ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 537 ความโกลาหลครั้งใหญ่!
ตอนที่ 537 ความโกลาหลครั้งใหญ่!
“ยมโลกมีกฎระเบียบ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี ทำลาย!” ทนายอันทำมุทรา แล้วมือกระดูกก็แทงเข้าไปข้างหน้าอย่างรุนแรง!
‘ฟึบ!’ มือแทงเข้าไปแล้ว แต่เหมือนวัวแก่ติดอยู่ในโคลนตม กลับขยับไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียว
ลู่ผิงจื๋อยกมือขึ้นอย่างเชื่องช้า คว้าหมับเข้าที่มือกระดูกของทนายอัน
ฝ่ายหนึ่งเป็นมือกระดูกขาวจั๊วะ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นมือผอมแห้งเหี่ยวหนังหุ้มกระดูก เมื่อมือทั้งสองข้างแตะสัมผัสกันดูเหมือนมีกระแสไฟฟ้าระเบิดปะทุออกมาอย่างรวดเร็ว ทนายอันจ้องเขม็ง ถอยกลับแทนที่จะรุกหน้าพร้อมกับตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
ร่างของลู่ผิงจื๋อสั่นเทิ้มเล็กน้อย จากนั้นอ้าปาก “ลงโทษไร้การอภัย!”
‘แปร๊บ!’ ทนายอันรู้สึกปวดแปลบที่มือกระดูกของตัวเองเป็นระยะๆ ราวกับมันกำลังจะปริแตกออก แต่เขาก็ยังไม่ชักมือกลับ ในตอนนี้จริงๆ แล้วมันเหมือนเวลาที่นักกีฬาปะทะกันอย่างรวดเร็ว ใครถอยก่อนคนนั้นจะบาดเจ็บหนักกว่า! จนกระทั่งถึงเวลานี้ ทนายอันยืนยันได้อย่างเต็มที่ว่าความอ่อนแอที่ตาเฒ่าแสดงออกมาทั้งหมด จริงๆ แล้วส่วนใหญ่เป็นการเสแสร้งทั้งนั้น แท้จริงแล้วเขามีที่พึ่งมาโดยตลอด
ทนายอันหันกลับไปมองอีกครั้ง เถ้าแก่ยังยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น คงไม่ใช่ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม
แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าเวลานี้เถ้าแก่โจวกำลังเจรจากับเจ้านั่นในร่างกายอยู่ ฉะนั้นถึงได้ไม่มีเวลามาสนใจเขาในตอนนี้อย่างไรล่ะ
‘ทำการ…แลกเปลี่ยน…กันเถอะ…’
‘ผมไม่รู้จักวิธีใช้ของพรรค์นั้นมาโดยตลอด แต่ผมก็ยังใช้ชีวิตราบรื่นดี ไม่ส่งผลกระทบต่อการดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ของผมนี่’
‘มัน…มีประโยชน์…มาก’
‘ถ้าคุณทำงานเป็นเซลล์ละก็ บริษัทไปไม่รอดแน่นอน ไม่มีความจริงใจในการขายเลยสักนิด’
‘ข้า…จะ…ออก…ไป’
‘คุณชักจะเอาใหญ่แล้ว เพิ่งออกไปที่สวีโจวไม่นานมานี้ไม่ใช่หรือไง ยังอยากจะออกไปอีกเหรอ คุณรู้บ้างไหมว่าคราวก่อนน่ะ คุณอยากจะเจอพระพุทธเจ้าให้ได้จนทำให้ผมฟื้นตัวช้าไปตั้งหลายวัน’
‘หนังสือรับรองนั่น…เป็น…กฎของ…ยมโลก…’
‘ยังไงก็ไม่ปล่อยให้คุณออกไปหรอก อย่าฝันหวานไปเลย’
‘สามารถ…ให้เจ้า…เลื่อนขั้น…ไม่มีอะไร…มาขวาง…แม้กระทั่ง…เก็บเป็นความลับ…ต่อยมโลก…’
‘อึก!’ โจวเจ๋อกลืนน้ำลาย
‘แม้ว่า…เจ้า…แอบลักลอบ…เลื่อนขั้นเป็น…ผู้พิพากษา…ยมโลก…ก็ไม่มีทางรู้…แต่สิ่งที่…ควรให้…ก็จะให้เจ้า…ทั้งหมด…’
‘อึก!’
‘มิฉะนั้น…เจ้าไม่เคย…สงสัยเลยหรือ…ว่าทำไม…เจ้าทำอะไร…มากมายขนาดนี้…แต่กลับ…ไม่ได้รับ…การสอบถามและ…ซักถามจากยมโลก…’
‘อึก!’
‘เรียนรู้…วิธี…ใช้มัน…เจ้าจะสามารถ…อยู่อย่างสงบสุข…ลอยตัว…เหนือเรื่องราวได้ตลอดไป…ดื่มกาแฟ…อ่าน…หนังสือพิมพ์…ของเจ้าได้ทุกวัน’
‘อึก!’
‘เฮ้อ ผมขอคืนคำพูดก่อนหน้านี้ละกัน ถ้าคุณไม่ไปเป็นเซลล์คงน่าเสียดายแย่ คุณหมายความว่า หลังจากผมเอาหนังสือรับรองยมทูตมายอมรับนาย แท้จริงแล้วผมก็สามารถซ่อนตัวจากสายตาของยมโลกได้มาโดยตลอดงั้นเหรอ’ พอคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริงที่ไม่เคยมีข่าวคราวอะไรจากนรกมาถึงตัวเขาโดยตรงเลยสักครั้ง รวมถึงเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่สวีโจวก็ด้วย
ลอยตัวเหนือเรื่องราว
ร่ำรวยอย่างสบายใจ
ดื่มด่ำกับชีวิต
โจวเจ๋อรู้สึกว่า คำกล่าวที่ว่ามาข้างต้นล้วนกระตุ้นเขาได้ตรงจุด
‘งั้นคุณบอกวิธีใช้มันมาให้ผมก่อนแล้วผมจะปล่อยคุณออกไป’
‘เหอะ….’
‘คุณไม่เชื่อใจผมหรือไง’
‘เจ้า…ว่า…อย่างไรเล่า’
‘งั้นถ้าผมให้คุณออกมาก่อน พอคุณกินเรียบแล้วคุณดันกลับคำพูดล่ะ’
‘คิดว่าข้า…จะทำ…เช่นนั้นหรือ’
เถ้าแก่โจวเลียริมฝีปาก ดูเหมือนว่าในแง่ของความเป็นมนุษย์นั้น ลักษณะนิสัยของเจ้านั่นในร่างของเขามีความน่าเชื่อถือยิ่งกว่าเขามากโข ประเด็นสำคัญคือเจ้านั่นรักหน้าตา แถมหยิ่งในศักดิ์ศรีจะตาย ไม่อย่างนั้นนี้ก่อนหน้านี้ที่สวีโจวคงไม่ทำเรื่องเพ้อเจ้อ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นม้าตีนปลายแล้ว กลับยังวางท่าวางอำนาจรอพระพุทธเจ้าเสด็จมาหรอก
เป็นเวลานานพักหนึ่ง โจวเจ๋อยิ้มกริ่ม จากนั้นก็พยักหน้า ‘ดีล’
…
“แกจะไสหัวไปไม่ได้หรือไง” ทนายอันฝืนความเจ็บปวดบนมือกระดูกพร้อมกับคำรามด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาไม่ใช่จางเยี่ยนเฟิง ไม่มีศีลธรรมตามธรรมชาติอะไรพรรค์นั้นไปพูด และไม่มีความเชื่อว่าอาชญากรรมทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าตาเฒ่านี่พยักหน้า ยอมอ่อนข้อให้บอกว่าเขาจะจากไปและไปสร้างหายนะที่อื่น ทนายอันก็สามารถถอยให้ได้ก้าวหนึ่ง และเขาเชื่อว่าเถ้าแก่ที่อยู่ข้างๆ เขาก็น่าจะไม่วิ่งกวดไล่ตามไปอีกแล้ว
เพราะว่าเถ้าแก่เขาขี้เกียจยังไงล่ะ
“ทางถอยของข้าก็คือที่นี่” ลู่ผิงจื๋อตอบประโยคนี้กลับมา ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ เขาจำเป็นต้องอยู่ในเขตแดนทงเฉิง
“งั้นก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วจริงๆ” ทนายอันคำราม ขณะเดียวกันมืออีกข้างหนึ่งของเขาพลันเปลี่ยนเป็นกระดูก! มือทั้งสองข้างแปรเปลี่ยนเป็นกระดูกพร้อมกางแขนทั้งสองข้างออก คาดไม่ถึงว่าจะฝืนแหกม่านแสงที่ปกคลุมอยู่ตรงหน้านี้จนเกิดรอยปริแยก
“ไม่มีอะไรต้องพูดถึงตำหนักเก้าแล้ว”
ลู่ผิงจื๋อผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที อาภรณ์บนตัวดังกรอบแกรบ แม้แต่สายลมแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวยังหวีดหวิวออกมา เกราะม่านแสงแตกร้าว แต่หลังจากพลังอันน่าสะพรึงกลัวทะลวงเกราะม่านแสง มันก็พุ่งเป้ามาทำลายทนายอันโดยตรง!
ทนายอันไขว้แขวนทั้งสองข้างพยายามฝืนเปิดเขตอาคมสีชมพู แต่ชั่ววินาทีต่อมา เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา “ตำหนักเก้าบ้าบออะไร” จากนั้นหวดกำปั้นลงไปอย่างไม่ลังเล
‘ปัง!’ ราวกับว่าโลกได้ตกอยู่ในความเงียบสงบในขณะนี้ ลมฝนพายุก่อนหน้านี้เป็นเพียงเด็กน้อยโหวกเหวกโวยวาย ร่างของลู่ผิงจื๋อกระแทกกับผนังด้านหลังอย่างจังจนพังถล่ม และลอยกระเด็นละลิ่วออกไปด้านหลัง
ทนายอันลดแขนลงด้วยความประหลาดใจพลางมองดูชายหนุ่มตรงหน้าดฮณ๊ฯดฯฌซ,
แม่เจ้าโว้ย ปล่อยออกมาอีกแล้วหรือเนี่ย
ตอนนี้เอง จู่ๆ โจวเจ๋อก็หันไปด้านข้างเล็กน้อย มองทนายอันที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเองแล้วพูด “ทะเลแห่งความตายประทานให้ถือหางเสือมรณะหรือ”
“เอ่อ…” ทันใดนั้นทนายอันตื่นตระหนกขึ้นในใจ รู้สึกประหนึ่งสะใภ้ขี้เหร่ได้เจอพ่อแม่สามีแล้วในที่สุด
ได้โปรด
ขอร้อง
ขอร้องล่ะ
อย่าต่อด้วยคำว่า ‘เจ้าคู่ควรหรือ’ เด็ดขาด
อย่าพูดเด็ดขาด อย่าพูดนะโว้ย
ทนายอันรู้สึกว่าตัวเองอาจทนการโจมตีแบบนี้ไม่ไหว และไม่สามารถทนต่อการปฏิเสธแบบนี้ได้
“เหอะๆ”
เฮ้อ…ไม่ใช่ ‘เจ้าคู่ควรหรือ’
ทนายอันถอนหายใจเฮือก ราวกับว่าตัวเองได้รับการช่วยชีวิตอย่างหนึ่ง!
ส่วนโจวเจ๋อย่างสามขุมออกไปตามผนังที่พังทลายตรงหน้า ทนายอันก็สงบสติอารมณ์และรีบตามตูดไปต้อยๆ ทันที
เวลานี้เขามีท่าทีและท่าทางเหมือนผู้ตรวจสอบในอดีตเสียที่ไหน ดูเหมือนล่ามแปลละครต่อต้านญี่ปุ่นคนหนึ่งต่างหาก
เมื่อเดินออกไป ทนายอันอดไม่ได้ที่จะสูดปาก ตาแก่ที่สูสีทัดเทียมกับเขากระทั่งข่มเขาด้วยก่อนหน้านี้ นอนพะงาบเลือดนองอยู่บนพื้นในเวลานี้ อนาถเสียจนไม่อาจอนาถไปมากกว่านี้ได้
“เถ้าแก่…โอ้ไม่สิ ลูกพี่ ไอ้นี่แหละ! เมื่อกี้ไอ้หมอนี่เพิ่งบอกว่าทะเลแห่งความตายแห้งเหือดไปแล้ว!” ทนายอันรีบตะโกนด้วยความขุ่นเคือง
“ทะเลแห่งความตายจะเหือดแห้งไปได้อย่างไร ทะเลแห่งความตายของข้าคงอยู่ตลอดกาล”
ล่ามแปลกำลังทำรายงานเล็กๆ ‘ไท่จวิน กองทัพเส้นทางที่แปดผู้นี้กล่าวว่าจักรวรรดิญี่ปุ่นจะต้องถึงวาระล่มสลาย!’
โจวเจ๋อหยุดฝีเท้าและยืนอยู่ข้างๆ ชายชราโดยไม่สนใจทนายอันที่พยายามกระโดดโลดเต้นแสดงออกอยู่ข้างๆ แต่หันไปหาชายชราด้านล่างแทนพร้อมกับเอ่ยว่า “คายออกมา”
วิญญาณขุนนางเหล่านั้นที่เจ้าเพิ่งปล่อยออกมา คายมันออกมาให้ข้ากลืนกินเดี๋ยวนี้!
ทนายอันยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกเพียงแค่ว่าพูดคำสามคำนี้เผด็จการเหลือร้าย คล้ายกับพูดว่า ‘ชุ่ยฮวา เสิร์ฟผักดอง!’
“เจ้าเป็น…ใคร” ลู่ผิงจื๋อมองโจวเจ๋ออย่างนึกสงสัยเล็กน้อย หมัดนั้นทำลายเกราะกำบังทั้งหมดของเขาจนสิ้น กระทั่งโจมตีร่างและความกล้าหาญของเขาไปพร้อมกันๆ!
“แกคู่ควรถามสถานะของลูกพี่ฉันด้วยเหรอ” ทนายอันรีบพูดอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม
อันที่จริง ไม่โทษทนายอันที่กระสับกระส่ายและโยนภาพลักษณ์ทิ้งไปอย่างนี้ เขาในตอนแรก ตอนที่สาวน้อยโลลิหยิบเอาหนังสือรับรองยมทูตจากโจวเจ๋อมาให้เขาดู ก็แทบทรุดเข่าดัง ‘ตุ้บ’ ลงไปแล้ว
เขาขมขื่น เขาน้อยใจ เขาสูญเสียทุกอย่างไป ดังนั้นจึงกระตือรือร้นที่จะคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้า อีกทั้งต่อให้เขายังเป็นผู้ตรวจการในนรกที่แท้จริง เมื่อเผชิญกับคนตรงหน้าคาดว่าเข่าก็คงจะอ่อนแรงพอๆ กัน艾琳小說
ไม่มีเหตุผลอื่นนอกเสียจากตอนที่คนตรงหน้าปกครองทะเลแห่งความตาย
ไท่ซานฝู่จวินอะไรเอย
ยมโลกอะไรเอย
นรกสิบขุมอะไรเอย
ล้วนยังอยู่ในท้องแม่กันทั้งนั้น!
โจวเจ๋อยื่นมือไปกดลงไป
‘ฟุ่บ!’
หน้าอกของชายชราแฟบลงไปถนัดตา จุดแสงสายแล้วสายเล่าพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา ภาพเสมือนจริงของขุนนางตำหนักเก้าแห่งยมโลกสายแล้วสายเล่าออกมาเรียงรายรอบๆ อีกครั้ง แม้แต่ในเวลานี้พวกเขาก็ยังหลับตาอยู่เช่นเคย
ตอนนี้เอง ทนายอันก็ดูออกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ ถึงเวลานี้แล้วยังหลับตาแกล้งตายอยู่ได้
โจวเจ๋อแหงนหน้าขึ้นเผยสีหน้าโกรธจัด กำหมัดข้างขวาไว้แน่น เขาโกรธมาก เพราะเขาดันถูกหลอกน่ะสิ!
ใช่แล้ว ภาพเสมือนจริงของขุนนางเหล่านี้เป็นเพียงแผ่นป้าย ไม่ใช่วิญญาณที่แท้จริง!
เพื่อที่จะได้ออกมาในครั้งนี้ เขาตกลงตามเงื่อนไขของเจ้าปลาเค็มตัวนั้น ทั้งยังต่อรองกับเจ้าปลาเค็มตัวนั้นนานมาก! ในท้ายที่สุดเขากลับไม่ได้อะไรกลับไปเลย!
แน่ละว่าเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่าก็คือเขาเจ้าทะเลแห่งความตายถูกหลอกเข้าให้!
ครู่หนึ่ง จู่ๆ โจวเจ๋อก็มองทนายอันที่อยู่ด้านหลัง
ทนายอันรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่หลังยันหัวเข่าในชั่วพริบตา
ฉิบหาย จะฆ่าปิดปากหรือไง
โชคดีที่รังสีเจตนาฆ่าน่าตื่นเต้นแบบนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ ทนายอันรู้สึกแค่ว่าตัวเองเพิ่งอบซาวน่าไป เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
“ฮ่าๆ…ฮ่าๆๆ..ฮ่าๆ ฮ่าๆ …” ลู่ผิงจื๋อนอนอยู่บนพื้นหัวเราะร่า เขาหัวเราะอย่างอ้างว้าง และหัวเราะอย่างโศกเศร้า
“เกิดอะไรขึ้น” โจวเจ๋อเอ่ยปากถาม
“ท่านก็ประจักษ์แล้วมิใช่หรือ” ลู่ผิงจื๋อแสยะยิ้ม ใบหน้าแก่หง่อมยับย่นเหมือนผิวดอกเบญจมาศตะโกน “มันหายไปแล้ว ไม่มีแล้ว หายไปหมดแล้ว!”
“อะไรไม่มีแล้ว ตาเฒ่านี่ท่านพูดออกมาให้ชัดเจนสิวะ!” หมารับใช้แซ่อันรีบก้าวออกมาถามอย่างดุดัน
“ไม่มีแล้วก็คือไม่มีแล้ว ไม่มีแล้วก็คือไม่มีแล้วน่ะสิ…หนึ่งในนรกทั้งสิบขุม ทั้งสายของผิงเติ่งหวัง ถูกผนึกไปเมื่อเดือนก่อน…”
……………………………………………………