ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 552 นรกขุมที่เก้า!
ตอนที่ 552 นรกขุมที่เก้า!
“ไม่ใช่นิ่วใช่ไหม” ทนายอันถาม
“ตอนที่ผ่าตัดให้คุณครั้งที่แล้วตัดนิ่วออกมาเป็นยังไงใช่ว่าคุณจะไม่รู้ ผมยังถ่ายรูปให้คุณเลย”
“…” ทนายอัน พอนึกถึงรูปภาพนั้น ทนายอันรู้สึกสิ้นหวังทันที และที่น่าโมโหที่สุดคือ โจวเจ๋อได้ถ่ายวิดีโอด้วย ในวิดีโอคือช่วงหลังจากผ่าตัด เป็นขั้นตอนที่พยาบาลทำความสะอาดนิ่วหลายเม็ดรวมถึงการชั่งน้ำหนัก แถมอีกฝ่ายยังเอามาให้เขาดูตอนที่เขานอนอยู่บนเตียงหลังจากผ่าตัดเสร็จ
ไม่ช้าแสงสีทองเริ่มหายไป โจวเจ๋อยื่นมือหยิบของสิ่งนั้นที่กำลังส่องแสงมาไว้ในมือ มันเย็นมาก เย็นมากถึงขนาดที่ฝ่ามือของโจวเจ๋อเริ่มรู้สึกชา
ควรทราบว่าโจวเจ๋อเมื่อก่อนชอบนอนในตู้แช่ศพอย่างมาก มีความสามารถทนต่อสภาพถูกแช่แข็งที่แข็งแกร่งมาก แต่แค่กำไว้ในมือครู่เดียว ฝ่ามือก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว เหมือนมีคนหยิบไนโตรเจนเหลวมาพ่นใส่มือของคุณอย่างบ้าคลั่ง
‘แกร๊ง!’ สิ่งนั่นร่วงหล่นลงไป แสงสีทองหายไปอย่างสิ้นเชิง เผยให้เห็นตราประทับโบราณที่แปลกตาอันหนึ่ง บนตราประทับนั้นเป็นหัวผีอยู่ด้านบน ท่าทางโหดเหี้ยมดุร้าย ด้านล่างเป็นทรงสี่เหลี่ยม ตอนที่โจวเจ๋อยื่นมือหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกเย็นเยียบนั่นไม่มีแล้ว
เขายกขึ้นมาคว่ำหัวดู ด้านล่างเป็นอักขระสี่ตัว ‘สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน’ นี่มันคืออะไร
“นี่…นี่!!!!!!!!!” ทนายอันหัวเราะ ‘พรืด’ แล้วนั่งลงไปบนพื้น ชี้นิ้วไปที่ตราประทับในมือของโจวเจ๋อและสั่นไม่หยุดด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“คุณรู้จักเหรอ” โจวเจ๋อถาม ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงและพวกของเธอที่วิงวอนต่อหน้าก่อนหน้านั้น กอปรกับปฏิกิริยาของทนายอันในตอนนี้ มากพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่าแน่นอน
มีมูลค่าก็ดี จะกลัวก็แต่ไม่มีค่าอะไรแล้วตัวเองต้องวิ่งเหนื่อยฟรี
“ตราลัญจกรของผิงเติ่งหวังแห่งนรกขุมที่เก้า!” ทนายอันพูดเต็มประโยคในที่สุด นรกขุมที่เก้าถูกทำลาย ผิงเติ่งหวังแซ่ลู่ก็หายตัวไป เป็นตายไม่อาจรู้ได้ แต่ลู่ผิงจื๋อกลับซ่อนและนำตราลัญจกรของผิงเติ่งหวังมายังโลกมนุษย์!
นอกจากนี้เขายังซ่อนตราประทับนี้ไว้ในร่างกายของตัวเอง ใช้ร่างกายและวิญญาณของตัวเองซ่อนเร้นอำพราง
“ตราลัญจกร” โจวเจ๋อชั่งน้ำหนักตราลัญจกรที่อยู่ในมือ แล้วถามต่อว่า “มีประโยชน์อะไร”
คนจีนให้ความสำคัญกับ ‘ตราลัญจกร’ มากเป็นพิเศษ และมีความฝังใจกับสิ่งเหล่านี้ แต่ก่อนนานหลายปี ตอนที่ตราลัญจกรไม่ปรากฏ สิ่งที่เป็นตัวแทนของ ‘อาณัติสวรรค์’ แท้จริงแล้วคือ ‘ติ่ง[1]’
พระเจ้าฉู่ถามหาติ่ง พระเจ้าฉินอู่ชูติ่ง รวมไปถึงราชวงศ์ฉินล้มราชวงศ์โจวแล้วย้ายเก้าติ่งกลับเมืองเสียนหยางในภายหลัง แท้จริงแล้วคือสัญลักษณ์ของการผลัดเปลี่ยนอำนาจรูปแบบหนึ่ง แต่หลังจากที่ขุนนางหลี่ซือได้เสนอให้ทำตราแผ่นดินหยกให้จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นต้นมา อำนาจอันสูงสุดจึงเปลี่ยนจากติ่งกลายเป็นตราลัญจกรขนาดเล็กนี้
“ตามตำนานที่เล่าสืบกันมา ในสายของไท่ซานฝู่จวินมีการสืบทอดตำแหน่งมาโดยตลอด โดยมีสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดอยู่ในมือสองอย่าง หนึ่งคือบัตรผี ระบบของยมโลกสร้างขึ้นโดยไท่ซานฝู่จวิน ไล่ลงไปจนถึงยมทูตระดับต่ำสุด สูงขึ้นไปถึงระดับฝู่จวิน ต้องมีบัตรทุกคน ซึ่งก็คือบัตรยมทูตที่อยู่ในมือของเถ้าแก่
สองคือตราหยกฝู่จวิน ตามที่ถ่ายทอดกันมา อิ๋งโกวดับสูญ นรกเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ในนรกออกมาอย่างไม่ขาดสาย ไท่ซานฝู่จวินรุ่นแรกใช้วิญญาณแห่งภูเขาไท่ซานผนึกนรก ฆ่าปีศาจยักษ์ทั้งสิบทิศ ดึงแก่นออกมาแล้วสร้างเป็นตราหยก จึงเรียกว่าตราลัญจกรหยกไท่ซาน หรือเรียกอีกอย่างว่าตราลัญจกรหยกฮ่องเต้ผีดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ได้ยินว่า ตราหยกนี้มีอานุภาพสามารถออกคำสั่งนรกได้ทั้งหมด และไม่ใช่สัญลักษณ์ของการเรียกเฉยๆ แต่สามารถเรียกวิญญาณปีศาจยักษ์ทั้งสิบทิศที่โดนผนึกอยู่มาเป็นอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง! หลังจากไท่ซานฝู่จวินรุ่นสุดท้ายหายตัวไป ภายใต้การร่วมมือของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์และพญายมที่ดูแลนรกทั้งสิบขุมได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรร่วมกันที่ริมแม่น้ำแห่งความตาย แบ่งตราหยกฝู่จวินออกเป็นสิบชิ้น ใช้เป็นตราหยกของพญายมทั้งสิบขุม
ส่วนบนตราหยกนี้ ในเมื่อสลักคำว่า ‘สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน’ ดังนั้นจึงเป็นตราหยกติดตัวของผิงเติ่งหวังแซ่ลู่แห่งนรกขุมที่เก้า!”
“ของดีอยู่แท้ๆ กลับต้องแบ่งเป็นสิบ” โจวเจ๋อไม่ค่อยเข้าใจ ทางสหรัฐอเมริกามีการแยกใช้อำนาจเป็นสามส่วน[2] คิดไม่ถึงว่าในนรกกลับรุนแรงยิ่งกว่า และสามารถเรียกได้ว่า ‘ทำอย่างดีพร้อมสมบูรณ์ครบสิบส่วน’
“ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น นี่ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจที่สามารถผลัดเปลี่ยนและถูกแทนที่เท่านั้น ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ตราหยกของไท่ซานฝู่จวินในตอนแรกสามารถเรียกวิญญาณของปีศาจยักษ์ทั้งสิบทิศ ซึ่งถูกผนึกโดยไท่ซานฝู่จวินรุ่นแรกมาเพื่อใช้งานได้ หลังจากตราหยกถูกแบ่งเป็นสิบชิ้น พญายมแต่ละคนจึงทำลายหรือฆ่าวิญญาณของปีศาจยักษ์หนึ่งในนั้นหรือไม่ก็กลืนกินให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตราหยกที่ถูกแบ่งเป็นสิบชิ้นจึงไม่มีอานุภาพสมบูรณ์เหมือนในตอนแรกแล้ว ถึงแม้จะอยู่รวมกัน ก็ไม่มีประโยชน์”
“อ้อ แบบนี้นี่เอง” โจวเจ๋อพยักหน้า ถือว่าเข้าใจแล้ว
พญายมทั้งสิบที่ถือว่าเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ของ ‘ราชวงศ์ใหม่’ กับพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่หลอกลวงไท่ซานฝู่จวิน ถึงแม้จะไม่สามารถพูดได้ว่าสนิทกันดีถึงขั้นใส่กางเกงตัวเดียวกันได้ แต่ก็ยังสามารถถ่วงดุลอำนาจและรับผลประโยชน์ร่วมกันได้
แต่มีจุดหนึ่งที่ทุกคนยืนอยู่บนแนวรบเดียวกัน นั่นก็คือจะไม่ยอมให้ไท่ซานฝู่จวินมีโอกาสกลับมาอีกเด็ดขาด ลองคิดดูว่า ถ้าหากวันไหนไท่ซานฝู่จวินที่หายตัวไปจู่ๆ ได้กลับมา หรือไม่ก็เป็นผู้สืบทอดของเขากลับมา จากนั้นถือตราหยกไท่ซาน เรียกวิญญาณของปีศาจยักษ์ทั้งสิบทิศ ใช้นามของความชอบธรรม สุดท้ายนรกจะเป็นของใคร พูดยากจริงๆ
ดังนั้นเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด ถึงแม้จะต้องทำลายข้าวของ ใช้ทรัพยากรทิ้งๆ ขว้างๆ ก็ต้องรักษาตำแหน่งของตัวเองในตอนนี้ไว้
“แต่คุณยังไม่ได้บอกผม ตราหยกนี้ ตอนนี้มีประโยชน์อะไรกันแน่”
“ถึงแม้ตราหยกนี้จะไม่มีอานุภาพสมบูรณ์เหมือนในอดีตแล้ว แต่ตราหยกทุกชิ้นเป็นสัญลักษณ์ของพญายมสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดของขุมนรก! เถ้าแก่ ตอนนี้ในเมื่อตราหยกอยู่ในมือของคุณ อย่างนั้นเว้นเสียแต่ว่าผิงเติ่งหวังแซ่ลู่ยังไม่ตาย และจู่ๆ กระโดดเด้งออกมา ไม่อย่างนั้นขอแค่คุณมีตราหยกอยู่ในมือ ทั่วทั้งนรกขุมที่เก้าก็จะเป็นผู้ตามของคุณแต่ผู้เดียว!”
ว้าว สุดยอดไปเลย! ยอดเยี่ยมมาก! ดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง! โจวเจ๋อเกิดภาพลวงตารู้สึกว่าตัวเองโดนโจโฉสิงร่างจากนั้นคุมตัวโอรสสวรรค์บัญชาการเจ้าครองนคร!
แต่ๆๆ โจวเจ๋อเลื่อนสายตาลงไป มองเห็นศพของลู่ผิงจื๋อที่นอนอยู่บนพื้น เนื่องจากสูญเสียหยกไปจึงเริ่มเน่าสลายอย่างรวดเร็ว
“แล้วผมจะสั่งใครได้”
“…” ทนายอัน
นี่คือปัญหาหนักมาก และปัญหานี้เหมือนตอนที่สำนักงานสลากกินเบ่งรัฐบาลทำงานผิดพลาด ไม่ระวังทำให้คุณถูกรางวัลใหญ่ ผลปรากฏว่าตอนที่คุณรู้ กลับพบว่าลอตเตอรี่ของคุณ เป็นรางวัลที่หมดอายุแล้ว
ลู่ผิงจื๋อ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายของนรกขุมที่เก้าใกล้จะบุบสลายแล้ว คุณถือตราหยกไว้จะเอาไปสั่งใครเล่า
โจวเจ๋อเตะลู่ผิงจื๋อที่นอนอยู่บนพื้นกำลัง ‘สลายกลายเป็นดิน’
“นี่ นายตื่นก่อน ตื่นมาให้ฉันสั่งนายก่อน”
“…” ทนายอัน
“…” (ลู่ผิงจื๋อที่ตายไปนานแล้ว)
โจวเจ๋อถือตราหยกชั่งน้ำหนักอยู่ในมือ พูดออกไปยังได้หน้า ตราหยกของพญายมแห่งนรกขุมที่เก้า คุณเคยเห็นไหมสุดยอดหรือเปล่า ยอดเยี่ยมไหมเล่า
แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ว่าหากพูดอวดคนอื่นแล้วคนอื่นจะมองคุณเป็นคนโง่ไหม อีกอย่างเจ้าสิ่งนี้ไม่สามารถพูดได้จริงๆ
นรกขุมที่เก้าอันกว้างใหญ่ นึกจะไม่มีก็ไม่มี ควรทราบว่านรกขุมที่เก้าเนื่องจากลักษณะเฉพาะของมัน จึงมีคนเกลียดเป็นขบวน สามารถทำให้นรกขุมที่เก้าต้องอาบเลือดในคืนเดียว เป็นอิทธิพลจากทางไหนกันแน่ ขุมนรกอีกเก้าขุมที่เหลือรวมทั้งพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขามีส่วนร่วมหรือไม่ ไม่แน่ตอนนี้กากเดนของนรกขุมที่เก้าที่หลงเหลืออยู่ คงจะสู้เหมือน ‘จูฉือโจ่ง[3]’ ในยุคราชวงศ์ชิง
และถ้าเรื่องที่เจ้าสิ่งนี้อยู่ในมือของตัวเองถูกแพร่ออกไป คงจะเป็นปัญหาใหญ่มาก บางครั้งโจวเจ๋อก็ปวดหัว ทำไมตัวเองต้องเจอของที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ มีค่าแต่ใช้ไม่ได้ และยังอวดไม่ได้อีก ยิ่งไปกว่านั้นคือขายไม่ได้ สำหรับเถ้าแก่โจวที่ชอบของใช้ที่มีประโยชน์มาตลอด มันอึดอัดมากจริงๆ
“ไม่ถูก!” จู่ๆ โจวเจ๋อก็นึกอะไรขึ้นได้ “ตราหยกนี้ต้องมีประโยชน์อย่างอื่น ไม่อย่างนั้นพวกหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงสองสามคนนั้นคงไม่รีบอยากได้มันใจจะขาด!”
“เอ่อ…แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะเอาไปทำอะไร” ทนายอันลำบากใจเล็กน้อย ความหมายนอกเหนือจากนี้คือพวกเราไม่สามารถวิ่งไปถามคนในเผ่าได้หรอกนะ
“เฮ้อ” โจวเจ๋อถอนหายใจ โยนตราหยกที่อยู่ในมือทิ้งไป ทนายอันรับมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ยกให้คุณ”
“…” ทนายอัน
โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน หันหน้ากำลังจะยื่นบุหรี่ให้ทนายอัน ทันใดนั้นเขาพบว่า ทนายอันเหมือนจะร้องไห้สะอึกสะอื้น เอ่อ…จริงๆ แล้ว สำหรับเถ้าแก่โจว เจ้าสิ่งนี้เป็นเหมือนเผือกร้อนในมือ แต่สำหรับทนายอันแล้วไม่เหมือนกัน!
นี่คือตราลัญจกรของพญายมแห่งนรกขุมที่เก้า! ท่านพญายมเชียวนะ! เขาทนายอันตอนนั้นเก่งที่สุด ก็เป็นได้แค่ผู้ตรวจสอบเท่านั้น!
เขาซาบซึ้ง ซาบซึ้งมากจริงๆ ทนายอันที่หัวเราะฮ่าๆๆ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เวลานี้รู้สึกถึงไออุ่นที่ไหลอยู่ในหัวใจของตัวเอง เกิดความคิดชั่วแล่นอยากเป็นบุรุษที่ยอมตายเพื่อคนสนิทแบบนั้น
“คุณโอเคใช่ไหม” โจวเจ๋อยื่นมือตบไหล่ของทนายอัน
“ผม…อยากจะ…ฮือ…ฮือ…” เริ่มสูดจมูก
“คุณไม่เป็นไรก็ดี” จริงๆ แล้วโจวเจ๋ออยากจะปลอบใจเหล่าอัน อย่างเช่น สิ่งนี้สำหรับตัวเขาแล้วไม่สำคัญอะไร อย่างเช่น สมุดหยินหยางของเขา ตอนแรกก็โยนให้เจ้าลิงเอาไปเล่นแบบนี้เหมือนกัน
โจวเจ๋อเดิมทีอยากปลอบใจทนายอันเล็กน้อย หวังว่าเขาจะเหมือนเจ้าลิง จึงลองพูดแหย่เล็กน้อย อย่างเช่น เจ้าลิงตอนนี้ได้เป็นเพื่อนกับเทพเซียนที่ถูกขังอยู่ในสมุดหยินหยางแล้ว และยังสามารถปล่อยพวกเขาออกมาช่วยตัวเองต่อสู้ได้ ไม่แน่ทนายอันหลังจากได้ถือตราลัญจกรนี้แล้ว หลังจากที่มัวแต่จับมันทั้งวันไม่ยอมปล่อย อาจจะเจออะไรแปลกใหม่ก็เป็นได้
“โอเค จัดการศพนี้ซะ ผมจะไปรอคุณบนรถก่อน ตรงนี้เหม็นเกินไปแล้ว” โจวเจ๋อโบกมือ เดินไปที่รถ
“ฮู่ว…” ทนายอันถอนหายใจยาว ระงับอาการตื่นเต้นในใจ เก็บตราลัญจกรอย่างดีประดุจเหมือนสิ่งล้ำค่า จากนั้นจึงรีบจัดการศพอย่างรวดเร็ว หลังจากเก็บศพเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเวลาค่ำคืนที่เงียบสงบ
ทนายอันมองไปที่รถที่อยู่แต่ไกล เขาตั้งใจเปลี่ยนตำแหน่งไปยังจุดที่ไม่สามารถมองเห็นจากในรถได้ หยิบตราลัญจกรออกมาพลางกลืนน้ำลาย ทำท่าดรรชนีกล้วยไม้ ชี้ไปข้างหน้าเหมือนร้องงิ้ว “ผู้ที่มานี้เป็นใคร!” พูดจบ ทนายอันจึงเดินไปฝั่งตรงข้าม ถือตราลัญจกรอยู่ในมือ พร้อมกับใบหน้าเคร่งขรึมน่าเกรงขาม มาพร้อมกับความดูหมิ่นเล็กน้อย ราวกับว่าทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบคือมดตัวเล็ก จากนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยว่า “ผิงเติ่งหวังแซ่อันแห่งนรกขุมที่เก้า!”
………………………………………………………………………..
[1] ติ่ง ในสมัยดึกดำบรรพ์ใช้เป็นเครื่องหุงหาอาหารทำจากดิน มีลักษณะเป็นหม้อต้มมีขาสามถึงสี่ขา ต่อมาเมื่อทำเป็นเครื่องทองสัมฤทธิ์ ติ่งกลายเป็นภาชนะที่ใช้สำหรับบวงสรวงชนิดหนึ่ง แสดงถึงความสูงส่งเป็นสัญลักษณ์อำนาจของกษัตริย์
[2] อำนาจสามส่วน คือ อํานาจตุลาการ บริหาร นิติบัญญัติ
[3] จูฉือโจ่ง บุตรชายของจักรพรรดิฉงเจิน จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์หมิง