ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 567 ตะวันจันทราบังอาจไม่เคารพข้าหรือ
ตอนที่ 567 ตะวันจันทราบังอาจไม่เคารพข้าหรือ
แมวดำกำลังสั่นเทา
แมวดำกำลังสั่นเทิ้ม
แมวดำกำลังประหม่า
กระทั่งตกใจจนฉี่ราด เพราะตัวใหญ่ยักษ์ปริมาณฉี่นี้จึงเหมือนเขื่อนเปิดประตูระบายน้ำ เมื่อได้ทะลักจึงไม่อาจกักเก็บไว้ได้ และไม่รู้ว่ายมทูตเคราะห์ร้ายที่ถูกแช่แข็งในบริเวณใกล้เคียงถูกน้ำปัสสาวะชะล้างไปแล้วกี่คน แน่นอนว่า แช่น้ำปัสสาวะไม่ถึงกับทำให้ตายได้ แต่หลังจากฟื้นคืนกลิ่นปัสสาวะจะติดอยู่บนวิญญาณเป็นเวลานานทีเดียว
ต้าฉางชิวอุดจมูกด้วยใบหน้าตะลึงพรึงเพริด ชั่ววินาทีนี้เขาไม่พูดหรือหัวเราะ เพราะในขณะที่แมวดำยักษ์หยุดในชั่วพริบตา เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวสุดขีดตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน!
‘อึก…’ ในกลิ่นอบอวลของปัสสาวะ ต้าฉางชิวกลืนน้ำลาย จากนั้นเขามองป้ายศิลาจารึกตัว ‘ขันที’ ทางด้านข้างที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นอีกครั้ง พลันรู้สึกว่าชีวิตมันลำบากไปนิดหน่อย
เป็นใครกันแน่นะ
อิ๋งโกว ยื่นมือออกไปคว้าหนวดแมวดำยักษ์เอาไว้ ภายใต้ร่างสั่นเทิ้มของแมวดำยักษ์ คิดไม่ถึงว่ามันจะไม่กล้าต่อต้าน!
จงรู้ไว้ว่า ก่อนหน้านี้ที่มันอยู่เหนือเขตค่ายกลนี้ ยังเคยตามหากลิ่นอายของอิ๋งโกวอย่างแข็งขัน!
แต่ไม่เพียงแค่คนที่ปากไม่ตรงกับใจเท่านั้น แมวเองก็เช่นกัน!
ในความทรงจำของมัน ในอดีตมันจำได้เพียงความอร่อยของการเลียเลือดสดๆ หลังจากคนผู้นั้นล้มลง แต่ดันลืมไปเสียสนิทว่าก่อนที่คนผู้นั้นจะเสียชีวิตในสงครามได้ทิ้งเงาร่างน่าสะพรึงกลัวเช่นไรเอาไว้!
ตอนนี้ความทรงจำที่เต็มไปด้วยฝุ่นถูกปลดล็อกแล้ว
อิ๋งโกวยืนขึ้นอย่างช้าๆ เขาจับหนวดเส้นหนึ่งไว้ในมือ แมวดำยักษ์ก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ เพียงแต่มันถูกอิ๋งโกวจับชูขึ้นมา สิ่งเดียวที่เชื่อมโยงระหว่างทั้งสองคือหนวดเส้นเดียว!
มันเป็นภาพที่เกินเบอร์ไปมาก และเป็นภาพที่น่าขันมากเช่นกัน แมวดำตัวใหญ่เท่าภูเขาดันถูกชายคนหนึ่งจับแค่หนวดยกชูขึ้นมา
หลังจากแมวดำเอาชนะความกลัวในตอนแรกได้ จึงคิดอยากดิ้นรนตามสัญชาตญาณ แต่ตอนที่ชายหนุ่มเบื้องล่างจู่ๆ ก็แหงนหน้ามองมัน ความสั่นสะท้านจากส่วนลึกของจิตวิญญาณโหมขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าในขณะนี้มันได้กลับไปเป็นลูกแมวน้อยเหมือนในอดีตที่ผ่านมาแล้วไม่รู้กี่ปีตัวนั้นอีกครั้ง แน่นอนว่าการกดข่มทางด้านจิตใจไม่ใช่สิ่งที่เด็ดขาด ทว่าสิ่งที่น่ากลัวก็คือร่างของแมวดำยักษ์ตกอยู่ในสภาวะแข็งทื่อ จนไม่สามารถแสดงพลังและอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดออกมาได้เสียด้วยซ้ำ
นี่ไม่ใช่การบดขยี้ระดับชีวิต แต่กลับเหนือกว่าการกดขี่ระดับชีวิต! เพราะในร่างของแมวดำยักษ์มีเลือดของอิ๋งโกวในปีนั้น! มันเติบโตด้วยการดื่มเลือดของอิ๋งโกว!
ด้วยเหตุนี้ หลังจากอิ๋งโกวเพิ่งลืมตาจึงถามมันว่าเลือดของเขาอร่อยดีหรือไม่เป็นประโยคแรก
“คืน…ให้…ข้า…” คลื่นร้อนระอุเริ่มก่อตัวขึ้นบนร่างแมวดำยักษ์ ราวกับว่ามันถูกโยนลงไปย่างบนเตาถ่านอย่างไรอย่างนั้น เดิมทีร่างที่ปกคลุมไปด้วยเส้นขนหนาดำขลับ เวลานี้มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
ต่อมา ฉากที่ทำให้ต้าฉางชิวที่อยู่ในระยะไกลเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงปรากฏขึ้นแล้ว บนร่างแมวดำยักษ์ที่มาพร้อมกับเขาตัวนั้นดูเหมือนจะมีรูเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนในเวลาเดียวกัน เสาเลือดมากมายพุ่งออกมาราวกับน้ำพุที่พุ่งพ่นบนลานกว้าง จากนั้นเสาเลือดนับไม่ถ้วนก็โค้งเอียงตกลงมา
เลือดสดๆ เลือดสีแดงฉาน สาดพ่นกระจายลงมาเหมือนของฟรี! เดือดปุดๆ ร้อนระอุ เหนียวข้น และสดเป็นพิเศษ!
อิ๋งโกวเงยหน้าของตัวเองและมองขึ้น เพลิดเพลินกับความสุขยามที่เลือดชำระล้างร่างกายของเขาอย่างเต็มที่ ในเลือดนี้มีอดีตของเขา!
ในใจกลางของพระราชวังใหญ่ ชายคนหนึ่งจับแมวและอาบชโลมไปด้วยเลือด กระเบื้องปูพื้นหินสีขาวใจกลางของพระราชวังย้อมสีชุ่มโชกไปด้วยสีแดงสดประหนึ่งสนามรบ ขาของต้าฉางชิวเริ่มสั่นเทา ครั้งนี้ไม่ใช่การเสแสร้ง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็น ‘โรคไขข้อกระดูก’ เข้าจริงๆ แล้ว
จากการหลั่งเลือดอย่างต่อเนื่อง ร่างของแมวดำยักษ์เริ่มหดฟีบเล็กลงเรื่อยๆ แต่อิ๋งโกวยังไม่รามือเพียงเท่านั้น ราวกับจงใจจะบีบคั้นออกมาจนหมดเกลี้ยง!
‘คุณเกลียดมันมากเลยเหรอ’ โจวเจ๋อถาม
เพราะในตอนนั้น หลังจากที่เขาตายในสงคราม มันหมอบอยู่ข้างๆ พลางลิ้มเลียเลือดของเขา เถ้าแก่โจวอินกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งมาก เพราะอัฐิของเขาก็เคยถูกคนคลุกกับข้าวมาก่อน
‘เกลียด…มัน…ที่…คิด…ตาม…หา…ข้า…เมื่อครู่…’
โจวเจ๋อเงียบ เขาฟังเข้าใจความหมายของอิ๋งโกว เขาไม่ได้เกลียดที่แมวดำเลียเลือดหลังจากตัวเองล้มลงในตอนแรก สิ่งที่เขาเกลียดก็คือแมวดำมีสัมผัสรับรู้พิเศษหลังจากกลืนเลือดของเขาไป เมื่อพบเขาแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะตามหาเขาโดยมีเป็นเป้าหมายเป็นการล่าเพื่อฆ่า
เขาไม่รังเกียจที่จะให้ ถึงอย่างไรเขาก็ตายไปแล้ว สิ่งที่เขารังเกียจคือการทรยศหลังจากที่เขาให้ไปต่างหาก!
ร่างของแมวดำกำลังหดตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จนกระทั่งมันหดตัวลงเหลือขนาดเท่าแมวทั่วไป อิ๋งโกวโยนมันลงกับพื้นและเหยียบย่ำลงไป
‘ฟุ่บ!’
“เมี้ยว…” เสียงแมวร้องน่าเวทนาดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย แมวดำมหึมาที่ก่อนหน้านี้ยังหยิ่งผยองคิดว่าตนยอดเยี่ยมที่สุดในโลกถูกอิ๋งโกวกระทืบจนแหลก!
อิ๋งโกวที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดดูเหมือนจะได้รับพรจากพลังของตัวเอง ลมปราณของเขาดีกว่าหลังจากกลืนผิงเติ่งหวังขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ!
แมวดำตายแล้ว ใบหน้าของต้าฉางชิวสั่นระริก เป็นอย่างที่เขาพูดก่อนหน้านี้ ขันทีไม่จำเป็นต้องสร้างซุ้มศิลาจารึก ทันใดนั้น เขารีบอุ้มชายดุจสตรีที่อยู่ข้างกายขึ้นมาแล้วเหาะไปที่รอยแยกเบื้องบนโดยไม่รีรอ พร้อมกับตะโกนเสียงสูง “พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ช่วยข้าด้วย!”
อิ๋งโกวไม่ได้ไล่ตามไปทันที แต่สายตากลับจับจ้องไปบนศิลาจารึกที่มีคำว่า ‘ขันที’ ครู่หนึ่ง จากนั้นถีบตัวเหาะขึ้นไปกระทืบ
‘ตู้ม!’ ป้ายศิลาจารึกขนาดมหึมาแตกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนอิ๋งโกวก็พุ่งทะยานตรงขึ้นไป!
‘ไม่หนีเหรอ’ โจวเจ๋อถาม
เวลานี้ควรจะหนีไปนะ
‘ไม่…ทัน…แล้ว…’
ไม่ทันแล้ว ก็ยังไม่รีบหนีอีกเนี่ยนะ โจวเจ๋ออับจนคำพูด เพียงแต่รู้สึกว่าเจ้าโง่นี่ดูเหมือนจะขาดสติไปแล้วเล็กน้อย
‘ยัง…ไม่…ยอด…เยี่ยม…พอ…’艾琳小說
ต้าฉางชิวเหาะออกจากพระราชวังไปก่อน ส่วนอิ๋งโกวก็ไล่ตามหลังไป ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ไล่ตามด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่คล้ายกับการตกปลาช้าๆ เอื่อยๆ ให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดัน
ส่วนต้าฉางชิวก็ทำท่าทางอย่างที่คนไร้ลูกอัณฑะพึงมี ไม่กล้ามองย้อนกลับสักนิด และไม่กล้าแม้แต่จะพยายามต่อสู้ แมวดำตัวใหญ่ตายอนาถตรงหน้า เขาไม่กล้าจริงๆ!
ต้าฉางชิวเหาะไวปานสายฟ้าแลบ คนระดับพวกเขามีหลายสิ่งที่คนธรรมดาไม่เข้าใจ แต่สำหรับพวกเขาเป็นเรื่องปกติเหมือนการกินข้าวดื่มน้ำ
ข้างหน้ามีเมืองแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น ประตูเมืองเปิดออก มีแผ่นป้ายขนาดมหึมาอยู่ด้านบน ด้านบนนั้นเขียนเอาไว้ว่า ‘ซ่งตี้’ ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็ตระหนักได้ว่าที่นี่น่าจะเป็นเมืองซ่งตี้ ตามนิทานพื้นบ้าน ที่นี่น่าจะเป็นพื้นที่ของซ่งตี้หวัง!
“ซ่งตี้หวังช่วยกระหม่อมด้วย โปรดทรงรีบช่วยกระหม่อมด้วยเถิด!!!!!!!” ต้าฉางชิวเรียกหาพระโพธิสัตว์เป็นเวลานาน แต่พระโพธิสัตว์ไม่มา เขาจึงทำได้เพียงเลือกไปพบซ่งตี้หวังที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน
พญายมซ่งตี้หวังแซ่อวี๋ รับผิดชอบดูแลนรกเชือกดำที่ยิ่งใหญ่ ก้นทะเลใต้หินวั่วเจียวทางตะวันออกเฉียงใต้ นรกที่ซ่งตี้หวังควบคุมดูแลอยู่มีความยาวและความกว้างถึงห้าร้อยโยชน์ และยังมีนรกบริวารอีกสิบหกขุม
ที่จริง นับตั้งแต่ผิงเติ่งหวังลู่ถูกไล่ฆ่าก็ไม่ได้มาหาเขา แต่ตอนต้าฉางชิวถูกไล่ฆ่ากลับรีบกุลีกุจอมาหาเขา มันก็เพียงพอแล้วที่จะมองเห็นทัศนคติและแนวโน้มของซ่งตี้หวัง
ตามตำนาน ในยุคสมัยของไท่ซานฝู่จวิน ตัวตนของซ่งตี้หวังอวี๋เทียบเท่ากับ ‘เสนาบดีประจำกรมพิธีการ’ ประธานกล่อมเกลาศีลธรรมของนรก นอกจากนี้ยังเป็นประธานพิพากษาศีลธรรมของวิญญาณจากโลกมนุษย์ ผู้ดูหมิ่นจักรพรรดิ ไม่เคารพผู้อาวุโส ไม่ปรนนิบัติรับใช้บรรพบุรุษในโลกมนุษย์ เป็นเป้าหมายในการลงโทษที่สำคัญของเขา!
แต่ทว่า เมื่อไท่ซานฝู่จวินหายสาบสูญ ครั้นยมโลกแปรเปลี่ยน ซ่งตี้หวังอวี๋กลับเป็นคนแรกที่เข้าไปพึ่งใบบุญอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ช่างเป็นการอธิบายว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่า ต่อหน้าผู้คนเปี่ยมด้วยเมตตากรุณาและศีลธรรม ลับหลังผู้คนเต็มไปด้วยหญิงชู้ชายโฉด!
บนกำแพงเมืองซ่งตี้ มีข้าราชการยมโลกเรียงรายนับไม่ถ้วน เมื่อต้าฉางชิวร้องขอความช่วยเหลือ พวกเขาจึงมีการเคลื่อนไหว ขณะเดียวกัน เงาร่างขนาดมหึมาสูงเสียดฟ้าปรากฏขึ้นในเมืองซ่งตี้ เงาร่างนั้นสวมใส่ชุดคลุมหรูผาว มีเครื่องประดับมากมายบนกาย แต่กลับไม่มีสิ่งใดเกินกฎเกณฑ์ ทำให้คนเกิดเดจาวูเหมือนเป็นแบบอย่างของศีลธรรมบนโลกอย่างหนึ่ง
“ซ่งตี้หวังทรงช่วยกระหม่อมด้วย!!!!! พระโพธิสัตว์จะถึงในอีกไม่ช้า!!!!!” หลังจากต้าฉางชิวโหวกเหวกโวยวาย ก็เหาะจากด้านบนเมืองซ่งตี้ตรงเข้าไปแล้วค่อยๆ ชะลอความเร็วลงช้าๆ
“ผู้มาหยุดก่อนเถิด!!!” ทันใดนั้น ผู้พิพากษาหลายร้อยคนของเมืองซ่งตี้ที่ถือปากกาผู้พิพากษาและสวมเสื้อคลุมหรูผาวเหาะขึ้นไป เบื้องล่างมีผู้ตรวจสอบหลายพันคนอยู่ใต้กระโจมของซ่งตี้หวังเตรียมพร้อมเผชิญหน้า!
“ผู้มาเยือนเป็นแขก ไยมินั่งลงพูดคุยเล่า” เสียงอันน่าเกรงขามดังขึ้นจากฟากฟ้า ทันใดนั้นเงาเสมือนสูงใหญ่ใจกลางเมืองซ่งตี้ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา หน้าตาดูใจดีเป็นมิตร ไม่สูญเสียมาดน่าเกรงขาม ทำให้ผู้คนเพลิดเพลินจำเริญใจ!
เขาเอื้อมมือออกไป ครู่หนึ่ง ม่านแสงขนาดยักษ์แผ่ขยายออกราวกับปกคลุมท้องฟ้าและบดบังดวงอาทิตย์ ขวางทางไปของอิ๋งโกวเอาไว้
“ขอบพระทัยซ่งตี้หวังพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงช่วยชีวิต จ๋าเจียปลื้มปีติยิ่ง!” ต้าฉางชิวที่ยืนอยู่กลางอากาศไกลออกไปโค้งคำนับอย่างเคร่งขรึม
“แขกเอ๋ย เหตุใดมิเข้ามานั่งก่อนเล่า” เสียงของซ่งตี้หวังอวี๋เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา แต่ไม่มีใครไร้เดียงสาพอที่จะคิดว่าตัวละครที่ดำรงอยู่ในตำนานจะเป็นชายชราใจดีมีเมตตาจริงๆ ร่างของอิ๋งโกวไม่ได้ชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อเผชิญหน้ากับคำเชิญชวนของซ่งตี้หวังอวี๋ถึงสองครั้ง ใบหน้าของเขาฉายแววเยาะเย้ยถากถาง
“จาก…ไป…นาน…โข…ไม่มี…คน…รู้จัก…ข้า…เสียแล้ว…” กล้าเรียกข้าว่าสหาย เจ้าคู่ควรงั้นหรือ
‘ปึง!’ ร่างของอิ๋งโกวชนกำแพงเมืองซ่งตี้โดยตรง และใช้มือข้างหนึ่งทุบลงไปอย่างแรง!
‘ปัง!’ ป้ายเมืองซ่งตี้เหนือประตูเมืองถูกทุบทิ้งแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้แต่กำแพงเมืองก็ถูกทุบเป็นรูขนาดยักษ์!
“บังอาจ!” ใบหน้าของซ่งตี้หวังอวี๋ฉายแววไม่คาดฝัน เงาเสมือนใหญ่ยักษ์เอื้อมมือไปกดอิ๋งโกวที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองลงมา!
อานุภาพเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับฟ้าเหนือศีรษะถล่มลงมาจริงๆ ทันที!
อิ๋งโกวแหงนหน้าขึ้น แทนที่จะมองไปที่ฝ่ามือหนาตระหง่านเหมือนภูเขาที่เข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับมองพระจันทร์สีเลือดบนท้องฟ้าของนรกผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว!
“ในอดีต…ข้า…ไม่…เคย…พบ…เจอ…เจ้า…มา…ก่อน…” ยามข้านั่งในนรก ผู้ใดมันกล้านั่งสูงกว่าข้า
ทันใดนั้นพระจันทร์สีเลือดบนท้องฟ้าก็สั่นสะท้าน แสงสีเลือดที่เดิมทีดูสลัวคล้ายกับจะสว่างไสวและงามเด่นมากขึ้นในเวลานี้ เปล่งแสงพร่างพราวแปลกประหลาดสาดส่องลงมา!
ต้าฉางชิวแหงนหน้ามองพระจันทร์สีเลือดบนท้องฟ้า ยามที่เขาเกิดในนรก ก็รู้ว่ามีพระจันทร์สีเลือดอยู่เหนือศีรษะแล้ว คล้ายกับผู้คนบนโลกมนุษย์ที่รู้สึกว่ามีดวงอาทิตย์ห้อยอยู่เหนือศีรษะตลอดเวลา ไม่มีอะไรผิดปกติ
อิ๋งโกวยืนอยู่บนกำแพงเมืองซ่งตี้เพียงลำพัง พลางแหงนหน้าจ้องพระจันทร์สีเลือดที่สูงส่งบนท้องฟ้าจนมิอาจล่วงเกินได้ เมื่อเห็นว่าพระจันทร์สีเลือดยังคงอยู่ตรงนั้น จึงพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“ยัง…ไม่…ลงมา…ถวาย…บัง…คม…อีก…หรือ…”
……………………………………………………