ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 484 ฉันเป็นบ้าขึ้นมาแล้ว!
ตอนที่ 484 ฉันเป็นบ้าขึ้นมาแล้ว!
“ยังสามารถ…ปลูก…ได้ไหม”
หือ…
หะ
หืม!!!
ในที่สุดหญิงสาวตัวดำก็มีปฏิกิริยาตอบสนองเสียที รีบพยักหน้ารัวๆ อย่างบ้าคลั่งเหมือนไก่จิกข้าวก็ไม่ปาน
“ได้สิ ปลูกได้ๆ เรื่องที่ฉันถนัดสุดในชีวิตนี้ก็คือการทำไร่ทำนานี่แหละ! จริงๆ นะ จริงๆ!!!”
เฮ้อ…
หญิงสาวตัวดำราวกับว่าได้ลืมไปเสียสนิทว่าก่อนหน้านี้เธอเพิ่งเอ่ยคำว่า ‘ไม่เคย’ เหล่านั้นไปกับอิงอิงตรงฝั่งนู้น ตอนนี้ทั้งหัวของเธอมีเพียง ‘หอมหวานจริงๆ!’
เมื่อได้ยินดังนั้น โจวเจ๋อก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็เลิกปวดใจเสียที รู้สึกจนใจอยู่บ้าง แต่ในความจนใจนั้นราวกับมีความชินชาอยู่ด้วย ครั้งแรกรู้สึกขายหน้า รู้สึกเหนียมอาย อับอายสุดๆ ครั้งที่สองรู้สึกเขินเล็กน้อย ยังพอเหนียมอายอยู่บ้าง ครั้งที่สามยางอายคืออะไร คำว่าอับอายขายขี้หน้าสามารถเขียนได้กี่วิธีกันนะ
หญิงสาวตัวดำวางใจและเลิกกังวลกับบางเรื่องแล้ว คุณยายพูดถูก พระเจ้าไม่ปล่อยให้คนมีฝีมืออดตาย ครั้งนี้รอดมาได้เพราะเธอรู้วิธีทำไร่ทำนาแท้ๆ เลย
แต่ทว่า หลังจากโล่งใจได้ไม่นาน หญิงสาวตัวดำก็เห็นว่าโจวเจ๋อจู่ๆ ก็ชูมือขึ้นมา เขาจะทำอะไร
เฮ้ ไม่เอาน่า!
‘ฟุบ!’ มือของโจวเจ๋อลดลงมาแล้ววางลงบนเข่าของหญิงสาวตัวดำ เล็บทั้งห้านิ้วแทงเข้าไปตรงๆ โดยไม่มีสัญญานเตือนล่วงหน้าแม้แต่น้อย!
“กรี๊ดดดดด!!!!!!!”
หญิงสาวตัวดำเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา แต่ยิ่งเธอกรีดร้องดังขึ้นมากเท่าไร ความเจ็บปวดตรงเข่าก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ราวกับจงใจแสดงพลังต่อต้านเธอเสียอย่างนั้น หญิงสาวตัวดำรีบหุบปากทันทีและกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น ไม่ร้องแล้ว แต่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่
หมดหนทาง สิ้นหวัง สับสน ไม่เข้าใจ ไหนสัญญาว่าจะให้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยคุณปลูกผักไม่ใช่หรือไง
ปล่อยให้คนเขากระโดดโลดเต้นดีใจไปเสียไกลในตอนแรกแล้วค่อยกระชากลากถูกลับมา เพิ่งถามคนอื่นเขาว่าปลูกผักเป็นหรือเปล่า ตอนนี้กลับทำอย่างนี้กับคนอื่นเขา คุณเป็นปีศาจหรือไง!
โจวเจ๋อคลายมือออก ปรากฏรูเลือดขนาดใหญ่ห้ารูที่บนหัวเข่าของหญิงสาวตัวดำ อีกทั้งสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ พิษศพอันน่าสะพรึงเริ่มแทรกซึมจากตรงนี้เข้าไปทั่วขาแล้ว แม้แต่เส้นเลือดที่ขาก็ล้วนปูดโปนขึ้นมาคล้ายจะระเบิดอย่างไรอย่างนั้น
ขาของหญิงสาวกลายเป็นอย่างนี้ แต่ตัวการที่ก่อเหตุทั้งหมดนี้กลับไม่รู้สึกผิดสักนิด สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยมาก และเขาก็ชูมือขึ้นอีกครั้งก่อนจะวางมันลงไปบนเข่าที่ขาอีกข้างของหญิงสาว
“กรี๊ด ฮือ!!!!!”
เมื่อมีประสบการณ์ครั้งแรกไปแล้ว ครั้งที่สองนั้นย่อมมีความอดทนทางจิตใจแกร่งขึ้นไม่น้อย ดูเหมือนว่าจะไม่เจ็บปวดเท่าครั้งแรกแล้ว ทุกคนล้วนมีประสบการณ์และต่างฝ่ายต่างรู้ทางหนีทีไล่ดีกันทั้งนั้น
หญิงสาวกัดริมฝีปากจนเลือดแทบจะไหลซิบออกมาแล้ว แต่คราวนี้เธอไม่ได้ร้องลั่นออกมาอีก ครั้งที่สองเร็วกว่าครั้งแรกมากทีเดียว หญิงสาวคลายริมฝีปากและมีลักษณะท่าทางเหมือนร่างกายกำลังเสื่อมโทรมลง
บนเข่าทั้งสองข้างของเธอปรากฏรูเลือดขนาดใหญ่ทั้งหมดสิบรู และรูเลือดสีดำนี้ขยายเวียนไปทั่วทุกทิศทุกทางบนขาทั้งสองข้างของเธอ อีกหน่อยหากเธอไม่สวมกางเกงขายาวปกปิดละก็มันจะดูน่ากลัวมากๆ แม้แต่ถุงน่องสีดำก็ไม่สามารถปกปิดเส้นเลือดสีดำที่แทบจะแตกออกมาได้
หญิงสาวตัวดำมองโจวเจ๋อด้วยความมืดมน นี่ทำไปเพื่ออะไรกัน
ฆ่าก็ไม่ฆ่า เอาไว้ทรมานเฉยๆ แค่นั้นเหรอ
“ขา…ของเจ้า…พิการแล้ว…”
หญิงสาวตัวดำหลับตาและกัดฟันเอ่ย “ขอบคุณ”
ถูกคนทำลายขาทั้งสองข้างจนพิการแถมยังตอบกลับว่า ‘ขอบคุณ’ อีก
นี่คือวิถีการอยู่รอด
คนที่ทำไร่นา อาศัยธรรมชาติดำรงชีพ เข้าใจเหตุผลของการอยู่รอดยิ่งกว่าใคร ถ้าฝนไม่ตก พืชไร่ก็จะเหี่ยวเฉา คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับชะตากรรม!
ดูเหมือนว่าโจวเจ๋อจะพอใจกับท่าทีของหญิงสาวตัวดำมาก เป็นเวลาตั้งเท่าไรแล้ว ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาเคยชินกับความรู้สึกที่ตัวเองเป็นใหญ่ที่สุดในนรกมานานแล้ว ทุกคนล้วนต้องยอมจำนนต่อบัลลังก์ของเขา
แน่ละว่าเป็นเพราะการวางท่าอวดเก่งในตอนนั้น ทำให้ในตอนนี้ที่ตกอยู่ในสภาพนี้ยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก พวกแก่หงำเหงือกที่เคยถูกเขารังแกในอดีตพวกนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่หรือลูกหลานผู้สืบทอดของพวกเขา ถ้าหากรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ละก็ เดาว่าจะต้องรีบแห่กันมารุมทึ้งกันไม่หวาดไม่ไหวแน่ๆ พอนึกถึงตรงนี้ โจวเจ๋อขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาเล็กน้อย เกิดความรู้สึกร้อนใจไม่เป็นสุขวนเวียนอยู่ภายในใจ
เขาเกลียดการใช้ชีวิตเหมือนหนูที่น่าสมเพชเวทนาแบบนี้ เขาเหมือนหนูที่ต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในรางน้ำ และสิ่งที่สามารถทำได้คือการเลียแผลของตัวเองทุกวัน สิ่งที่ช่วยไม่ได้ที่สุดคือข้างๆ เขายังมีหนูอีกหนึ่งตัว ทุกวันนี้นอกจากกินแล้วก็นอน แถมยังชอบเก็บขยะจากทุกหนทุกแห่งกลับมาซ่อนไว้เป็นสมบัติอีกต่างหาก!
ใช้ชีวิตแบบนี้ทุกวันมันเป็นการทรมานอย่างหนึ่ง
“พิษศพ…เข้าสู่ร่างกาย…สามสิบวัน…ต้องแก้พิษ…สักครั้งหนึ่ง…”
หญิงสาวตัวดำเบิกตากว้าง เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางยาพิษ เพราะความเจ็บปวดในตอนแรกถึงได้ละเลยหลายสิ่งหลายอย่าง ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายไม่เพียงแต่ทำลายขาสองข้างของเธอเท่านั้น ขณะเดียวกันยังผนึกพิษศพไว้ในร่างกายของเธออีกด้วย
สามสิบวันต้องแก้พิษหนึ่งครั้งงั้นเหรอ
จะแก้พิษยังไงล่ะ
หญิงสาวตัวดำฝืนแสร้งทำเป็นสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน เธอคิดว่าตัวเองมีความหวังที่จะพัฒนายาแก้พิษได้เอง แต่พอมองชายตรงหน้าอีกครั้ง พิษศพที่เขาฝัง มันเป็นพิษที่เขาเป็นคนฝังนี่นา เธอจะแก้มันได้ไหมนะ
ในเวลานี้หญิงสาวตัวดำอยากจะขุดคุณยายออกมาและเรียกเข้ามาถามว่าตอนนี้เธอควรจะทำอย่างไรดี แต่เมื่อนึกถึงความน่ากลัวของชายคนนี้ ทันใดนั้นหญิงสาวรู้สึกได้ว่าต่อให้ดินจะถูกขุดออก คุณยายที่อยู่ด้านล่างก็อาจจะตะโกนเสียงแหลมว่า ‘ไม่นะ ฉันจะไม่ออกไปหรอก!’
หญิงสาวตัวดำแหงนหน้า ยอมจำนนต่อโชคชะตา จู่ๆ พลันรู้สึกเหนื่อยใจเหลือทน ตอนนั้นคุณยายให้เธอคอยติดตามอยู่ข้างกายและขอให้เธอช่วยนางปลูกผัก จนในที่สุดเธอก็ปลูกคุณยายเหมือนปลูกผักกาดขาวได้ เพิ่งใช้ชีวิตมีความสุขได้ไม่กี่ปีดันถูกคนอื่นจับไปปลูกผักอีกแล้ว หรือว่าคนทำไร่ทำนาจะหนีไม่พ้นชะตาชีวิตที่ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบเลยใช่ไหม
สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อได้เผชิญหน้ากับชายคนนี้ หญิงสาวตัวดำไม่มีความกล้าที่จะตะโกนประโยคนั้น ‘กษัตริย์และขุนพลก็สามารถปลูกได้ทั้งนั้น!’
แค่มองชายคนนี้เพียงแวบเดียวก็ทำเอาหัวใจของเธอปั่นป่วนไปหมดแล้ว จะปลูกยังไงไหว!
พิษศพเป็นเพียงระเบิดเวลา เป็นเครื่องมือใช้ควบคุมเธอ เธอรู้ดีว่าขอแค่เธอทำไร่ทำนาอย่างเจตนาดี ให้ผลผลิตที่สม่ำเสมอ แสดงคุณค่าของตัวเอง อีกทั้งถ้าไม่ต่อต้านละก็ อีกฝ่ายก็จะช่วยเธอแก้พิษศพเป็นระยะๆ และจะไม่ปล่อยให้เธอตาย ส่วนที่ต้องทำลายขาสองข้างของเธอก็เพื่อตัดกำลังของเธอเท่านั้น ถ้าหากแค่ปลูกดอกไม้ละก็ จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ขาเลยด้วยซ้ำ
โจวเจ๋อไม่ได้ตอบคำถามที่ว่าจะแก้พิษอย่างไร เรื่องนี้ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา และเขาเองก็ขี้เกียจจะสนใจด้วยเหมือนกัน คนที่อยากได้ขยะพรรค์นี้น่ะ ไม่ใช่เขาเสียหน่อย แต่เป็นหนูไร้ยางอายที่นอกจากกินแล้วก็นอนในรางน้ำที่เลี้ยงปลาเค็มทั้งวันนั่นต่างหาก
โจวเจ๋อยืนขึ้น เริ่มใช้เล็บข่วนหน้าอกตัวเอง เสื้อผ้าขาดวิ่นเผยให้เห็นหน้าอกของเขา
อืม กล้ามเป็นมัดๆ!
เถ้าแก่โจวเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกายเท่าไร แต่ต้องขอบคุณที่ก่อนหน้านี้ใช้วิชาอู๋ซวงสองสามครั้ง ทุกครั้งร่างกายถูกทรมานซ้ำๆ เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ แต่นั่นก็นับว่าเป็นการฝึกร่างกายอีกชนิดหนึ่ง อีกทั้งเส้นใยกล้ามเนื้อก็ฟูฟ่องออกมาเช่นกัน มันไม่ได้เวอร์วังเหมือนนักเพาะกาย แต่ก็รู้สึกว่าลายเส้นรูปร่างแบบนั้นมันคล้ายๆ กับอู๋เยี่ยนจู่[1]
โจวเจ๋อแทงเล็บเข้าหน้าอกตัวเองช้าๆ อิงอิงที่อยู่ข้างๆ เบิกตากว้าง เขาจะทำอะไรน่ะ!
แกตายได้ แต่อย่าพาเถ้าแก่ของข้าไปตายด้วยกันสิ!
นี่!
อิงอิงลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัวและเตรียมจะเข้าไปหยุด แต่โจวเจ๋อถลึงตาใส่ อิงอิงตกใจวูบหนึ่ง ขณะเดียวกันร่างกายของเธอที่อ่อนแออยู่แล้วยิ่งสั่นเทิ้มมากขึ้นจนล้มลงไปคุกเข่าบนพื้น
“เถ้าแก่ ไม่เอาน่า…”
เล็บของโจวเจ๋อยังกรีดแทงเข้าไป จากนั้นเริ่มปล่อยแสงวูบวาบสีแดงกลุ่มหนึ่งออกมาจากทรวงอกของเขา
เจ็บ เจ็บปวดมาก เจ็บปวดเหลือเกิน แต่การเจ็บปวดแบบนี้มันคุ้มค่า!
ครั้งนี้เถ้าแก่โจวถูกหญิงสาวตัวดำวางยาพิษ ไม่ได้เป็นฝ่ายเรียกให้เจ้างั่งปลดผนึกปล่อยอิ๋งโกวออกมา จึงเท่ากับว่าเป็นเหตุสุดวิสัยให้บุคคลนี้รอดพ้นจากคุกมาได้สำเร็จอย่างงงๆ ฉะนั้นหลังจากสะสางปัญหารอบข้าง เขาตั้งใจจะพยายามทำลายผนึกให้ได้ในช่วงเวลาสุดท้ายนี้!
“อ๊ากกกกก!!!!!” โจวเจ๋อร้องเสียงแหบพร่า เจ็บปวดรวดร้าวล้วนเป็นเรื่องจริง ชนิดที่แทงหัวใจถึงไขกระดูก แต่โจวเจ๋อไม่ยอมแพ้ เขาไม่มีทางยอมแพ้หรอก
เมื่อเล็บแทงเข้าเนื้อและเริ่มดึงมันออกมาข้างนอกไม่หยุด แสงวาววับสีแดงก็เริ่มขยับเคลื่อนตัวออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่คำว่า ‘ผนึก’ สีเลือดในจิตสำนึกยังสั่นไหวระริกและกะพริบอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ามันอาจจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ
เจ้างั่งวาดเขียนไม่หยุด ผนึกไว้ให้มั่นคงและยึดยื้อดึงเจ้านั่นไว้ บรรจงวาดครั้งแล้วครั้งเล่า เพิ่มความหนาครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เป็นการแข่งขันที่ยืดเยื้อและยาวนานฉากหนึ่ง
หากเป็นในอดีต ถ้าเจ้างั่งปลดผนึกตรงนี้และปล่อยมันออกไปละก็ ถึงเวลานั้นเจ้างั่งก็ยังสามารถบังคับผนึกกลับไปได้ คราวนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ
“เหอะๆ…เหอะๆ…”
โจวเจ๋อหัวเราะขึ้นมา เขารู้ว่าครั้งนี้คงไม่สำเร็จได้ แต่ครั้งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผนึกปากกาเล่มนั้นเกิดความเสียหาย!
ในฐานะเจ้าทะเลแห่งความตายในตอนนั้น เขาไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหนูตัวเหม็นที่ทำเหมือนเขาเป็นตู้เอทีเอ็มฟรีที่อยากจะถอนเงินเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ!
เขาไม่ใช่คนที่จะยอมจำนนต่อชะตากรรมอย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของจักรพรรดิเหลืองในตอนนั้นหรอก!
เขี้ยวสองซี่ของโจวเจ๋อเริ่มงอกออกมาให้เห็นอย่างช้าๆ ผิวบนสรีระเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมน้ำเงิน บนหัวคล้ายกับมีพายุไซโคลนดำทะมึนน่าสะพรึงกลัวก่อตัวขึ้นและกำลังปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง
อักขระโบราณที่เต็มไปด้วยความลึกลับซับซ้อนสายแล้วสายเล่าเริ่มปรากฏบนร่างของโจวเจ๋อ ทุกเส้นทุกขีดตรงนี้ล้วนแฝงอภิปรัชญาอันสุดซึ้งเอาไว้ แม้กระทั่งเป็นไปได้ว่าสิ่งที่เรียกว่าอักขระอันเป็นมรดกตกทอดมาถึงตอนนี้บางส่วน ก็สืบทอดมาจากอักขระบนร่างโจวเจ๋อในเวลานี้!
“ทำลาย…เดี๋ยวนี้!” ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้ร่างของโจวเจ๋อเริ่มสั่นสะท้าน
อิงอิงและหญิงสาวตัวดำข้างๆ ต่างตกตะลึงไปแล้ว โดยเฉพาะหญิงสาวตัวดำที่รู้สึกเพียงแต่ว่าชายตรงหน้านี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว มันสยดสยองน่ากลัวจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ
น่ากลัวเกินไปแล้ว แตะไม่ได้แตะชายคนนี้ไม่ได้เลยเด็ดขาด นี่เกิดบ้าขึ้นมา แม้แต่ตัวเขาเองยังฆ่าได้!
………………………………………………….
[1] อู๋เยี่ยนจู่ หรือรู้จักกันในนาม แดเนียล วู เป็น นักแสดง ผู้กำกับและผู้สร้างภาพยนตร์ มีชื่อเสียงในฮ่องกง