ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 495 แปลกประหลาด
ตอนที่ 495 แปลกประหลาด
“ดื่มเลย! ดื่มเลย! ดื่มเลย! ดื่มเลย!”
แขกโต๊ะใกล้เคียงต่างประหลาดใจกับความอวดดีของทนายอัน ต่างพากันรีบร้องโห่ขึ้นมาทันที นี่ถือว่าเป็นประเพณีและวัฒนธรรมที่แย่บนโต๊ะเหล้าตั้งแต่สมัยโบราณ
โจวเจ๋อมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าสันดานเสียเหมือนจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากที่สุด
ดูสิ คนพวกนี้แม้ว่าจะตายไปไม่รู้กี่ปีแล้วยังไม่เปลี่ยนไปเลย
เฮ้อ โจวเจ๋อส่ายหน้า คนพวกนี้เกินเยียวยาแล้วสินะ จากนั้นรีบตะโกนบอกทนายอันที่อยู่ข้างๆ เขาตามไปด้วย
“ดื่มเลย! ดื่มเลย! ดื่มเลย!”
แม้แต่ผีฝรั่งทั้งเจ็ดบนโต๊ะยังต้องร่วมเออออสมทบขึ้นมา เร่งให้ทนายอันรีบหยิบไหเหล้าขึ้นมากระดก
ชายร่างใหญ่คนนั้นและหญิงชราที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ใช้สายตามองทนายอันด้วยความเห็นชอบ ท่าทางประมาณว่าเด็กโตแล้วถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ได้
ทนายอันสูดหายใจเข้าลึกๆ มองเถ้าแก่ที่อยู่ด้านข้าง เขาส่งสายตาบอกเป็นนัยๆ ว่าจะลงมือเลยหรือไม่ แต่ราวกับว่าโจวเจ๋อไม่เข้าใจเสียอย่างนั้น และปรบมือเชียร์ต่อไป
ทนายอันกัดฟันกรอด พลางหยิบไหเหล้าตรงหน้าขึ้นมาเริ่มกระดกเหล้า!
เหล้า มันคือกลิ่นเหล้า แต่สรุปว่ามันคือฉี่แมว ฉี่หมา หรืออะไรอย่างอื่นที่น่าขยะแขยงหรือเปล่าก็ไม่รู้แล้ว
เหล้าเปียกชุ่มใบหน้าทนายอันปะปนไปกับน้ำตาอุ่นๆ ที่รินไหลของเขา หลังจากกระดกไหเหล้าแล้ว ทนายอันก็วางไหเหล้าบนโต๊ะ ร่างโงนเงนไปพักหนึ่ง
“ดี!!!”
“ดี!!!”
“ดี!!!”
ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงต่างพากันปรบมือโห่ร้องยินดี
ในที่สุดชายร่างใหญ่และหญิงชราก็ออกไปจากตรงนี้แล้วหายไปทางอื่น ทนายอันนั่งลงพลางเม้มปากและเป่าหน้าม้าของตัวเอง ส่วนโจวเจ๋อที่อยู่ข้างๆ กลับพูดพร้อมกับยกจอกเหล้าขึ้นมา
“คุณว่า นี่มันเป็นฉี่ของตัวอะไรกันแน่นะ เป็นฉี่สดๆ หรือว่าเหล้าหมักรสเลิศกันล่ะ เดาว่าสิ่งสกปรกในฉี่คงสะสมจนเป็นชั้นหนาๆ ได้เลยมั้ง”
“อ้วก!”
ถ้าทนายอันไม่ได้ยินก็ว่าไปอย่าง แต่พอได้ยินก็ข่มท้องไส้ไม่ให้ปั่นป่วนไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะกลัวเป็นจุดสนใจ ก็คงจะอ้วกออกมาหมดแล้ว
“คุณพักก่อน พักผ่อนนะ”
โจวเจ๋อช่วยลูบหลังให้ทนายอันและเอาใจใส่ให้เขาหายใจอย่างสะดวก
ทนายอันทุกข์แต่พูดไม่ออก จะโทษเถ้าแก่ของเขาก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนเริ่มก่อน แต่ดันถูกเถ้าแก่เล่นงานกลับหลายเท่า
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป โจวเจ๋อและทนายอันยังคงนั่งดูอยู่ที่โต๊ะต่อ หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง งานเลี้ยงก็เข้าสู่ช่วงสำคัญอีกครั้ง ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งแต่งตัวงามหยดย้อยล้อมรอบสาวน้อย…ที่สวมผ้าคลุมหัวสีแดงและแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดสีแดงเดินเข้ามา
ใช่แล้ว สาวน้อย รูปร่างของเจ้าสาวคนนี้เล็กเกินไปแล้ว เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนแคระ ไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นสาวน้อยจริงๆ
ชั่วขณะหนึ่ง โจวเจ๋อกำตะเกียบแน่นอย่างไม่รู้ตัว
หลินเข่อเหรอ ใช่หลินเข่อหรือเปล่า
“เถ้าแก่ อย่าเพิ่งวู่วาม!” ทนายอันรีบคว้าข้อมือโจวเจ๋อไว้และเอ่ยเตือน
ที่นี่มีผีเยอะแยะเต็มไปหมด เดาว่ายังมีพวกคนเก่าแก่โบราณบางส่วนอยู่ที่นี่ด้วย จะลงมือที่นี่เลย พวกเราคงรับมือไม่ไหวแน่
โจวเจ๋อสูดหายใจเข้าลึก พยักหน้าและบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาเข้าใจแล้ว ทนายอันถึงได้ปล่อยมือด้วยความโล่งใจ
พวกผู้หญิงที่ล้อมรอบตัวเจ้าสาวทาแก้มแดงหนาเสียจนสามารถขูดออกไปใส่หม้อทำเป็นน้ำมันลอยหน้าได้เลยมั้ง แถมพวกเธอยังดูเหมือนแกะสลักออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันด้วย
สิ่งนี้ทำให้โจวเจ๋ออดนึกถึงตุ๊กตากระดาษในร้านขายของจิปาถะสำหรับคนตายไม่ได้ ตอนนี้ประเพณีการเผาตุ๊กตากระดาษยังเป็นที่นิยมในหมู่บ้านชนบทหลายแห่ง เผาคนหามเกี้ยวและสาวใช้ตามลงไปเสียหน่อย จากนั้นก็เฝ้ารอคอยว่าหลังจากเผาพวกมันไปแล้วจะสามารถรับใช้คนตายได้
ส่วนเจ้าสาวก็เดินเลียนแบบตามไปทุกอย่าง โจวเจ๋ออยากจะลองส่งเสียงร้องดึงความสนใจจากเจ้าสาว แต่อย่างแรกเลยมีเสียงจอแจดังอยู่รอบข้าง นอกเสียจากจะตะโกน ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีประโยชน์เลย แต่ถ้าตะโกนละก็อาจจะความแตกได้ง่ายๆ อย่างที่สองเวลานี้ไม่เหมาะกับความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกจริงๆ
ดูเหมือนเจ้าสาวเพียงแค่มาเดินผ่านให้ยลโฉมแล้วก็ออกไป
ตั้งแต่ต้นจนจบโจวเจ๋อยังไม่เห็นเจ้าบ่าวออกมาเลย แต่ว่าการแต่งงานกับเจ้าสาวอายุน้อยขนาดนี้ เจ้าบ่าวก็คงจะเป็นพวกวิปริตมากแน่ๆ ใช่ไหม
ดูเหมือนว่างานเลี้ยงจะไม่มีวี่แววจบสิ้น ทุกคนกินดื่มจนลืมตัว ทั้งคึกคักและรื่นเริง อาหารและเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟขึ้นมาไม่ขาดสายจนเหมือนสายธารน้ำไหล
เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปพอประมาณแล้ว โจวเจ๋อและทนายอันก็แอบลุกออกจากโต๊ะเดินไปทางที่เจ้าสาวเพิ่งออกไป ระหว่างทางนั้นมีผู้คนมากหน้าหลายตา เดินขวักไขว่ไปมา จึงไม่ต้องแสร้งทำท่าทางลับๆ ล่อๆ แค่เดินเซไปเซมาเข้าไปข้างในอย่างเป็นธรรมชาติก็พอแล้ว
เมื่อเดินไปจนถึงส่วนลึกของถ้ำ ลานกว้างก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งสอง
ซุ้มประตูอิฐสีเทาเรียบง่ายมาก ส่วนด้านหลังเป็นทางเดินโค้งเก้าชั้นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แถมยังมีสระบัวที่บนผิวสระเต็มไปด้วยดอกบัวอีก ช่างมีบรรยากาศของเมืองโบราณทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเสียเหลือเกิน
ทว่าใต้ซุ้มประตูนี้มีชายหนุ่มสวมชุดข้ารับใช้สีดำยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นสองคน และทำท่าทางห้ามคนอื่นเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
บุกเข้าไปก็คงจะไม่เหมาะแน่ๆ ตอนนี้ยังระบุตำแหน่งแน่นอนของเจ้าสาวไม่ได้ ถ้าตามหาหลินเข่อเจอละก็ ทั้งสามคนจะบุกฝ่าออกไปก็น่าลองอยู่หรอก
ทนายอันส่งสัญญาณมือให้โจวเจ๋อหลายครั้ง สีหน้าฉายแววจริงจัง จากนั้นขมวดคิ้วทำมือโอเค เพื่อถามว่าโจวเจ๋อเข้าใจแล้วใช่ไหม
โจวเจ๋อส่ายหน้า สวรรค์คงรู้หรอกว่าสัญญาณมือที่คุณทำมันหมายความว่าอะไรน่ะ
ทนายอันสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางส่ายหน้า เผยมือกระดูกของเขาออกมาและเริ่มพัดโบกมือของเขาอย่างช้าๆ
ชั่วขณะหนึ่ง สายหมอกสีชมพูสองสายลอยพัดผ่านไปช้าๆ แล้วค่อยๆ คืบคลานไปที่ฝ่าเท้าของข้ารับใช้ทั้งสองและเริ่มไล้ขึ้นบนหลังของพวกเขาช้าๆ จนท้ายที่สุดเข้าสู่รูจมูกของทั้งคู่
ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็เริ่มหลับตาและโงนเงนไปมาด้วยความง่วง
“ลุย!”
ทนายอันส่งสัญญาณให้โจวเจ๋อตามมาทันที ทั้งสองคนเดินผ่านหน้าข้ารับใช้ทั้งสองไป ไม่กล้าหยุดนิ่งสักวินาทีเดียว และวิ่งข้ามทางเดินไปทันที
ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหน้า ทั้งสองคนตกใจพร้อมๆ กัน โจวเจ๋อรีบเอื้อมมือไปผลักประตูห้องข้างๆ ขณะเดียวกันก็คว้าไหล่ของทนายอันพร้อมกับดึงทนายอันเข้ามาด้วยกัน ตามด้วยปิดประตูอย่างระมัดระวังด้วยความรวดเร็ว
คนกลุ่มนั้นเดินคุยกันไปหัวเราะกันไป ไม่พบเจออะไรทั้งนั้น
ทนายอันถอนหายใจเฮือก “แม่งเอ๊ย รู้สึกเหมือนตอนนัดนอนกับสาวเมื่อก่อนเลย นัดในบ้านของคนอื่น ระหว่างนั้นก็ต้องคอยระวังว่าสามีของเธอจะกลับมาด้วย”
“แล้วมันต่างจากตอนนี้ตรงไหน” โจวเจ๋อย้อนถาม
ทนายอันขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้วพูด “ดูจะไม่ต่างกันจริงๆ นั่นแหละ” นัดนอนกับสาวก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้ยังจะชิงเจ้าสาวของคนอื่นอีก น่าตื่นเต้นเร้าใจขึ้นไปอีก
เนื่องจากก่อนหน้านี้มีเหตุฉุกเฉินถึงได้เข้ามาในห้องนี้ แต่เมื่อโจวเจ๋อหันหน้ากลับมามองเข้าไปในห้อง ก็รีบยื่นมือไปดึงแขนทนายอันทันที
ทนายอันหันกลับมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชะงักค้างไป
ห้องใหญ่มาก แต่ก็เล็กมาก ที่ใหญ่น่ะเพราะผังห้องใหญ่ ที่เล็กน่ะเพราะมีของมากมายกองพะเนินอยู่ในห้อง บอกได้เลยว่าห้องนี้น่ะ นอกจากหลังประตูเพียงไม่กี่ก้าว โดยพื้นฐานแล้วนอกนั้นแทบไม่มีพื้นที่เหลืออยู่เลย
ที่กองอยู่ในนั้นไม่ใช่สิ่งของอื่นใด แต่เต็มไปด้วยศพมากมายก่ายกอง!
ใช่ หลายๆ คนคงรู้จักห้องเก็บศพ ถ้าไม่เคยไปอย่างน้อยๆ ก็น่าจะเคยเห็นผ่านผลงานละครและภาพยนตร์มาบ้างว่าเป็นอย่างไรประมาณไหน แต่ฉากตรงหน้าคือห้องเก็บศพที่ล้นหลามอย่างสิ้นเชิง
ศพแต่ละศพสวมใส่เสื้อผ้าแตกต่างกัน ทุกคนถูกวางกองไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ดูมีลำดับขั้นตอนมาก คล้ายกับการเล่นเกมเรียงบล็อกหรรษาอย่างไรอย่างนั้น คนที่วางกองเรียงกันจะต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ๆ
หัวหันไปทางฝั่งโจวเจ๋อ ฉะนั้นจากมุมที่โจวเจ๋อยืนมองอยู่ในตอนนี้ราวกับว่ามีใบหน้าของคนตายนับไม่ถ้วนจ้องมองเขาอยู่ ราวกับว่าจะมีคนลืมตาขึ้นในวินาทีต่อมาและเอ่ยทักทาย ‘สวัสดี’ กับพวกเขา
“ศพมากมายขนาดนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” โจวเจ๋อก็ไม่อาจเข้าใจได้เลย
“ศพเป็นเครื่องผูกมัดของวิญญาณ สิ่งที่เรียกว่าฝังเข้าสู่ใต้ผืนดินเพื่อให้มีที่พักพิงอย่างสงบสุขก็มีหลักการเช่นนี้ เมื่อวางศพไว้ที่นี่แล้วร่ายมนตร์สะกดไว้จะสามารถขังวิญญาณไว้ในที่แห่งนี้ทำให้หนีออกไปไหนไม่ได้ตลอดกาล อ้าว คุณดูสิผมเจออะไร ฝรั่งสาวคนนั้นเธอก็นอนอยู่ที่นี่ด้วย!” ทนายอันตะโกนเสียงเบา “ศพสวยสู้วิญญาณไม่ได้เลยอะ”
โจวเจ๋อไม่สนใจเรื่องพรรค์นี้ เขากำลังคิดอยู่ว่าหลังออกไปควรจะไปที่ไหนต่อดี ตามหลักการแล้วเจ้าสาวควรจะอยู่ในห้องหอ รอให้เจ้าบ่าวถอดผ้าคลุมหน้าออกในตอนกลางคืน แต่ทิศทางที่ว่านั่นอยู่ตรงไหนล่ะ
ถ้าพวกเขาทั้งสองคนทะลุไปมั่วๆ เหมือนแมลงวันหัวขาดละก็ คงเกิดเรื่องได้ง่ายๆ
ถ้าสามารถหาตำแหน่งของห้องหอได้โดยตรง อาศัยโอกาสที่เจ้าสาวนั่งอยู่ในห้องคนเดียวพาตัวเธอออกไป เรื่องราวก็จะสำเร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว
ไม่สิ ตามนิสัยของหลินเข่อแล้ว เธอจะยอมให้ตัวเองแต่งงานอยู่ที่นี่อย่างสงบเสงี่ยมได้อย่างไร แถมยังเป็นงานแต่งผีอีกต่างหาก เป็นไปได้ไหมที่หลินเข่อจะรู้สึกว่าการเป็นยมทูตที่ร้านหนังสือไม่ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ จึงวางแผนหนีไปเป็นเมียของผีหัวหน้าหมู่บ้านในถิ่นกันดาร
ซี้ด
อย่าพูดเลย
ตามนิสัยใจคอของผู้หญิงอย่างหลินเข่อแล้ว ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้แบบที่ว่าอยู่
ถ้าเป็นเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ ละก็คงสนุกน่าดู เขาไปชิงตัวเธอเพื่อพาหนีไป หลินเข่อจะตะโกนเรียกสามีของเธอออกมาทุบตีเขาหรือเปล่า
เมื่อคิดไปเรื่อยๆ จู่ๆ สายตาของโจวเจ๋อก็ถูกศพด้านล่างศพหนึ่งดึงดูดความสนใจ สภาพศพนี้สวมเสื้อแจ็กเก็ตและหมวกเบเรต์สีเขียว สไตล์นี้ค่อนข้างแปลกใหม่ทีเดียว ทั้งห้องมีศพมากมายขนาดนี้มีแค่ศพนี้ที่สวมหมวก ถือว่าได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ไม่รู้ว่าทำไมโจวเจ๋อถึงเห็นว่าศพนี้สวมหมวกแล้วรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย จึงเอื้อมมือออกไปถอดหมวกให้ศพดื้อๆ จากนั้นเขาก็ตะลึงค้าง
“เถ้าแก่ คนข้างนอกเดินไปไกลแล้ว ตอนนี้พวกเราน่าจะออกไปกันได้แล้วใช่ไหม หาเจ้าสาวว่าอยู่ที่ไหนก่อน อาจจะต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยนะ” ทนายอันตะโกนบอกโจวเจ๋อ แต่โจวเจ๋อกลับไม่สนใจ
“เถ้าแก่ เป็นอะไรไป”
โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นมองทนายอันและลังเลที่จะพูด แต่สายตาฉายแววครุ่นคิดอยู่
“มีอะไรเหรอครับ” ทนายอันเดินเข้ามาใกล้ ขณะเดียวกันก็ยังไม่วายมองออกไปข้างนอกเป็นระยะๆ คอยระวังความเคลื่อนไหวของข้างนอก
โจวเจ๋อชี้ศพข้างตัวที่เขาเพิ่งถอดหมวกออกให้เมื่อสักครู่และพูดขึ้น “ศพนี่น่ะสิ คุณดูหน่อย เขาเหมือนใครสักคนหรือเปล่า”
“ใครเหรอ” ทนายอันก้มหน้า หลังจากเห็นศพนี้เขาก็ตะลึงค้างไปเช่นกัน สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ และแม้แต่ร่างของเขาก็เริ่มสั่นด้วยความตกใจ
โจวเจ๋อสูดหายใจเข้าลึก มองศพสลับกับมองหน้าทนายอันและเอ่ยว่า “เหมือน…คุณหรือเปล่า”
……………………………………………………………..