ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 515 ใบหน้า
ตอนที่ 515 ใบหน้า
“หมายความว่า เทพเจ้าแห่งท้องทะเลจริงๆ แล้วก็คืองูตัวหนึ่ง งูที่อยู่ในทะเลบำเพ็ญตบะกลายเป็นปีศาจงู”
ทนายอันนั่งยองบนโต๊ะหนังสือ ชี้ไปที่ภาพวาดที่อยู่ถัดไปพร้อมกับลูบคางของตัวเองพลางพูดว่า “ไม่ใช่ สามารถเรียกออกมาได้ด้วยวิธีนี้ เหอะๆ เมื่อก่อนยังเคยได้ยินคุณพูดถึงการแก้แค้นของเขา งูตัวนี้ น่าจะกลายเป็นมังกรเกือบแปดส่วนแล้ว คาดว่าหมู่บ้านและหมู่บ้านชาวประมงแถบนั้นจะต้องสร้างวัดเพื่อกราบไหว้บูชาอยู่ไม่น้อย หรือจะพูดอย่างจริงจังก็คือ แม่ย่าแปดที่อยู่ในสมุดหยินหยางของคุณตอนนี้ จริงๆ แล้วไม่ใช่ของระดับเดียวกันเลย”
โจวเจ๋อพยักหน้า เขาจำได้ตอนแรกที่อยู่ในบ้านของมหาเศรษฐีนั้น ตัวเขาได้เข้าไปในภาพลวงตาที่เป็นทะเลผืนใหญ่ และได้ต่อสู้กับร่างแยกของงูเหลือม จริงๆ แล้ว ตอนที่เข้าไปบ้านของมหาเศรษฐี โจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างไม่รู้ว่าเศรษฐีคนนั้นได้ไปล่วงเกินสิ่งใด และตระหนักรู้ถึงอะไรกันแน่ แต่ผู้หญิงคนนั้นตอนที่ตายในอ้อมอกของสวี่ชิงหล่าง การตัดเยื่อใยแบบนั้น ความเย็นชาแบบนั้น ใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งแบบนั้น การกระทำที่รักษาสองมือของตัวเองให้สะอาดไร้ฝุ่นเปื้อนตลอดเวลาเห็นได้ชัดว่าอยู่ในระดับที่ต่างกัน วิธีการและรูปแบบก็ไม่เหมือนกันด้วย
ไม่ว่าอย่างไร เมื่อเทียบกับกลอุบายของเหล่าเทพเซียนแห่งป่าเก่าแก่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ส่งคนมาให้ถูกเล่นงานทีละคนแล้ว นับว่าต่างกันมากเหลือเกิน ทุกคนเล่นกันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง
“ดังนั้น สวี่ชิงหล่างทำค่ายกลอันนี้ แล้วจัดโต๊ะแบบนี้ เพื่อ ‘เชิญ’ ตัวออกมาตอนที่พวกเราไม่อยู่ทงเฉิงใช่ไหม โอ้โห เขาอยากรักกับงู นี่มันไม่ต่างจากสวี่เซียนจริงๆ เฮ้อ ไม่ใช่สิ มันบังเอิญไปไหม มีแต่แซ่สวี่ทั้งนั้น แต่สวี่เซียนคงไม่หน้าตาดีขนาดนี้ สวี่ชิงหล่างหน้าตาสวยกว่าผู้หญิงอีก”
“อ้าว ข้าจำได้ว่าสวี่เซียนใน ‘ตำนานนางพญางูขาว’ เวอร์ชันพี่สาวจ้าวหย่าจือ ดูเหมือนคนแสดงจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน”
เวลานี้ นักพรตเฒ่าที่ทราบข่าวแล้วจึงเข้ามาร่วมวงอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกเข้ามา เขากับทนายอันเริ่มพูดภาษาเดียวกันเข้าไปทุกวัน ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเพื่อนดื่มน้ำชาด้วยกัน แต่ทนายอันชอบชารสใหม่ หอมละมุน นักพรตเฒ่าชอบชามีอายุ ได้ย้อนวันวาน
“อ้อ ใช่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง ก็คือเวอร์ชันที่พูดบทพูดอยู่แล้วจู่ๆ ก็ร้องเพลงออกมาอันนั้นใช่ไหม อา~อา~อา~น้ำทะเลสาบซีหู…น้ำตาของข้า…” ทนายอันที่ใส่ชุดนอนลายเสือดาวนั่งยองๆ อยู่บนโต๊ะเริ่มร้องเพลงขึ้นมา
ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าเมื่อกี้อิงอิงพูดถูก ภาพลักษณ์ของทนายอัน เทียบกับตอนที่เพิ่งรู้จักเขาในตอนแรก พบว่าเหมือนเป็น ‘โคลนถล่ม’ ไม่ใช่แค่ ‘พัง’ ลงมาเฉยๆ เท่านั้นแล้ว
“เอากุญแจรถให้ผม” โจวเจ๋อยื่นมือแล้วพูดกับทนายอัน
ทนายอันพยักหน้า เขารู้ว่าโจวเจ๋อจะทำอะไร จึงยื่นกุญแจรถให้โจวเจ๋อ แล้วพูดในขณะเดียวกันว่า “ไปด้วยกัน”
“ผมคนเดียวก็พอ”
สวี่ชิงหล่างก่อนหน้านั้นได้พูดกับโจวเจ๋ออย่างจริงจังว่า เรื่องนี้ปล่อยให้เขาจัดการเอง โจวเจ๋ออยากจะไปดู ก็ถือว่าผิดสัญญาแล้ว ถ้าหากพาคนอื่นไปอีก ดูเหมือนจะหวังดี แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับไม่ดี
อีกทั้งโจวเจ๋ออยากจะไปดูเท่านั้น ไม่คิดจะทำอะไรจริงๆ
“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าดีกว่า” เด็กผู้ชายเงยหน้ามองโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อยื่นมือลูบศีรษะของเขาเล็กน้อย แล้วส่ายหน้า เด็กผู้ชายจึงก้มหน้า โจวเจ๋อรู้ว่า เขาไม่อยากนอนกับทนายอัน
พูดจริงๆ นะ ถ้าหากเป็นทนายอันคนก่อน ใส่สูทเป๊ะมาดเท่มีสไตล์คนนั้น ไม่แน่ผีดิบน้อยที่ชอบใส่สูทใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินก็น่าจะมีความรู้สึกนึกคิดคล้ายกันและพูดภาษาเดียวกันอยู่ไม่น้อย เมื่อต้องนอนกับเขา ผีดิบน้อยคงจะไม่ปฏิเสธขนาดนี้ แต่ตอนนี้ทนายอันเปิดตัวเต็มๆ ไม่เห็นเงาของเหล่าอันคนก่อนอีกแล้ว จึงทำให้ผีดิบน้อยรู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วมันน่าอายจริงๆ
ด้านนอกยังมีฝนตกอยู่ โจวเจ๋อเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแล้วสตาร์ทรถ ทว่าไม่รีบขับออกไป แต่เปิดที่ปัดน้ำฝน จุดบุหรี่แล้วนั่งสูบบุหรี่อยู่ในรถอย่างเงียบๆ พอสูบไปได้ครึ่งมวน โจวเจ๋อจึงทิ้งบุหรี่แล้วขับรถออกไป
เขาไม่แน่ใจว่าสวี่ชิงหล่างไปที่ไหน ทงเฉิงจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เมื่อเทียบกับเมืองปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น เฉิงตู ฉงชิ่งแล้ว ทงเฉิงมีขนาดเล็กกว่าอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นเขตที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่สวนสาธารณะหลิ่วซู่วานหรือบ้านตระกูลหยางแบบนั้น จู่ๆ อยากจะตามหาคนขึ้นมาจึงยากมาก
ทว่าโจวเจ๋อกลับไม่ได้ลนลานขับรถมั่วซั่วเพื่อเสี่ยงดวง แต่อาศัยความรู้สึก หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป จึงขับรถไปบนถนนที่อยู่ด้านนอกจัตุรัสการค้าแห่งนั้น
รถขับมาจอดหน้าร้าน โจวเจ๋อเลื่อนกระจกรถ แล้วกัดบุหรี่หนึ่งมวน ฝนยังคงตกหนัก และมีน้ำฝนกระเด็นเข้ามาเป็นบางครั้ง ทำให้ข้างในรถเปียกชื้น แต่โจวเจ๋อไม่สนใจ เขาหันหน้ามองอย่างเงียบๆ เขากัดบุหรี่ก้นกรอง แล้วจึงมองเข้าไปในร้านบะหมี่ที่อยู่อีกฟากของสายฝนที่ตกหนัก ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น
…
“เจ้าอยากแก้แค้นให้เธอ” ศีรษะงูอ้าปากพูดภาษาคน
สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า “ร่วมหอหนึ่งคืนรักกันร้อยวัน นั่นมันยุคโบราณแล้ว เธอนอนกับผม ให้เงินผม ไม่ติดค้างกันแล้ว”
“อย่างนั้นเจ้าทำไปเพื่ออะไร!”
“ผมคิดถึงเทพเจ้าแห้งท้องทะเลของคุณ” สวี่ชิงหล่างยังคงกอดศีรษะงูเหมือนเดิม แล้วยิ้มมุมปาก จากนั้นพูดเบาๆ “สวรรค์และโลกไร้ขอบเขต จิตใจลึกล้ำคือธรรมะ!” ทันใดนั้น อักขระทั้งสี่ด้านเหมือนถูกสาดด้วยน้ำมันร้อนกะละมังใหญ่ ระเบิดออกมาในฉับพลัน!
“โอ๊ยๆๆๆๆ!!!!!!!” ร่างของงูเริ่มละลาย เธอเจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจจริงๆ!
“ความโกรธของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เจ้า…รับไม่ไหว!”
“ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องกังวล ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นตัวละครที่ใช้งานเสร็จแล้วโยนทิ้ง” ในหัวมีฉากของผู้หญิงคนนั้นตายอยู่ในอ้อมอกของตัวเองผุดขึ้นมาอีกครั้ง ไหนบอกว่าไม่ติดค้างกัน โกหกกันทั้งเพ ไหนบอกว่าชอบมาก คิดถึงมากโกหกทั้งนั้น ผู้ชายอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกแบบนี้ ตอนที่เขาได้ร่างกายของคุณแล้ว มักจะคิดว่านี่คือสินค้าส่วนตัวที่ถูกตัวเองตีตราแล้ว เหมือนกับหลักการของสุนัขที่ชอบฉี่รดเสาไฟฟ้าเพื่อบอกอาณาเขตของตัวเอง ใส่ใจ ไม่นับว่าใส่ใจหรอก อยากลืม ก็ลืมง่าย แต่จะนึกถึงเป็นบางครั้ง
‘ครืน!’ ร่างของงูระเบิดโดยตรง! การใช้ไฟทำอาหาร สวี่ชิงหล่างในฐานะพ่อครัวนั้นถนัดที่สุด แต่หลังจากที่ร่างของงูระเบิดแล้ว มันไม่ได้สลายไป แต่กลายเป็นแสงสีเขียวเหมือนกำลังหลบหนี ทว่าร้านบะหมี่แห่งนี้เต็มไปด้วยอักขระถูกสกัดไว้ทั้งหมด คิดจะหนีเหรอ ยาก!
สวี่ชิงหล่างเงยหน้า มองเพดานที่มีแสงสีเขียวหมุนวนไม่หยุด และอ้าปากช้าๆ จากนั้นยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง ชั่วเวลาเดียวเกิดแสงสว่างจ้าในร้านบะหมี่!
กระทั่งโจวเจ๋อที่จอดรถริมทางอยู่แต่ไกลยังต้องหลับตา ควรทราบว่าแสงนี้กับตัวเขาถูกกั้นด้วยม่านน้ำฝน โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกทึ่งคิดว่าพ่อครัวสาวของตัวเองจะเก่งขนาดนี้ แต่กลับรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เขาถึงขนาดเริ่มสงสัยว่า สวี่ชิงหล่างที่ถูกตัวเองและคนอื่นเอาเรื่อง ‘หน้าตาสวย’ มาแซวทุกครั้ง สวี่ชิงหล่างที่ชอบนอนอยู่บนเก้าอี้โยกมาส์กหน้าดูแลผิวตัวเอง สรุปแล้วเป็นตัวตนที่เขาอยากแสดงออกมาจริงหรือไม่
โดยเฉพาะหลังจากที่อาจารย์ของเขาปรากฏตัวในครั้งนั้น ดูเหมือนเขาจะสลบไประยะหนึ่ง พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิม
มีเพลงหนึ่ง คุณไม่ได้มีความสุขจริงๆ รอยยิ้มของคุณ เป็นแค่การพรางตัวของคุณเท่านั้น…
โจวเจ๋อคายก้นกรองบุหรี่ที่กัดจนผิดรูปแต่ไม่ได้จุดบุหรี่ แล้วลูบกระเป๋า แต่ไม่มีบุหรี่แล้ว จากนั้นจึงหยิบบุหรี่ที่ตัวเองเพิ่งทิ้งไปบนเข่าขึ้นมาใส่ปากอีกครั้ง แล้วกัดต่อไป
…
แสงที่อยู่ในร้านบะหมี่นี้สว่างจ้าเสียดแทงนัยน์ตาและน่ากลัวมาก แสงสีเขียวอย่างเธอหนีไม่พ้น และในพื้นที่ที่ทุกข์ทรมาน เธอได้สูญเสียการรับรู้จากด้านนอกแล้ว แต่ดูเหมือนจะหาสถานที่พึ่งพิงได้ชั่วคราว เธอไม่ลังเลและไม่มีสิทธิ์ลังเล เธอมุดเข้าไปแล้ว!
และในเวลาเดียวกัน อักขระในร้านบะหมี่ได้ถูกเผาจนหมดสิ้น แสงสว่างกระจายหายไป แล้วสวี่ชิงหล่างก็หลับตา ตรงท้องของเขา มีแสงสีเขียวกำลังเคลื่อนไหวไม่หยุด เธอรู้แล้วว่าตัวเองเข้าไปอยู่ที่ไหน เธอต้องการออกไป!
“เข้ามาแล้ว ก็ออกไปไม่ได้” สวี่ชิงหล่างหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง บนมีดสั้นแปะไว้ด้วยอักขระจากนั้นจึงหันไปหาแสงสีเขียวที่กำลังมุดผ่านไปมาอยู่ที่หน้าอกของตัวเอง สวี่ชิงหล่างใช้มีดสั้นแทงลงไปอย่างไม่ลังเล!
‘ฉึก!’ เลือดเริ่มไหลกระเด็นออกมา แสงสีเขียวเหมือนจะหมองลงไปไม่น้อย แต่เธอยังคงเคลื่อนไหวอยู่ สองมือของสวี่ชิงหล่างจับมีดสั้นแล้วเคลื่อนไหวไปพร้อมกับแสงสีเขียว ตรงหน้าอกเกิดบาดแผลที่เละน่ากลัวออกมา!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เจ็บ เจ็บจริงๆ เจ็บจนเขาเริ่มสั่น แต่เขาไม่ยอมแพ้ และยังคงทำต่อไป!
แสงสีเขียวเริ่มอ่อนลง แต่เธอยังไม่ตาย มันเหมือนงูอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากตัดไปหนึ่งส่วนแล้ว ส่วนหน้าที่เหลือได้มุดไปอยู่ที่ใบหน้าของสวี่ชิงหล่างโดยตรง
เธอไม่มีที่หลบ และไม่มีที่ไปเช่นกัน ที่นี่เป็นสถานที่พักสุดท้ายของเธอ ซึ่งก็คือสวี่ชิงหล่าง สถานที่สุดท้ายที่จะลงทัณฑ์เธอ
เมื่อดึงมีดสั้นออกมา สวี่ชิงหล่างจึงใช้มือข้างเดียวจับด้ามของมีดสั้น และใบหน้าที่หล่อดูดีนั่น ใบหน้าที่สวยนั่นใบหน้าที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องอิจฉา ภายใต้ภาพสะท้อนของกระจก ยังคงเป็นโครงหน้าที่สวยเหมือนเดิม
แต่เวลานี้ สวี่ชิงหล่างง้างมีดสั้นขึ้นมาแล้วจ่อไปที่ใบหน้าของตัวเอง
‘ครืน!’ ด้านนอกเกิดเสียงฟ้าร้องขึ้นทันที เหมือนการบอกลาและการอาลัยอาวรณ์ครั้งสุดท้ายของฤดูร้อน วินาทีที่เกิดเสียงฟ้าร้อง มีดสั้นของสวี่ชิงหล่างได้แทงไปที่ใบหน้าด้านขวาของตัวเอง แทงเข้าไปลึกมาก!
‘ฉึก!’ แทงโดนแล้ว แทงโดนกลุ่มแสงสีเขียวที่อ่อนแรงแล้ว แต่เธอยังคงดิ้นรน เธอยังไม่ยอม สวี่ชิงหล่างหัวเราะออกมาเบาๆ จากลำคอ เขายังคงสง่า เขายังสวยเหมือนเดิม ถึงแม้ตอนนี้มีดสั้นจะแทงไปที่ใบหน้าของตัวเองก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่อยาก ‘แผดเสียง’ หรือ ‘คำราม’ ออกมา ไม่มีเสียงโวยวายด้วยความโกรธ ไม่มีความแข็งแกร่งของเจ้าพ่อกวนอูขูดกระดูกรักษาพิษ เขากำลังหัวเราะ เหมือนนักแสดงที่อยู่บนเวทีงิ้ว เสียงที่ดันให้แหลมขึ้น กำลังเข้ากันพอดิบพอดี
เมื่อเสียงหัวเราะสุดท้ายมาถึง มือที่จับด้ามมีดสั้นของเขาได้กวนไปมา แสงสีเขียวก็ถูกกวนเช่นกัน ถูกกวนเข้ากับร่างกายของเขา เขาคุกเข่าลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดของตัวเองที่ไหลไม่หยุด ท่ามกลางกองเลือด เขามองเห็นใบหน้าที่ตัวเองดูแลทะนุถนอมอย่างดีไร้ที่ติมาตลอด…
………………………………………………………………