ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 622 เลื่อนขั้น ผู้จับกุม!
ตอนที่ 622 เลื่อนขั้น ผู้จับกุม!
เสียงนาฬิกาดังเป็นสัญญาณกลับบ้าน เงาร่างที่ใส่เสื้อผ้าสีเขียวแต่ละคนเดินผ่านท่ามกลางป่าฝน พวกเขามีอายุแตกต่างกัน แต่คนหนุ่มสาวจะเยอะกว่า พอกวาดตามองออกไป โดยทั่วไปแล้วมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ พวกเขามาจากทั่วประเทศ พูดสำเนียงแต่ละท้องถิ่น กินรสชาตอาหารรสชาติแตกต่างกัน เมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน อยู่กองทัพเดียวกัน เดินทางมายังต่างบ้านต่างเมืองด้วยกัน
เวลานับพันปี ราชสำนักเปลี่ยนแปลงดุจสายน้ำ วิญญาณทหารอันมั่นคงแข็งแกร่ง บนตัวของพวกเขาคือตัวพิสูจน์ที่ดีที่สุด
โจวเจ๋อเดินนำเป็นคนแรก วิญญาณทหารหลายหมื่นนายมองเขาดุจดวงประทีป ทุกคนเดินอยู่ข้างหลังของเขา ถ้าหากบอกว่าตอนแรกโจวเจ๋อเกิดโง่เขลามีความคิดชั่วแล่น เนื่องจากการปรากฏตัวของหมอก ทำให้วิญญาณทหารหลายหมื่นนายอาจจะถูกจับไปใช้ทำประโยชน์อย่างไม่มีสาเหตุ เขาถึงได้ลุกขึ้นมา เช่นนั้นตอนนี้เขามีสติกลับมาอย่างโดยสมบูรณ์แล้ว ภูเขาลูกนี้ก็ยังเป็นภูเขา ต้นไม้ก็ยังเป็นต้นไม้เหมือนเดิม แต่หลังจากความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคนเรา ภูเขาและต้นไม้ที่เห็นอยู่ในสายตากลับไม่เหมือนเดิม
มือซ้ายของโจวเจ๋อยังคงถือกระติกน้ำสนิมเขลอะเหมือนเดิม มือขวาของเขากลับบีบหนังสือรับรองยมทูตของตัวเอง ไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อออยากหยิบออกมาอย่างอดใจไม่ไหว แต่เป็นเพราะหลังจากที่เขาเรียกวิญญาณทหารหลายหมื่นนายให้ตื่นขึ้นแล้ว หนังสือรับรองยมทูตของเขาก็เริ่มร้อนและลอยออกมา เหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างได้
แล้วพอจึงมองตัวของโจวเจ๋อ เขี้ยวในปากทั้งสองข้างปรากฏให้เห็นอยู่แวบๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่เริ่มขาดวิ่นเพราะต้องวิ่งเหนื่อยมาหลายวัน ผิวหนังที่โผล่ออกมาด้านนอกเหมือนมีอักขระโบราณกำลังหมุนวนอยู่
ถ้าหากนักพรตเฒ่าและเหล่าจางอยู่ที่นี่ ได้เห็นฉากนี้ล่ะก็ จะต้องรู้สึกสะเทือนอารมณ์แน่นอน เพราะตอนแรกที่เจอกับปู่เจ้าที่ที่ทงเฉิงในตอนนั้น อิ๋งโกวที่ฟื้นขึ้นมาได้เปลี่ยนจับโจรปล้นสุสานสองคนนั้นที่ถูกมัดอยู่ในต้นไม้ให้จนกลายเป็นผีศพเดินได้ทันที ถึงแม้เวลานี้โจวเจ๋อจะไม่ได้ทำอะไรกับวิญญาณทหารหลายหมื่นนายนี้ และไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ทั้งสองอย่างดูเหมือนจะมีจุดที่เหมือนกัน
อิงอิงเดินตามหลังโจวเจ๋อตลอด เธอมองโจวเจ๋ออย่างละเอียด เธอรู้ว่าแผลของเถ้าแก่เพิ่งจะหายแต่ต้องมาเดินเหนื่อยแบบนี้ จึงกลัวจริงๆ ว่าเถ้าแก่จะทนไม่ไหวล้มลงไปอย่างกะทันหัน ซึ่งในความเป็นจริง โจวเจ๋อก็เหนื่อยมากจริงๆก่อนหน้านี้ด้วยความร้อนใจร่างกายของเขาจึงตื่นตัวต่อต้าน ทำให้แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร ทว่าตอนนี้ถึงแม้ตัวเขาเองจะได้สติแล้ว ความกดดันและความสิ้นเปลืองพลังงานในแต่ละก้าวล้วนยิ่งใหญ่ ยังดีที่เขามีประสบการณ์ตอนเดินออกมาจากสะพานไน่เหอกับอิ๋งโกวมาก่อน ถึงแม้จะมีภาระหนักอึ้งอยู่กับตัว แต่ทุกก้าวที่เยื้องย่างกลับมั่นคง
หมอกสีขาวหายไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อได้แต่ก้มหน้าเดินไปข้างหน้า จากนั้นก็จึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่เนื่องจากตัวอยู่ท่ามกลางน้ำป่าไหลหลาก ดังนั้นตัวของเขาจึงคิดไม่ถึงว่าวิญญาณทหารหลายหมื่นนายจะสามารถรวมพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ แต่หลังจากนั้นก็เหลือแค่เดินกลับไปทีละก้าว หลังจากเดินมานานครึ่งค่อนวันแล้ว ทนายอันกับสวี่ชิงหล่างจึงเดินตามมา
สวี่ชิงหล่างหยิบของกินออกมาจากในกระเป๋า เหมือนกำลังจะยื่นเข้าไป แต่กลับถูกทนายอันคว้ามือเอาไว้
“จะทำอะไร”
“ให้ของกินไง”
“ทำไมคุณไม่เอาได้ถือธงกองทัพทหารกั๋วหมินตั่งมอบให้เขาแล้วสั่งให้เขาชูมือโบกธงนำทางเหยียบแนวเส้น”
“…” สวี่ชิงหล่าง
“หิวมาสองวันไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้กลัวที่สุดเลยก็คือจะโดนขัด ถ้าหากความรู้สึกนี้โดนกระทบในเวลานี้ อยากจะเรียกกลับมาก็ยาก” ทนายอันหยิบบุหรี่ออกมาสองมวน ยื่นให้สวี่ชิงหล่างหนึ่งมวน เมื่อเห็นทนายอันพูดเช่นนี้ สวี่ชิงหล่างจึงรับมาบุหรี่มา นั่งลงยองๆ กับเขาเตรียมตัวพักผ่อน
รอบตัวของทั้งสองคนมีแต่เงาร่างของวิญญาณทหาร ลำพังแค่ต่สองสามพันคนก็สามารถอัดเต็มสนามโรงเรียนมัธยมแล้ว นับประสาอำอะไรกับคนสองสามหมื่น
หลังจากพ่นควันบุหรี่ออกมา ทนายอันนำบุหรี่ที่เหลือในซองปักลงไปบนพื้น แล้วจุดไฟ “พี่ๆ กลับบ้านแล้ว คนที่เดินผ่านมาสูบสักมวนนะ บุหรี่จงหวา สูบดี!”
จากนั้นบุหรี่เจ็ดแปดมวนก็ถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ไม่กี่ถึงสองสามวินาที ก็เผาไหม้ไปจนถึงก้นบุหรี่แล้ว
สวี่ชิงหล่างมองกลุ่มทหารที่กำลังเดินมาด้วยความแปลกใจ “มีทหารผู้หญิงด้วยเหรอ”
“ไร้สาระ ในกองทัพมีทหารหญิงแปลกมากเหรอ”
“ไม่แปลก” สวี่ชิงหล่างเขี่ยบุหรี่
ทนายอันถูมือ มองทหารหญิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่านหน้าตัวเองไป แล้วพูดอย่างช้าๆ “ตอนที่เข้าไปในผ่านภูเขาคะฉิ่น ดูเหมือนจะมีทหารหญิงสามร้อยกว่าคนเดินเข้ามาพร้อมกัน แต่มีทหารหญิงแค่คนเดียวหนึ่งที่มีชีวิตรอดออกไป”
สวี่ชิงหล่างเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ ทันใดนั้นดูเหมือนจะรู้สึกว่าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบนี้ไม่ดีที่ไม่ชอบมาพากล เขามองไปทางทนายอันที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “เรื่องในครั้งนี้ ถือว่าสำเร็จใช่ไหม”
“รอส่งวิญญาณทหารกลับบ้านแล้ว ถึงจะถือว่าสำเร็จ อย่างน้อยต้องข้ามชายแดนหรือข้ามแม่น้ำนู่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย” สวี่ชิงหล่างกล่าว
“แปลกตรงไหน”
“หมอกหนาปรากฏตัว ทำให้คนรู้สึกแปลกใจ ดูบังเอิญเกินไปหน่อย”
นี่มันไม่ใช่ภาพยนตร์ฮอลลีวูด ที่ต้องแสดงความขัดแย้งและการปะทะกันทุกอย่างภายในเวลาสองชั่วโมง จึงจงใจสร้าง ‘เหตุบังเอิญ’ มากมาย นี่คือความจริง และในความเป็นจริงนี้ และยังไม่พูดถึงอิ๋งโกวและไท่ซานฝู่จวินซึ่งไม่มีใครรู้ฐานะของคนทั้งสอง โจวเจ๋อเป็นแค่ยมทูตคนหนึ่งเท่านั้น
“ฮิๆ ใครจะไปรู้” ขณะที่พูด ทนายอันลุกขึ้น ตบไหล่ของสวี่ชิงหล่าง “ไปกันเถอะ เถ้าแก่เดินไปไกลแล้ว”
…
โจวเจ๋อไม่ใช่คนที่ชอบเคยออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นคนรักสุขภาพเลย เขาเป็นคนขี้เกียจมาก ไม่ว่าเรื่องใดที่ต้องขยับตัว เขาจะใจแคบกำจัดมันออกไป แต่การเดินเท้าในป่าฝนครั้งนี้ เขากลับเดินติดต่อกันสองวันสองคืน นอกจากจะไม่ได้พักผ่อนแล้ว แม้แต่หยุดเดินก็ไม่มี ถึงแม้จะไม่ได้วิ่ง แต่อัตราความถี่ของการก้าวเดินทางไม่เคยลดลง ตอนแรกเหนื่อย ตอนแรกหิว ตอนแรกกระหาย แต่พอเวลาผ่านไปช้าๆ ความรู้สึกใดๆ กลับถูกห่อหุ้มด้วยความชินชา คุณไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ และมองตัวเองเป็นเหมือนเครื่องจักรในไลน์ผลิตเท่านั้น เดินไปข้างหน้า เดินไปข้างหน้า แล้วก็เดินไปข้างหน้าๆๆ
ใช่ว่าไม่อยากพักผ่อน แต่โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงความร้อนใจและความปรารถนาอยากจะกลับบ้านของวิญญาณทหารหลายหมื่นนายนี้ได้อย่างชัดเจน ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีใครเร่งรัดโจวเจ๋อ แต่คนนับหมื่นเดินอยู่ข้างหลังคุณ คุณสามารถรับรู้ได้ถึงสายตานับหมื่นกำลังตกลงมาที่ตัวเอง คุณก็จะมีความรู้สึกบางอย่าง และตอนนี้หากหยุดเดินก่อให้เกิดความล่าช้า ล้วนเป็นความผิดและการดูหมิ่นอย่างหนึ่ง ลำบากไม่ถือว่าลำบาก อย่างน้อยก็ทำด้วยความสมัครใจ
ในที่สุดแม่น้ำนู่ก็อยู่ตรงหน้าเสียที เนื่องจากเข้าฤดูหนาวแล้ว ดังนั้นจึงไม่เหมือนฤดูร้อน ระดับน้ำของแม่น้ำนู่ไม่สูงมาก นอกจากเวลาเช้าเย็นช่วงสั้นๆ ก็ไม่มีคลื่นใหญ่อะไร แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ มันก็ยังเป็นคูเมืองธรรมชาติที่ยากจะข้ามผ่านได้ง่ายๆ
เมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำนู่ ทหารญี่ปุ่นและทหารจีนได้สู้รบกันที่นี่อย่างดุเดือดรุนแรง เลือดสดเปื้อนไปทั่วแม่น้ำสายนี้
“เถ้าแก่ ข้าฉันต้องไปหาแพไหม” อิงอิงถาม สะพานที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ไกลมาก เนื่องด้วยการนำทางที่แสนพิลึกของทนายอัน ส่งผลให้ตอนที่โจวเจ๋อเดินกลับมา ไม่สามารถใช้เส้นทางการท่องเที่ยวได้ เบื้องหน้าจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสะพานมารอรับคุณ
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เธอจะไม่เป็นห่วงว่าเถ้าแก่ของตัวเองจะว่ายน้ำข้ามไปไม่ถึงเป็น แต่ตอนนี้เธอกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ โจวเจ๋อเม้มปากที่แห้งผาก ไม่พูดอะไรแล้วเดินต่อไปข้างหน้า ข้างหน้าเป็นหน้าผา
“เถ้าแก่!” อิงอิงเห็นโจวเจ๋อเหยียบลงไป เธอตกใจมาก รีบยื่นมืออยากจะกอดเถ้าแก่ของตัวเองไว้ เธอยินดีที่จะกอดเถ้าแก่เพื่อให้ตัวเองตกลงไปเป็นเบาะรองหลังให้เขา! ทว่าทันทีที่มือของอิงอิงได้จับโดนเสื้อผ้าของเถ้าแก่ กลับพบว่าเท้าทั้งสองข้างของเถ้าแก่ของตัวเองได้เหยียบอยู่บนหน้าผาแล้วเดินลงไปข้างล่างต่อไป
อิงอิงไม่กล้าออกแรงและรีบปล่อยมือ ก้มหน้ามองลงไป เอ่อ ผีดิบสาวรู้สึกว่าสมองของเธอไม่ดีพอ หน้าผาที่อันตราย โจวเจ๋อกลับเดินเหมือนทางพื้นเรียบ และข้างกายของเขามีวิญญาณทหารหลายหมื่นนายเดินตามอยู่ บางคนร้องเพลงทหาร บางคนร้องเพลงพื้นบ้านของบ้านเกิดตัวเอง เช่น ซิ่นเทียนโหยว เพลงพื้นบ้านของมณฑลส่านซี งิ้วหวงเหมยของมณฑลอันฮุยร้องเพลงพื้นเมือง ร้องเพลงงิ้ว วุ่นวายแต่กลับคึกคักสนุกสนาน
ในสายตาของโจวเจ๋อ ประเดี๋ยวก็เป็นกองกำลังทหารที่ฮึกเหิม ประเดี๋ยวก็เป็นแม่น้ำนู่หุบเขาอ้างว้างไร้ผู้คน อิงอิงหาเจอหน้าผาที่ไม่ชันมากเป็นพิเศษแล้วไถลลงไป เธอลงมาได้ไม่นาน ก็เห็นเถ้าแก่ของตัวเองเดินลงจากหน้าผาด้วยย่างก้าวที่มั่นคง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในแม่น้ำทีละก้าว แต่ใช่ว่าจะโอเวอร์เกินจริงถึงขั้นแม่น้ำตัดขาดเพื่อให้โจวเจ๋อพาคนเดินข้ามไป อิงอิงเห็นทั้งตัวเถ้าแก่ของตัวเองจมลงไปในแม่น้ำอย่างรวดเร็ว วิญญาณทหารที่อยู่ข้างกายก็เดินลงไปในแม่น้ำนู่เช่นกัน
อิงอิงรู้สึกเป็นกังวลจนใจแทบสลาย เถ้าแก่เองก็ไม่รู้สึกรู้สา เหมือนเด็กซนที่ขชอบนอนถีบผ้าห่ม เธอรีบดำลงไปในน้ำ แต่กลับเห็นสองเท้าของเถ้าแก่กำลังเหยียบอยู่บนชั้นหินทราย เขายังคงเดินทีละก้าวเหมือนเดิม เดินตามความถี่ปกติ ของจิปาถะด้านล่าง สาหร่ายที่อยู่ด้านล่าง ไม่สามารถขัดขวางเถ้าแก่ของตัวเองได้แม้แต่นิดเดียว
วิญญาณทหารหลายหมื่นนายดำลงไปในแม่น้ำนู่ แม่น้ำนู่ที่เงียบสงบเกิดระลอกคลื่นขึ้นมาในทันใด เหมือนถูกเติมพลังชีวิตเข้าไปกระเพื่อมขึ้นมาในพริบตา!
‘พรึบ!’ ศีรษะของโจวเจ๋อโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ต่อจากนั้นคือร่างกายท่อนที่อยู่ด้านล่าง แม่น้ำทำให้เสื้อผ้าท่อนบนตัวเปียกปอน จึงยิ่งทำให้เห็นอักขระที่อยู่บนร่างกายท่อนบนของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น เขาในตอนนี้เหมือนผู้บำเพ็ญตบะ เหมือนผู้บำเพ็ญเต๋า ตั้งแต่เดินป่า เดินขึ้นหน้าผา เดินลงน้ำ และในตอนนี้ชั้นเมฆที่อยู่ด้านบนจู่ๆ กลับเกิดเสียงฟ้าร้องโครมคราม!ประหนึ่งตีกลองเสียงดัง
อิงอิงหน้าสั่น ซึ่งมาพร้อมกับความรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดที่ชัดเจน คนทั่วไปเมื่อเจอสภาพอากาศฟ้าร้องฟ้าผ่าอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับตัวตนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสวรรค์ ฝนตกฟ้าร้องก็คือประตูนรกอย่างหนึ่ง!
โจวเจ๋อเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ก่อนจะอ้าปาก โชว์เขี้ยวออกมา “โฮก!” นี่คือการท้าทาย ราวกับกำลังพูดว่า มาสิฟ้าผ่าฉันให้ตายไปเลย มาเลย! แน่จริงก็ฟ้าผ่าฉันให้ตายไปเลย ผ่ามาเลย!
วิญญาณทหารหลายหมื่นนายมารวมตัวกัน ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดต่อฟ้าดิน ดังนั้นจึงเป็นที่สนใจของสวรรค์ จากนั้นด้วยเสียงคำรามของโจวเจ๋อ ทำให้วิญญาณทหารหลายหมื่นนายที่อยู่ข้างหลังเงยหน้าพร้อมกัน แล้วแผดเสียงคำรามต่อสวรรค์ขึ้นมา! บ้านอยู่ตรงหน้าแล้ว ข้ามแม่น้ำก็ได้กลับบ้านแล้ว ใครกล้ามาขวาง คนนั้นคือศัตรูของฉัน!
เสียงร้องตะโกนมากมายนับไม่ถ้วน เสียงคำรามมากมาย ทำให้เขตแม่น้ำนู่นี้เต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของภูตผี ลมหยินกระรโชกอย่างกำเริบเสิบสาน!
โจวเจ๋อเป็นจุดหนึ่ง แต่วิญญาณทหารหลายหมื่นนายที่อยู่ข้างกายได้สร้างพื้นที่ให้เขา เมฆดำก่อตัวหนาแน่นขึ้น ก่อนที่สวรรค์จะบีบบังคับเข้ามา จะไม่ถอยกลับแต่กลับเดินหน้า!
‘ครืนนน!!!!’ ท่ามกลางท้องฟ้า ดูเหมือนอัสนีบาตรกำลังก่อตัว ฟ้าดินย่อมมีกฎ มิอาจลบหลู่ ไม่อย่างนั้นหนวดปลาหมึกของยมโลก คงบดบังทั้งโลกมนุษย์ได้อย่างสิ้นเชิงไปนานแล้ว
ส่วนวิญญาณทหารหลายหมื่นคนที่อยู่ข้างทางด้านล่างที่ถูกขับเคลื่อนโดยโจวเจ๋อนำทัพขับเคลื่อนก็และต่อสู้อย่างไม่ลดละ! ยอมโดนฟ้าผ่ากลายเป็นผุยผง แต่จะไม่ยอมเป็นวิญญาณเร่ร่อนอีกต่อไป!
‘“ครืน!’”
‘“ครืน!’”
‘“ครืน…’”
ขณะเดียวกันหลักดินแดนแต่ละอันที่อยู่ใกล้เขตชายแดนเริ่มสั่นขึ้นมา มีหลักดินแดนสองสามอันที่อยู่ข้างจุดตรวจ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทหารชายแดนที่ประจำการอยู่ที่นี่
รูปปั้นแกะสลักและป้ายหลุมฝังศพที่อยู่ในสุสานทหารบนภูเขาซงซานก็สั่นขึ้นมาเหมือนกัน เงาร่างมากมายปรากฏอยู่บนพื้นที่ราบระหว่างภูเขาที่อยู่ไกลออกไป หนึ่งในนั้นมีซุนเหล่าที่เพิ่งตายคนนั้นอยู่ด้วยเช่นกัน
ประหนึ่งว่ามีพลังงานบางอย่างพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นฟ้าร้องคำรามจึงค่อยๆ หายไป อากาศที่ดูอึดอัดได้รับการระบายออก อิงอิงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เมื่อครู่เธอรู้สึกว่าวินาทีต่อไปตัวเองจะถูกฟ้าผ่าตายจริงๆ
โจวเจ๋อชูสองมือขึ้น เดินไปข้างหน้าต่อ จนกระทั่งเท้าของเขาเหยียบขึ้นฝั่งในที่สุด จากนั้นทั้งตัวของเขาจึงสั่นสะท้านคุกเข่าลงไปบนพื้น เลือดออกตา หู จมูก ปาก หน้าซีดเผือดจนน่าตกใจ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง โจวเจ๋ออ้าปาก“กลับ…กลับบ้านแล้ว!” จากนั้นร่างของโจวเจ๋อก็เอนไปข้างหน้า ล้มฟุบลงไปบนพื้นอย่างแรง
“เถ้าแก่!” อิงอิงร้อนใจใหญ่ เธอไม่อยากให้เถ้าแก่ต้องสละชีวิตของตัวเองเพื่อทำความดี แต่ตอนที่เธอเตรียมจะพุ่งเข้าไป เธอกลับหยุดเท้าของเธอ
หนังสือรับรองยมทูตของเถ้าแก่ลอยนออกมา ลอยอยู่เหนือร่างที่นอนอยู่ของโจวเจ๋อ ส่องแสงที่อ่อนโยนไม่หยุด และวิญญาณทหารที่เดินตามโจวเจ๋อมาตลอดก็เรียงแถวเป็นระเบียบ แต่ละคนเดินมาข้างกายของโจวเจ๋อ ทำความเคารพแบบทหารให้โจวเจ๋อที่นอนอยู่บนพื้น เป็นเขา ที่พาพวกเราออกมา จบสิ้นความเงียบเหงาเดียวดายมากกว่าเจ็ดสิบปีของพวกเราเสียที ถึงแม้จะพูดว่า ‘หนึ่งนิ้วของภูเขาและแม่น้ำ คือกองทัพหนุ่มสาวนับหมื่นนับแสนคน’ แต่ก็มีคำพูดอีกอย่างว่า ‘นกบินออกไปยังต้องกลับรัง จิ้งจอกตายแล้วยังต้องหันหัวเข้าไปในถ้ำ’
วิญญาณทหารมากมายเดินผ่านตัวของโจวเจ๋อ หนังสือรับรองยมทูตกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง หลังจากวิญญาณทหารเหล่านี้เดินผ่านโจวเจ๋อไปแล้ว จะมีสามคนหรือสองคนเดินหาคนบ้านเดียวกัน หรือไม่ก็ตามหาสหายรบหรือกองพลของตัวเอง บ้างก็เดินคนเดียว หัวเราะคิกคัก บนหน้าผาอีกด้านหนึ่งของแม่น้ำนู่ ทนายอันใช้แรงกัดเล็บของตัวเอง ดูออกว่าสงสัยเขาจะตื่นเต้นมาก
“เป็นอะไร ข้ามแม่น้ำแล้วไม่ใช่เหรอ” สวี่ชิงหล่างถาม
“ไม่ยัง วิญญาณทหารมากมาย ถ้าหากพวกเขาต่างคนต่างแยกกันไปไม่หายไปด้วยตัวเอง คุณรู้ไหมว่าผลเสียจะเป็นยังไง” จะเท่ากับว่าวิญญาณดุร้ายทหารมากมายถ้าหากแผดเสียงกรูกันออกไป ถึงแม้ว่าจะโดนจับ แต่ก็จับไม่ไหว! ไม่ต้องพูดถึงหลักหมื่น แค่หลักพันก็เป็นหายนะที่ยากจะชดใช้ความผิดได้!
“ผมเห็นคุณเตรียมตัวเยอะก่อนหน้านี้ ทำไมตอนนี้เพิ่งคิดได้” สวี่ชิงหล่างนิ่งไปครู่หนึ่ง “แล้วก็ ผมคิดว่าไม่ถึงขั้นนั้น”
อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำนู่ที่โจวเจ๋ออยู่ วิญญาณทหารหลายหมื่นนายทยอยเดินข้ามแม่น้ำ พวกเขายืนเรียงกันแน่นขนัดอยู่บนฝั่งแม่น้ำนี้ กองทัพอันเกรียงไกร ทหารผีข้ามดินแดน! มีเงาของคนคนหนึ่งนั่งลงยองๆ ข้างกายโจวเจ๋อ เสียดายที่โจวเจ๋อสลบไปแล้ว ไม่อย่างนั้นน่าจะมองออกว่าคนนี้ก็คือ ‘หัวหน้า’ ที่สิงร่างเขาคนนั้น หัวหน้ามองสภาพของโจวเจ๋อ เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีอันตรายถึงชีวิต จึงลุกขึ้นมาแล้วตะโกนเสียงสูงว่า “กลับบ้านแล้ว!”
วิญญาณทหารหลายหมื่นนายส่งเสียงโห่ร้องพร้อมกัน
“กลับบ้านแล้ว!”
“กลับบ้านแล้ว!”
“กลับบ้านแล้ว!”
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องไชโย วิญญาณทหารหลายหมื่นนายรวมตัวกันแล้วมลายหายไปโดยพร้อมเพีพรียงกัน ไม่มีใครวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ต่อเพื่อสร้างความวุ่นวาย!
……………………………………………………………………….