ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 553 ประกาศฝึกอบรม!
ตอนที่ 553 ประกาศฝึกอบรม!
ทนายอันตื่นเต้นอย่างไร โจวเจ๋อไม่สนใจ ตราลัญจกรของนรกขุมที่เก้าสำหรับเขาแล้วไม่มีประโยชน์จริงๆ โยนให้ทนายอัน มีความคล้ายคลึงกับที่นายเจียงไคเชกหลังจากพ่ายแพ้กลับไต้หวัน พวก ‘เจ้าหน้าเฉพาะกิจ’ ที่หลงเหลืออยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ถือหนังสือมอบอำนาจเปล่าหนึ่งกล่องในมือ มอบตำแหน่ง ‘หัวหน้ามณฑล’ ‘พลตรี’ ให้กับโจรพเนจรท้องถิ่นเพื่อให้พวกเขาต่อต้านต่อไป
หากจะว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่าการหลอกใช้ คนเก่าแก่ของนรกขุมที่เก้า โดยทั่วไปถูกกำจัดหมดแล้ว ถ้าหากผู้พิพากษาคนนั้นอยากจะสร้างนรกขุมที่เก้าขึ้นใหม่ เลือกคนใหม่เป็นรากฐาน คาดว่าต้องใช้เวลานานหลังจากนี้นรกขุมที่เก้าเมื่อเทียบกับนรกขุมอื่นอีกเก้าขุม เห็นได้ชัดว่าอยู่ในสถานะที่ไม่เท่าเทียมกัน กระทั่งหลังจากนี้ไปถ้าหากอยู่ไม่ไหวจริงๆ นรกขุมที่เก้าจะถูกแบ่งแยกอย่างสิ้นเชิง ถูกขุมนรกอื่นแบ่งอาณาเขตและตำแหน่งใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันนี้ มีประโยชน์กับคนเก่าคนแก่ แต่คนเก่าตายหมดแล้ว คุณถือตราลัญจกรนี้ไปสั่งคนใหม่ ดูซิว่าคนใหม่จะสนใจคุณไหม แต่ทนายอันก็ยังรู้สึกดีใจ ตอนที่ขึ้นรถและสตาร์ทรถนั้น เขาวิ่งตัวปลิวเหมือนสายลม ทั้งๆ ที่เป็นคนที่สุขุมรอบคอบคนหนึ่ง เหอะๆ สงสัยยังหนีไม่พ้นเรื่องสนุกโลว์คลาสแบบนี้
โจวเจ๋อมองออกไปนอกรถ ยังมีน้ำฝนหยดอยู่บนหน้าต่างรถ ด้านนอกฝนยังตกอยู่ ฝนตกไม่หนักมาก หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป จึงขับรถมาถึงหน้าประตูร้านหนังสือ
โจวเจ๋อลงจากรถ ยืนบิดขี้เกียจอยู่ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย วันนี้มีเรื่องมากมาย เขาจึงเหนื่อยกว่าปกติเพียงแต่ตอนที่ผลักประตูร้านออก โจวเจ๋อเห็นคนใส่ชุดสีเขียวยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เหมือนบุรุษไปรษณีย์ แต่ก็ไม่ใช่
นักพรตเฒ่านั่งอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ ดูเหมือนจะนั่งจ้องตากับคนคนนี้มานานพักหนึ่งแล้ว
“เขาเป็นใคร” โจวเจ๋อถาม
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากเขาเข้ามาก็ยืนแบบนี้ ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นลูกค้ามาหาที่ร้าน แต่กลับไม่เหมือน…”
เวลานี้ เหมือนเขาจะสัมผัสได้ว่าโจวเจ๋อกลับมาแล้ว ผู้ที่มาเยือนจึงยื่นมือล้วงเข้าไปในอ้อมอก หยิบจดหมายออกมาฉบับหนึ่ง จากนั้นเสื้อผ้าสีเขียวที่อยู่บนตัวจึงร่วงลงภายในพริบตา เหลือเพียงยันต์กระดาษลอยกลางอากาศ แล้วร่วงลงอย่างช้าๆ
“ผู้ส่งสาร” นักพรตเฒ่าบ่นพึมพำ หยิบจดหมายขึ้นมายื่นให้โจวเจ๋อ
ทนายอันกลับเดินไปข้างๆ เสื้อผ้า หยิบยันต์กระดาษขึ้นมาแล้วพูดทันที “หุ่นเชิดส่งสาร เมื่อเห็นเจ้าตัวแล้วคนส่งสารจะหายไปทันที เป็นวิชาขั้นสูง ผมยังทำไม่เป็น” ทำไม่เป็น ไม่ได้เป็นเพราะเรียนยาก แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ ดังนั้นจึงไม่ต้องเรียน
พูดจบทนายอันยื่นยันต์ให้นักพรตเฒ่า แล้วสั่งว่า “เอาไปให้เหล่าสวี่ ดูว่าเขาสามารถลอกเลียนแบบได้ไหม”
“ได้เลย” นักพรตเฒ่าถือยันต์กระดาษเดินขึ้นข้างบนดฮณ๊ฯดฯฌซ,
โจวเจ๋อถือจดหมายแล้วนั่งลงบนโซฟา บนจดหมายไม่มีบันทึกใดๆ ไม่ได้ระบุที่อยู่และชื่อผู้รับ ในเมื่อคนคนนั้นทำหน้าที่เสร็จก็หายไปตัวไปหลังจากที่เห็นเขาแล้ว อีกฝ่ายน่าจะเอามาให้เขาจริงๆ
เขาเปิดซองจดหมาย ในนั้นมีรูปภาพเพียงหนึ่งใบ เป็นรูปประตูใหญ่ของไนต์คลับแห่งหนึ่ง ชื่อว่าไนต์คลับฮุยหวง ขณะเดียวกันยังระบุวันที่อีกด้วย บนนั้นระบุว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 2018 เวลาหกโมงเย็น
โจวเจ๋อยื่นรูปภาพให้ทนายอันที่อยู่ข้างๆ ทนายอันถือแล้วมองหนึ่งที จากนั้นกล่าวว่า “น่าจะเป็นผู้พิพากษาคนนั้นเรียกรวมตัว”
โจวเจ๋อพยักหน้า เขาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
จากการวิเคราะห์ของทนายอัน ผู้พิพากษาคนนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่อยากจะสร้างนรกขุมที่เก้าใหม่ การฝึกอบรมครั้งนี้ แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์ที่อยากจะตรวจสอบและพิจารณา
เวลานี้ มีรถตำรวจคันหนึ่งขับมาจอดหน้าร้านหนังสือ เหล่าจางวิ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือของเขาก็ถือจดหมายฉบับหนึ่ง
“เถ้าแก่ เมื่อกี้มีคนเคาะประตู จากนั้นก็ให้อันนี้ผม…”
โจวเจ๋อโบกซองจดหมายให้เหล่าจาง “ถึงเวลาแล้ว พวกเราก็ไปด้วยกัน”
“อืม ได้ครับ” เหล่าจางพยักหน้า จากการคาดคะเนของทนายอันก่อนหน้า ครั้งนี้ยมทูตที่ถูกผู้พิพากษาคนนั้นเรียกชื่อ ครึ่งหนึ่งอาศัยเส้นสายต่างๆ เข้ามา อีกครึ่งหนึ่งคือพวกที่ได้รับความนิยมและเห็นว่าเป็นคนที่มีศักยภาพแฝงสามารถพัฒนาได้
เหล่าจางคือคนที่ทนายอันใช้เส้นสายของตัวเองในนรกยัดเข้าไป ส่วนโจวเจ๋อคือคนที่ถูกผู้พิพากษาคนนั้นเลือก ซึ่งเท่ากับคนหนึ่งเป็นนักเรียนทุนรัฐบาล อีกคนหนึ่งเป็นนักเรียนที่ใช้ทุนของตัวเอง
“รู้สึกว่าทำแบบนี้ ไม่ค่อยจริงจังเท่าไร” โจวเจ๋อพูดไม่ออก ผู้พิพากษาเรียกฝึกอบรม ยมทูตที่โดดเด่นกับยมทูตที่มีภูมิหลังดีเข้าร่วม แต่ดันนัดรวมตัวกันที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง และดูจากหน้าร้านแล้ว ไนต์คลับแห่งนี้ก็ไม่ค่อยมีความหรูอะไร
ได้ยินว่าช่วงนี้เซี่ยงไฮ้กวาดล้างเข้ม หลายสถานที่ถูกสั่งปิด ถ้าหากยมทูตมาประชุมกันที่นี่ แล้วตำรวจมากมายจู่ๆ ถีบประตูบุกเข้ามา เหอะๆ ภาพแบบนั้น ช่างเจ็บแสบเกินบรรยาย เหมือนคลื่นยักษ์ถล่มวังมังกร (อุปมาคนบ้านเดียวกันเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันเพราะไม่รู้จักกัน)
“คาดว่าต้องการให้รวมตัวกันแล้วพาลงไปนรก ถ้าทุกคนต่างคนต่างลงไปเอง ต้องใช้เวลานานพอสมควรเพื่อทำเรื่องที่ทางเดินน้ำพุเหลือง”
ทนายอันวิเคราะห์ว่า “มีความเป็นไปได้สูงที่ตำแหน่งของการฝึกอบรมจะอยู่มุมไหนสักแห่งของนรก ดังนั้นหลังจากทุกคนรวมตัวกันแล้ววิญญาณจะร่วมเดินทางไปด้วยกัน เมื่อทำแบบนี้ ก็จะยิ่งสะดวกและมีความเหมาะสมนอกจากนี้ ยังสามารถรับประกันว่ากายเนื้อของทุกคนในโลกมนุษย์ จะได้รับการปกป้องตามแต่สมควร”
โจวเจ๋อโยนจดหมายลงบนโต๊ะน้ำชา พลางพยักหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปอยู่ดี ส่วนรูปแบบจะเป็นเช่นไร ก็ไม่สำคัญ ถือเสียว่าใช้เงินหลวงไปเที่ยวนรกสองสามวัน และอาจจะโดนเรียกเข้าไปในนรกขุมที่เก้า สำหรับยมทูตคนอื่นถือว่าเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง เป็นงานที่สามารถเลื่อนตำแหน่งสูงได้ในก้าวเดียว แต่ในร้านหนังสือยังมีตราลัญจกรของผิงเติ่งหวังอยู่เลยนะ ต่อให้อยากพึ่งพาผู้หลักผู้ใหญ่เลื่อนตำแหน่งสูง ก็ไม่สามารถเลือกศาลาว่าการที่เพิ่งสร้างใหม่แบบนี้
“อืม ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นคุณลางาน แล้วพวกเราไปเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน” โจวเจ๋อพูดกับเหล่าจาง ความหมายคือ คุณกลับไปทำงานของคุณได้แล้ว เหล่าจางลังเล ไม่ขยับ
เวลานี้ สวี่ชิงหล่างเดินจากชั้นบนลงมาข้างล่างและตะโกนว่า “กินข้าวมื้อดึกได้แล้ว”
เหล่าจางรีบลุกขึ้นพรวด หัวเราะพูดว่า “เหอะๆ บังเอิญจริงๆ”
…
“แม่นอนหลับหรือยัง” สาวน้อยโลลิยืนถามอยู่หน้าประตูห้องนอน
“อืม นอนหลับแล้ว เธอไม่เป็นไรแล้ว” หวังเคอลุกขึ้นเดินออกมา โน้มตัวแล้วพูดกับลูกสาวของตัวเอง “ลูกก็รีบไปนอนได้แล้ว”
สาวน้อยโลลิพยักหน้า เธอรู้ว่าหวังเคอพูดประโยคนี้มีความหมายอื่นแฝงอยู่ จึงกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง ผนังห้องสีชมพู เตียงเจ้าหญิง สาวน้อยโลลิได้นอนอยู่บนนั้น
เธอนับถือผู้หญิงที่เพิ่งถูกตัวเองเรียกว่า ‘แม่’ อย่างมาก ในร้านหนังสือแม้แต่ทนายอันก็นอนกลางวันกับหุ่นขี้ผึ้ง แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับพบว่าคนที่เข้ามาก่อนหน้า ไม่ใช่สามีและลูกสาวของเธอ
คุณบอกว่าสติของเธอมีปัญหาใช่ไหม แต่บางครั้งเธอกลับมีสติมากกว่าใคร
เธอหลับตาเตรียมตัวนอนหลับพักผ่อน ก่อนหน้านั้นอยากจะคืนเวลาของลูกสาวพวกเขาให้พวกเขาเยอะหน่อยสาวน้อยโลลิไม่คิดกลับคำ
และในเวลานี้ เงาสีขาวได้ปรากฏอยู่ที่หน้าต่างตอนนี้ และแหวกม่านหน้าต่างเดินเข้ามาด้วยตัวเอง มันคือจิ้งจอกขาวตัวหนึ่ง สาวน้อยโลลิลืมตา ลุกนั่ง
จิ้งจอกขาวยืนขึ้นมา กลายร่างเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง “ข้ามาเยี่ยม” ก่อนหน้านั้นจิ้งจอกขาวได้สิงร่างของภรรยาหวังเคอเพื่อดูแลเธอระยะหนึ่ง
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมา เรื่องมันจบไปแล้ว” สาวน้อยโลลิกล่าว
“แต่ข้ายังอยากจะมา” จิ้งจอกขาวพูด
สาวน้อยโลลิมองเธอหนึ่งทีเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม แล้วพูดเตือนว่า “อย่าคิดเพ้อเจ้อมากนัก”
“ข้าไม่เคยคิดเพ้อเจ้อ”
“แล้วแต่เจ้า”
“ขอบคุณ”
สาวน้อยโลลินอนลงอีกครั้ง จิ้งจอกขาวก็ยังไม่กลับ ทำท่าเหมือนจะพูดแต่หยุดไป สาวน้อยโลลิจึงเอ่ยว่า “มีธุระเหรอ”
“มี”
“พูดมา”
“วันนี้ข้าเห็นผู้ส่งสารออกมาจากนรก ข้าเจอโดยบังเอิญระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ มันมุ่งหน้าไปยังร้านหนังสือ”
สาวน้อยโลลิลืมตาทันที แลบลิ้นออกมาในทันใดแล้วรัดตัวของจิ้งจอกขาว พลางพูดตวาดว่า “เจ้ากำลังจับตาดูพวกเรา”
‘แม่’ ของสาวน้อยโลลิตื่นตกใจ เธอก็รีบมาทันที ควรทราบว่าช่วงนี้เธอไม่ได้อยู่ทงเฉิง และเธอก็เจอผู้ส่งสารของนรกโดยบังเอิญ ทำไมเธอถึงโชคดีขนาดนี้
“ข้าอยากช่วยเจ้า” จิ้งจอกขาวพูด
“ยังไม่ได้เป็นแม่เลี้ยงของข้า ก็อยากทำดีกับลูกสาวของเขาแล้ว” สาวน้อยโลลิเผยสีหน้าเย้ยหยันออกมาบนใบหน้า
“ข้ามีเพื่อนเยอะ เยอะมากๆ…” เส้นสายของสาวหอนางโลมกว้างขวางจริงๆ
แต่เถ้าแก่ที่สามารถเปิดซ่องโสเภณีในเมืองได้ จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังที่แข็งแกร่งแน่นอน หากเส้นสายไม่แข็งแรงพอ โดยทั่วไปแล้วจะถูกทลายซ่องหลายต่อหลายครั้ง
จิ้งจอกขาวตอนแรกไม่เห็นยมทูตอยู่ในสายตา มากพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเส้นสายความสัมพันธ์ของเธอ กินเรียบทั้งในโลกมนุษย์และโลกหลังความตาย
เพียงแต่ก่อนหน้านั้นเจออุปสรรคอยู่บ้าง ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ถึงให้ความรู้สึก ‘น่าส่งสาร’ กับผู้คน
“จากนั้นล่ะ” สาวน้อยโลลิใช้ลิ้นรัดแน่นขึ้น
“ข้ารู้ว่า ช่วงนี้ในนรก มีผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งอยากจะฝึกอบรม จึงเลือกยมทูตลงไปกลุ่มหนึ่ง ร้านหนังสือของพวกเจ้าน่าจะมีรายชื่อด้วย ทนายคนนั้น เขาต้องมีวิธีหาโควตารายชื่อมาได้แน่นอน”
“อย่างนั้นก็ต้องเป็นเถ้าแก่”
“ไม่ มีจดหมายสองฉบับ”
สาวน้อยโลลิจ้องนิ่ง รีบลงจากเตียงทันที เดินไปข้างกายจิ้งจอกขาว พลางพูดเสียงทุ้มหนัก “เจ้าอยากทำให้พวกเราแตกคอกัน” ในฐานะนักธุรกิจหญิงที่เคยแข็งแกร่ง มีอะไรไม่เคยเจอบ้าง มีแผนการอะไรบ้างที่เธอไม่เคยได้สัมผัส ถ้าหากโกรธเพราะคำพูดแค่คำสองคำ ก็ไม่ใช่เธอหลินเข่อแล้ว
“เจ้าพูดตลก ข้าไม่ได้โง่ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องแบบนี้” จิ้งจอกขาวส่ายหน้า
“และข้าก็ไม่ได้จับตามองพวกเจ้า กลิ่นของพี่อาหวงกับแม่ย่าแปดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนี้ทงเฉิงจึงมีปีศาจเข้ามาไม่น้อย เตรียมตัวต้อนรับบรรพบุรุษของพวกมันกลับไป เหตุผลที่พวกเจ้าไม่รู้ เป็นเพราะปีศาจพวกนั้นไม่ได้เรื่อง ไม่ดึงดูดสายตาผู้คนเท่านั้นเอง และข้าก็ได้ข่าวมาจากพวกมัน”
“ปีศาจ”
“วางใจได้ เป็นพวกที่อยากประจบเอาใจต่อหน้าบรรพบุรุษเท่านั้น พวกมันไม่กล้าทำตัวกร่าง ถ้าหากในป่าเก่าแก่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังมีเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ออกมา ข้าจะมาแจ้งข่าวให้พวกเจ้าก่อน”
“อย่างนั้นวันนี้เจ้า หมายความว่าอะไรกันแน่”
“ข้าอยากมาเตือนเจ้า ในอดีตเจ้าได้คลานเข้าไปอยู่ในหลุมของเขาแล้ว ตอนนี้ถ้าหากเจ้ายังเลือกที่จะหลับใหลต่อไป ความสัมพันธ์ที่สร้างไว้ดีแล้วก่อนหน้านั้น อาจจะยิ่งห่างไกลออกไป หากจะพูดจาหยาบคายหน่อยก็คือชักช้าไม่ทันชาวบ้าน”
“คำพูดพวกนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าพูดมันสมควรไหม แล้วก็ เรื่องราวที่จิ้งจอกชอบบัณฑิต เป็นเรื่องที่สวยงาม แต่ก็จบไม่สวย เถ้าแก่เคยพูดว่า เป็นเพื่อนกับเขา หลักๆ แล้วจะเจอแต่เรื่องซวย เจ้าลองดูเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กของเขา ดูเพื่อนของเขา ดูลูกสาวของเขา แล้วมาดูภรรยาของเขา สุดท้ายลองมาดูเจ้า”
………………………………………………………………………..