ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 488 กู้ภัย!
ตอนที่ 488 กู้ภัย!
หลังผ่านไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดจางเยี่ยนเฟิงก็หาเจ้าลิงน้อยเจอ มันอยู่ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนนตรงข้ามร้านเนื้อสุนัขหวังหมาจื่อ
“พวกเถ้าแก่ล่ะ” จางเยี่ยนเฟิงลงจากรถก่อนจะมองไปรอบๆ พลางถาม
“เจี๊ยกๆๆ…”
“…” จางเยี่ยนเฟิง
จางเยี่ยนเฟิงยอมแพ้แล้ว และส่งสัญญาณให้เจ้าลิงขึ้นรถก่อน ทว่าเจ้าลิงยังไม่รีบร้อนขึ้นไป แต่กลับกระโจนเข้าไปในพุ่มดอกไม้ข้างตู้โทรศัพท์แทน ขณะเดียวกันก็กระโดดโลดเต้นไม่หยุด เป็นสัญญาณเรียกให้จางเยี่ยนเฟิงเข้ามา จางเยี่ยนเฟิงเข้าใกล้พุ่มดอกไม้ แหวกกิ่งไม้ออกจนมองเห็นกระเป๋าเดินทางที่ซ่อนอยู่ข้างใน
“มันคืออะไร”
จู่ๆ กระเป๋าเดินทางก็พองขึ้น ราวกับมีอะไรอยู่ข้างในนั้น
“เจี๊ยกๆๆ!”
แม้ว่าจางเยี่ยนเฟิงจะไม่เข้าใจความหมายของเจ้าลิง แต่ก็เดาได้คร่าวๆ ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร จึงยกกระเป๋าเดินทางขึ้นมา ยังไม่เปิดออกทันที และยิ่งไม่กล้าทิ้งไว้ในท้ายกระโปรงรถ แต่วางไว้บนเบาะที่นั่งด้านหลังแทน ในเมื่อมีของบางอย่างอยู่ข้างในนั้น ต้องไม่ปล่อยให้คลาดสายตาของเขาไปได้เด็ดขาด
เจ้าลิงน้อยมุดเข้าไปนั่งในรถอย่างมีสติมาก นั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับแถมคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองเสร็จสรรพอีกต่างหาก!
ที่จริงแล้วเจ้าลิงน้อยค่อนข้างกลุ้มหนักเลยทีเดียว ทันทีที่นักพรตเฒ่าและทนายอันกินและดื่มเข้าไปต่างก็เป็นลมหมดสติ มือถือของมันถูกทำลายไปแล้วระหว่างการต่อสู้ที่โรงแรมเมื่อตอนกลางวัน มือถือของนักพรตเฒ่าก็แบตเตอรี่หมด มันหามือถือของทนายอันเจอแล้ว แต่ไม่ใช่การล็อกแบบสแกนนิ้วมือดันเป็นการล็อกรหัสผ่านนี่สิ
ค่ำคืนดึกดื่น เป็นเรื่องยากที่คุณจะขอร้องให้ลิงตัวหนึ่งปลดล็อกรหัส ภายใต้ความสิ้นหวังจนปัญญา เจ้าลิงทำได้เพียงสะพายกระเป๋าใบเล็กไว้บนหลังไปหยอดเหรียญตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มันจำเบอร์มือถือของหลายๆ คนในร้านหนังสือได้ จึงต่อสายหาโจวเจ๋อก่อนอันดับแรก เมื่อไม่มีคนรับสาย จากนั้นก็โทรหาไป๋อิงอิง แต่ก็ยังไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม
เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าลิงจะโทรหาเดดพูลที่อยู่เฝ้าร้านหนังสือ มันไม่ได้โง่ขนาดนั้น ลองนึกภาพฉากที่เจ้าลิงคุยโทรศัพท์กับเดดพูลดูสิ
“เจี๊ยกๆๆ…”
“เหอะๆๆ…”
“เจี๊ยกๆๆ…”
“เหอะๆๆ…”
เจ้าลิงร้อนรนจนกระโดดเต้นเร่าๆ ส่วนเดดพูลมัวแต่หัวเราะโง่ๆ อยู่ได้
หลังจากขึ้นรถ จางเยี่ยนเฟิงเรียนรู้จนเป็นคนฉลาดแล้ว จึงหยิบมือถือของตัวเองออกมายื่นให้เจ้าลิง
เจ้าลิงน่าจะพิมพ์ตัวอักษรเป็น ตอนที่อยู่ร้านหนังสือเหล่าจางจำฉากที่อิงอิงเล่นเกมคิงส์ออฟกลอรีโหมดจัดอันดับกับเจ้าลิงได้ ดูเหมือนว่าเจ้าลิงอยู่แรงค์ระดับกลอเรียสรูลเลอร์สุดแกร่งอีกต่างหาก
เจ้าลิงไม่รับเอามือถือไป แต่กลับชี้ไปทางร้านเนื้อสุนัขฝั่งตรงข้าม “เจี๊ยกๆๆ!”
“พวกเขาอยู่ข้างในเหรอ” เหล่าจางเอ่ยเดา
เจ้าลิงควานเป้ากางเกงแล้วทำท่าทางดื่มหนัก จากนั้นก็ชู ‘สอง’ นิ้วให้จางเยี่ยนเฟิง
“นักพรตเฒ่ากับทนายอันอยู่ในร้านเหรอ”
เจ้าลิงพยักหน้าเผยรอยยิ้มออกมา มันคิดว่าตำรวจอาชญากรรมคนนี้มีกึ๋นอยู่บ้าง
จางเยี่ยนเฟิงลงจากรถอีกครั้งและเดินไปทางร้านเนื้อสุนัขหวังหมาจื่อ ในขณะนี้ โดยทั่วไปแล้วร้านเนื้อสุนัขถือว่าได้เก็บร้านแล้ว โต๊ะและเก้าอี้ด้านนอกเก็บเข้าข้างในหมดแล้ว แต่ว่ายังมีลูกค้าอยู่สองสามโต๊ะนั่งกินกันอยู่ ส่วนทางร้านกำลังทำความสะอาดแล้ว
“อ้าว กินข้าวเหรอ ขอโทษนะครับ ครัวปิดแล้วละ” หวังหมาจื่อยื่นบุหรี่ให้จางเยี่ยนเฟิงแทนการขอโทษ เพราะว่าจางเยี่ยนเฟิงสวมชุดเครื่องแบบตำรวจมา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องต้อนรับแบบเกรงใจเสียหน่อย
“ไม่ได้มากินข้าวหรอกครับ ผมมาตามหาเพื่อนสองคนน่ะ คนหนึ่งสวมสูท อีกคนสวมชุดนักพรต”
“อ๋อ คุณลู่น่ะเหรอครับ นอนหลับปุ๋ยอยู่ชั้นบนข้างในบ้านผมน่ะ เพื่อนเขาก็อยู่นะ ฮ่าๆๆ สองคนนี้น่ะดื่มเยอะไปจนผล็อยหลับคาโต๊ะข้างนอกนี่เลยแหละ ผมเลยให้คนย้ายขึ้นไปนอนชั้นบน”
“ขอบคุณมากครับ”
จางเยี่ยนเฟิงขึ้นไปชั้นบนพร้อมหวังหมาจื่อ ชั้นบนน่าจะเป็นหอพักที่พนักงานพักอยู่ นักพรตเฒ่าและทนายอันต่างนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ทั้งห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า
จางเยี่ยนเฟิงลองปลุกผลักๆ ดันๆ อยู่สองสามทีก็ไม่ตื่น นักพรตเฒ่าน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ทนายอันก็ปลุกแล้วไม่ตื่น นี่ทำให้จางเยี่ยนเฟิงรู้สึกว่าน่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว
“เอางี้แล้วกัน ผมจะพาพวกเขาออกไปก่อน”
“สหายตำรวจท่านนี้ รบกวนแสดงบัตรประจำตัวให้ผมดูหน่อยครับ”
ถึงอย่างไรนักพรตเฒ่าก็เป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวพวกเขา
อืม ครอบครัวหวังหมาจื่อก็จริงใจเช่นกัน หากเป็นคนอื่นละก็ อาจจะมองว่านักพรตเฒ่าเป็นศัตรูไปแล้ว
อย่างไรเสียหวังหมาจื่อก็เคยเดบิวต์เป็นตำรวจมาก่อน ฉะนั้นระวังตัวเอาไว้มากหน่อยก็ดี เขาไม่อาจปล่อยให้ผู้มีพระคุณของเขาถูกคนพาไปสุ่มสี่สุ่มห้า แถมยังเป็นตอนที่เมาไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกต่างหาก
จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า ยื่นบัตรประจำตัวของตัวเองให้หวังหมาจื่อ
“ตำรวจทงเฉิงเหรอ” หวังหมาจื่อเกาหัวแกรกๆ อย่างประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงอย่างไรบัตรประจำตัวนั่นก็เป็นของจริง
ภายใต้การช่วยเหลือของหวังหมาจื่อ จางเยี่ยนเฟิงพา ‘ขี้เมา’ ทั้งสองส่งขึ้นรถของตัวเอง จากนั้นสตาร์ทรถ
เจ้าลิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับชี้ไปทิศทางหนึ่งทันที จางเยี่ยนเฟิงจึงขับไปทางนั้น
ขับไปได้ไม่นาน ดูท่าแล้วน่าจะสิบนาทีกว่าๆ เห็นจะได้ จู่ๆ เจ้าลิงก็ร้องเสียงหลงขึ้นมา จางเยี่ยนเฟิงเหยียบเบรกทันทีและมองไปที่เจ้าลิง
เจ้าลิงเปิดประตูฝั่งข้างคนขับและกระโดดลงจากรถ พอยืนบนถนนก็กระโดดโลดเต้นไม่หยุด จากนั้นเกาหัวแกรกๆ และวนเป็นวงกลม เหล่าจางก็ยืนอยู่ข้างๆ พลางจุดบุหรี่และตั้งหน้าตั้งตาดูที่เจ้าลิงแสดงออกอย่างเต็มที่
เจ้าลิงยื่นมือไปลูบกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กของตัวเอง ในนั้นยังเหลือยันต์อยู่นิดหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นยันต์ไม่สมประกอบที่สวี่ชิงหล่างฝึกทำออกมา
เมื่อหายันต์ของนักพรตเฒ่าไม่เจอเจ้าลิงก็ผิดหวังเล็กน้อย น่าจะเร่งให้นักพรตเฒ่าพิมพ์อีกชุดออกมา
จากนั้นเจ้าลิงกระโจนเข้าไปในพุ่มหญ้าริมทาง ผ่านไปพักหนึ่ง เจ้าลิงออกมาพร้อมหนึ่งกำดินโคลนในมือ และวิ่งตรงไปหาจางเยี่ยนเฟิง
“เอ่อ…” มือที่ถือบุหรี่ของจางเยี่ยนเฟิงสั่นเบาๆ
เจ้าลิงปีนป่ายขึ้นมาบนตัวจางเยี่ยนเฟิง จางเยี่ยนเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และไม่ขัดขืน
ครู่ต่อมาโคลนก็ถูกละเลงลงบนหน้า หลังจากเจ้าลิงทาเสร็จแล้ว จางเยี่ยนเฟิงก็ลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวัง ในอากาศที่สูดหายใจดูเหมือนจะมีกลิ่นอายเย็นชื้น พอสะบัดหัวแล้วมองข้างหน้าอีกครั้งกลับพบว่ามีเมฆหมอกกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างหน้า แต่ตอนที่จางเยี่ยนเฟิงขับรถเข้ามาก่อนหน้านี้กลับไม่เห็นมวลหมอกพวกนี้เลยนี่
สวีโจวไม่ใช่พื้นที่ภูเขาสูงแบบนั้น หากพื้นที่ภูเขาสูงจู่ๆ มีหมอกลงเป็นระยะๆ มันก็ไม่แปลก แต่ที่นี่น่ะ มันออกจะแปลกไปสักหน่อย
“เจี๊ยกๆๆ!”
ในเวลานี้เจ้าลิงนั่งอยู่บนไหล่ของจางเยี่ยนเฟิงพลางชี้นิ้วไปที่รถตรงนั้น
“หมายความว่าไง” ไม่ใช่ว่าฉันต้องเข้าไปในหมอกหนาเหรอ
โชคดีที่จางเยี่ยนเฟิงรู้จักตนเองดี เขารู้ว่าจุดอ่อนของเขาอยู่ตรงไหน แม้จะเป็นยมทูต แต่ถ้าเป็นเรื่องภูตผีและทวยเทพแล้วเขามืดแปดด้านจริงๆ ในเวลานี้เขาเลือกที่จะคล้อยตาม แม้จะเป็นการบอกใบ้ของเจ้าลิง เขาก็จะไม่ต่อต้าน แค่ทำตามก็พอแล้ว
นักพรตเฒ่าและทนายอันนอนอยู่บนเบาะหลังรถ แต่เพราะยังวางกระเป๋าเดินทางใบนั้นอยู่ พื้นที่ว่างของนักพรตเฒ่าและทนายอันจึงดูแคบไปหน่อย เวลานี้ทั้งสองนอนกอดกันจนหน้าแทบจะแนบสนิทกันแล้ว น้ำลายนี่แทบจะไหลลงมากองรวมกันรวมพลังเอาชัยชนะอยู่แล้ว
น่าเสียดายที่เหล่าจางเป็นประเภทเถรตรง หากโจวเจ๋อหรือสวี่ชิงหล่างอยู่ที่นี่ด้วยละก็ เป็นต้องหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกแน่นอน และในวันหน้าค่อยหาโอกาสให้ทนายอันผู้ที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และเสื้อผ้าชมเชยเสียหน่อย
“เจี๊ยกๆๆ!”
เจ้าลิงไม่ได้ชี้นักพรตเฒ่า และก็ไม่ใช่ทนายอันด้วย แต่เป็นกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ข้างๆ
“กระเป๋ามันทำไมเหรอ”
จางเยี่ยนเฟิงลากกระเป๋าเข้ามา แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีรอยแตกร้าวตรงด้านซ้ายของกระเป๋า
ของที่อยู่ข้างในคิดจะหนี!
ทันใดนั้นมือผอมแห้งยื่นออกมาจากกระเป๋าและคว้าหมับเข้าที่ข้อมือจางเยี่ยนเฟิงทันที
“เจี๊ยกๆๆ!!!”
จางเยี่ยนเฟิงยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เจ้าลิงที่อยู่บนไหล่ของเขาโผลงไปก่อน และโจมตีด้วยการข่วนมือข้างนั้นไป
กรงเล็บของเจ้าลิงแหลมคมน่ากลัวจริงๆ มือนั้นโดนข่วนจนเนื้อปริแตก มือข้างนั้นคล้ายกับมือของทนายอันตอนที่ใช้ทักษะเลย
เสียงกรีดร้องดังออกมาจากในกระเป๋า และมือก็หดกลับเข้าไปแล้ว
“มีคนอยู่ในนั้นใช่ไหม” จางเยี่ยนเฟิงถาม
เจ้าลิงพยักหน้าพลางเช็ดอุ้งเล็บเปื้อนเลือดของมันบนเบาะที่นั่งด้านหลัง
อืม ภายใต้การนำทีมอันภาคภูมิของเถ้าแก่เขา ทั้งร้านหนังสือหรือแม้แต่เจ้าลิงก็ติดนิสัยรักสะอาดไปด้วย
จางเยี่ยนเฟิงยกกระเป๋าออกมา จากนั้นใช้เท้าเตะกระเป๋า
‘ปึง!’
ข้างในส่งเสียงอู้อี้ออกมาอีกครั้ง น่าจะเป็นเรื่องจริงแล้วละ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจางหายใจเข้าเต็มปอด รู้สึกว่าเรื่องที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้มันออกจะไร้สาระไปหน่อย สวมเครื่องแบบตำรวจแต่กลับเตะๆ ดันๆ กระเป๋าเดินทางที่ใส่คนไว้
แต่คนที่อยู่ข้างในดันเป็นพวกเถ้าแก่จับไว้นี่สิ พวกเถ้าแก่ต้องมีแผนของพวกเขาอยู่แน่ เขาไม่ได้เบื่อจนอยากเป็นแม่พระที่รักการปล่อยนกปล่อยปลาหรอกนะ
เจ้าลิงนั่งทับบนกระเป๋าเดินทาง เหล่าจางดันกระเป๋าเดินทางให้ไถลไปทางหมอกหนา หลังจากเดินไปได้ไม่ไกล จางเยี่ยนเฟิงก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ในหมอกหนา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองจางเยี่ยนเฟิงที่เดินเข้ามา
“มาแล้วเหรอ” หญิงสาวปริปากพูด
“เอ่อ…”
จางเยี่ยนเฟิงไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง เขาไม่เคยเจอหญิงสาวตัวดำคนนี้มาก่อน
“เจี๊ยกๆๆ!”
เจ้าลิงกระโดดลงจากกระเป๋าเดินทาง และวิ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง
จางเยี่ยนเฟิงเดินไปฝั่งนั้นไม่กี่ก้าว ก็มองเห็นคนสองคนนอนอิงแอบกันบนถนน ทั้งสองกำลังนอนหลับปุ๋ยอย่างสบายใจเฉิบ
“เถ้าแก่ เถ้าแก่ครับ” จางเยี่ยนเฟิงตะโกนเรียก
เปลือกตาของโจวเจ๋อขยับสองสามครั้ง ถูกตะโกนปลุกให้ตื่นขึ้นและหาวออกมาโดยไม่รู้ตัว
อิงอิงก็ตื่นแล้ว ขยี้ตามองจางเยี่ยนเฟิงที่เข้ามาใกล้ๆ อย่างงัวเงียพลางมุ่ยปาก ดูเหมือนหงุดหงิดที่ถูกปลุก ปกติอิงอิงไม่ค่อยนอนเท่าไรอยู่แล้ว ต่อให้จะเป็นการพักผ่อนก็แค่หลับตาพักจิตใจเพื่อฟื้นฟูพลังชี่พิฆาตในร่างกายก็เท่านั้น แต่ครั้งนี้เธอใช้แรงเกินกำลังไปมาก การนอนในอ้อมแขนเถ้าแก่ก็เท่ากับได้ดูดซับโชคดีๆ นี่เอง
นั่นเรียกว่าความสบายยังไงล่ะ
โจวเจ๋อก็ถูกอิ๋งโกวใช้งานร่างกายเกินกำลัง จึงจำเป็นต้องโอบกอดอิงอิงเข้านอน
“เหล่าจางเหรอ คุณมาแล้วสินะ”
โจวเจ๋อลูบๆ กระเป๋ากางเกง จากนั้นมองจางเยี่ยนเฟิง “บุหรี่”
จางเยี่ยนเฟิงยื่นบุหรี่ให้โจวเจ๋อก่อนจะช่วยจุดไฟให้
โจวเจ๋อพ่นควันออกมา บวกกับหลับไปงีบหนึ่งก่อนหน้าจึงรู้สึกฟื้นกลับมากระปรี้กระเปร่าไม่น้อย เขายืนขึ้นด้วยตัวเองได้แล้ว ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือไปดึงอิงอิงและพยุงอิงอิงลุกขึ้นยืนด้วยกัน
“ขับรถมาเหรอ” โจวเจ๋อถาม
“ครับ นักพรตเฒ่ากับทนายอันก็อยู่บนรถนะ”
“เอาเถอะ แบกสาวน้อยผิวคล้ำคนนี้ขึ้นรถด้วยนะ เธอออกมาเดินตอนค่ำๆ มืดๆ ตัวคนเดียวมัวแต่เล่นมือถือไม่มองทาง จนไม่ทันระวังเผลอทำขาทั้งสองข้างหักไปพร้อมกันน่ะ”
“…” หญิงสาวตัวดำ
“อา จริงสิ เถ้าแก่ยังมีพระรูปนั้นอีก” อิงอิงเอ่ยปากเตือน
“อ้อ เหล่าจาง คุณไปดูริมแม่น้ำตรงนั้นหน่อยสิ มีศพของพระรูปหนึ่งอยู่ จัดการศพของเขาก่อนแล้วกัน”
“ครับ” จางเยี่ยนเฟิงรีบปีนข้ามรั้วกั้นถนนทันที และเดินไปทางริมแม่น้ำ ผ่านไปพักหนึ่ง โจวเจ๋อก็ได้ยินเสียงตะโกนของจางเยี่ยนเฟิงจากริมฝั่งแม่น้ำ
“เถ้าแก่ ไม่มีศพเสียหน่อย หรือว่าจะถูกน้ำซัดไปแล้ว”
……………………………………………………..