำอยู่แบบนั้น พอได้หรือยัง
ซื้ด…โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไป๋อิงอิงใช้แรงสะบัด แต่สะบัดไม่ออก เพราะเขามีแรงเยอะกว่า จากนั้นไป๋อิงอิงพบว่าอีกฝ่ายกำลังสั่นสะท้าน ใช่แล้ว กำลังสั่น เอ๊ะ เขาสั่นทำไม หรือว่าไม่สบาย
“โอ๊ย เจ็บ!” ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรมากกว่านี้ ไป๋อิงอิงรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมาจากฝ่ามือของตัวเองร่างกายของอิงอิงปกติจะนุ่มลื่นเวลาที่ได้กอด แต่ในความเป็นจริงนั้น ถ้าอยากจะทำร้ายเธอ ไม่ใช่เรื่องง่ายเด็ดขาด เมื่ออีกฝ่ายปล่อยมือ ไป๋อิงอิงรีบแบฝ่ามือของตัวเองทันที พบว่าตัวเองถูกเล็บข่วนเป็นแผลลึกมาก ไป๋อิงอิงกัดริมฝากของตัวเองน้ำตาคลอเบ้า เงยหน้ามองโจวเจ๋อที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างตัวเอง เธออยากจะตีเขาจริงๆ แต่ก็ดูเหมือนตีไปก็ไม่ชนะลง! อ๊ากๆๆๆ!
แต่ที่ไป๋อิงอิงไม่เห็นคือ แผลลึกที่อยู่กลางฝ่ามือของเธอ มีสิ่งสีดำกกำลังหมุนวนอย่างช้าๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายและสลายไป
โจวเจ๋อมองไป๋อิงอิงอยู่แบบนี้ เขาเห็นความโกรธและความแค้นเคืองเดือดดาลที่อยู่ในดวงตาของไป๋อิงอิงอย่างชัดเจน และนี่ยิ่งทำให้เขาโกรธจัด จึงยกมือขึ้น แต่อิงอิงกลับหดคอด้วยความตกใจ และหลับตา บรรพบุรุษจะตีคุณแล้ว ทำอย่างไรได้ ได้แต่ทนรับเท่านั้น
แต่ยังไม่ทันได้ตีลงมา เขาก็วางมือลงเสียก่อน จากนั้นจึงลุกขึ้น เดินไปที่หญิงสาวตัวดำที่ถูกเขาใช้โซ่ที่ไร้รูปมัดอยู่ตรงนั้น หญิงสาวตัวดำหน้าติดถนน ไม่รู้ว่าเนื้อตัวมีแผลถลอกมากแค่ไหน แต่น่าสมเพชอย่างยิ่ง ตอนนี้เธอหลับตาอยู่ และกำลังบ่นอะไรไม่หยุด…
“เขาไม่เห็นฉัน เขาไม่เห็นฉัน เขาไม่เห็นฉัน…”
ผู้คนมักจะหัวเราะเยาะพฤติกรรมของนกกระจอกเทศที่ชอบเอาศีรษะซุกเข้าไปในทรายเมื่อเจออันตราย แต่ในความเป็นจริงนั้นก็แค่ห้าสิบก้าวหัวเราะเยาะร้อยก้าว ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไรเลยเราไม่ควรหัวเราะเยาะมันเลย เรื่องแบบนี้คนส่วนใหญ่จริงๆ แล้วเคยทำไม่ว่าในการใช้ชีวิตหรือการทำงาน กระทั่งมีประสบการณ์มากกว่านกกระจอกเทศเสียอีก
โจวเจ๋อเดินมายืนตรงหน้าเธอ
“เขาไม่เห็นฉัน เขาไม่เห็นฉัน เขาไม่เห็นฉัน …” จากนั้นหญิงสาวตัวดำก็หยุดพึมพำ แล้วลืมตา ฝืนเงยหน้าขึ้นมองโจวเจ๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง อีกฝ่ายยืนตัวตรงมาก ก้มมองตัวเองลงมา
“เหอะๆ…เหอะๆ…เหอะๆ…” หญิงสาวตัวดำแสยะยิ้ม หัวเราะเซ่ออย่างสุภาพและเขินอาย เวลานี้เธอนอกจากการตอบสนองพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร
เขามีอำนาจชี้ตายชี้เป็นแต่ฉันเป็นเนื้อบนเขียง จะทำอย่างไรดี ถึงแม้ตอนนี้จะขุดคุณยายออกมา คาดว่าคุณยายก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
โจวเจ๋อไม่ขยับและไม่พูด แต่ก้มมองเธอต่อไป บรรยากาศเข้าสู่ความนิ่งงัน ความกดดันมหาศาลรวมกันเข้จ้ามาจากทุกทิศทาง
หญิงสาวตัวดำแอบเศร้าอยู่ในใจ เธอเป็นหญิงสาวน่าสงสารที่ปลูกดอกไม้คนหนึ่งเท่านั้น ทำไมต้องทำกับเธอตัวเองแบบนี้ “เหอะๆ…เหอะๆ…เหอะๆ…” หญิงสาวตัวดำรู้สึกว่าตัวเองหัวเราะจนปากกระตุกแล้ว น้ำลายเริ่มไหลลงมา
เวลานี้โจวเจ๋อพลันนั่งลงยองๆ หญิงสาวตัวดำเก็บน้ำลายที่หยด ‘ติ๋ง’ กลับเข้าไป แล้วมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าคุณ…ทำท่า…แบบนี้…”
“หืม”
“สมอง…พิการ…ใช่ไหม”
“…” หญิงสาวตัวดำ
เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ไม่นานนี้ หญิงสาวตัวดำจับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า แล้วยื่นมือตบคางของเขา จากนั้นจึงหัวเราะฮ่าๆ ตะโกนว่า ‘“นี่ เขาเป็นคนสมองพิการ!’” ควันสีดำเป็นสายลอยขึ้นมาจากด้านหลังของโจวเจ๋อ แล้วเริ่มหมุนวนรอบตัวของหญิงสาวตัวดำ จากนั้นโจวเจ๋อจึงแบฝ่ามือ แล้วเมล็ดพันธุ์และพืชผลสีสันสวยงามแต่ละขวดแต่ละกระป๋องก็กองอยู่เต็มฝ่ามือของเขา
สิ่งของที่อยู่บนตัวของหญิงสาวตัวดำยังมีอีกเยอะ เถ้าแก่โจวเมื่อก่อนชอบคลำหาของจากคนเป็นหรือไม่ก็คนตายที่สูญเสียการตอบโต้ แต่สำหรับเธอคนนี้ ทุกอย่างกลับง่ายดายมาก
“เป็นสินค้าท้องถิ่นของฉันที่ปลูกเอง ไม่ใส่ยาฆ่าแมลง ไม่เป็นมลพิษ ราคาไม่กี่หยวน คุณเอาไปได้เลย” หญิงสาวตัวดำรีบแสดงใบหน้าของชาวสวนที่เรียบง่ายและจริงใจออกมาทันที ผิวดำคล้ำกับนัยน์ตาที่จริงใจ เหมือนกับเพลง ‘สาวน้อยเก็บรวงข้าวสาลี’
‘“แกร๊ก…’” โจวเจ๋อกำฝ่ามือ แล้วสิ่งเหล่านั้นที่ถืออยู่ในมือจึงแหลกะละเอียดภายในพริบตา!
“เอ่อ…” หญิงสาวตัวดำใจแป้วทันที เพราะหมายความว่า อีกฝ่ายไม่สนใจสิ่งที่ตัวเองปลูกออกมา ด้วยเหตุนี้จึงมองออกว่า อีกฝ่ายไม่ชอบตัวเอง
เธอรู้ว่ามีวิธีจัดการกับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบได้อย่างไร โดยทั่วไปเธอจะขยี้ให้แหลกแล้วเอาไปทำเป็นปุ๋ย
“ซื้ด…” ทันใดนั้น หญิงสาวตัวดำได้ยินเสียงสูดปากพ่นลมหายใจของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เธอจึงเงยหน้าอย่างระมัดระวัง แล้วจึงเห็นผู้ชายเย็นชาหกยิ่งยโสอย่างยิ่งกำลังใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าอกของเขา คุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น ดูเหมือนโรคหัวใจกำเริบ
เจ็บ เขาจะต้องเจ็บมากแน่นอน เจ็บมากขนาดนี้แล้ว!
“ซื้ด…” โจวเจ๋อพยายามบีบหน้าอกของตัวเอง บ้าจริง ‘ความเจ็บปวด’ ที่มากะทันหัน ทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้เขาจึงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ ร่างกายโอนเอนเหมือนจะล้มมิล้มแหล่
พระขี้เรื้อนกับพระโพธิสัตว์จินกัง ไฟนรกเย่หั่วของหญิงสาวตัวดำ ต่างไม่สามารถทำให้เขาขมวดคิ้วได้ แต่ตอนนี้เขากลับเจ็บปวดทรมานจนมีสภาพเป็นแบบนี้
“ช่วย…เป็นผู้เป็นคนหน่อย…ได้ไหม…” โจวเจ๋อพึมพำกับตัวเอง
“ขยะ…พวกนี้…เก็บไว้…ทำไม…” โจวเจ๋อเงยหน้า กัดฟัน ในดวงตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ แต่สิ่งที่ทำให้เขาอึดอัดมากที่สุดคือ คนที่ทำให้เขาโกรธแทบบ้า อยู่ใกล้ตัวเองมากเกินไป อยู่ภายในร่างกายของตัวเอง และตัวเองไม่สามารถโจมตีเขาได้อย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถฉีกเขาให้ขาดเป็นชิ้นได้ กระทั่งตัวเองอึดอัดที่ต้องเป็นฝ่ายโดนกระทำเท่านั้น!
“ไม่จบ…ไม่สิ้น…ใช่ไหม…” โจวเจ๋อพูดเตือน
“ซื้ด…” หัวใจ เจ็บจนไม่สามารถหายใจได้!
โจวเจ๋อก้มหน้าทันที นัยน์ตาที่แดงก่ำจ้องมองหญิงสาวตัวดำที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวตัวดำสะดุ้งตกใจทันทีราวกับว่าตัวเองกำลังจะถูกกลืนทั้งเป็น
“นี่…”
อ๋า เรียกฉันเหรอ คุณพึมพำกับตัวเองไม่ใช่เหรอ
“นี่…” โจวเจ๋อเน้นเสียงหนัก
“อ๋า ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่!” หญิงสาวตัวดำรีบตอบทันที
“ของพวกนั้น…” โจวเจ๋อชี้ไปที่เศษผงสีสันต่างๆ บนพื้นที่ถูกตัวเองขยี้แหลกที่อยู่บนพื้น แล้วพูดต่อ “ยังพอ…ปลูก…ได้ไหม”
………………………………………………………………………..