ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 551 กล่องแพนโดรา
ตอนที่ 551 กล่องแพนโดรา
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งเละตุ้มเป๊ะไปหมด พิธีเปิดกิจการแท้ๆ สุดท้ายกลับมีจุดจบเช่นนี้
ทนายอันมักจะเหมือนนักพยากรณ์เร่ร่อนสมัยกรีกโบราณที่ชอบตะโกนเสียงสูงว่า
‘ลมพัดแล้ว!’
‘ท้องฟ้าเปลี่ยนแล้ว!’
‘ฟ้าจะถล่มแล้ว!’
แต่ในความเป็นจริงโจวเจ๋อไม่ได้สัมผัสเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง เหมือนสงครามการค้าในปัจจุบัน บนหน้าหนังสือพิมพ์มักจะพูดราวกับว่าวิกฤตจะมาถึงแล้ว พวกเราต้อง ‘เอาชนะความลำบากไปด้วยกัน’ แต่ประชาชนดูเหมือนจะใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนเดิม
จะว่ากันให้ถึงที่สุดแล้ว ยังห่างอีกไกล เรื่องที่ไกลตัวเกินไป ก็คือเรื่องที่พวกคนมีอำนาจใช้วางแผน เรื่องนรกขุมที่เก้า พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ เถ้าแก่โจวไม่รู้สึกแต่อย่างใด ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาจะไม่ปรากฏตัวกะทันหันเพื่อขโมยกาแฟขี้ชะมดของตัวเอง
แต่เรื่องฐานะของอิ๋งโกว กลับเหมือนน้ำอุ่นในหม้อต้มน้ำที่ตั้งอยู่บนเตา กำลังเกิดฟองอากาศไม่หยุด และหนึ่งในนี้คือโจวเจ๋อได้ยืมพลังของอิ๋งโกวก่อนหน้านั้น ทำให้เกิดปฏิกิริยาเชื่อมโยงเป็นห่วงลูกโซ่ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะฐานะและความสามารถของตัวเองที่พัฒนาไม่หยุดยั้ง ดังนั้นพื้นที่ที่ได้สัมผัสจึงเริ่มขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด เป็นผลทำให้การหลอมรวมและปะทะในบางเรื่องเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้หญิงจากนรกที่นำสมุดหยินหยางขึ้นมาส่งครั้งที่แล้ว บอกว่าด้านล่างยังรออิ๋งโกวลงไปอยู่ โจวเจ๋อยังจำชุดข้าราชการอันน่าเกรงขามของเธอได้ แต่ตอนนั้นอิ๋งโกวยังไม่ฟื้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์ ยังไม่มีสติ
ทว่าด้วยนิสัยของคนโง่นั่น ถึงแม้ตอนนั้นจะตื่น ได้เห็นผู้หญิงคนนั้น คาดว่าคงจะพูดประโยคหนึ่งว่า ‘โดนฉันข่มขืน คือเกียรติของเธอ!’
เธอหวังจะให้มะเร็งชายแท้[1] ที่สนใจแต่ความรู้สึกของตัวเอง รักหน้าตาตัวเองยอมอ่อนข้อให้ผู้หญิงคนหนึ่งง่ายๆเหรอ เป็นไปไม่ได้ ยังดีที่ตอนนั้นอิ๋งโกวยังไม่ตื่นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นตัวเขาในตอนนั้นอาจจะโดนผู้หญิงคนนั้นฆ่าตายไปแล้ว
ปวดหัวๆ เถ้าแก่โจวเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งโดยการประคองของเด็กผู้ชาย ส่วนในนั้นควรจะจัดการและจัดเก็บอย่างไร ปล่อยให้ทนายอันกับนักพรตเฒ่ารับผิดชอบก็แล้วกัน
“ว้ายยยย!!!!” “อ๊าาาา!!!!” เสียงร้องกรี๊ดของผู้ชายและผู้หญิงดังมาจากด้านใน เป็นเสียงที่คุ้นเคย เหมือนเสียงของพนักงานสองคนนั้น
พวกเขาวิ่งออกมาจากห้องทำงาน เดินได้สองสามก้าวก็เป็นลมล้มหน้าประตูแล้ว เห็นได้ชัดว่าได้รับแรงกระตุ้นรุนแรงเกินไป หลังจากฟื้นขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ จิตใจรับไม่ไหว จึงเป็นลมเข้าสู่โหมดปกป้องตัวเอง
พวกเธอ ยังไม่ตายเหรอ
เด็กผู้ชายเบิกตาโต เหมือนนึกอะไรออก
“ฉันว่านะ” โจวเจ๋อเอ่ย เด็กผู้ชายใช้แววตาอ้อนวอนจ้องมองโจวเจ๋อ ไม่พูดได้ไหม
“หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคนนั้น คงอาจจะ…”
เธออาจจะยังไม่ตาย แต่ถูกผนึกอยู่ในนั้น หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคนนั้น หรือก็คือเพื่อนของหวังเคอ รวมทั้งพนักงานสองคนของเธอด้วย จากคำพูดที่เด็กผู้ชายกล่าวเมื่อครู่ พวกเธอถูกทำเป็นหุ่นขี้ผึ้งแล้ววางอยู่ในห้องทำงาน
ตอนนี้ พนักงานสองคนฟื้นสติกลับมา มีชีวิตแล้ว แต่ขาดไปหนึ่งคน
“เอ่อ…” หรือว่าหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคนนั้นยังไม่ตาย เดิมทีเธอสามารถฟื้นชีวิตกลับมาหลังจากเกิดเรื่องราวทั้งหมด ผลปรากฏว่า…ผลปรากฏว่า…ผลปรากฏว่าคุณที่จีบเธอในตอนนั้นดันเด็ดหัวของเธอลงมา
“กลับไป หยิบเงินกระดาษแล้วเผาให้เธอ ส่งให้เธอไปสู่สุขคติ” โจวเจ๋อจึงได้แต่พูดแบบนี้ เด็กผู้ชายพยักหน้าเพื่อบอกว่าตัวเองเข้าใจแล้ว
จากนั้นนั่งลงยองๆ มองพนักงานสองคนที่สลบไป อันที่จริง ดูจากสภาพของพวกเขาแล้ว สภาพจิตใจของพวกเขาเสียหายอย่างหนัก ซึ่งหมายความว่า ต่อให้พวกเขาฟื้นขึ้นมา ก็อาจจะกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือน
หากต้องใช้ชีวิตเหมือนคนโง่เบาปัญญา สู้หลุดพ้นให้เร็วเสียยังดีกว่า โธ่เอ๋ย โจวเจ๋อกัดฟันแล้วลุกขึ้น “ไปกันเถอะ”
จริงๆ แล้วเด็กผู้ชายอยากพูดว่า หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคนนั้นมีเลือดก่อนหน้านั้นแล้ว และตอนที่เด็ดหัวของเธอลงมาถือว่าสบายมาก ทรุดตัวล้มอยู่ตรงนั้น เธอน่าจะตายนานแล้ว แต่ถ้าพูดจริงจังในเวลานี้ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร
เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อไม่ลงโทษเขาให้ลาออกจากโรงเรียน เขาจึงไม่คิดเรื่องนี้แล้ว จริงๆ แล้วสิ่งที่เถ้าแก่โจวคิดอยู่ในใจคือ เป็นเพื่อนของหวังเคอโคตรซวยจริงๆ
หลังจากกลับมาถึงร้านหนังสือ ทันทีที่เปิดประตู ก็เห็นทนายอันในชุดนอนลายเสือดาววิ่งลงมาจากข้างบนอย่างลนลาน เขาในเวลานี้มีแต่โคลนเต็มตัว เหมือนเพิ่งกลับมาจากดำกล้าในนา
ทนายอันเห็นเด็กผู้ชายอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อแล้วจึงทำสีหน้าประหลาดใจ “นายๆๆๆๆ…”
“นายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังหน่อย” พอสั่งเสร็จ โจวเจ๋อจึงมองไปทางอิงอิงที่ทำสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน “อิงอิง”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่!”
“ช่วยอาบน้ำให้ผมหน่อย”
“ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
โจวเจ๋อเหนื่อยแล้ว อย่ามองว่าเขาเดินขึ้นบัลลังก์นั่นสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขากลับเสียพลังจิตไปเยอะมากเหมือนกัน กระดูกของเทพและปีศาจที่อยู่ใต้บัลลังก์ ความรู้สึกบีบคั้นที่มาจากพวกเขามันน่ากลัวจริงๆ แบบนี้เหมือนกับคนธรรมดาที่เดินออกจากรังงูก็ไม่ปาน
ตอนที่ถูหลัง โจวเจ๋อพบว่าอิงอิงถูเบามาก “เป็นอะไร ใช้แรงหน่อยสิ” โจวเจ๋อเตือน
“เอ่อ จะไม่ถูจนเถ้าแก่ละลายหายไปใช่ไหมเจ้าคะ”
“ผมเป็นตัวจริง” โจวเจ๋อจนใจ
“จะไม่โดนถูแล้วละลายหายไปจริงๆ เหรอ” ขณะที่พูด อิงอิงกัดแล้วเลียดู ยังแข็งอยู่ ยังเค็มอยู่ ยังไม่เสียหาย
“อ้าว เถ้าแก่เป็นตัวจริงอยู่”
“…” โจวเจ๋อ
“เถ้าแก่ ท่านรู้ไหม ก่อนหน้านั้นหลังจากที่ท่านอาบน้ำแล้วบอกว่าท่านจะละลาย ข้ากังวลมากแค่ไหน”
“อืม เรื่องจบไปแล้ว อ้อใช่ บอกพวกนักพรตเฒ่าหน่อย ต้องจัดการเก็บกวาดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง แล้วก็โทรหาเหล่าจางด้วย โอเค คุณไปทำงานเถอะ ผมจะอาบน้ำเอง”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่” อิงอิงเดินออกไป โจวเจ๋อมองรอยฟันแดงๆ ที่อยู่บนไหล่ของตัวเอง แล้วจึงส่ายหน้าพูดไม่ออก แต่สักพักหนึ่ง โจวเจ๋อก็ลูบด้วยมือ
หลังจากอาบน้ำเสร็จเดินออกมา เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ความเหนื่อยล้ายังไม่หายไป กลับยิ่งทำให้หมดแรง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีเรื่องต้องจัดการ โจวเจ๋ออยากจะโอบอิงอิงขึ้นไปนอนแล้ว
ทนายอันก็จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ตอนที่โจวเจ๋อเดินเข้ามา ทนายอันเตรียมจะเอ่ยพูดด้วยใบหน้าที่ขึงขัง โจวเจ๋อจึงพูดพร้อมกับเขา
“ลมจะพัดแล้ว”
“ลมจะพัดแล้ว”
โจวเจ๋อนั่งลงตรงหน้าทนายอัน อิงอิงถือผ้าขนหนูมาเช็ดผมให้โจวเจ๋อด้วยความใส่ใจ
“เถ้าแก่ คุณทำถูกแล้ว สองสามคนนั้น เก็บไว้ไม่ได้” ทนายอันพูด จริงๆ แล้ว ทนายอันพอใจโจวเจ๋ออยู่บ้าง นั่นก็คือเวลาที่ต้องโหด เขาจะใจแข็งอย่างมาก ถึงแม้จะขี้เกียจทำงาน แต่เวลาที่ทำขึ้นมา ก็ชอบทำแบบถอนรากถอนโคน ไม่ใจอ่อนเลยสักนิด
“ปล่อยพวกเธอไป ผมไม่เชื่อว่าวันถัดมาจะมีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาหน้าร้านของผม ก้มหัวและกราบไหว้ผม”
“ใช่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรผ่านไปหลายปีแล้ว นกนางแอ่นใต้ชายคาหวังเซี่ยถัง ก็บินไปอยู่บ้านของชาวบ้านทั่วไปแล้ว”
มนุษย์เราเย็นชาต่อกัน บวกกับอิ๋งโกวในตอนนั้นก็คงไม่ใช่เจ้านายที่ชอบเล่นบทใช้แรงจูงใจและบทลงโทษเพื่อให้ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจยอมสวามิภักดิ์ตัวเองอย่างสุดจิตสุดใจ
ณ จุดนี้ ไท่ซานฝู่จวินดีกว่าอิ๋งโกวเยอะมาก อย่างน้อยหลังจากไท่ซานฝู่จวินดับสูญไปแล้ว ข้างกายยังมีวานรแก่ช่วยเขาหาผู้สืบทอด
แน่นอนว่า ด้วยนิสัยของอิ๋งโกวไม่น่าจะโดนหลอกเหมือนไท่ซานฝู่จวิน ถ้าหากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เล่าเรื่องธรรมะต่อหน้าอิ๋งโกว ส่งผลต่อการนอนหลับของอิ๋งโกว มีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องกินหมัดของเขาเข้าไป
“ผมสั่งให้นักพรตเฒ่ากับเดดพูลไปดูแลจัดการเรื่องที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแล้ว เหล่าจางก็รีบออกมาจากสถานีตำรวจแล้วเหมือนกัน” ทนายอันเอ่ย
โจวเจ๋อพยักหน้า จากนั้นลุกขึ้นเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”
“หืม ไปไหน”
“ไปขุดหาวัยหนุ่มที่คุณเพิ่งฝังลงไป”
“…” ทนายอัน
“คุณคิดว่ายังอุ่นอยู่ไหม”
…
โจวเจ๋อพูดแซว จากนั้นขับรถไปยังหมู่บ้านเก่าที่ย้ายถิ่นฐานแล้วในอำเภอหรูเกา ซึ่งรกร้างแล้ว โจวเจ๋อโยนพลั่วให้ทนายอัน ส่วนตัวเองจุดบุหรี่สูบอยู่ข้างๆ
“คุณไม่ขุดด้วยกันเหรอ” ทนายอันถาม
“อดีตของคุณ ผมไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรก”
ทนายอันรู้สึกกระอักเลือดอยู่ในใจ ตอนที่ขุดหลุมฝังศพนั่น ท้องฟ้าได้มืดหมดแล้ว
“ศพ ยังอยู่ไหม” โจวเจ๋อถาม ถ้าหากศพไม่เหลือแล้ว อย่างนั้นตอนแรกพวกเขาทั้งสองคนก็คงปัญญาอ่อนเกินไป
“อยู่ๆ” ทนายอันอุ้มศพของลู่ผิงจื๋อออกมา นอกจากดินโคลนและสิ่งสกปรกตามเนื้อตัวของชายชราแล้ว กลับไม่มีร่องรอยเน่าเปื่อย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของศพอืดแต่อย่างใด
“ลองตรวจดู ต้องมีอะไรอยู่บนตัวของเขาแน่นอน” ถ้าไม่มี หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคนนั้นคงไม่ตั้งใจมาหาเรื่องเขาแน่นอน ทนายอันเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด
“อย่าลืมตรวจ…”
“รูทวารๆ ผมรู้แล้ว!” ทนายอันตัดบทโจวเจ๋ออย่างไม่พอใจ
ทนายอันหาไปรอบหนึ่ง แล้วจึงถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “ไม่มีอะไรเลย” จริงๆ แล้ว ตอนทนายอันฝังศพของลู่ผิงจื๋อได้ตรวจสอบไปแล้ว
“อย่างนั้นก็แปลก” โจวเจ๋อเขี่ยบุหรี่ในมือด้วยความฉงน
“หรือว่าเขาเอาของซ่อนไว้”
“อาจจะใช่” ถ้าหากลู่ผิงจื๋อซ่อนของเอาไว้ แต่คนตายไปแล้ว ก็จะหาของสิ่งนั้นไม่เจอ โจวเจ๋อเดินไปข้างศพ นั่งลงยองๆ แล้วยื่นมือสำรวจดู
ศพนี้ ไม่มีสภาพเน่าเปื่อยเลยสักนิด และดูเหมือนศพจะยังอุ่นอยู่
ยังอุ่นอยู่? โจวเจ๋อกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “เผาเขาซะ!”
“เผาเขาเหรอ”
“หาฟืนแล้วจุดไฟเผา พวกเรามาดูการทำลายวัยหนุ่มและอดีตของคุณไปด้วยกันเถอะ”
“เถ้าแก่ อย่าพูดเรื่องนั้นได้ไหม” ทนายอันไปหาฟืน ก่อเป็นกองไฟเล็กๆ จากนั้นจุดไฟเผาด้วยไฟแช็ก ไม่ช้าจึงลุกไหม้ขึ้นมา
โจวเจ๋อยืนอยู่ข้างๆ เปลวไฟสะท้อนเข้าใบหน้าของเขา จากนั้นสีหน้าของเขาก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา เพราะตอนที่จุดไฟเผา ศพของลู่ผิงจื๋อไม่ถูกเผา ขนาดเส้นผมก็ไม่ไหม้เแม้แต่นิดเดียว!
“แม่งน้ำไฟก็ทำอะไรเขาไม่ได้เหรอ” ทนายอันประหลาดใจเหมือนกัน เมื่อไฟดับ ลู่ผิงจื๋อยังนอนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงบ โจวเจ๋อไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นเล็บนิ้วชี้ออกไปแล้วกรีดตั้งแต่กรามล่างจนถึงท้องน้อยของลู่ผิงจื๋อ ฉากนองเลือดตามที่จินตนาการไว้ไม่ปรากฏขึ้น ท้องน้อยของลู่ผิงจื๋อมีแสงสีทองอร่ามส่องออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ!
………………………………………………………………………..
[1] 直男癌 คือมะเร็งชายแท้ ผู้ชายที่มักดูถูกผู้หญิง สนใจแต่ความรู้สึกของตัวเอง直男 คือผู้ชายที่ชอบผู้หญิงและไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิง ไร้รสนิยม อีคิวต่ำ ดังนั้น直男癌 จึงเป็นอาการเข้าขั้นวิกฤต หมดหนทางเยียวยาแล้ว