ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 514 ผู้ป่วยผู้โดดเดี่ยวฉุดดึงตัวเอง
ตอนที่ 514 ผู้ป่วยผู้โดดเดี่ยวฉุดดึงตัวเอง
เขาเงยหน้า หรี่ตา เหล่าสวี่หน้าตาดี และดูดีกว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ แต่เขาไม่มีความเป็นผู้หญิงแม้แต่นิดเดียว
ร้องไห้ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง อย่างน้อยในตอนนี้ เขาไม่อยากร้องไห้ วิญญาณของพ่อแม่ถูกจับไปตอนอยู่ที่นี่ ไม่เหมือนกับคนทั่วไปคือ พ่อแม่ของสวี่ชิงหล่างจากไปตอนที่เขายังเด็กมาก แต่ที่นี่เมื่อหนึ่งปีก่อน กลับยังเป็นสถานที่ที่สามคนพ่อแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ ดังนั้นเหล่าสวี่จึงคิดมาตลอดว่า พ่อกับแม่ยังคงอยู่ที่นี่ ตัวเองก็ยังมีร่องรอยสุดท้ายของพ่อแม่หลงเหลืออยู่ ต่อหน้าคนที่ตายไปแล้ว พูดแต่เรื่องดีไม่พูดเรื่องเศร้าคือประเพณี คนเป็นอยู่ในโลกมนุษย์เหนื่อยยากลำบากก็ไม่อยากให้คนที่ตายไปแล้วต้องกลุ้มใจ
ดังนั้นเขาจะไม่ร้องไห้ เมื่อก่อนโต๊ะตัวเล็กหนึ่งตัว สวี่ชิงหล่างที่ยุ่งมาทั้งวันจะลงมือทำกับข้าวด้วยตัวเอง และชอบเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ เพราะเขากลัวว่าพ่อกับแม่จะเบื่อ จริงๆ แล้ว ตอนแรกที่เขาเกือบจะเร่ร่อนอยู่ตามถนนแต่ถูกหัวหน้าตำรวจคนนั้นพามาเรียนวิชาการทำบะหมี่ ก็ทำเป็นแต่บะหมี่จริงๆ หรือว่าคุณอยากจะเรียนการทำอาหารโต๊ะจีนที่รวมสำรับอาหารแมนจูและฮั่นเอาไว้เต็มที่จากร้านบะหมี่เหรอ
เหล่าสวี่รู้วิธีทำบะหมี่ นวดแป้ง คลึงแป้ง ทำน้ำซุปมาเป็นระยะเวลานาน กระทั่งเวลาที่ต้มน้ำซุปในหม้อ เขาก็ยังทำได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นบะหมี่ผักดองที่เขาทำ จึงสามารถทำให้ชุ่ยฮวาติดใจ รู้สึกว่าตัวเองสู้เขาไม่ได้!
แต่อาหารอย่างอื่น เขาเข้าใจไม่เยอะจริงๆ ฝีมือการทำอาหารของเขา ส่วนใหญ่ได้มาตอนอยู่ในร้านนบะหมี่เล็กๆ แห่งนี้ ทุกเย็นเขาจะฝึกโดยการเปลี่ยนเมนูอาหารต่างๆ ให้พ่อแม่ของตัวเอง อาหารเสฉวน อาหารกวางตุ้ง อาหารซานตง อาหารหวายหยาง เหล่าสวี่เคยทำมาหมดแล้ว
ดังคำโบราณกล่าวไว้ เป็นพ่อครัวไม่ต้องกลัวพ่อแม่หิว ความคิดของเหล่าสวี่ในช่วงนั้นมีความไร้เดียงสาขนาดนี้จริงๆ
ถ้าหากตอนที่โจวเจ๋อกลายเป็นวิญญาณไม่ลอยมาถึงที่นี่ ถ้าหากน้องสาวภรรยาคนนั้นไม่ได้ร่วมแผนการที่คิดไปเองว่าถูกต้องนี้ กระทั่งถ้าหากวันนั้นภรรยาของหวังเคอไม่ไปทำผมแล้วทิ้งลูกไว้ที่ร้านหนังสือเพื่อให้เธออ่านหนังสือฆ่าเวลา ตอนนี้พ่อแม่ของเขาอาจจะยังอยู่ที่นี่
ไม่ว่าเรื่องใด พอย้อนกลับไปคิด มักจะมีแต่เรื่องบังเอิญเยอะเกินไป ขาดส่วนไหนไป ดูเหมือนไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย
ก็เหมือนกับทุกคน การเกิดของพวกเขาก็มีความเป็นหนึ่งเดียวไม่เหมือนใคร พ่อแม่เหมือนกัน ถ้ามีโอกาสอีกครั้งตอนเกิดมาจะไม่ใช่ลูกคนเดิมแน่นอน
การเกิดของคุณ ตั้งแต่ตอนแรกที่คุณยังเป็นอสุจิ ก็ต้องต่อสู้กันเพื่อให้เป็นที่หนึ่ง เพื่อให้อยู่เหนือกว่า ตัดทุกความยากออกไป ใช้แผนการเล่ห์กลอุบาย สร้างความแตกสามัคคี การผ่านสิ่งที่ยากลำบากต่างๆ ก็ต้องอาศัยดวงเช่นกัน ถึงจะเอาชนะคู่ต่อสู้นับหมื่นนับพันได้ สุดท้ายจึงได้โอกาสเข้าไปในรังไข่ที่น่ารักนั่น
ดังนั้น คนเราอย่าคิดฆ่าตัวตายเด็ดขาด อย่าพูดว่าจะฆ่าตัวตายง่ายๆ แบบนี้นอกจากต้องขอโทษพ่อแม่และญาติสนิทแล้ว คนที่ต้องขอโทษมากที่สุดคือตัวคุณหรืออสุจิของคุณที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แต่พยายามต่อสู้เพื่อให้คุณได้เกิดมา
สายตาของสวี่ชิงหล่างมองไปที่ตำแหน่งตรงกลางร้าน เขาจำได้ว่าวันนั้นสาวน้อยโลลิยืนอยู่ตรงนั้น เธออ้าปากแลบลิ้นออกมา เธอแย่งพ่อแม่ของเขาไปต่อหน้าต่อตา!
เกลียดใช่ไหม เกลียดสิ เกลียดไปเลย! จริงๆ แล้ว ตอนนั้นแค้นมาก ถึงขนาดที่ว่าตอนนั้นถึงเขาไม่กล้าสู้กับสาวน้อยโลลิ เพราะนั่นคือยมทูต สำหรับเขาที่มีวิชาอันน้อยนิด ยมทูตคือตัวตนที่น่ากลัว แต่ตอนนั้นเขาก็ย้ายความเกลียดไปที่ตัวของโจวเจ๋อด้วยเหตุนี้ ดังนั้นวันนั้นที่โจวเจ๋อมากินข้าวที่ร้านของเขา เขาจึงใส่ยาพิษลงในข้าว
อิจฉา อิจฉามาก ทำไมคุณก็เป็นคนที่วิญญาณได้กลับมา ทำไมยมทูตคนนั้นไม่จัดการคุณ ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่ทำไมยมทูตคนนั้นจับแค่พ่อแม่ของฉัน
นี่ไม่เกี่ยวกับความสามารถและคุณธรรม ไม่เกี่ยวกับความอ่อนแอ ไม่เกี่ยวกับนิสัยของคุณ คนเราเวลาที่สูญเสียของที่ตัวเองรักที่สุด ต้องแบกรับความเจ็บปวดที่รุนแรง มักจะมีความคิดที่สุดโต่งออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ผู้วิเศษก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
เถ้าแก่โจวในตอนนั้น อยู่ห่างจากการโดนวางยาพิษตายแค่สองสามวินาทีเท่านั้น
ถ้าหากตอนแรกเถ้าแก่โจวรีบอีกนิดเดียว กินอาหารที่หน้าตาไม่น่ากินอีกหน่อย ก็คงไม่มีร้านหนังสือต่อมาในภายหลังแล้ว แล้วก็จะไม่มีอิงอิง ไม่มีทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น
แค้นใช่ไหม แค้นสิ แค้นไปเลย…แต่หลังจากเห็นสาวน้อยโลลิในร้านหนังสือ เขาจริงๆ แล้วก็ไม่ได้เกลียดแค้นขนาดนั้น หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกับสาวน้อยโลลิ เขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองแค้นมากอะไร
เพราะเขาเข้าใจ หากยืนอยู่ในมุมมองของสาวน้อยโลลิ การกระทำทุกอย่างของเธอ จริงๆ แล้วไม่ผิดเลย แน่นอนว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ หากคุณลองเปลี่ยนมุมมอง มันจะไร้สาระมาก
แต่สวี่ชิงหล่างก็รู้ตัวเองดี ตอนนั้นเขาฝืนให้วิญญาณของพ่อแม่อยู่ แท้จริงแล้วเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างหนึ่ง เขารู้ดี ถ้าหากปล่อยให้อยู่อีกหนึ่งหรือสองปี พ่อแม่ของเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ไปเกิดใหม่ จริงๆ แล้วเขากำลังทำร้ายพ่อแม่ของตัวเอง เพื่อให้ตัวเองดูเป็นลูกกตัญญู
เหมือนกับความฝันที่ถูกบังคับให้ต้องตื่น ผู้หญิงยืนอยู่ตรงนั้น มองผู้ชายที่ ‘ตีหน้าเซ่อ’ คนนี้ ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “ฉันปรากฏตัวที่นี่ ก็เพราะคุณเหรอ”
สวี่ชิงหล่างได้ยินดังนั้น จึงตกตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าเอ่ยว่า “ขอโทษครับ ผมรู้จักและเคยติดต่อกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของคุณ” ความหมายนอกเหนือจากนี้คือ ขอโทษด้วย ฉันอยากหลอกคนอื่น แต่ฉันไม่รู้จักคนอื่น รู้จักแค่บ้านของคุณเท่านั้น ถ้าฉันไม่หลอกคุณ ก็ไม่มีใครให้หลอกแล้วจริงๆ
จะไปหลอกเถ้าแก่ของตัวเอง หรืออิ๋งโกวก็ไม่ได้ใช้ไหมล่ะ ขอโทษด้วยนะ คือว่าหลอกไม่ได้จริงๆ…
“ความโลภไม่พอ…” ผู้หญิงยังพูดไม่จบ กำแพงสองด้านของร้านบะหมี่ก็มีอักขระขนาดใหญ่ร่วงลงมาทันที อักขระนี้ใหญ่มาก ถ้าหากเอาไปให้นักพรตเฒ่า คงไม่ต้องซ่อนในเป้ากางเกงเลย ปล่อยให้นักพรตเฒ่าม้วนเก็บเอาไว้ทำเป็นกางเกงใน กระทั่งทำเป็นกางเกงหรือทำเป็นเสื้อคลุมก็ยังเหลือเฟือ
“ขึ้น!” สวี่ชิงหล่างใช้นิ้วจิ้มไปบนโต๊ะเบาๆ
‘ครืน!’ ยันต์กระดาษบนกำแพงทั้งสองข้างเริ่มลุกไหม้ขึ้นมา แสงสีฟ้าแต่ละสายพุ่งออกมาจากตรงนั้น
“โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!” ผู้หญิงคุกเข่าลงทันที แผดเสียงร้อยโหยหวน สวี่ชิงหล่างยกเหล้าครึ่งขวดที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วเทลงไปบนพื้นอย่างช้าๆ พื้นกระเบื้องนี้ เหมือนกับในห้องของสวี่ชิงหล่างอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนกับขุดร่องมาเป็นอย่างดี เขาเทเหล้าลงไป หยิบยันต์กระดาษมาหนึ่งใบโยนลงไปบนพื้น แล้วยันต์กระดาษจึงกลายเป็นสีดำภายในพริบตาเดียว พื้นที่ยุบลงไปได้กลายเป็นสีดำเช่นกัน
‘ลูกศิษย์ ข้าหวังดีกับเจ้า เจ้ามีคุณสมบัติที่ดี กลัวว่าเจ้าจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว อาจารย์จึงช่วยฆ่าพ่อแม่ของเจ้า เป็นยังไง อาจารย์ดีกับเจ้าใช่ไหม’
‘ลูกศิษย์ เจ้าทำไมไม่เอาไหนเลย เสียแรงที่ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจลงบนตัวเจ้า!’
‘ข้าเลี้ยงเจ้ามา ยอมฆ่าพ่อแม่ของเจ้า ทุ่มเทแรงกายแรงใจ แต่พอกลับมา เจ้ากลับเป็นแค่พ่อครัวคนหนึ่ง’
คำพูดของอาจารย์คนนั้นดังขึ้นในหัวของสวี่ชิงหล่างซ้ำไปซ้ำมา นัยน์ตาของสวี่ชิงหล่างเริ่มแดง ไม่ได้แดงเพราะความเศร้า แต่แดงเพราะความโกรธ! เขาหายใจเข้าลึกๆ ไม่หยุด ร่างกายเริ่มสั่นเบาๆ คืนนั้นเขาในถังอาบน้ำกำลังแก้พิษผีดิบ อาจารย์ของเขาปรากฏตัว สนทนากับเขา พูดความจริงกับเขา เหมือนมีฟ้าผ่ากลางใจของเขาไม่หยุด
หลังจากทนายอันเข้ามาในร้านหนังสือ จึงให้กำลังใจสวี่ชิงหล่างให้ตั้งใจวาดยันต์ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้น ในสายตาของทนายอัน คนที่ควรค่าต่อการฝึกอบรม คนแรกต้องเป็นเถ้าแก่อย่างแน่นอน ผู้ที่มีสมุดยมทูตที่ถูกทิ้งไว้โดยไท่ซานฝู่จวิน และยังมีเจ้าของท้องทะเลแห่งความตายในกาลก่อนอาศัยอยู่ในร่างของเขา แต่ไอ้หมอนี่จัดการยาก โน้มน้าวยาก! เหมือนปลาเค็มที่กินตัวเหี้xเที่เพิ่งเขมือบลูกตุ้มตาชั่งเข้าไป
ด้วยเหตุนี้ จากมุมมองในความเป็นจริง คนที่ควรค่าต่อการฝึกอบรมมากที่สุดคือสาวน้อยโลลิ ผู้หญิงคนนี้เดิมทีมีความพยายามที่จะไต่เต้าอยู่แล้ว รองลงมาคือเจ้าลิง เกิดมาเป็นลิงแสนรู้ เก่งมากๆ
คนต่อมายังไม่ใช่สวี่ชิงหล่างอยู่ดี แต่เป็นเดดพูลที่มัวแต่หัวเราะเซ่อซ่า สำหรับทนายอันแล้ว คนที่เอาแต่เร้าใจให้ตัวเองฮึกเหิมแต่ไม่มีพรสวรรค์ไม่มีการพัฒนาในอนาคต ก็ได้แค่นั้นเอง
คนแบบนี้เหมาะที่จะรายงานในงานประชุมอารยธรรมทางจิตวิญญาณ สามารถทำประโยชน์ได้เล็กน้อย ช่วยดับกลิ่นอายของปลาเค็มในร้านหนังสือนิดหน่อยเท่านั้น แต่คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนรู้ดีว่า งานประชุมใหญ่แบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทว่าทนายอันกลับมองพลาด ทนายอันไม่ได้มองพลาดแค่ครั้งแรกเท่านั้น แต่ตอนที่มองพลาดครั้งแรก คือตอนที่ ‘กาแฟ หนังสือพิมพ์ เพิ่มน้ำตาล’ ทำให้เขารู้ว่าคนที่เอาแต่นอนอาบแดดจริงๆ แล้วไม่ได้แค่นอนอาบแดดเท่านั้น
อย่างที่สองคือสวี่ชิงหล่างอยู่ที่นี่ เขาวาดยันต์ที่ไม่มีประโยชน์มากมาย นักพรตเฒ่าเก็บสะสมของเก่าไว้ได้เป็นกอง อย่างเช่นยันต์กระดาษ ‘มังกรวารี’ ที่มีผลลัพธ์เหมือนกับปืนฉีดน้ำ แต่นั่นเป็นเศษเหลือเท่านั้น คล้ายกับของเสียที่เหลือจากเฟอร์นิเจอร์สวยๆ เป็นแค่ขี้เลื่อยเท่านั้น
การประดับตกแต่งในห้อง การประดับตกแต่งในร้านแห่งนี้ คือความก้าวหน้าที่แท้จริงของสวี่ชิงหล่างในช่วงที่ผ่านมา ชายชรามองเห็นความสามารถของเขาในตอนแรก ลงทุนฆ่าพ่อแม่ของเขา ตอนนั้นเหล่าสวี่ก็คิดค้นเพียงคนเดียว คอยต้มบะหมี่พร้อมกับทำ ‘หุ่นเชิดหนังมนุษย์’ ของตัวเองออกมา เพื่อตามหาวิญญาณของพ่อแม่ เหมือนกับเด็กที่จบชั้นประถมยังไม่มีข้อมูลอย่างอื่น แล้วตัวเองก็สร้างเครื่องบินที่บินได้ให้ตัวเองหนึ่งลำ
หลังจากอักขระบนพื้นปรากฏขึ้นมา พร้อมกับการกระตุ้นของยันต์กระดาษขนาดใหญ่ที่แปะอยู่บนกำแพง เสียงของผู้หญิงยิ่งร้องอย่างน่าเวทนา สวี่ชิงหล่างเดินไปข้างหน้า สองมือของเขาจับแก้มของผู้หญิง เป็นแก้มที่คล้ายคลึงกับผู้หญิงคนนั้นที่ตายในอ้อมกอดของตัวเอง แต่เสียดาย เขารู้ว่าไม่ใช่เธอ เธอคนนั้นตายไปแล้ว หลังจากทำภารกิจเพื่อคืนชื่อเสียงที่เปื้อนมลทินของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเสร็จสิ้น เธอจึงตาย
มือของสวี่ชิงหล่างไม่ได้ใช้แรงมากเท่าไร เขาประคองใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เบาๆ พยายามค้นหาอุณหภูมิที่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นที่เกิดสัมพันธ์สวาทกับเขาบนเตียงของโรงแรมในค่ำคืนหนึ่ง แต่หลังจากมือของเขาเสียดสีเบาๆ ใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเริ่มมีผิวหนังหลุดลอก ใบหน้าค่อยๆ หายไป เธอเริ่มแลบลิ้นออกมา เผยให้เห็นผิวหนังสีเขียว กับนัยน์ตากลวงโบ๋ที่ชัดเจน ใบหน้าของคนเริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นศีรษะของงู…
………………………………………………………………………..