ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 562 ตกอับ!
ตอนที่ 562 ตกอับ!
ไม่ใช่ว่าโจวเจ๋อแสร้งดัดจริตหรือจงใจแขวะอะไร ในความเป็นจริง ที่โจวเจ๋อพูดน่ะมันเป็นความจริงจากใจล้วนๆ
เขาระแวงอิ๋งโกวในหลายๆ ด้านมาก อีกทั้งยังระแวดระวังรอบด้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้งคำพูดหรือการกระทำก็ตาม หากสู้ได้ก็สู้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงทั้งนั้น
ความเป็นอยู่ที่ดีของฉันขึ้นอยู่กับความเป็นอยู่ที่ไม่ดีของคุณ แต่ถ้าบอกว่าโจวเจ๋อเกลียดอิ๋งโกวแค่ไหน เกลียดจนไม่ตายไม่เลิกรา ถึงขั้นกินเนื้อดื่มเลือดของอีกฝ่ายเลยหรือไม่
ยังไม่ถึงขั้นนั้นจริงๆ
เพราะหากพูดกันให้ถึงแก่นแท้แล้ว ถ้าไม่ได้อิ๋งโกวออกตัวให้ในหลายๆ ครา เขาโจวเจ๋อคงตายไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ ระวังเขา ก็เพื่อป้องกันตัว แต่ไม่เกี่ยวกับความเกลียดชังใดๆ
จริงๆ แล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองมันเกินกว่าจะบอกว่าทั้งรักทั้งฟาดฟันกัน แต่คนสองคนที่เรียกได้ว่าใกล้ชิดกันที่สุดในโลก กลับเข้ากันได้ดีและเข้าใจกันโดยปริยาย
ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดละมั้ง ทะเลาะด่ากันทุกวัน โยนสิ่งปฏิกูลใส่ประตูบ้านอีกฝ่าย ด่าว่าไร้ลูกหลานสืบสกุล แต่ถ้าอยู่มาวันหนึ่งจู่ๆ เพื่อนบ้านตายไป ก็รู้สึกเหงาอยู่นิดหน่อยจริงๆ
หากสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นนั้นจริงๆ หากวันนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปได้จริงๆ เถ้าแก่โจวก็ไม่รังเกียจที่จะถือโอกาสแสดงน้ำใจ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องตายอยู่ดี ปล่อยให้อิ๋งโกวออกไปเถอะ และไม่ต้องฆ่าตัวตายด้วย ปล่อยให้เขาร่อนเร่พเนจรต่อไป
ถึงอย่างไรด้วยนิสัยและอารมณ์ของเจ้านี่ ถ้าสภาพยังไม่ฟื้นคืนสู่สภาวะสูงสุด ก็ต้องถูกกองกำลังพันธมิตรแห่งนรกทุบตีจนตายอีกครั้งไม่ช้าก็เร็ว
‘คุณบอกว่าจะตะโกนสักสองครั้งแล้วฆ่าตัวตาย คุณไม่รู้สึกเลี่ยนแต่ผมรู้สึกเลี่ยนไม่ไหว คุณจะตายเพื่อความรักหรือไง’
‘…’ อิ๋งโกว
‘คุณก็อย่าเพิ่งคิดจริงจังเชียวล่ะ ให้ผมดูก่อน ให้ผมรออีกหน่อย ถ้ามีปาฏิหาริย์แล้วยังมีผมทางออกอยู่อีกล่ะ’ โจวเจ๋อถอนหายใจและพูดต่อ ‘ถ้าท้ายที่สุดยืนยันว่าไม่มีทางออกอื่นให้ไปแล้วจริงๆ ผมค่อยทำแบบนั้น ได้ใช่ไหม ถึงยังไง ผมก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากรอดน่ะ’
สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูขอไปทีและเสแสร้งนิดหน่อย แต่กับคนที่ ‘สนิท’ ที่สุดของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องงี่เง่าไร้สาระพวกนั้น
โจวเจ๋อจับไต๋นิสัยใจคอของอิ๋งโกวได้ อิ๋งโกวก็มองทะลุปรุโปร่งถึงนิสัยของโจวเจ๋อ ดังนั้นลดลูกไม้น้อยหน่อยและเพิ่มความจริงใจให้มากขึ้น
เมื่อเงยหน้า การต่อสู้ระหว่างเทพด้านบนยังไม่จบสิ้น แต่ทว่ายิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ความรู้สึกสะเทือนเลื่อนลั่นในทุกท่วงท่า สั่นสะเทือนมันก็สั่นสะเทือนอยู่ แต่เถ้าแก่โจวกลับรู้สึกไม่ค่อยชอบนัก
โจวเจ๋อรู้สึกว่าการต่อสู้ของทั้งสองคนหยาบเกินไป กระทั่งแม้แต่การต่อสู้ของอิ๋งโกวในบางครั้งเขายังไม่สนใจด้วยซ้ำ ไม่มีความรู้สึกทางสุนทรียะเอาเสียเลย และมันก็น่าเบื่อเกินไปหน่อย เหมือนกับนิยายแฟนตาซีที่ขายไม่ออกมาโดยตลอดเหล่านั้นในร้านหนังสือของเขา วนลูปซ้ำไปซ้ำมา รูปแบบและการดำเนินเรื่องเดิมๆ
‘กาแฟ’ ‘หนังสือพิมพ์’ และ ‘เพิ่มน้ำตาล’ ของเขาดูเหมือนว่าชื่อจะไม่เวอร์วังและดุดันขนาดนั้น แต่ตัวมันเองมีกลิ่นอายควันไฟ นี่ถึงจะเป็นพลังยิ่งใหญ่ที่คนธรรมดาเหล่านั้นไม่สามารถชื่นชมมันได้
เพียงแต่น่าเสียดาย ในชีวิตนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้ไปไกลถึงก้าวนั้นแล้ว艾琳小說
หากมีวันใดวันหนึ่งที่เขายืนอยู่บนยอดเขาไท่ซานจริงๆ แล้วยกมือ ‘หนังสือพิมพ์’ ฟาดเอาพระจันทร์สีเลือดในนรกนี้แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วโบกมือ ‘กาแฟ’ สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งนรกอเวจีแห่งนี้ ตามด้วย ‘เพิ่มน้ำตาล’ ตัดทลายน้ำพุเหลืองโบราณนี่ทิ้ง ปล่อยให้ ‘หนังสือพิมพ์ กาแฟ เพิ่มน้ำตาล’ สะเทือนเลื่อนลั่นและทำให้หวาดกลัวไปทั่วทั้งนรก
เฮ้อ…เถ้าแก่โจวตกอยู่ในสภาวะหมกมุ่นอยู่กับจินตราการของตัวเองไปเสียแล้ว
คนใกล้จะตายอยู่รอมร่อขอเพ้อฝันหน่อยไม่ได้หรือไง
ระหว่างที่ความคึกของตัวเถ้าแก่โจวกำลังดำเนินไป สถานการณ์การต่อสู้ข้างต้นก็เริ่มชัดเจนขึ้นทีละน้อย
ผิงเติ่งหวังได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ แต่ก็สมกับที่เขาเป็นเจ้าแห่งตำหนักเก้า ในเวลานี้คิดไม่ถึงว่าจะเค้นวิชาอาคมออกมามากมาย เมื่อเทียบกับ ‘ยมโลกมีกฎระเบียบ กฎแห่งความตายไร้ความปราณี’ ซ้ำๆ ซากๆ ของทนายอันแล้ว คลังอาวุธของผิงเติ่งหวังช่างหลากหลายขนานแท้
ส่วนชายดุจสตรีที่ครองความได้เปรียบในตอนเริ่มแรก ยิ่งนานกลับไม่สามารถต้านทานได้มากขึ้นเรื่อยๆ อาการบาดเจ็บของเขาน่ากลัวเกินไปจริงๆ เท่ากับว่าซ่อมแซมตัวเองไปพลางและสู้รบกับพญายมแห่งนรกไปพลาง!
พวกเขาล้วนไม่ใช่ตัวละครธรรมดา เมื่อมาถึงขั้นนี้ได้ สิ่งที่ยากจะคาดถึงก็สามารถกลายเป็นเรื่องธรรมดาได้
กระทั่งเถ้าแก่โจวรู้สึกว่า ได้ดูภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่องนี้ก่อนตายดูเหมือนจะคุ้มค่าพอสมควร
คนส่วนใหญ่ เมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ก็ธรรมดาทั่วไป หลังจากตายไปยมโลกก็สับสนมึนงง จะมีสักกี่คนที่โชคดีได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้กับตา
‘ตู้ม!’
ภายใต้ตราลัญจกรขนาดใหญ่อีกด้าน ชายดุจสตรีถูกเหวี่ยงกระแทกลงบนลานจัตุรัสอย่างแรงพอดิบพอดี ดิ้นรนอย่างหนักแต่ไม่สามารถพยุงตัวเองได้ เส้นเลือดบนร่างกายของเขาพลันขยายจนหนาขึ้นเท่ากับนิ้วโป้ง รอไม่ไหวแทบจะอยากแหกมันออกในชั่วพริบตา
ผิ่งเติ่งหวังยืนอยู่กลางอากาศ อาภรณ์สีดำพลิ้วไหว มีเสน่ห์เหลือร้ายที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ตำนานพญายมทั้งสิบที่เล่าขานต่อกันมาในโลกมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องคุยโวโอ้อวดแต่อย่างใด
ศึกครั้งนี้ ท้ายที่สุดเขาก็ได้รับชัยชนะ แต่ชัยชนะนั้นน่าสลดใจอย่างยิ่ง รากฐานและตำหนักเก้าของเขา ถูกทำลายแล้ว! แม้กระทั่งตราลัญจกรของเขาก็ดันไปตกอยู่ในกำมือของยมทูตไม่ทราบชื่อ
ระหว่างที่ไม่รู้ตัวนั้นเอง สายตาของเขาจับจ้องไปยังโจวเจ๋อที่กำลังยืนอยู่ใต้ระเบียงพระราชวังอย่างรวดเร็ว เขาอยากตามหาใครสักคนที่นี่ ง่ายดายนัก
แต่ในขณะนี้เอง โจวเจ๋อก็มองเขาอยู่เช่นกัน ดวงตาของทั้งสองสบประสาน เถ้าแก่โจวยังประดับรอยยิ้มไว้ที่มุมปาก ผิงเติ่งหวังหรี่ตาลง เขาไม่รู้ว่าโจวเจ๋อกำลังหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการ ทั้งยังนึกว่าโจวเจ๋อกำลังอาศัยว่าตนเองมีที่พึ่ง
ช่างเถอะ เรื่องยมทูตนี้ค่อยสะสางภายหลัง
ผิงเติ่งหวังลู่ชูมือทั้งสองข้างขึ้น ตราลัญจกรขนาดใหญ่ลอยเด่นขึ้นใหม่อีกครั้ง ชั่วพริบตาแปรเปลี่ยนเป็นโลก นี่คิดจะเหวี่ยงมันลงไปจบชีวิตชายดุจสตรีด้านล่างคนนี้โดยตรง!
ตำหนักเก้ามอดมลาย ตัวเองก็ถูกขุนนางหลายคนไล่ล่าฆ่าฟัน เขาไม่รู้แม้กระทั่งในบรรดาตำหนักนรกทั้งสิบขุมมีคนที่ยืนอยู่ฝ่ายเขากี่คนบ้าง สิ่งที่น่าสิ้นหวังที่สุดคือ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อยู่ฝ่ายไหนกันแน่นั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำไป
เมื่อร้อยปีก่อนจู่ๆ ขันทีไม่ทราบชื่อทั้งสิบปรากฏตัวขึ้น ตลอดเวลายาวนานที่ผ่านมาต่างก็ถ่อมตนมาก แม้ว่าตำหนักนรกทั้งสิบขุมจะเฝ้าระวัง แต่กลับไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาคือกลุ่มสุนัขรับใช้ที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เลี้ยงเอาไว้หรือไม่ พระโพธิสัตว์ต้องการจะเลียนแบบสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เฉกเช่นเดียวกับพญายมทั้งสิบตำหนักเข้ามาแทนที่ไท่ซานฝู่จวิน และใช้ขันทีทั้งสิบแทนที่พญายมทั้งสิบตำหนักหรือไม่ ทุกคนล้วนไม่แน่ใจ
ความตื่นตระหนกและความสับสนแบบนี้ สำหรับพวกเขาผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์มันยากที่จะทนไหวจริงๆ แต่ทว่า ท้ายที่สุดนั้น ชะตาชีวิตก็เป็นสิ่งที่ตัวเองยื้อแย่งมา วันนี้เขาผิงเติ่งหวังได้รับชัยชนะกลับคืนมาในที่สุด!
ฆ่าสัตว์ร้ายตัวนี้ ถ้าเข้าไปลุยเอง แม้ว่าสุดท้ายแล้วกายจะดับสูญ แต่ก็นับว่าไม่สูญเสียจิตวิญญาณไป! ถ้าหากล่าถอยไปหลบจำศีล หลังจากแยกมิตรกับศัตรูแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ตำหนักเก้าจะกลับมายืนหยัดอีกครั้ง!
ตราลัญจกรขนาดใหญ่เหวี่ยงลงมา ชายดุจสตรีไม่เกรงกลัวหรือร้องขอความเมตตา เพียงแค่ยิ้ม ข้างๆ มีแมวสีขาวอยู่หนึ่งตัว มันก็เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นกัน แต่กลับคลานเข้ามาอยู่ข้างๆ แลบลิ้นเลียแผลของเขา อยู่เป็นเพื่อนเขา และตายไปพร้อมกัน ก่อนหน้านี้แมวขาวตัวนี้เป็นร่างธรรมของชายดุจสตรีและเคยร่วมต่อสู้ด้วยกัน
ใกล้จบลงแล้ว ฝูงยมทูตที่มุงดูอยู่ด้านล่างนึกในใจ พวกเขาโชคดีมาก เพราะมียมทูตเคราะห์ร้ายหลายสิบคนถูกผลพวงจากการเผชิญหน้าปะทะกันของสองผู้ยิ่งใหญ่บดเละจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
นี่เหมือนดูหนังกลางแจ้งกลางพื้นที่สงครามในตะวันออกกลาง เล่นกับชีวิตกันไปเลย
แต่พวกเขาก็โชคร้ายเช่นกัน เพราะจริงๆ แล้ว ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ พวกเขาทั้งหมดก็ยากจะพ้นคราวเคราะห์อยู่ดี แม้ว่าผิงเติ่งหวังจะชนะในเวลานี้ แต่เขาอาจจะฆ่าปิดปากก็เป็นได้!
“ฉิบหายแล้ว”
โจวเจ๋อยื่นมือไปเคาะหัว และถอนหายใจเฮือกยาว ให้ตายเถอะ ถึงเวลาตัดสินผู้ชนะแล้ว แต่ปาฏิหารย์ยังไม่เกิดขึ้น ทำได้แค่โทษเจ้าโง่นี่ที่เป็นมือฉมังด้านการก่อสร้างในตอนนั้น ไม่รู้ว่าผ่านไปแล้วตั้งกี่ปี พระราชวังแห่งนี้ยังตั้งตระหง่าน แม้จะรองรับการต่อสู้ระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง ค่ายกลนี้ก็ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
น่าจะจับไอ้พวกชั่วที่ทำงานก่อสร้างคุณภาพต่ำพวกนั้นในโลกมนุษย์ลงมานรกให้หมด เอามาแหกตาดู ‘จิตวิญญาณของช่างฝีมือ’ ของเจ้าโง่นี่สักหน่อย
แต่ทว่า ความหน้าแหกได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก!
‘แกรก…’
ในตอนนี้เอง จู่ๆ รอยแตกร้าวก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะ!
ดูเหมือนว่ากรงเล็บสีดำคู่หนึ่งกำลังฉีกค่ายกลเหนือกำแพงพระราชวังจนเกิดรอยแยก!
เสียงแสบแก้วหูดังขึ้นราวกับผ้าถูกทึ้งฉีกขาด ทำให้จิตวิญญาณของผู้คนสั่นสะเทือนจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่รอมร่อ ขณะเดียวกัน เสียงแมวร้องเสียงแหลมดังขึ้น ชั่วพริบตาลำแสงสีดำตกลงมาทำลายตราลัญจกรที่กำลังเหวี่ยงใส่ชายดุจสตรีเข้าอย่างจัง แม้แต่ผิงเติ่งหวังลู่ยังต้องถอยห่างจากคมเล็บไปก่อน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าผิงเติ่งหวังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและไม่เต็มใจ!
อีกแค่ก้าวเดียว แค่ก้าวเดียวเท่านั้น!
บัดซบ คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะถูกพวกเขาฉีกทำลายได้!
“เมี้ยว!”
แมวเหมียวร้องคำราม จากตำแหน่งของรอยแยก สามารถมองเห็นด้านบนของนรกด้านนอกได้ แม้แต่พระจันทร์สีเลือดก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
โจวเจ๋อผงะเล็กน้อย แมวตัวนี้ต้องตัวใหญ่ยักษ์ขนาดไหนถึงได้มีกรงเล็บที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้ สิ่งนี้ทำให้ความรู้ความเข้าใจที่มีต่อสัตว์อย่างแมวของโจวเจ๋อกลับตาลปัตรทันที
ทนายอันเคยบอกไว้ว่า มีคำกล่าวไว้ในนรกว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีพระวรกายเหมือนภูเขา พระเนตรเป็นบ่อสีเลือด แต่แมวตัวนี้ในตอนนี้ก็น่าจะไม่ต่างกันมากนัก
ในตอนนี้เอง จู่ๆ อิ๋งโกวในร่างของโจวเจ๋อก็เอ่ยพูด ‘เป็น…มัน…’
เอ่อ เถ้าแก่โจวอึ้งไปชั่วครู่ อิ๋งโกวรู้จักงั้นเหรอ
ทันใดนั้นโจวเจ๋อเชื่อมโยงไปถึงเซี่ยจื้อที่ถูกอิ๋งโกวเรียกว่า ‘เจ้ารุ่งเรือง’ ในตอนแรก และถามออกไปทันที ‘มันชื่อว่ามีมี่ใช่ไหม’
‘…’ อิ๋งโกว
ชั่วครู่หนึ่ง แมวยักษ์ตัวนั้นดันสอดหัวที่ใหญ่พอๆ กับหุบเขาผลุบเข้ามา แววตาของมันแฝงความเจ้าเล่ห์ไว้เล็กน้อย พลางจ้องผิงเติ่งหวังลู่ที่เพิ่งจะชนะศึกแต่กลับเข้าตาจนด้านล่างเขม็ง
แมวขาวข้างกายชายดุจสตรีกลับร้อง ‘เมี้ยวๆๆ’ ไปด้านบนอย่างดีอกดีใจไม่หยุด
ทันใดนั้นแมวดำยักษ์ตัวนั้นย่นจมูกและเริ่มสอดส่ายสายตาส่องไปรอบๆ อย่างสงสัย ทำไมที่นี่ถึงได้มีกลิ่นที่คุ้นเคยอยู่ด้วย
‘มันมาตามหาคุณเหรอ มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่คุณเคยเลี้ยงในอดีตหรือเปล่า พวกเรามีทางรอดแล้วใช่ไหม’ จู่ๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกดีอกดีใจขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าเจ้าโง่นี่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงด้วย
‘ใน…บรรดา…คน…ที่…ทำร้าย…ข้า…จนตกอับ…ใน…ตอนแรก…มีมัน…อยู่…ด้วย…’
‘…’ โจวเจ๋อ
…………………………………………………