ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 627 อันตราย!
ตอนที่ 627 อันตราย!
โจวเจ๋อยื่นมือบิดขี้เกียจ ล่องลอยเหมือนกับจะกลายเป็นเซียนอย่างกับเทวดา พิษผีดิบสำหรับคนทั่วไปเป็นสิ่งที่น่ากลัวสุดขีด พิษผีดิบที่ร้ายกาจหน่อยถึงขนาดกัดกินวิญญาณให้เน่าเปื่อยก็ยังได้ แต่สำหรับผีดิบแล้ว มันคือยบาบำรุง! และ ‘สายเลือดผีดิบ’ อย่างโจวเจ๋อกับอิงอิง ก็จึงไม่มีปัญหาสุขภาพถึงขั้นรับยาบำรุงไม่ได้ขาดการบำรุงอะไร
“คุณกับผู้จับกุมเฉินคนนั้น วางแผนขโมยอันนี้เหรอ…” โจวเจ๋อยังถามไม่จบ ปลายจมูกของเขากลับได้กลิ่นคาวเลือด ห้องของเขาอยู่ชั้นสาม
อีกด้านหนึ่ง สายตาของอิงอิงพลังนิ่งไป ผู้หญิงกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แล้วพูดด้วยความตกใจตื่นว่า “พวกเขา พวกเขาตามมาแล้ว!”
ยังไม่ทันรอให้โจวเจ๋อถามว่า ‘พวกเขา’ เป็นใคร ก็เห็นด้านหลังของอิงอิงมีใบหน้าโครงกระดูกโผล่มากะทันหัน มือหนึ่งของอีกฝ่ายจับก้อนหินสีเขียวที่อยู่ในมือของอิงอิง แล้วใช้อีกมือหนึ่งที่ถือกระบี่ทหารม้าสนิมเกรอะฟาดลงไป!
อิงอิงตอบสนองไว เบี่ยงตัวหลบกระบี่ของอีกฝ่าย และใช้เท้าถีบอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน ‘“ปึ้ง!’” ร่างของอีกฝ่ายตัวสั่น แรงเท้าของผีดิบสาวมีพลังอันน่ากลัว ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่สามารถถีบอีกฝ่ายให้ล้มลงได้ กลับกันตัวของอิงอิงถูกแรงน่าสะเทือนกดทับจนต้องร่นถอยหลัง ขณะเดียวกันโครงกระดูกในชุดเกราะอีกตัวหนึ่งได้สะท้อนออกมาจากตรงหน้าต่างที่อยู่ข้างหลังของโจวเจ๋อ ฟาดกระบี่ทหารม้าจากด้านบนศีรษะของโจวเจ๋อลงไป!
โจวเจ๋อเงยหน้า มือขวาคว้าเอาไว้ เล็บทั้งห้านิ้วงอกยาวออกมา ยาวเหมือนเคียวด้ามหนึ่ง ล็อกคกระบี่ทหารม้าเล่มนั้นในพริบตา ต่อจากนั้นโจวเจ๋อจึงเอนตัวไปด้านหลัง เล็บมือซ้ายแทงเข้าไปที่หน้าอกของอัศวินโครงกระดูกคนนั้นโดยตรง!
‘“เคร้ง!’” เสื้อเกราะของอีกฝ่ายสามารถต้านทานบังเล็บของโจวเจ๋อได้ โจวเจ๋อรู้สึกถึงความเจ็บเหมือนถูกแทงหัวใจตรงอยู่ระหว่างนิ้วทั้งห้าของตัวเอง ราวกับว่าตัวเองไม่ได้ใช้เล็บแทงคน แต่เจอกับโลหะที่มีความแข็งเป็นพิเศษ
ทว่าไม่ว่าคนนั้นที่อิงอิงเผชิญหน้าอยู่ หรือว่าคนนี้ที่โจวเจ๋อเผชิญหน้าอยู่ ล้วนทำให้เวลาหยุดชะงักอยู่ตรงนั้นชั่วเวลาหนึ่ง หลังจากหลายสองสามวินาทีผ่านไปพวกเขาสองคนถึงได้ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวกลับมาดังเดิม ฟาดกระบี่ทหารม้าต่อไป
อิงอิงหลบกระบี่ทหารม้า มือขวากำหมัดแล้วชกไปที่เอวล่างของอีกฝ่าย ‘“ปึ้ง!’”
“ซี้ดโอ้ย!”
อิงอิงสูดปากพ่นลมหายใจเย็นออกมา ผีดิบสาวรู้สึกว่าหมัดของตัวเองเมื่อยชาไปหมด แต่ออัศวินโครงกระดูกนี้ยังคงไม่ไหวติง!
โจวเจ๋อลงมาจากบนเก้าอี้ กลิ้งถอยหลังไปไม่หยุด ร่างกายของเขาอ่อนแอจริงๆ แต่ไม่ได้ขาดแขนขาดขา โดยเฉพาะเวลานี้ ภายใต้วิกฤตแห่งความเป็นความตาย จะต้องว่องไวเป็นอย่างมาก
กระบี่ทหารม้าของอีกฝ่ายฟันโต๊ะน้ำชา หลังจากฟันโต๊ะน้ำชาได้สองสามวินาทีต่อมาโต๊ะน้ำชาได้หักล้มเป็นสองท่อน จากนั้นโรมรุกบุกตะลุยไล่ฟันโจวเจ๋อไม่ยั้ง
“กาแฟ!” โจวเจ๋อกดสิบนิ้วลงไป หมอกสีดำลอยวนอยู่ที่พุ่งออกมาจากนิ้วทั้งสิบ ล็อกตัวอยู่ตรงหน้าของอัศวินโครงกระดูกที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้ แต่วินาทีต่อมาอีกฝ่ายแผดเสียงคำราม หลุดจากพันธนาการได้อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วกระโจนเข้ามาอีกครั้ง
ผู้หญิงที่เข้ามาก่อนหน้านั้นตะโกนเสียงดังว่า “เร็ว รีบหนี!”
ขณะที่พูด เธอก็ไม่สนใจสถานการณ์ในช่วงนี้แล้ว รีบพุ่งออกไปที่ประตู แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่เธอเปิดประตู อัศวินโครงกระดูกอีกสองคนได้ยืนอยู่ข้างนอก ด้วยการความตอบสนองอันรวดเร็วของเธอ บวกกับรูปร่างที่บิดเบี้ยวไปมาได้ดั่งใจ ถึงแม้จะสามารถหลบการโจมตีได้ แต่กลับถูกบังคับให้กลับเข้าไปในห้องนี้ ชั่วเวลาเดียว อัศวินโครงกระดูกทั้งสี่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว
สิ่งพวกเหล่านี้ไม่เน่าเปื่อย สู้ต่อยตีไปก็ไม่สะทกสะท้านได้ นับตั้งแต่ที่ได้เข้าวงการเป็นต้นมา เถ้าแก่โจวเพิ่งเคยเจอพวกนี้เป็นครั้งแรก แม้แต่เล็บของตัวเองก็ยังทำประโยชน์อะไรไม่ได้สักนิดเดียว และตอนนี้อัศวินโครงกระดูกทั้งสี่ได้ออกแรงพร้อมกัน ยกกระบี่ขึ้นแล้วฟันลงมา
ความเร็วของพวกเขาไม่ถือว่าเร็วมาก แต่สภาพที่ไม่สนใจว่าตัวเองบาดเจ็บ ต่อสู้กับเขาไปและเขาก็ไม่มีการตอบสนองอย่างสิ้นเชิงแบบนี้ ถือว่าเป็นตัวบั๊กอุปสรรคอย่างหนึ่งยิ่ง!
โจวเจ๋อหลบหนึ่งที ถึงแม้จะหลบได้ แต่ปลายกระบี่ของอีกฝ่ายกลับแทงทะลุเสื้อคลุมอ่างอาบน้ำที่ก่อนหน้านี้เขาใส่หลังอาบน้ำเสร็จแล้วก่อนหน้านี้จนขาดแตก เถ้าแก่โจวรู้สึกเดือดดาล เงยหน้าทันที “โฮก!”
สองเขี้ยวตรงมุมปากโผล่ออกมาอย่างชัดเจน อักขระที่ปรากฏอยู่บนกายเปล่าท่อนบนเริ่มหมุนวนขึ้นมา อัศวินโครงกระดูกสองคนกดทับโจวเจ๋อลงไปพร้อมกัน ครั้งนี้โจวเจ๋อไม่หลบแต่กลับพุ่งเข้าใส่โดยตรง!
‘“เคร้ง!’”
‘“เคร้ง!’”
กระบี่ทหารม้าของอีกฝ่ายเฉือนบไหล่ของโจวเจ๋อ โจวเจ๋อตัวสั่น เกือบแรงอันน่ากลัวนี้สั่นสะเทือนจนเกือบทำให้เขาเข่าทรุดตัวล้มลงเพราะแรงมีดอันน่ากลัวนี้ ยังดีที่ออกแรงจากหัวเข่าฝืนทรงตัวไว้ได้และรั้งไม่อยู่ ขณะเดียวกันใช้มือข้างหนึ่งกอดคอของอัศวินโครงกระดูกคนหนึ่ง แล้วแนบเข้าไปอ้าปาก ใช้คมเขี้ยวทั้งสองกัดลงไปที่คอของอีกฝ่าย!
‘“ฉึก!’” เขี้ยวทิ่มลงไป แต่อัศวินโครงวกระดูกนี้แทบจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยด้วยซ้ำ ใช้สองมือกอดเอวของโจวเจ๋อไว้ แล้วปล่อยให้สหายขจองตัวเองอีกคนหนึ่งใช้สองมือจับกระบี่จากด้านหลังแล้วฟันไปที่คอหลังของโจวเจ๋อจากด้านหลังทันที!
“ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความหมายคนตายไร้ความปรานีณี สลาย!” ทนายอันที่ตกลงราคาไม่ได้ปรากฏตัวทันเวลาพอดี หลังจากถีบประตูแล้วจึงร่ายคาถาพลางทำท่ามุทรา ลำแสงสีดำฟาดไปที่ตัวของอัศวินโครงกระดูก แต่ทว่าอัศวินโครงกระดูกไร้การตอบสนองอย่างสิ้นเชิง ปลายกระบี่ยังคงฟันไปที่คอของโจวเจ๋อเหมือนเดิม!
“โฮก!” โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองมึนศีรษะ
“…” ทนายอันเก้อเขินเล็กน้อย
‘“ปึ้ง!’” โจวเจ๋อถูกทุบทุ่มลงมา และทางนั้นอิงอิงก็เริ่มต้านไม่ไหวแล้ว แถมยังส่วนผู้หญิงคนนั้นโดนอัศวินโครงกระดูกคนสุดท้ายไล่ต้อนจนต้องหลบไปทั่วทุกมุมในห้องนี้ โจวเจ๋อที่ล้มลงไปบนพื้นยื่นมือคลึงต้นคอของตัวเองเมื่อได้สติ ถึงแม้จะยังอยู่ในสภาพของผีดิบ แต่เขาโดนกระบี่ฟันเมื่อครู่จึงรู้สึกทรมานอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน
“มาเลย มาหาฉันสิๆ มาหาฉัน! ฉันกระโดดเข้า ฉันกระโดดออก มาสิ มาหาฉันสิ!” ความสามารถของทนายอันใช้ความสามารถดึงดูดความเกลียดชังแค้น กระโดดโลดเต้นไปมาอยู่หน้าประตู แถมยังสามารถดึงดูดความสนใจของจากอัศวินโครงกระดูกสองคนที่มีต่อโจวเจ๋อให้ย้ายไปที่ทนายอันได้จริง ตอนที่อัศวินโครงกระดูกสองคนนี้วิ่งไล่เข้ามา ทนายอันที่ทำหน้าทะเล้นรีบหันหน้าวิ่งลงไปข้างล่างทันที ขณะเดียวกันยังไม่ลืมตะโกนว่า “เถ้าแก่ ในนี้มีบางอย่างผิดปกติ!”
โจวเจ๋อพยายามลุกขึ้น อิงอิงถอยหลังไปอยู่ข้างกายเขา และอัศวินโครงกระดูกคนนั้นที่ไล่ตามอิงอิงมาตลอดก็วิ่งไล่บี้เข้ามา
โจวเจ๋อศีรษะโอนเอน ไม่พุ่งเข้าไปอย่างผลีผลามอีก เจ้าพวกนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะน่ากลัวขนาดนี้ จะต้องมีลับอะไรแน่นอน ทันใดนั้นเล็บทั้งห้านิ้วของโจวเจ๋อจึงแทงลงไปที่พื้น หมอกดำกระจายลอยฟุ้งไปทั่วในพริบตาเดียว วินาทีต่อมาโจวเจ๋อมองเห็นบนตัวของอัศวินโครงกระดูกสองคนที่ไล่ฟันอิงอิงกับผู้หญิงคนนั้นมีเส้นไหมที่ไร้รูปเชื่อมโยงอยู่ ความลี้ลับที่แท้อยู่ตรงนี้่นี่เอง!
นี่คือหุ่นเชิดเหรอ โจวเจ๋อขยับคอเล็กน้อย เกิดเสียงดังกร๊อบแกร๊บออกมาจากคอของเขา เขาพุ่งเข้าไปทั้งตัว วิ่งอ้อมจากด้านหน้า แวบตัวไปด้านหลัง ใช้เล็บจิกไหมเส้นนั้น ปล่อยพลังปราณพิฆาตเข้าไปแล้วออกแรงดึงในเวลาเดียวกัน!
‘“ปึ้ง!’” เหมือนได้ยินเสียงของลูกโป่งถูกทิ่มจนแตก อัศวินโครงกระดูกที่ไล่ฟันอิงอิงเหมือนแฟนสาวที่ถูกปล่อยลมโครงกระดูกในชุดเกราะหายไปทันที กลายเป็นฝุ่นผงสีขาวกองเล็ก ชุดเกราะนี้จึงร่วงหล่นลงไปกับพื้นเกิดเสียงดังเคร้ง
โจวเจ๋อไม่หยุดพัก แล้วจึงพุ่งไปด้านหลังของอัศวินโครงกระดูกที่กำลังไล่ฟันผู้หญิงคนนั้น แล้วทำเหมือนเดิม ดึงเส้นไหมที่อยู่ด้านหลังจนขาด แล้วคนนั้นก็เหมือนกับคนก่อนหน้าสลายกลายเป็นฝุ่นผง ชุดเกราะเก่าๆ และกระบี่ทหารม้าสนิมเขรอะร่วงลงบนพื้น
ผู้หญิงคนนั้นพิงกำแพง หายใจหอบใหญ่ เธอกับอิงอิงรวมทั้งโจวเจ๋อไม่เหมือนกัน ด้วยร่างของผีดิอบถึงแม้จะโดนกระบี่ฟันสองสามที ถึงจะเจ็บทรมานแต่ก็ยังทนได้ ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อถูกอีกฝ่ายใช้มีดฟันคอด้านหลังแต่คอกับตัวกลับไม่แยกจากกันร่างกายกลับไม่เป็นอะไร นี่คือสาก็เพราะเหตุนี้ แน่นอนว่ายังเป็นเพราะอัศวินโครงกระดูกมีความสามารถด้านการทนทานต่อการโจมตีชั้นหนึ่งต่อสู้เก่ง แต่ด้านพลังโจมวตีกลับไม่ได้เรื่องเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่รวมอยู่ในนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นหากมีพวกผีห่าซานตานที่น่ากลัวแบบนั้นอยู่จริง โจวเจ๋อคงไม่กล้าปล่อยให้เขาฟันส่วนที่อ่อนแอที่สุดของร่างกายตัวเอง
“อิงอิง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” โจวเจ๋อมองเสื้อผ้าของอิงอิงที่ขาดอยู่บ้าง กับรอยช้ำตามตัวหลายสองสามจุด รอยช้ำของผีดิบกับรอยช้ำของคนทั่วไปไม่เหมือนกัน นี่คืออาการที่แสดงออกว่าร่างกายได้รับการโจมตี จนจึงเกิดแสดงอาการของการอุดตันของพลังปราณพิฆาตที่อยู่ภายในร่างกาย
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เถ้าแก่ ไม่เป็นไร” อิงอิงโบกมือ นั่งลงบนพื้น แล้วเริ่มปรับพลังปราณพิฆาตที่วุ่นวายภายในร่างของตัวเอง
ผู้หญิงคนนั้นก็นั่งบนพื้นเช่นกัน เธอเป็นคนหนึ่งที่เหนื่อยที่สุดและตื่นเต้นที่สุด คนอื่นๆ ยังพอสู้ได้บ้าง แต่เธอกลับต้านไม่ไหว ดังนั้นจึงต้องหลบอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ
“พวกนี้ คือสิ่งที่คุณเรียกดึงดูดมาใช่ไหม” โจวเจ๋อชี้ไปที่ฝุ่นผงและชุดเกราะที่อยู่บนพื้นแล้วถาม
ผู้หญิงพยักหน้าเอ่ยว่า “พวกเขา เป็นทหารในสุสานของมู่หวัง”
เมืองโบราณลี่เจียงก็มีจวนมู่หวัง หลายคนได้รับอิทธิพลมาจากละคร ‘อุ้ยเสี่ยวป้อ’ หรือไม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เวลาที่มาท่องเที่ยวที่นี่มักจะสับสนกับระหว่างจวนมู่หวังของลี่เจียงกับจวนมู่หวังที่นั่น คิดว่าเป็นสถานที่เดียวกัน
อันที่จริง จวนมู่หวัง (沐王) คือ ตอนต้นสมัยราชวงศ์หมิงหลังจากที่มู่อิงโอรสบุญธรรมของจักรพรรดิจูหยวนจางเดินทัพไปปราบปรามผิงติ้งที่ยูนนาน ลูกหลานรุ่นหลังคนอื่นจึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็นเฉียนกั๋วกงรักษาการอยู่ที่ยูนนานเป็นการถาวร พอถึงปลายราชวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิง หลานรุ่นที่สิบเอ็ดของมู่อิง หรือก็คือเฉียนกั๋วกงรุ่นนั้นสาบานว่าจะติดตามจักพรรดิหย่งลี่ไปแห่งราชวงศ์หมิงใต้เข้าพม่า และถูกฆ่าตายที่พม่าในท้ายที่สุด
ส่วนจวนมู่หวัง (木王) ในลี่เจียงนี้ก็คือ ในตอนนั้นจักรพรรดิจูหยวนจางได้พระราชทานแซ่นามสกุล ‘มู่’ ให้ เป็นข้าหลวงที่รับสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองเมืองลี่เจียงในราชการโดยมีทายาทแบบสืบสันติวงศ์ ในสายตาของคนท้องถิ่น พวกเขาคือท่านอ๋องมู่ของพวกเขา การสืบทอดนี้หลังจากสิ้นสุดราชวงศ์หมิงก็ยังไม่ล้มลง และได้รับการแต่งตั้งเรื่อยมาจนถึงราชวงศ์ชิง จนกระทั่งสิ้นสุดลงในยุคสาธารณรัฐจีน
“หินก้อนนี้ ขโมยมาจากในสุสานที่นั่นเหรอ” โจวเจ๋อชี้ไปที่ก้อนหินสีเขียวที่ยังกำอยู่ในมือของอิงอิง
“อืม” ผู้หญิงพยักหน้า
เวลานี้อิงอิงขยับเข้าหาโจวเจ๋อ มองรอยเลือดที่คอหลังของโจวเจ๋อด้วยความสงสารอย่างยิ่ง แล้วจึงยื่นก้อนหินก้อนนั้นไปที่จมูกของโจวเจ๋อ “เถ้าแก่ สูดสักหน่อยก็ไม่เจ็บแล้ว”
โจวเจ๋อรับมาแล้วสูดหนึ่งที เขารู้สึกโล่งสบายไปทั้งตัว แม้แต่รอยแผลที่ต้นคอก็ไม่เจ็บขนาดนั้นแล้ว จากนั้นจึงยื่นก้อนหินให้อิงอิงอีกที “คุณก็สูดด้วยสิ”
ถ้าหากคนนอกที่ไม่รู้มาเห็นฉากนี้ คงจะคิดว่าเป็นข้าวใหม่ปลามันที่รักกันกำลังเสพยาและแบ่งปันกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ถือว่าเป็นคู่รักที่รักกันดีจริงๆ
อิงอิงวางก้อนหินตรงหน้าจมูกแล้วสูดหนึ่งที “ซื้ด…ว้าว…โอ้ว!” ก้อนหินในมือของอิงอิง จากสีเขียวกลายเป็นสีเทาเหมือนก้อนหินทั่วไป นี่คือสูดจนแห้งแล้ว “เถ้าแก่ อิงอิงไม่ได้เรื่อง ไม่น่าสูดเยอะเกินไป” อิงอิงขอโทษขอโพย
“ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งพูดถึงอันนี้ ซื้ด…ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าผมจะลืมอะไร”
……………………………………………………………………….