ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 617 เปิดประตู!
ตอนที่ 617 เปิดประตู!
พื้นที่ดินเลนในบึง เป็นสถานที่ที่นานทีจะมีส่วนหนึ่งที่แห้งขอด อิงอิงนั่งบนลบก้อนหินก้อนลูกหนึ่ง มองเถ้าแก่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นตรงหน้า โดยเฉพาะตอนที่สังเกตเห็นขาทั้งสองข้างของเถ้าแก่ มีน้ำขังหนึ่งชั้น เสื้อผ้าก็เปียกชื้นไปนานแล้ว
พอคิดว่าเถ้าแก่ของตัวเองรักสะอาดมาก แต่ตอนนี้กลับอยู่ในสภาพแบบนี้ อิงอิงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ แต่ก็รู้ดีว่า ตอนนี้ตัวเองทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่นั่งมองอยู่ข้างๆ แบบนี้
มือกระดูกขาวของทนายอันเคลื่อนไหวกลับไปกลับมาอยู่ตรงหน้าของโจวเจ๋อไม่หยุด เขาก็หลับตาเหมือนกันเพื่อประคองโลกมายานี้ จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่เสี่ยงมากที่สุด ถ้าหากเถ้าแก่ควบคุมไม่ดี ถึงแม้จะเป็นการ ‘โต้กลับ’ โดยสัญชาตญาณเพื่อทำลายภาพมายาก็ตาม เขาจะกลายเป็นคนสมองเสื่อมแน่นอน การเต้นระบำอยู่บนปลายมีดเวอร์ชั่นจริง มันช่างตื่นเต้นเสียนี่กระไร!
ภูเขาไท่ซานที่อยู่ในส่วนลึกสุดของวิญญาณของเถ้าแก่ เขามองไม่เห็นแต่สามารถสัมผัสได้ ภูเขาสูงตระหง่านกับความกว้างใหญ่ไพศาล ทำให้เขาไม่กล้าทำตัวโอหัง และต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
สวี่ชิงหล่างยืนอยู่ตรงนั้น ถือบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในมือ จากนั้นสูบครั้งแล้วครั้งเล่า นัยน์ตาที่กระจายแสงสีเขียวกวาดตามองไปรอบๆ เป็นระยะ ความสัมพันธ์ของเขากับโจวเจ๋อ ไม่ใช่พนักงานกับเถ้าแก่ธรรมดาแค่นั้น ตอนที่เขาเปิดร้านบะหมี่ โจวเจ๋อเพิ่งจะยืมศพคืนชีพกลับมาเปิดร้านหนังสือเช่นกัน ทั้งสองคนถือว่ารู้จักกันตั้งแต่ยังเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไรเล็กน้อย
เขาไม่รู้สึกว่าลำบาก พยายามคุ้มกันโจวเจ๋ออย่างเต็มที่ เหมือนตอนนั้นที่ตัวเขาเองกำลังผนึกเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยู่ในร้านบะหมี่ โจวเจ๋อก็ยังขับรถมาจอดอยู่บนถนนข้างนอกเพื่อดูแลเขา
อิงอิงทำปากจู๋ เธอรู้สึกว่าเถ้าแก่ของตัวเองหลังจากที่กลับมาจากนรกแล้วเปลี่ยนไปเยอะมาก ถึงแม้จะยังชอบนอนอาบแดดดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนเดิม แต่หากเทียบกับเมื่อก่อนถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่บ้าง
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ถ้าหากเป็นเถ้าแก่คนก่อน เขาจะตกลงดั้นด้นเดินทางไกลมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ในเมื่อเถ้าแก่เป็นคนรักสะอาดขนาดนั้น อิงอิงเม้มปาก ลุกขึ้นยืนด้วยความกลัดกลุ้มอยู่ในใจ
ถ้าหากเถ้าแก่สามารถทำตัวเกียจคร้านเหมือนเดิม อยู่ในร้านหนังสือกับเธอตัวเองตลอดเวลา ส่วนตัวเธอเองก็ปรนนิบัติเขาอย่างเต็มที่ วันเวลาเช่นนี้จะเป็นช่วงเวลาที่งดงามเพียงใด แต่ความคิดของผู้หญิงเหล่านี้ได้แต่กล้าคิดในใจ เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดออกมา
อิงอิงแค่เป็นคนจิตใจไร้เดียงสา แต่ไม่ได้โง่ ไม่ว่าอย่างไรเธอมีอายุถึงสองร้อยปี และยังได้อาศัยอยู่ในเมืองอีกเกือบหนึ่งปีกว่า สิ่งที่ควรคุ้นเคยสิ่งที่ควรเข้าใจเธอรู้ดีทุกอย่าง
มนุษย์เราในโลกนี้ ถึงแม้ต้องตายไปเป็นผี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยากที่ใช้ชีวิตสบายได้ตลอดเวลา อิงอิงรู้ดีว่า ต่อให้เป็นตัวเองถูกแม่นางไป๋ที่ถูกเธอทำลายวิญญาณจนดับสูญ ที่ดูเหมือนจะใช้ชีวิตเร่ร่อนอิสระมาสองร้อยปี ก็แต่ไม่ได้มีความอิสระเสรีจริงๆ อย่างแน่นอน
จากคำพูดของชายชราในภาพวาด แม่นางไป๋ถูกทหารชิงจับตัวได้ในเขตทงเฉิง แล้วจับถ่วงน้ำตายในแม่น้ำหาวแต่โลงศพของตัวเธอเองเล่ามันคืออะไร ร่างของเธอร่างนี้ก็คือร่างของแม่นางไป๋ และยังมีข้าวของที่ฝังพร้อมกับศพอยู่ในโลงศพอีกมากมายมันคืออะไรกัน เมื่อลองพิจารณาเช่นนี้แล้ว แม้แต่เรื่องที่แม่นางไป๋ที่โดนทหารชิงจับตัวในปีนั้น กับความจริงเป็นเช่นไรกันแน่ เป็นสิ่งที่ชวนให้ครุ่นคิดยากที่จะมีใครได้ล่วงรู้
อิงอิงขบคิดสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะอิงอิงคิดถึงแม่นางไป๋หรือรู้สึกละอายใจแต่อย่างใด เพราะนายหญิงวางแผนทำร้ายเถ้าแก่ เช่นนั้นตัวเองจึงต้องกำจัดเธอ อิงอิงไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิด เธอแค่รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าเรื่องของแม่นางไป๋ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ถึงแม้ว่าวิญญาณของเธอจะแตกดับไปแล้วก็ตาม
ทันใดนั้นเอง อิงอิงขมวดคิ้วทันที ลุกขึ้นพูดเบาๆ ว่า “มีหมอกขึ้น”
สวี่ชิงหล่างได้ยินแล้วจึงพยักหน้า สภาพอากาศของภูเขาคะฉิ่นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ฝนตกมีหมอกจึงเป็นเรื่องปกติ กระทั่งบางครั้งฝนตกติดต่อกันสิบกว่าวันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ผ่านไปสักพักหนึ่ง สวี่ชิงหล่างสีหน้านิ่งทันที แล้วพูดเสียงหนักว่า “หมอกนี้มีปัญหา”
“เจ้าเฝ้าเถ้าแก่กับทนายอันอยู่ตรงนี้ ข้าจะไปดูข้างหน้าหน่อย”
อิงอิงเดินไกลออกไป สวี่ชิงหล่างไม่เอ่ยห้ามเพราะเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ในช่วงเวลานี้เมื่ออยู่ที่นี่ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดใดๆ มีความเป็นไปได้สูงที่จะสร้างหายนะรุนแรงตามมาในภายหลัง แต่หลังจากที่อิงอิงเดินออกไป เขายังมองไปทางทนายอันที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น แสงสีเขียวในส่วนลึกนัยน์ตาของเขายิ่งเข้มขึ้น และค่อยๆ พูดว่า “ลืมตา”
ทนายอันเหมือนสัมผัสได้จึงลืมตา แต่การเคลื่อนไหวในมือยังไม่ได้หยุดลง เขามองไปรอบๆ มองเห็นหมอกที่อยู่รอบตัว จากนั้นจึงมองสวี่ชิงหล่างอีกที
สวี่ชิงหล่างเดิมทีคิดว่าทนายอันจะพูดอะไร แต่เขากลับไม่พูด และได้หันมาพยักหน้าให้สวี่ชิงหล่างอย่างเชื่อใจ จากนั้นจึงค่อยๆ หลับตา ตั้งจิตช่วยสร้างแดนมายาให้โจวเจ๋ออย่างมั่นคง
สวี่ชิงหล่างเดินไปใกล้สองสามก้าว วางกระเป๋าของตัวเองลงไป แล้วหยิบดาบสัมฤทธิ์ ยันต์กระดาษ รวมทั้งธงเล็กกับเบี้ยหมากรุกที่ใช้จัดค่ายกลออกมา แล้วจัดวางอยู่ข้างตัวของโจวเจ๋อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนถึงจะดี
หลังจากจัดวางเรียบร้อยแล้ว สีเขียวที่อยู่ในดวงตาของสวี่ชิงหล่างเริ่มเข้มขึ้น ชั่วเวลาเดียวในหูของเขาเริ่มได้ยินเสียงงู หนู มด และแมลง และจากจุดศูนย์กลางตรงนี้ไกลออกไปในระยะสองพันเมตรมีงูยี่สิบกว่าตัว งูเหล่านี้จากที่นอนจำศีลและซ่อนตัวอยู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เริ่มเลื้อยออกมาจากกิ่งไม้และพื้นดินอย่างรวดเร็วทันที พวกมันถูกเรียกและเริ่มสำรวจมองไปรอบๆ โดยอัตโนมัติ
อิงอิงเดินออกไปไม่ไกลนัก แต่พบว่าหมอกหนาที่อยู่ตรงหน้าเริ่มเยอะขึ้น ถึงขั้นที่เกือบจะเป็น ‘ควันโขมง’ ก็ว่าได้ เธอสงสัยอยู่บ้าง เพราะเธอเคยเห็นหมอกหนาแบบนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน
ท่ามกลางหมอกหนาที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆ กลับปรากฏเงาของคนหลายคน อิงอิงเริ่มเดินช้าลง เธอเห็นคนมากกว่าสิบคนเดินออกมาจากหมอกหนาทึบ ยืนเรียงแถวแล้วเดินเรียงแถวผ่านตัวเองไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับทหารผีข้ามดินแดน เงียบสงัดจนคนรู้สึกชาหนังศีรษะ
คนสิบกว่าคนนี้ อิงอิงรู้จัก เป็นกลุ่มคนร้ายที่มีปืนอยู่ในมือโดนยิงที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้ สุดท้ายพวกเขาต้องตายด้วยน้ำมือของแม่นางสวี่ แต่วิญญาณของพวกเขาควรจะลงนรกไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเดินเรียงกันอยู่ที่นี่ หรือว่าก่อนตายเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน หลังจากตายไปแล้วจึงอยากอยู่ด้วยกัน ต่อให้ตายก็ไม่แยกจาก
‘“กริ๊ง…กริ๊ง…’” เหมือนเสียงกระดิ่ง เหมือนมีคนกำลังเคาะอะไรอยู่ ต้นกำเนิดของเสียงมาจากทางที่กลุ่มวิญญาณที่เดินเรียงแถวไปทางนั้น มีคนกำลังเรียกวิญญาณของพวกเขา อิงอิงเผยสีหน้าขุ่นเคืองออกมาบนใบหน้า เธอรู้ว่าเถ้าแก่ตั้งใจมาที่นี่เพื่ออะไร ตอนนี้สิ่งที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นที่นี่ มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบต่อแผนการของเถ้าแก่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เป็นไอ้ชาติชั่วคนไหนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ!
‘“กริ๊ง…กริ๊ง…’” เสียงดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นอิงอิงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังของตัวเอง เธอหมุนตัวคขวับ พลังปราณพิฆาตรอบตัวควบแน่นรวมกันในพริบตา แต่กลับพบว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ด้านหลังของตัวเอง เป็นกองทัพหนึ่งที่มีผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และคนแก่ พวกเขาเขย่งปลายเท้า สีหน้านิ่งเฉย บางคนใส่ชุดพื้นเมืองของชาวพม่า บางคนใส่เสื้อผ้าที่ดูทันสมัยเล็กน้อย แต่ดูแล้วเก่ามาก น่าจะเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบนอกของภูเขาคะฉิ่น
อิงอิงได้ยินเถ้าแก่กับทนายอันคุยกันก่อนหน้านั้น เกิดความวุ่นวายในประเทศพม่ามากมาย ดูเหมือนจะมีบางแห่งยังทำสงครามอยู่ บวกกับหลายสาเหตุรวมกัน ทำให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นไม่ได้รับการส่งเสริม
หลังจากถอยหลังสองสามก้าว เพื่อให้คนเหล่านั้นเดินผ่านตัวเองไป ในที่สุดอิงอิงจึงนึกขึ้นมาได้ว่า หมอกหนานี้ตัวเองเคยเจอมาก่อน! เป็นครั้งที่สาวน้อยโลลิถูกจับตัวไปขาย และเธอได้เดินทางไปเป็นเพื่อนเถ้าแก่เพื่อช่วยชีวิตคนในครั้งนั้น จึงได้พบหมอกหนาเช่นนี้ หลังจากนั้นเถ้าแก่กับทนายอันวิญญาณออกจากร่างลงไปนรกอย่างไม่มีสาเหตุ จากนั้นตัวเธอและคนอื่นได้ตามหาพวกเขากันจ้าละหวั่น สุดท้ายไปเจอเถ้าแก่อีกครั้งที่สวีโจว
อิงอิงไม่ลังเลอีกต่อไป เธอไม่อยากเดินไปตามหาเสียงเหมือนคนโง่ แต่รีบวิ่งกลับไปทันที ต้องบอกเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องแจ้งสถานการณ์นี้ให้พวกเถ้าแก่ทราบและพวกเขา แต่อิงอิงวิ่งไปได้ไม่ไกล เงาร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เธอเจอแต่แบบที่มากันเป็นกลุ่มแบบนี้เยอะมาก แต่เวลานี้จู่ๆ กลับมีพวกที่ตกขบวนโผล่ออกมา ทำให้อิงอิงรู้สึกสงสัยโดยอัตโนมัติ จึงลดความเร็วลง
เวลานี้เงาดำนั่นกระโจนเข้ามาโผล่พรวดออกมาโดยตรง!
“รนหาที่ตาย!” อิงอิงคำรามเสียงต่ำ เธอวาดเล็บที่เต็มไปด้วยพลังปราณพิฆาตออกไปโดยตรง ‘ปึ้ง!’ เงาดำถูกตบกระเด็น ร่างของผีดิบสาวมีกำลังมหาศาลเมื่ออยู่นอกบ้านไม่มีใครขวางได้ ไม่ว่าจะเป็นภูตผีหรือปีศาจ ถ้าอยากจะกดทับร่างของอิงอิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างสิ้นเชิง
‘“กริ๊ง…’” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้อยู่ใกล้ตัวมากขึ้น! อิงอิงรู้ดีว่าตัวเองถูกจับตามองแล้ว ทันใดนั้นเธอจึงเงยหน้าทันที เปล่งเสียงคำรามเสียงออกมา และหวังว่าเสียงคำรามนี้จะช่วยเตือนพวกเถ้าแก่ได้ จากนั้นหมอกหนานี้เหมือนมีลมพัดขึ้นมา เสียงหวีดหวิวที่มาพร้อมกับสายลมก่อกวนทุกอย่างให้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย และหมอกหนาที่อยู่แถวนี้ได้ปรากฏเงาดำขึ้นมาอีกสองสามเงากระโจนเข้าหาอิงอิงไม่ต่างจากสัตว์ป่า
เส้นผมของอิงอิงเริ่มกลายเป็นสีขาว ความไม่ยินดียินร้ายแฝงอยู่ในดวงตา แต่ความเร็วของการต่อสู้และพลังกลับแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งระดับ
‘“ปึ้ง!’”
‘“แกร๊ก!’”
‘“ปึ้ง!’”
หลังจากเงาดำสองสามเงากระเด็นออกไปติดต่อกัน อิงอิงจึงเริ่มวิ่งตะบึงไปตามทิศทางในความทรงจำของตัวเองระหว่างที่วิ่งอยู่ มีเงาดำโผล่ขึ้นมาพยายามขัดขวางเธอไม่หยุด แต่ถูกอิงอิงซัดกระเด็นออกไปโดยตรง
วัตถุสีดำเหล่านี้ถึงแม้จะเข้าใกล้คุณ แต่คุณก็มองไม่ออกว่าพวกมันเป็นอะไร เหมือนทั้งสัตว์ป่าและเหมือนคน แต่ตัวดำทั้งตัว
และไม่รู้ว่าเธอวิ่งนานแค่ไหนแล้ว ทั้งๆ ที่วิ่งมาถูกทาง แต่กลับวิ่งไม่ถึงตำแหน่งที่พวกเถ้าแก่อยู่ อิงอิงจึงต้องลดความเร็วลงอย่างช่วยไม่ได้ แล้วค่อยๆ จึงหยุดวิ่ง สีของเส้นผมเริ่มกลับมาเป็นสีดำ ตอนที่เธอวิ่งมาถึงตรงนี้ก็ไม่มีอะไรวิ่งออกมาจากหมอกหนาอีก อิงอิงจึงประหยัดพลังไปได้เยอะ การสูญเสียพลังตอนที่อยู่ในสภาพเส้นผมขาวนั้นมันเยอะมากจริงๆ
อิงอิงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ พบว่าในหมอกหนาที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะมีอะไรอยู่ในนั้น ทั้งสูงและใหญ่มากหลังจากเธอเข้าใกล้แล้วจึงมองเห็นอย่างชัดเจน เป็นประตูหินบานหนึ่ง!
‘“กริ๊ง…’” เสียงดังขึ้นอีก และเป็นเสียงที่ดังมาจากด้านหลังของประตูหิน อิงอิงกัดฟัน สีหน้าลนลาน เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร เธอรู้อยู่เรื่องเดียวเท่านั้น “เถ้าแก่ ข้าไม่ได้เรื่อง ที่ดันหลงทาง ฮือๆๆ…”
……………………………………………………………………….