ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 521 วิธีป้องกันตัว
ตอนที่ 521 วิธีป้องกันตัว
เมื่อเลิกเรียน เดินออกจากห้องเรียนแล้ว โจวเจ๋อจึงบิดขี้เกียจ พูดจริงๆ นะ ได้กลับมา ‘เรียนใหม่’ หลังจากที่ห่างหายไปนานหลายปี ก็รู้สึกดีเหมือนกัน
หญิงสาวที่ชื่อสวีจงลี่คนนั้นเดินผ่านโจวเจ๋อไป โจวเจ๋อจึงเดินตามหลังเธอ ดูท่าแล้ว เธอเหมือนจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร
ตอนที่เดินผ่านโซนหอพัก โจวเจ๋อเห็นอาคารหอพักแบบเก่าที่อยู่ด้านหน้าสุด เป็นประเภทที่ไม่มีแม้แต่ระเบียง คนที่อยู่ในหอพักจึงตากผ้าไว้ตรงราวเหล็กนอกหน้าต่าง อีกทั้งภายในหอพักก็ไม่มีอ่างล้างหน้าและห้องน้ำเดี่ยว เป็นห้องน้ำรวมอยู่ในแต่ละชั้น นับว่าเป็นอาคารหอพักที่เก่ามาก ความสะดวกสบายของหอพักก็แย่มากเช่นกัน
ถัดไปเป็นอาคารหอพักใหม่ ดูแล้วตกแต่งรูปแบบตะวันตกแลดูสวยงามเป็นอย่างมาก สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิตภายในน่าจะดีมากกว่าเดิม ได้ยินว่าเพื่อต้อนรับนักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยในเทอมนี้ จึงเร่งสร้างหอพักใหม่แข่งกับเวลา จากนั้นจึงย้ายนักศึกษาที่อยู่ในหอพักเก่าออกมา เพื่อให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในหอพักใหม่ ต่อจากนั้นก็ให้พวกนักศึกษาต่างชาติเข้าไปอยู่ในหอพักเก่า
พูดตามจริง ตอนนี้โจวเจ๋อเกิดความหุนหันอยากจะเจออธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้สักหน่อย แต่พอคิดดูแล้วก็ช่างมันเถอะ ถ้าหากวันไหนโจวเจ๋อได้เจอเขาในร้านหนังสือของตัวเองจริงๆ คงจะไม่สวย
อืม ถ้าหากได้เจอจริงๆ ละก็ จะไม่เก็บค่าเดินผ่านทางจากเขาแล้วกัน ถือว่าเป็นเจตนาดีเพียงอย่างเดียวที่โจวเจ๋อจะให้ได้ และไม่รู้ว่าอธิการบดีคนนั้นเขาจะดีใจหรือเสียใจถ้าหากรู้ว่าเถ้าแก่โจวรู้สึกดีกับเขา
สิ่งที่ทำให้เถ้าแก่โจวแปลกใจอยู่บ้างคือ สวีจงลี่ไม่ได้ไปโรงอาหาร แต่เดินผ่านพื้นที่ใช้สอย เดินมาถึงโรงยิมมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีโรงยิมสองแห่ง โรงยิมใหม่กับโรงยิมเก่า
โรงยิมใหม่มีพื้นที่กว้างมาก ข้างๆ ยังมีสนามกีฬาในมหาวิทยาลัย และสนามกีฬานั่นเคยถูกทีมจืออวิ๋นของทงเฉิงในไชน่าลีกทูใช้เป็นสนามกีฬาหลักชั่วคราว
ส่วนโรงยิมเก่ามีพื้นที่เล็กมาก ภายในอาคารมีสนามบาสเกตบอลกับสนามแบดมินตันเท่านั้น
สวีจงลี่ผลักประตูเดินเข้าไป โจวเจ๋อที่เดินตามอยู่ข้างหลังมองไปรอบๆ ตอนนี้เป็นเวลากินข้าวกลางวัน และไม่มีวิชาพละ อีกทั้งแถวนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคนอื่นสักคน
อย่างนั้นก็จัดการตรงนี้แล้วกัน โจวเจ๋อจึงเดินเข้าไป เถ้าแก่โจวไม่อยากรออีกแล้ว ความรู้สึกที่ต้องเดินตามมาตลอดทางทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ
ภายในโรงยิมไม่เห็นใคร โจวเจ๋อเดินไปทางสำนักงานแล้วผลักประตู พบว่าในนั้นก็ไม่มีคน
‘แกร๊ก!’ เวลานี้ประตูห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถูกเปิดออก สวีจงลี่เดินออกมาจากข้างใน
“นาย…” สวีจงลี่มองโจวเจ๋อที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความประหลาดใจ เธอไม่เชื่อว่าโจวเจ๋อมาปรากฏตัวที่นี่ในตอนนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ
โจวเจ๋อเดินเข้าไป ไม่อยากพูดเยอะ เขาเตรียมจะใช้เล็บจับเงาดำที่อยู่บนตัวของหญิงสาวออกมาโดยตรง ส่วนหญิงสาวจะร้องจะเรียกอย่างไรหรือจะเป็นลมโจวเจ๋อก็ขี้เกียจสนใจ ทั้งๆ ที่เขากำลัง ‘ผดุงคุณธรรม’ ทำไมต้องหาเรื่องยุ่งให้ตัวเองมากมายขนาดนี้
ทว่าตอนที่โจวเจ๋อเข้าไปใกล้ จู่ๆ สวีจงลี่ก็หยิบกระป๋องคล้าย ‘ยาฆ่าแมลงยี่ห้อเรด’ ขนาดเล็กออกมาจากในกระเป๋า
จริงๆ เลย แม่งเอ๊ย!
‘ฉี่!!!!!’ พ่นสเปรย์ป้องกันตัวออกมา!
การเคลื่อนไหวของสวีจงลี่คล่องแคล่วรวดเร็วเป็นอย่างมาก และการตัดสินใจก็เด็ดขาดอย่างยิ่ง เถ้าแก่โจวนั่งเรียนเป็นเพื่อนเธอ และเดินเป็นเพื่อนเธอมาจนถึงที่นี่ ในหัวของเขาจริงๆ แล้วคิดอยากจะจับผีเร็วๆ จะได้หนีกลับไปนอนที่ร้านหนังสือ
และด้วยความคาดคิดไม่ถึง ไม่คิดว่าเธอจะใช้ไม้นี้ “โอ๊ย…” ความแสบของพริก ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างลืมไม่ขึ้นอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกแสบร้อนและเจ็บปวดแบบนั้น ยากที่จะทนไหวจริงๆ
โจวเจ๋อจำได้ว่าตำรวจต่างประเทศหลายคนมักจะใช้ของแบบนี้รับมือกับพวกเดินขบวน แต่กลับไม่ค่อยมีให้เห็นในประเทศจีน ครั้งนี้ถือว่าเขาได้มีประสบการณ์แล้ว
หลังจากฉีดสเปรย์ใส่โจวเจ๋อแล้ว สวีจงลี่จึงหลบแวบ พยายามจะอ้อมตัวของโจวเจ๋อแล้วหนีออกจากโรงยิม ทว่าเถ้าแก่โจวใช้มือข้างหนึ่งปิดดวงตาทั้งสองข้างของตัวเอง แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งบีบคอของสวีจงลี่อย่างรวดเร็ว
เสียงดัง ‘ปึ้ง’ สวีจงลี่ถูกโจวเจ๋อลากแล้วโยนลงไปบนพื้น ถ้าหากเป็นคนลามกทั่วไป ถูกพ่นด้วยสเปรย์สองทีตามหลักแล้วจะสูญเสียความสามารถในการกระทำผิดชั่วคราว แต่เถ้าแก่โจวไม่ใช่คนลามกทั่วไป
ถึงแม้ในใจจะโกรธจัด ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอขับไล่ผี แต่เธอกลับทำกับฉันอย่างนี้ ทว่าเถ้าแก่โจวขี้เกียจพร่ำบ่นกับหญิงสาวธรรมดาคนนี้ เล็บงอกยาวออกมาคว้าจับคอของหญิงสาวทันที เมื่อจับได้แล้วจึงใช้แรงดึงอย่างแรง!
“โอ๊ยๆๆ!!!!!!” สวีจงลี่ขดตัวอยู่บนพื้นเหมือนคนบ้าร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
แม่งเอ๊ย เกาะแน่นจริง! โจวเจ๋อไม่สามารถดึงเงาดำนั้นออกมาในครั้งเดียว ตอนนี้เขาลืมตาไม่ได้ แต่ความรู้สึกยังอยู่ จึงทำได้แค่ค่อยๆ ดึงออกมาข้างนอก
มันเป็นผีอะไรกันแน่ ทำไมถึงติดตัวคุณแน่นแบบนี้ เขาดึงแต่ละครั้ง สวีจงลี่ก็จะร้องด้วยความทรมานทุกครั้ง ยังดีที่ไม่มีคนเดินผ่านนอกโรงยิม ไม่อย่างนั้นอาจจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน
‘ปึ้ง!’ ในที่สุดก็ดึงออกมาได้ โจวเจ๋อพยายามฝืนลืมตา มือของเขากำลังจับเงาดำทะมึนกลุ่มหนึ่ง ส่วนสวีจงลี่กลับนอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว เวลานี้มองโจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอ่อนแรงและหวาดกลัว
โจวเจ๋อเจ็บตาเป็นอย่างมาก เขาเหยียดขาเตะหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้น แล้วเอ่ยว่า “โทรเรียกเพื่อนนักศึกษาเอง” พูดจบ โจวเจ๋อก็เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อน เปิดก๊อกน้ำแล้วเริ่มล้างดวงตาของตัวเอง ล้างน้ำไปสักพักหนึ่ง รอจนความรู้สึกแสบร้อนบนดวงตาทุเลาลง โจวเจ๋อจึงเงยหน้ามองกระจก
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงเหมือนคนเพิ่งร้องไห้ เขายื่นมือคลำกระเป๋า พบว่าตัวเองไม่ได้พกกระดาษทิชชู
โจวเจ๋อเดินออกมาจากห้องน้ำ มองเข้าไปดูในสนามแบดมินตัน พบว่าสวีจงลี่ถือโทรศัพท์กำลังจะลุกขึ้น เมื่อเห็นโจวเจ๋อเดินออกมา เธอตกใจหน้าซีดทันที
ถึงแม้ผู้ชายคนนี้ ก่อนหน้าดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่เมื่อครู่เธอรู้สึกเจ็บมากจริงๆ
โจวเจ๋อเดินมาอยู่ตรงหน้าหญิงสาว สวีจงลี่ตกใจตัวสั่นงันงก แล้วจึงล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง
“มีกระดาษเช็ดหน้าไหม”
“หืม”
“กระดาษเช็ดหน้า!”
“อ้อ มี” สวีจงลี่รีบเปิดกระเป๋าของตัวเองทันที โจวเจ๋อถอยหลังเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ ใครจะไปรู้ว่าในกระเป๋าของผู้หญิงคนนี้จะมีแก๊สน้ำตาไหม
“มีกระดาษทิชชูเปียก เอาไหม”
“ได้” โจวเจ๋อรับกระดาษทิชชูเปียกมาจากมือของหญิงสาว เขารีบเปิดแล้วเช็ดดวงตาทันที จากนั้นก็ไม่รั้งอยู่นาน เดินออกมาจากโรงยิมทันที
เขาก้มหน้าตลอดทาง ใช้มือกับกระดาษทิชชูปิดดวงตาของตัวเอง โจวเจ๋อไม่อยากกลับไปที่สนามกีฬาอีก เพราะตัวเขาเองบอกไว้แล้วว่าจะโดดงาน แต่ตอนนี้กลับไปที่ร้านหนังสือก็ไม่เหมาะสม
อิงอิงเห็นยังพอไหว แต่ถ้าทนายอันเห็นตัวเขาอยู่ในสภาพนี้ ไอ้หมอนั่นจะต้องเดาออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว
โจวเจ๋อก็ไม่มีอารมณ์มาคิดว่าการกระทำของตัวเองหยาบคายเกินไปไหม แต่อะไรคือวิธีที่สันติสุขล่ะ เดินไปอยู่ตรงหน้าหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วพูดกับเธอว่า ‘คุณครับ มีผีอยู่บนตัวคุณตัวหนึ่ง คุณไปสถานที่ลับตาคนกับผมผมจะช่วยคุณไล่ผี อาจจะเจ็บหน่อย คุณอดทนนิดหนึ่งก็จะดีเอง ทนไม่ไหวก็ร้องออกมา’ อย่างนั้นเหรอ
จากนั้นเถ้าแก่โจวเดินออกมาจากประตูมหาวิทยาลัย แล้วจึงไปเปิดห้องที่โรงแรมโมเต็ลที่อยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยโดยตรง หลังจากเข้าไปในห้องของตัวเองแล้ว เขาคิดว่าจะโทรไปสั่งให้ฟางฟางส่งน้ำยาฆ่าเชื้อมาเช็ดให้ตัวเองหน่อยอาจจะทุเลาขึ้น แต่พอคิดว่าต้องเรียกลูกน้องของตัวเองเข้ามาในห้องของโรงแรม จึงรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก
เขาใช้อ่างล้างหน้าในห้องของโรงแรม ใช้น้ำล้างดวงตาของตัวเองอีกครั้ง โจวเจ๋อถอดเสื้อโค้ตของตัวเองโยนไปบนเตียง จากนั้นจึงปล่อยนิ้วทั้งสองข้างที่ตัวเองหนีบมาตลอดทางก่อนหน้านั้น
เงาดำลอยออกมา พอคิดจะหนีก็ถูกโจวเจ๋อจับได้ทันที
เล็บของโจวเจ๋อเริ่มวาดเป็นวงกลมอยู่ข้างๆ เพื่อเปิดประตูนรก เขาคิดแต่ว่ารีบโยนมันเข้าไปทำผลงานเพื่อปลอบขวัญตัวเองเล็กน้อย
เงาดำดิ้นไม่หยุด โจวเจ๋อกระทั่งสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอ้อนวอนของอีกฝ่าย แต่เถ้าแก่โจวไม่อยากสนใจ ถ้าหากคุณเข้าไปสัมภาษณ์ผู้กระทำความผิดในคุกกับทีมถ่ายทำ ต่อให้เป็นฆาตกรที่เหี้ยมโหดก็ยังสามารถแสดงท่าที ‘ฉันน่าสงสาร’ ออกมาให้คุณเห็น
คนตายไปแล้ว ยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อโลกมนุษย์ แต่วิญญาณก็ต้องไปนรกแล้วเกิดใหม่ นี่คือหลักการและเป็นข้อกำหนด
“แม่งเอ๊ย! ไอ้คนที่ไปเรียนแทนสมองมีปัญหาเหรอ เพื่อนนักศึกษาของฉันตอนนี้ได้แท็กฉันในกลุ่มแสดงความยินดีที่ฉันจะเป็นตัวแทนประจำวิชา จริงๆ เลย!” เสียงคุ้นเคยดังเข้ามา ดูเหมือนจะอยู่ห้องถัดไป และน่าจะเป็นเพื่อนนักเรียนโก่วเซินชิงที่กำลังตวาดเสียงดังด้วยความโกรธ ดูเหมือนว่าสาเหตุที่ยอมจ่ายเงินราคาสูงมากกว่าราคาตลาดในปัจจุบันเพื่อหาคนไปเรียนแทน และบอกว่ามีธุระต้องทำ ก็คือธุระในโรงแรม
เหอะ คาดว่าเพื่อนนักเรียนคนนี้คงคิดไม่ถึงว่า เพื่อนนักเรียนที่ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้ที่เขากำลังตามหา จะอยู่ห้องข้างๆ นั่นเอง
เสียงนี้ขัดจังหวะขั้นตอนวาดเปิดประตูนรกของโจวเจ๋อ โจวเจ๋อก้มหน้า แล้ววาดอีกครั้ง ไม่ช้าประตูนรกจึงปรากฏออกมา พื้นราบทรงสี่เหลี่ยมมีน้ำวนสีดำอยู่ข้างใน และเนื่องจากโดนขัดจังหวะเมื่อครู่ เงาดำที่ดิ้นไม่หยุดซึ่งโดนนิ้วของโจวเจ๋อหนีบอยู่เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากสีดำทะมึนเริ่มปรากฏเป็นร่างคนออกมา
ตอนแรกโจวเจ๋อไม่ได้สนใจ และไม่อยากรู้ว่ามันเป็นภูตผีปีศาจอะไรกันแน่ ไม่ว่าอย่างไรลงนรกคือถูกต้องแล้ว
แต่เมื่อมองสักพักหนึ่ง จึงพบว่าเงานี้เหมือนจะคุ้นตาเล็กน้อย โจวเจ๋อใช้เล็บของตัวเองแกะชั้นนอกของเงาดำเบาๆ เหมือนมีอะไรปิดอยู่แล้วถูกโจวเจ๋อแกะออกมา จากนั้นเงาดำจึงลอดออกมา ลอยมาอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋ออย่างช้าๆ
วิญญาณดวงนี้หน้าตาเหมือนสวีจงลี่เปี๊ยบ! เป็นไปได้อย่างไร วิญญาณฝาแฝดตามติดเหรอ
“ช่วยฉันด้วย ได้โปรดช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย…” เนื่องจากสิ่งที่ห่อหุ้มไว้ถูกแกะออก เงาดำนั่นจึงสามารถพูดได้
“คุณเป็นใคร” โจวเจ๋อชี้ไปที่เธอแล้วถาม เถ้าแก่โจวรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลโดยสัญชาตญาณ
“ฉันชื่อสวีจงลี่ ชื่อของฉันคือสวีจงลี่ ฉันเป็นนักศึกษาของที่นี่ ฉันเป็นคนทงเฉิง ฉัน…”
โจวเจ๋อเม้มปาก เงาดำนี้เป็นสวีจงลี่ เช่นนั้นผู้หญิงที่พ่นสเปรย์ป้องกันตัวใส่เขาเป็นใครกัน
………………………………………………………………………..