ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 595 รากษสหน้าหยก!
ตอนที่ 595 รากษสหน้าหยก!
“คนข้างหน้ามองไม่ออก แต่สองคนหลังดูน่าสนใจ” หลังจากรอโกวซินพายมทูตขาวดำออกไปกับนักพรตเฒ่าแล้ว ทนายอันจึงพูดประโยคนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่า ลมหายใจของเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ทำให้ความกลัวของทนายอันเกิดขึ้นมา เมื่อเชื่อมโยงกับคาถา ‘ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี’ ที่พวกเขาใช้ก่อนหน้านี้ ทั้งหมดจึงไม่ยากที่จะอธิบาย
“เพิ่งเข้ามาที่ร้าน ไม่เหมือนมาหาเรื่อง” โจวเจ๋อกับทนายอันเดินเข้ามา แล้วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวๆ
ทนายอันฟังจบแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ตลกดี อยากให้เถ้าแก่เป็นลูกน้องของเขา ทว่าทุกคนล้วนมีโชคชะตาและโอกาสเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังไม่เคยเห็นคนที่มีโชคดีขนาดนี้มาก่อน”
“โอเค ไม่ว่ายังไงตอนนี้พวกเขามีนักพรตเฒ่าอยู่เป็นเพื่อน เขาจะเป็นคนโชคดีและเป็นลูกรักของพระเจ้าจริงหรือไม่รอดูวันพรุ่งนี้อีกที อ้อใช่ เมื่อกี้คุณบอกว่าเรื่องของแม่นางไป๋มีเค้าโครงแล้วใช่ไหม”
ทนายอันพยักหน้า หยิบภาพวาดออกมาวางบนโต๊ะน้ำชา เวลานี้อิงอิงได้นำกาแฟแก้วใหญ่พิเศษมาเสิร์ฟให้ทนายอัน เขาเปิดฝา เพราะว่าใส่น้ำแข็งดังนั้นจึงไม่ร้อน แต่อุ่นสบาย ทนายอันดื่ม ‘อึกๆๆ’ เข้าไปอึกใหญ่ถึงรู้สึกชื่นใจ ราวกับว่าความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาตลอดวันตั้งแต่เมื่อวานได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
โจวเจ๋อรู้สึกงุนงงสงสัยอยู่บ้าง หรือว่าเนสกาแฟที่หมดอายุนี้มีผลดีอันน่าทึ่งอะไรจริงๆ ควรทราบว่าตอนแรกยาเม็ดไวอะกร้า เดิมทีนำมาวิจัยเป็นยาลดความดัน แต่กลับได้ผลลัพธ์พิเศษอีกอย่าง
เถ้าแก่โจวคิดว่าอีกสองสามวันตัวเองจะสั่งอิงอิงให้ชงกาแฟหมดอายุให้ตัวเองลองดื่มดูบ้าง
“ผมยังไม่ได้ถาม แต่เขาน่าจะรู้” ขณะที่พูด ทนายอันคลี่ภาพวาดออกมา ชายชราที่อยู่ในภาพวาดกำลังโน้มตัวกำหมัดคารวะ ท่าทางว่านอนสอนง่ายเป็นอย่างยิ่ง โนเวลพีดีเอฟ
เด็กผู้ชายนั่งอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์ ไม่เข้าร่วมกับเรื่องนี้ เขาหยิบกล่องดินสอออกมาอย่างเงียบๆ แล้วทำการบ้านของนักเรียน
อิงอิงลังเลอยู่บ้าง แต่นึกถึงคำสัญญาที่ตัวเองมีต่อเถ้าแก่ เธอจึงเดินเข้าไปเตรียมยืนฟังอยู่ข้างๆ
ทนายอันทำท่า ‘เชิญ’ ให้โจวเจ๋อ เพื่อบอกให้เขาเริ่มถาม โจวเจ๋อก็ไม่เกรงใจเอ่ยถามโดยตรง “ผมขอถามคุณ คุณรู้จักแม่นางไป๋ไหม คนที่นายจางเจี่ยนจารึกป้ายให้ศาลเจ้าของเธอในปีนั้น คนที่ตายเพราะโดนขังในกรงหมูและจับถ่วงน้ำน่ะ”
ชายชราที่อยู่ในภาพวาดแสดงสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นทั่วทั้งภาพวาดจึงเริ่มกระเพื่อมขึ้นมา ชายชราหมุนวนไม่หยุด เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวไปทางซ้ายเดี๋ยวไปทางขวา เหมือนเอฟเฟกต์การเคลื่อนไหวของหนังสือที่พับซ้อนกันแล้วเปิดอย่างรวดเร็วในวัยเด็ก
เมื่อรอเป็นเวลานานแล้ว ทนายอันจึงยื่นมือเคาะโต๊ะ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของตัวเอง
ชายชราจึงคำนับแล้วพูดทันที “ไม่ใช่เพราะว่าข้าอยากถ่วงเวลาอะไร แต่คนที่ท่านพูดถึงจริงๆ ข้าน้อยคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะจำได้ แต่ก็ต่างจากที่ท่านพูดอยู่บ้าง”
“คุณรู้แค่ไหนก็บอกมาเท่านั้น” โจวเจ๋อพูดเร่ง
“รับทราบ” ชายชราพูดต่อทันที “ตอนนั้นในเขตแดนทงเฉิงมีศาลเจ้าที่กราบไว้บูชา ‘แม่นางไป๋’ อยู่จริง แต่สร้างขึ้นโดยชาวบ้านในหมู่บ้าน ชื่อเสียงไม่ปรากฏนอกทงเฉิง ต่อให้เป็นคนท้องถิ่นของทงเฉิง ก็มีเพียงเขตชานเมืองตะวันออกเท่านั้นที่รู้ ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่ไม่ได้สร้างขึ้นตามประเพณี ไม่เข้าอยู่ในราชพงศาวลี”
“แต่ต่อมาหลังจากนั้นนายจางเจี่ยนได้รื้อป้ายที่จารึกด้วยตัวเอง และสั่งให้คนล้มศาลเจ้านั้น”
“สาเหตุเพราะ” โจวเจ๋อซักถามต่อ เรื่องพวกนี้เขารู้แล้ว สิ่งที่เขาอยากรู้คือเพราะเหตุใด!
“สาเหตุเหรอ เอ่อ เป็นเพราะนายจางเจี่ยนโดนหลอก”
“โดนหลอก”
“ใช่ ท่านโปรดฟังข้าน้อยค่อยๆ เล่า แม่นางไป๋ที่ทุกคนรู้ในตอนนั้น มีชื่อเสียงที่ดี แต่ถูกเล่าขานตามชนบทในท้องถิ่นเท่านั้น ต่อจากนั้นมีวันหนึ่งนายจางเจี่ยนได้มาตั้งโรงงานที่นั่น ตอนที่อยู่ในหอพักได้ฝันเห็นแม่นางไป๋ โดยเตือนว่าจะมีอันตราย แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เกิดไฟไหม้ตอนเที่ยงคืนที่โรงงาน ถึงแม้จะไม่เกิดมหันตภัยร้ายแรงอะไร แต่นายจางเจี่ยนรู้สึกขอบคุณคำเตือนของแม่นางไป๋ จึงจารึกป้ายตั้งศาลเจ้าด้วยตัวเอง
ควรทราบว่าตอนนั้น นายจางเจี่ยนมีฐานะเป็นจอหงวนในสมัยปลายราชวงศ์ชิง และยังรับผิดชอบงานด้านอุตสาหกรรม ศาลเจ้าที่เขาสร้างขึ้นมา การจุดธูปบูชาย่อมมีไม่ขาด พอผ่านไปนานวัน ชื่อของแม่นางไป๋จึงเริ่มแพร่กระจายออกไป แต่หลังจากนั้น นายจางเจี่ยนกลับรู้ความจริง และด้วยความโกรธ จึงสั่งคนรื้อป้ายล้มศาลเจ้า!”
“เหล่าอัน เผาภาพวาดอันนี้เถอะ”
“ได้เลย!” ทนายอันลุกขึ้นทันที ทำท่าจะหยิบภาพวาดนี้ออกไป
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ไม่ควรเล่นแง่ ไม่ควรเล่นแง่!” ชายชราในภาพวาดรีบคุกเข่าคำนับทันที ขณะเดียวกันได้ตะโกนว่า “เพราะชาติกำเนิดของแม่นางไป๋ ไม่ใช่เรื่องจริง!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ อิงอิงที่อยู่ข้างกายสีหน้าเปลี่ยนทันที โจวเจ๋อเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาแล้วพูดเร่งว่า “รีบพูดมา!”
“คืออย่างนี้ แม่นางไป๋ที่ถูกเล่าขานตามตำนานของชาวบ้านในท้องถิ่นแต่เดิม ชาติกำเนิดของนางเป็นคุณหนูบ้านผู้ดีในสมัยราชวงศ์ชิง เพราะมีข่าวลือว่าเป็นชู้กับบัณฑิตคนหนึ่ง จึงถูกครอบครัวจัดการด้วยกฎของบ้าน! แท้จริงแล้วนี่คือชาติกำเนิดมาตรฐานของเทพประจำศาลเจ้าตามหมู่บ้านชนบท ล้วนเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เป็นผู้หญิงน่าสงสาร เรื่องราวน่าสงสาร แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น แม่นางไป๋คนนี้ไม่ได้เกิดในตระกูลปัญญาชน นางๆๆ…” ชายชราหยุดไปพักหนึ่ง เขาไม่ได้เล่นแง่อะไร เพราะเมื่อพูดถึงตรงนี้ ถึงแม้จะเป็นภาพวาดหมึกจีนง่ายๆ แต่กลับเผยให้เห็นสีหน้าอันหวาดกลัวของเขาอย่างชัดเจน
ทว่าเขาก็ยังกัดฟันพูดต่อ “นางมาจากกองทัพไท่ผิง! และยังเป็นลูกสาวบุญธรรมคนโปรดของจงหวังหลี่ซิ่วเฉิง!นางถูกคนขนานนามว่า ‘รากษสหน้าหยก’! และ…และสาเหตุการตายของนาง ไม่ได้เป็นชู้กับบัณฑิตถูกลงโทษตายด้วยกฎของครอบครัวแต่อย่างใด แต่หลังจากกองทัพไท่ผิงพ่ายแพ้ ถูกเจิงกั๋วเฉวียนออกคำสั่งให้ถ่วงน้ำจมน้ำตายที่แม่น้ำหาวต่างหาก!”
เจิงกั๋วเฉวียนเป็นใคร โจวเจ๋อรู้จัก คนผู้นั้นเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งในสมัยปลายราชวงศ์ชิง เป็นน้องชายของเจิงกั๋วฟาน ถือว่าเป็นแม่ทัพผู้องอาจมีชื่อเสียงในยุคนั้น
กระทั่งหากเทียบกันเรื่องการต่อสู้ในแนวหน้า เจิงกั๋วเฉวียนคนนี้เก่งกว่าเจิงกั๋วฟานพี่ชายของเขาอย่างมาก ตอนที่เจิงกั๋วฟานไปสั่งการแนวหน้าด้วยตัวเอง มักจะพ่ายแพ้เป็นประจำ แต่น้องชายของตัวเองคนนี้กับจี๋จื่ออิ๋งทหารในบังคับบัญชาของเขาที่รับหน้าที่ต่อสู้ในแนวหน้าอย่างอาจหาญ บุกโจมตีเมืองอันชิ่งก็เป็นเขา รบชนะเมืองเทียนจิงซึ่งเป็นมืองหลวงของไท่ผิงเทียนกั๋วก็เป็นเขา ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
แต่คนผู้นี้มีนิสัยดื้อรั้นและชอบสังหารคน หลังจากเข้าบุกเทียนจิงแล้วได้ตั้งกองทหารปล้นสะดม เกือบจะเผาทั่วทั้งเมืองเทียนจิงให้วายวอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะพี่ชายของเขามีชื่อเสียงในเรื่องคุณธรรมและเข้าใจสถานการณ์ เขาคงไม่ตายดีอย่างแน่นอน
เมื่อย่อยข้อมูลเหล่านี้เสร็จแล้ว ตอนที่เขามองอิงอิงที่อยู่ข้างกายอีกครั้ง จู่ๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกว่าน่าขำอยู่บ้าง สงสัยแม่นางไป๋จะสร้าง ‘ห้วงฝัน’ ให้ไป๋อิงอิง แต่สถานะในความฝันกับสถานะในความเป็นจริงกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่า อิงอิงในตอนนั้นเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาที่นอนอยู่ในโลงศพสองร้อยปีไม่ได้ออกไปเห็นโลกภายนอก จึงเป็นธรรมดาที่แม่นางไป๋พูดอะไร เธอก็เชื่อแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นแม้แต่นายจางเจี่ยนก็ยังโดนแม่นางไป๋ ‘หลอกลวง’ เหมือนกันใช่ไหมเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหลังจากนายจางเจี่ยนรู้ความจริงแล้วถึงได้รื้อป้ายและล้มศาลเจ้าด้วยความโมโห
ตอนเขาเป็นเด็กได้ทันยุคกบฏไท่ผิงเทียนกั๋วพอดี และหลังจากนั้นตัวเขาได้สอบเป็นขุนนางในสมัยนั้น เขาอยู่ในสถานะตัวแทนที่เป็นปรปักษ์กับกบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว ด้วยฐานะและตำแหน่งของเขา ไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างศาลเจ้าและจารึกป้ายให้กากเดนของไท่ผิงเทียนกั๋ว เมื่อคิดแล้วจึงรู้ได้ถึงความโกรธของเขาหลังจากที่รู้ความจริง
รากษสหน้าหยก เหอะๆ โจวเจ๋อดูเหมือนจะจำได้ว่าในนิยายกำลังภายในจำนวนไม่น้อยมักจะพูดถึงชื่อนี้ จากนั้นเขาจึงมองอิงอิงที่ทำสีหน้าตกใจอย่างคนโง่เขลา เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบคางของเธอ แล้วเอ่ยว่า “เธอเป็นเธอ คุณก็เป็นคุณ ไม่เกี่ยวข้องกัน”
ผีดิบกับคนเป็นเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เดิมทีเป็นสิ่งมีชีวิตสองประเภท จึงเป็นตัวตนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อิงอิงพยักหน้า แต่ยังคงกัดริมผีปาก เธอนั่งลงข้างโจวเจ๋อและซบไหล่ของเขา โจวเจ๋อยื่นมือโอบไหล่ของเธอ ทันใดนั้นก็ถามอีก “คุณรู้ไหมว่าเธอยังวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์เพราะเหตุใด”
“ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ ข้าน้อยถึงแม้จะร่อนเร่อยู่ในเขตแดนทงเฉิงนานหลายปี แต่มากสุดก็ได้แต่แต่งเรื่องปั้นน้ำเป็นตัว ไหนเลยจะกล้าไปต่อกรกับภูตผีปีศาจที่โหดเหี้ยม แต่พอคิดดูแล้วอาจจะเป็นเพราะความไม่พอใจ พวกกองทัพไท่ผิงเหล่านั้น…” ชายชราที่อยู่ในภาพวาดยื่นมือชี้ไปที่ศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ถึงแม้จะตายแล้ว แต่ในหัวยังคงฝันแบบนั้น”
นี่มีความเป็นไปได้สูง หลังจากเรื่องไท่ผิงเทียนกั๋วสำเร็จลุล่วงไปแล้ว หงซิ่วเฉวียนก็ถดถอยไม่มีชิ้นดี ในช่วงกลางและช่วงปลายยังดีที่มีหลี่ซิ่วเฉิงและคนอื่นอีกสองสามคนคอยประคับประคอง ถ้าหากไม่มีหลี่ซิ่วเฉิงและคนอื่น ระยะเวลาที่ราชสำนักชิงกำจัดไท่ผิงเทียนกั๋วให้สิ้นซากอาจจะสั้นลงอีกหลายปี
และหลี่ซิ่วเฉิงได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘จงหวัง’ จึงมากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความจงรักภักดีของเขาที่มีต่อไท่ผิงเทียนกั๋ว หากแม่นางไป๋เป็นลูกสาวบุญธรรมของเขา จะต้องได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้ง แต่ปัญหามาแล้ว แม่นางไป๋สั่งให้เขาเผาอิงอิงทิ้งเพื่ออะไร
“อย่างนั้นคุณรู้ความเคลื่อนไหวในช่วงนี้ของแม่นางไป๋ไหม”
“เอ่อ…เอ่อ…” ชายชราลังเลเล็กน้อย
“พวกเราต้องรับมือกับเธอ เธอกระโดดโลดเต้นได้อีกไม่นานหรอก” ทนายอันเอ่ยพูด ถือว่าคลายความกังวลใจของชายชราได้ ในที่สุดชายชราจึงพูดออกมา “เมื่อครึ่งปีก่อน ข้าเคยผ่านวัดเฉิงหวงเมี่ยวเก่าในเขตชานเมืองตะวันออกรู้สึกเย็นวาบเล็กน้อย”
…
“มาๆๆ น้องชายทั้งหลาย พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ของนรก ในเมื่อมาแล้ว ดังนั้นก็ต้องมาไหว้ที่นี่ วัดเฉิงหวงเมี่ยวนี้ถึงแม้จะเล็ก แต่ยังคงรักษาสืบมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์ชิง ถึงแม้จะบำรุงซ่อมแซมในภายหลัง แต่ก็ยังรักษาสภาพเดิมเอาไว้ แผ่นป้ายและศิลาจารึกบางส่วนที่อยู่ข้างใน ได้ถูกสลักและเขียนโดยบรรพบุรุษ มีความหมายมากกว่าพิพิธภัณฑ์น่าเบื่อพวกนั้น” นักพรตเฒ่าเหมือนไกด์นำเที่ยวที่กระตือรือร้น เดินนำโกวซินและคนอื่นเข้าไปในวัดเฉิงหวงเมี่ยว
ทันใดนั้นเขาเงยหน้ามองรูปปั้นแกะสลักเทพประจำเมือง แล้วถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก พลางคิดในใจว่า ไม่ไปคลับ ไม่ไปสวนสนุก สถานที่ใดที่อาจจะเกิดปัญหาจะไม่ไปเด็ดขาด ข้าจะพาพวกเขาเดินเล่นอยู่ในวัดเฉิงหวงเมี่ยว คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!
เมื่อคิดถึงปัญหานี้ นักพรตเฒ่าจึงยื่นมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง เงินกระดาษที่เดิมทีเถ้าแก่ให้มาหนึ่งปึกกลับกลายเป็นสองปึกแทน แน่นอนว่าโกวซินเป็นคนให้เขา จึงทำให้นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าสองสามคนนี้เป็นเพื่อนที่ฉลาดอย่างมาก ไม่เลวๆ นักพรตเฒ่าลูบเงินกระดาษปึกหนา ความร้อนใจของนักพรตเฒ่าจึงคลายลงไปไม่น้อย กระทั่งรู้สึกดีใจเล็กน้อย พลางแสยะมุมปาก “ฮิๆๆ”
………………………………………………………………………..