ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 565 การกลับมา!
ตอนที่ 565 การกลับมา!
โจวเจ๋อรู้สึกผิดหวังกระทั่งสับสนเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางหมอกควัน เพราะจู่ๆ เขาก็พบว่าผู้ที่ควบคุมร่างกายในขณะนี้กลับเป็นตัวเขาเอง ไม่ใช่อิ๋งโกวแต่อย่างใด
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก
เมื่อก่อนหลังจากที่ตัวเขาเรียกอิ๋งโกวออกมาทุกครั้ง จิตสำนึกของเขาจะสละเรือเข้าสู่สภาวะหลับใหลชั่วคราว จากนั้นก็ปล่อยให้อิ๋งโกวเข้ามาควบคุมทุกอย่าง ต่อมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างก็ต้องรอให้อิงอิงหรือทนายอันมาบอกเขา อย่างเช่นครั้งก่อนที่เจ้าโง่นั่นจะไปต่อสู้กับพระพุทธเจ้า โจวเจ๋อก็เพิ่งรู้หลังจากเกิดเรื่องไปแล้ว
ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป ครั้งนี้เขารู้สึกถึงพลังที่ล้นเหลือในร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน แต่จิตสำนึกของเขาก็ยังมีสติอยู่
‘ผมสู้ไม่เป็น’ เถ้าแก่โจวพูดในใจ
นี่คือความจริง แม้เถ้าแก่โจวจะไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนในอดีตแล้ว จากคำพูดของสวี่ชิงหล่างการต่อสู้ของโจวเจ๋อในตอนนั้น คล้ายกับหญิงปากร้ายใช้กรงเล็บข่วนคน ตอนนี้โจวเจ๋อดีกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ทว่าเมื่อเทียบกับอิ๋งโกวแล้ว อาจกล่าวได้ว่าโจวเจ๋อต่อสู้ไม่เป็นจริงๆ นั่นแหละ
ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องสู้สุดชีวิต แต่ปรากฏว่าจู่ๆ คุณก็มอบอำนาจให้เสียอย่างนั้น พลังน่ะมีแล้ว แต่พลังอำนาจเดียวกันอยู่ในมือของคนที่ต่างกันไปจัดการ ผลลัพธ์และสิ่งที่แสดงออกมาก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันก็เหมือนกับรถแข่งแบบเดียวกัน คุณปล่อยให้มือสมัครเล่นที่แม้แต่ใบขับขี่ยังสอบไม่ผ่านลงสนามแข่งกับผู้เล่นมืออาชีพ แม้ว่าองค์ประกอบและสมรรถนะของรถทุกคันจะเหมือนกันทุกประการก็ตาม แต่มันจะสามารถเหมือนกันเป๊ะได้จริงๆ น่ะหรือ
‘ซุก…ซ่อน…’
โจวเจ๋อพยักหน้า ถอนหายใจเฮือก เขารู้ว่าอิ๋งโกวหมายถึงอะไร แม้จะบอกว่าเนื่องจากเหตุผลพิเศษและอิทธิพลจากการดื่มเลือดของอิ๋งโกวมาก่อน แมวดำตัวใหญ่จึงสัมผัสรับรู้ถึงโจวเจ๋อได้จางๆ โดยสัญชาตญาณ แต่คนอื่นๆ ไม่มีความรู้สึกแบบนี้ และไม่มีความสามารถแบบนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ หากในเวลานี้ปล่อยให้โจวเจ๋อมาควบคุมร่างกายและพลังนี้ต่อไป ก็จะสามารถเลี่ยงความโกลาหลจากการปรากฏตัวโดยตรงของอิ๋งโกวได้
เพียงแต่ว่า โจวเจ๋อยังรู้สึกไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย ทำไมอิ๋งโกวถึงเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้ เขาคิดถึงผลที่ตามมาจริงหรือ นี่ใช่อิ๋งโกวแน่หรือ
“สหาย ในเมื่อมาแล้ว ไม่ออกมาเจอเจ้าบ้านเช่นข้าหน่อยหรือ” ต้าฉางชิวยืนอยู่ตรงนั้น ยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิกและยังหัวเราะคิกคักเหมือนเดิม ส่วนแมวดำตัวใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เดี๋ยวสงสัยเดี๋ยวมึนงงอยู่พักหนึ่ง
‘ผมเอาชนะได้ไหม’ โจวเจ๋อถาม
การถามคำถามนี้ในเวลานี้ จริงๆ แล้วค่อนข้างงี่เง่าทีเดียว
‘สร้าง…วิญญาณ…’ พลังลึกลับผสานเข้ากับจิตใจของโจวเจ๋อ โจวเจ๋อพ่นสองคำนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว ชั่วพริบตาจิตวิญญาณของโจวเจ๋อตั้งแต่ลมหายใจสู่รูปลักษณ์ภายนอกล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง จากภายในสู่ภายนอก กลายเป็นวิญญาณประหลาดอีกดวงหนึ่งโดยสิ้นเชิง
‘ตอนนี้คุณยอมสอนผมแล้วหรือไง จริงสิ ยังมีร่างแยกนั่นอีก เผ่าที่ครองบัลลังก์กระดูกของคุณน่ะ คุณก็เป็นคนสอนใช่ไหม สามารถ…’
“เมี้ยว!”
จู่ๆ ก็มีเสียงแมวร้องขัดจังหวะความพยายามของโจวเจ๋อที่หวังจะขุดคุ้ยการสอนออกมาเรื่อยๆ ทันใดนั้น ร่างสีดำใหญ่ยักษ์พุ่งพรวดเข้ามาราวกับกระทิง! โจวเจ๋อจ้องเขม็ง งอขาทั้งสองข้าง ออกแรงส่วนเอว เหยียดแขนทั้งสองข้างยื่นออกไปทันที
‘ปัง!’ เสียงกระแทกดังลอยมา โจวเจ๋อสะบัดแมวดำออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงหยุดการพุ่งชนของแมวดำเท่าที่ไหว ส่วนตัวโจวเจ๋อนั้นถูกชนกระเด็นลอยออกไปและกระแทกลงบนพื้น
‘เฮ้อ…’ อิ๋งโกวถอนหายใจ
โจวเจ๋อสามารถจินตนาการได้ถึงภาพอิ๋งโกวส่ายหน้าและถอนหายใจ รวมถึงรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก ‘เป็นเนื้อหมาที่เสิร์ฟบนโต๊ะไม่ได้’
“นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาของผม” เถ้าแก่โจวรู้สึกว่ายังต้องการคำอธิบายสักหน่อย “พลังของพวกเราเดิมทีก็สู้มันไม่ได้อยู่แล้ว” ต่อให้แกจะมาขับรถแข่งคันนี้ แกจะเอาชนะรถถังได้หรือไง
“สู้ผู้ใดไม่ได้หรือ” ทันใดนั้นเสียงอ่อนละมุนดังขึ้นจากด้านหลังโจวเจ๋อ สิ่งที่ตามมาคือกระแสน้ำที่น่าสะพรึงกลัวราวกับน้ำตกน้ำค้างแข็ง ดูเหมือนว่าจะถูกลากลงมาจากหน้าผาอย่างฉับพลันและควบแน่นเป็นจุด กระแทกเข้าแผ่นหลังของโจวเจ๋อทันที
“โฮก!” เขี้ยวสองซี่งอกออกจากมุมปากของโจวเจ๋อโดยพลัน ร่างกายก็ถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงสีเขียวเช่นกัน เอี้ยวตัวไม่ใช่เพื่อหลบเลี่ยงแต่เป็นการกัดลงไป!
‘พรึ่บ!’ ร่างกายของโจวเจ๋อถูกแช่แข็งไปครึ่งหนึ่ง เมื่อเขี้ยวกำลังจะกัดต้าฉางชิวนั้นดันถูกแช่แข็งจนไม่สามารถไปข้างหน้าต่อได้
“ผีดิบไร้จิตไร้วิญญาณ เจ้าเป็นตัวประหลาดมาจากที่ใดกัน ถึงเปลี่ยนจิตวิญญาณเป็นผีดิบได้” ต้าฉางชิวยื่นหน้าเข้าไปใกล้โจวเจ๋อ สีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ตอนนี้เถ้าแก่โจวหดหู่มาก หลังจากได้รับพลังแล้ว ก่อนอื่นถูกแมวชนกระเด็นกระดอน จากนั้นภายใต้การใช้วิชาเพียงครั้งเดียวก็ดันถูกขันทีบ้านี่ควบคุมเอาไว้เสียได้
กระทั่งโจวเจ๋อยังสงสัย อิ๋งโกวรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าต่อให้แสดงพลังของเขาก็เอาชนะไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นจึงจงใจปล่อยให้โจวเจ๋อออกมาขายหน้า ถึงอย่างไร อิ๋งโกวก็เป็นคนที่หยิ่งผยองเหลือเกิน เขายอมปล่อยให้โจวเจ๋อถูกเหยียบย่ำบนพื้นได้ แต่กลับไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกเหยียบย่ำบนพื้น แม้ว่าจะหลอกทั้งตัวเองและคนอื่น แต่พอมาคิดให้ถี่ถ้วนสักหน่อย มันก็เหมาะกับนิสัยใจคอของเจ้าโง่นี่จริงๆ!
“เอาเถิด จ๋าเจียจะเอาวิญญาณของเจ้ากลับไปด้วยก่อน แล้วจะหั่นเพื่อศึกษา ถึงอย่างไรก็มีเวลาถึงหกสิบปี เวลาพวกเรามีมากมายค่อยๆ เล่นไปก็ได้ หั่นออกมาดูก่อนสักชิ้นหนึ่ง” กรรไกรตัดเล็บปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของต้าฉางชิว มันสร้างมาจากหยก มีความละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ แต่ภายในกลับดูเหมือนมีเสียงร่ำไห้ของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน
“ค่ายกล…เปิด…”
สีหน้าของต้าฉางชิวพลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน รีบถอยร่างกลับอย่างรวดเร็ว ลำแสงรัศมีปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของโจวเจ๋อ จากนั้นโซ่ตรวนสีดำแกร่งหนาเจ็ดถึงแปดเส้นพุ่งแหวกอากาศฟาดเข้ามา
‘ปัง!’
‘โครม!’
‘ปัง!’
‘ปัง!’
ไม่ว่าต้าฉางชิวจะถอยเร็วแค่ไหนก็ไม่เท่าความเร็วของโซ่ตรวนอยู่ดี นึกไม่ถึงว่าจะเหมือนลูกบอลที่ถูกโซ่ฟาดหวดไปหวดมาไม่หยุด
“ไอ้หยา!”
“ฉิบหาย!”
“ยังมาอีก!”
“ไอ้##!”
ส่วนแมวดำตัวนั้นที่อยู่ข้างๆ กลับถูกโซ่ตรวนล่ามเอาไว้ทั้งตัว ทั้งแขนขาและศีรษะล้วนถูกล็อกตรึงไว้กับพื้น
“เมี้ยว!” แมวดำยักษ์ยังคำรามเสียงต่ำ สายตาดุร้าย!
สิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระราชวังแห่งนี้ผุดขึ้นในความคิดของโจวเจ๋ออย่างรวดเร็ว มีเปลวเพลิงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนฝังซ่อนอยู่ใต้ดิน พวกมันกำลังเดือด พวกมันกำลังเผาไหม้ และสามารถกลายร่างเป็นโซ่ตรวนปรากฏออกมาได้อย่างต่อเนื่อง!
“หึๆ” จังหวะแบบนี้สิถึงจะถูกดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เวลานี้เถ้าแก่โจวเหมือนเป็นผู้เล่นกระจอกที่ขยันขันแข็ง เล่นไอดีของผู้เล่นเหรินหมินปี้ผู้สูงศักดิ์ที่ใช้เงินซื้อชุดระดับเทพ ความรู้สึกสะใจแบบนี้ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด
‘ตุ้บ!’
ต้าฉางชิวที่ถูกเฆี่ยนหลายครั้งติดต่อกันในที่สุดก็ร่วงลงบนพื้น แม้ว่าร่างจะอนาถไปบ้าง แต่ไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแต่ความสนอกสนใจบนใบหน้าฉายแววรุนแรงมากขึ้น
“น่าประหลาดใจนัก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสามารถควบคุมค่ายกลของที่นี่ได้ รีบบอกจ๋าเจียเร็วเข้า จงรู้ไว้ว่าในอนาคตสถานที่แห่งนี้จะเป็นพระราชวังของจ๋าเจียเอง!”
‘ผนึก…หลบ…หนี…’
นี่เป็นคำเอ่ยเตือนของอิ๋งโกว เพราะอิ๋งโกวรู้ดีว่า จากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ หากต้องจัดการผิงเติ่งหวังและชายดุจสตรีคนนั้นที่มีอาการบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่แค่ค่ายกลแห่งนี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้ ลูกแมวน้อยที่เคยลิ้มเลียเลือดของตัวเขาเองในตอนนั้นร่วมกับต้าฉางชิวผู้นี้ พวกเขาล้วนอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม อาศัยแค่ค่ายกลอย่างเดียวไม่อาจปราบพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์!
โจวเจ๋อพยักหน้า ส่งสัญญาณว่าเขาทราบแล้ว ตอนนี้เอง เล็บทั้งสิบนิ้วไขว้กันในชั่วพริบตา โซ่แต่ละเส้นผุดลอยขึ้นจากพื้น ทั้งพระราชวังดูเหมือนจะกลายเป็นนรกไปทั่วทั้งผืน เชือกใหญ่ชูสะพรั่ง
“เหอะๆ คิดหนีหรือ”
เหนือความคาดหมาย ต้าฉางชิวกลับดูเหมือนจะค้นพบความตั้งใจของโจวเจ๋อเข้าแล้ว มือทั้งสองข้างฉีกทึ้งไม่หยุด ส่วนแมวดำส่งเสียงร้องคำราม ทันใดนั้นกลายเป็นลำแสงสีดำจมลงไปในร่างของต้าฉางชิวทันที มันคล้ายกับชายดุจสตรีก่อนหน้านี้มาก ดูเหมือนว่าขันทีทุกคนจะมีแมวประจำตัวอยู่หนึ่งตัว
บนใบหน้าของต้าฉางชิวเผยอักขระพิเศษออกมาสายแล้วสายเล่า คล้ายกับการระบายสีเป็นหน้าแมวตัวใหญ่บนใบหน้าของตัวเอง แต่กลับดูดุร้ายเป็นพิเศษ艾琳小說
“ทลายสิ้นบัดเดี๋ยวนี้! วันนี้ไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร จ๋าเจียจะเก็บเจ้าไว้ พากลับบ้านและเล่นสนุกอย่างช้าๆ!” เปลวไฟสีน้ำเงินสองกลุ่มผุดขึ้นบนมือทั้งสองข้างของต้าฉางชิว โซ่ตรวนสีดำขาดสะบั้นทันทีที่สัมผัส คิดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาเดียวจะไปปรากฏอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ พลังดุจลมพายุ รวดเร็วดุจสายฟ้าปานเทพเซียน!
เวลานี้ สายเกินไปที่อิ๋งโกวจะทันได้เตือนโจวเจ๋อว่าควรทำอะไรต่อไป แต่เถ้าแก่โจวกลับควบคุมโซ่ตรวนตามสัญชาตญาณ พุ่งตรงไปหาชายดุจสตรีที่นอนหายใจรวยรินอยู่ไกลลิบตรงนั้น!
กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว[1]!
“บัดซบ!” ต้าฉางชิวสบถด่า ทันใดนั้นก็ผละจากโจวเจ๋อและเหาะตรงไปหาชายดุจสตรีทางนั้น ความเร็วของเขารวดเร็วเกินไปจริงๆ รีบรุดไปอยู่หน้าโซ่ตรวนและบดขยี้โซ่เส้นนั้นด้านหน้าชายดุจสตรีทันที
“หึๆ” ต้าฉางชิวโอบร่างชายดุจสตรีที่บาดเจ็บสาหัสด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างหนึ่งชี้โจวเจ๋อพลางกล่าวว่า “เจ้าทำให้จ๋าเจียโกรธแล้ว จริงๆ แล้วหลายปีมานี้ ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้จ๋าเจียโกรธได้จริงๆ บัดนี้ไม่ต้องเอ่ยถึงพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์แล้ว ต่อให้ไท่ซานฝู่จวินปรากฏตัวอีกครั้ง ต่อให้เจ้าทะเลแห่งความตายในอดีตหวนกลับมาก็ช่วยชีวิตเจ้าไว้ไม่ได้!” ต้าฉางชิวอ้าปากส่งเสียงร้องประหลาดคล้ายเสียงคนเคล้าเสียงแมว จากนั้นเงาดำสายหนึ่งแผ่ขยายออกมาจากใต้ฝ่าเท้าด้วยความรวดเร็วเหนือจินตนาการ!
โจวเจ๋อพยายามใช้โซ่ตรวนหยุดกั้นแต่กลับกั้นไม่ทัน
“อ๊ากกก!!!!!” เมื่อเงาดำเข้าปกคลุมร่างกาย โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากการที่วิญญาณกำลังหลอมละลาย แม้ว่าในเวลานี้เขาจะครองพลังของอิ๋งโกวก็ยังทนไม่ได้อยู่ดี
“เปิด!”
ทันใดนั้นโซ่ตรวนสะบัด โจวเจ๋ออาศัยแรงกระแทกรุนแรงพุ่งขึ้นไปด้านบน ซึ่งด้านบนนั้นมีรอยแยกที่แมวดำตัวใหญ่ฉีกทึ้งเอาไว้ก่อนหน้าที่มันจะเข้ามา
“คิดจะหนีหรือ” ต้าฉางชิวพนมมือประสาน ชั่วครู่หนึ่งรูปลักษณ์ดูน่าเกรงขาม
ศิลาจารึกตัวอักษร ‘ขันที’ ใหญ่มหึมาแท่นนั้นสั่นสะเทือนครู่หนึ่ง ทันใดนั้นโซ่ตรวนข้างกายโจวเจ๋อก็สูญเสียการควบคุมกะทันหัน เริ่มแซงนำหน้าโจวเจ๋อไปอย่างควบคุมไม่ได้ และปิดผนึกรอยแตกร้าวด้านบนโดยตรง
“คิดว่าจ๋าเจียมองไม่ออกว่าที่นี่มีค่ายกลจริงๆ หรือ คิดว่าศิลาจารึกที่จ๋าเจียวางเอาไว้ที่นี่เป็นเรื่องตลกจริงๆ งั้นหรือ จ๋าเจียต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ หากไร้การชี้แนะของเจ้า จ๋าเจียเดาไม่ออกจริงๆ ว่ากลอุบายของค่ายกลนี้อยู่ที่ไหน!” ต้าฉางชิวกดมือทั้งสองข้างลง โซ่ตรวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นแส้ไล่หวดโจวเจ๋อ โจวเจ๋อไม่กล้าต่อต้านและลงมาด้านล่างด้วยตัวเอง แต่ก็ยังถูกพลังมหาศาลนี้ฟาดจนร่วงลงกับพื้น
‘ปัง!’
คลานลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างยากลำบากเล็กน้อย โจวเจ๋อกัดฟันกรอด ช่วยไม่ได้ พลังความแข็งแกร่งห่างชั้นกันมากเกินไป ด้วยความแข็งแกร่งที่อิ๋งโกวมีอยู่ในตอนนี้บวกกับประสบการณ์การต่อสู้ที่ไร้ซึ่งฝีมือของเขาแล้ว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขันทีที่มีที่มาลึกลับคนนี้เลยสักนิด
‘เฮ้อ…’ อิ๋งโกวถอนหายใจอีกครั้ง เผยความรู้สึกลำบากใจออกมาเล็กน้อย
โจวเจ๋อสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่าในใจของเขารู้สึกไม่ยินยอม และในเวลานี้เอง จู่ๆ โจวเจ๋อก็หันหน้าไปมองผิงเติ่งหวังลู่ที่ถูกล็อกขังและยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา ผิงเติ่งหวังลู่ก็มองเขาอยู่เช่นกัน
ผิ่งเติ่งหวังในเวลานี้จะต้องจำไม่ได้แน่ๆ ว่าชายหนุ่มคนนั้นที่ดึงตราลัญจกรของเขาออกมาก่อนหน้านี้คือโจวเจ๋อ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้อิ๋งโกวก็ช่วย ‘ปลอมตัว’ ให้โจวเจ๋อ
“หารือกันสักเรื่องสิ” โจวเจ๋อตะโกนบอกผิงเติ่งหวัง
ต้าฉางชิวกำลังเดินเข้ามาทีละก้าวๆ เขามองเห็นว่าโจวเจ๋อดูเหมือนจะสังเกตเห็นผิงเติ่งหวัง ดังนั้นเขาจึงจงใจชะลอฝีเท้าลง เขาหวังว่าโจวเจ๋อจะลงมือโจมตีผิงเติ่งหวังเหมือนกับที่ลงมือโจมตีขันทีในอ้อมแขนของเขาก่อนหน้านี้
แม้ก่อนหน้านี้ผิงเติ่งหวังจะเอาชนะขันทีที่เป็นลูกน้องของเขาได้ แต่ก็เป็นเพียงม้าตีนปลายแล้ว ถ้าหากตัวประหลาดลึกลับตัวนี้สามารถลงมือฆ่าผิงเติ่งหวังให้ตายได้ ต้าฉางชิวก็เต็มใจที่จะได้เห็น ถึงอย่างไร คนที่ฆ่าก็ไม่ใช่ตัวเขาเอง แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนผู้นี้เป็นใคร อีกทั้งไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใดๆ กับตัวเขาเองอย่างแน่นอน หากมันฆ่าผิงเติ่งหวังลู่ ก็ไม่มีเหตุผลที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จะตำหนิติเตียนตัวเขา
ผิงเติ่งหวังลู่มองโจวเจ๋ออย่างนิ่งสงบมาก
“ให้ผมกลืนคุณ ผมจะช่วยคุณฆ่าไอ้ขันทีนี่เอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ต้าฉางชิวชะลอฝีเท้าลงอีกครั้ง
ใช่แล้ว อยากอาศัยกลืนวิญญาณเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสินะ มาเลย รีบกลืน รีบเขมือบ ข้าจะช้าลงอีกหน่อยเพื่อให้เวลาแก่เจ้า โอ๊ยๆๆ ปราณหยางของจ๋าเจียไม่เพียงพอ โรคไขข้ออักเสบกำเริบอีกแล้วนะ เดินไม่ไหวแล้วนะ
ผิงเติ่งหวังยังมองโจวเจ๋ออย่างสงบนิ่งเหมือนกำลังมองคนปัญญาอ่อน
“จริงๆ นะ ได้หรือเปล่า ผมจะพยายามกลืนให้หมดในคราวเดียว ไม่เจ็บหรอก” โจวเจ๋อโน้มน้าวต่อ
ผิงเติ่งหวังยิ้มขัน จากนั้นส่ายหน้า
โจวเจ๋อจนปัญญาเล็กน้อย พอมองไปที่ต้าฉางชิวที่ดูเหมือนถูกกดปุ่มสโลว์เดินมาอย่างเชื่องช้า ชั่วขณะหนึ่งก็รู้สึกพูดไม่ออก กระทั่งอยากจะหัวเราะด้วยซ้ำ
เมื่อคุณเป็นมด คุณจะรู้สึกว่าพวกบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แค่ผายลมก็สามารถห้อตะบึงดุจขี่เมฆหมอก แต่เมื่อสถานะของคุณถูกยกระดับขึ้นแล้ว กลับพบว่าจริงๆ แล้วบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของตัวเองในตอนแรกก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แถมยังวางอุบายเป็น แก่งแย่งชิงอำนาจเป็น และมันก็น่าสนุกมากอีกด้วย
“เพิ่มแมวตัวนี้ไปด้วย” จู่ๆ ผิงเติ่งหวังก็เอ่ยพูด
“ขันทีหนึ่งคน เพิ่มแมวอีกหนึ่งตัวสินะ ตัวใหญ่หรือตัวเล็กดีล่ะ” โจวเจ๋อถาม
“เหอะๆ” ต้าฉางชิวไม่ใส่ใจ คิดแค่ว่าคนทั้งสองกำลังหยอกล้อกันเล่น
“ตัวเล็กแล้วกัน” ผิงเติ่งหวังพูด
ชายดุจสตรีคนนั้นถึงจะเป็นผู้ร้ายที่ทำลายตำหนักเก้าของเขา แถมยังมีแมวขาวข้างกายเขาด้วย อีกทั้งพวกเขาหนึ่งคนหนึ่งแมวตอนนี้กำลังอ่อนแอมาก สำหรับต้าฉางชิวผู้นี้รวมไปถึงแมวดำยักษ์ตัวนี้ ผิงเติ่งหวังลู่ไม่คาดหวังใดๆ อีกแล้ว
“ตัวเล็กสินะ ได้ ผมรับปากคุณ ผมจะให้ข้อเสนอสุดพิเศษแก่คุณอีกหนึ่งข้อในวันเปิดกิจการ จะจับรางวัลมาให้คุณ แถมตัวใหญ่ให้อีกหนึ่ง หรือไม่ก็ตัวใหญ่อีกสอง แถมให้คุณหมดเลย เหล่าลู่เอ๋ย คุณได้กำไรแล้ว ซื้อตัวเล็กแถมฟรีตัวใหญ่”
ชั่วครู่หนึ่งผิงเติ่งหวังลู่แปลกใจกับคำเรียก ‘เหล่าลู่’ นี้เล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็พยักหน้าและยอมรับ “ถูกต้อง เราได้กำไรแล้ว”
หลังจากเจรจาประหนึ่งการต่อรองราคาของลูกค้าและหมอนวดสำหรับเพิ่มชั่วโมงและบริการพิเศษตอนนวดในคลับเสร็จสิ้น ผิงเติ่งหวังลู่หันกลับมา แม้ว่าแขนทั้งคู่จะถูกล็อกเอาไว้ แต่ความองอาจผึ่งผายระหว่างคิ้วยังคงอยู่เช่นเดิม
‘ได้ ดี เยี่ยม รีบกลืนกินเขา รีบเขมือบเขาเร็วเข้า แล้วข้าค่อยฆ่าเจ้า แค่นี้ทุกอย่างก็ล้วนจัดการหมดสิ้น ยอดเยี่ยม สมบูรณ์แบบ!’ ต้าฉางชิวตะโกนในใจ ประหนึ่งทีมเชียร์ลีดเดอร์ส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจก็ไม่ปาน
แต่ในเวลานี้ โจวเจ๋อตะโกนในใจว่า ‘เจ้าโง่เอ๋ย ได้เวลาเปลี่ยนตัวแล้ว คุณมาได้เลย ผมคุยกับยาบำรุงจับช้วงไต่โป้วอี๊ให้คุณไว้แล้ว อีกเดี๋ยวคุณอ้าปากก็เรียบร้อยแล้ว’
‘เจ้า…แน่ใจ…หรือ’ ความหมายก็คือ ถ้าเขาออกมาแล้วทั้งนรกจะปั่นป่วนเอาได้ อย่างนั้นการ ‘ปลอมตัว’ ก่อนหน้านี้และการปกปิดซ่อนเร้นทุกรูปแบบ ก็นับว่าเปล่าประโยชน์ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ตอนจบก็ถูกลิขิตเอาไว้หมดแล้ว
‘ไม่มีอะไร ก็แค่ก่อนเราจะตาย แต่ว่าผมมีคำขออย่างหนึ่ง’
‘ว่ามา…’
‘คราวนี้ผมไม่อยากหลับใหล เหลือที่ว่างให้ผมหน่อยสิ ให้ผมดูอยู่ข้างๆ ไปด้วยกันกับคุณน่ะ’
‘เหอะ…เหอะ…’
‘สิได้บ่น้อ’
‘…’ (สลับเป็นภาษาถิ่นจนอิ๋งโกวนิ่งอึ้ง)
‘สิได้บ่น้อ’
ดูเหมือนผ่านการลังเลมาแล้ว ดูเหมือนจะพิจารณาถึงการเสียสละของโจวเจ๋อมาแล้ว ดูเหมือนว่าจะคิดถึงจุดจบสุดท้ายของทั้งสองมาแล้ว เฉกเช่นเดียวกับตอนที่ตะโกนไม่ออกในตอนแรกได้แต่ตะโกน ‘กาแฟ หนังสือพิมพ์’ ด้วยความอัดอั้นตันใจ
ในที่สุดอิ๋งโกวก็ตอบกลับมา ‘ได้!’
‘อย่าทำให้ผมผิดหวังนะ’ โจวเจ๋อพูด
‘วาง…ใจ…เถอะ…ยอดเยี่ยม…มาก…แน่นอน!’
……………………………………………………
[1] กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก ตามความหมายของตำราพิชัยสงครามคือ การบุกเข้าโจมตีในจุดที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย โจมตีในจุดที่ศัตรูไม่ได้เตรียมการตั้งรับและคอยระวังป้องกัน ย่อมถือว่าได้เปรียบและได้รับชัยชนะมาแล้วครึ่งหนึ่ง