ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 633 ของขวัญชิ้นใหญ่ของท่านสี่
ตอนที่ 633 ของขวัญชิ้นใหญ่ของท่านสี่
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ การตอบสนองแรกของโจวเจ๋อไม่ใช่ ‘โอ้วพระเจ้ามีคนอยากฆ่าฉัน’ แต่เป็น ‘จริงๆ เลย โชคดีที่ไม่ได้สั่งให้อิงอิงของฉันลงไป’
ต่อให้เป็นค่ายกลพิฆาตที่ดีแค่ไหน ถ้าหากโจวเจ๋อเข้าไปด้วยตัวเองละก็ จะสามารถฆ่าเขาได้หรือไม่นั้นพูดยากจริงๆ เพราะไม่ว่าอย่างไรเขากับผีดิบในความหมายดั้งเดิมนั้นมีความแตกต่างกัน
ผีดิบดั้งเดิมมีจิตวิญญาณเสียที่ไหน อย่างอิงอิงกับเด็กผู้ชายก็ไม่มี บวกกับความมั่นใจตัวเองเป็นพิเศษ ต่อให้อันตรายที่ยิ่งใหญ่อยู่ต่อหน้าตัวเอง มักจะเชื่อว่ามีโอกาสและความน่าจะเป็นที่จะถูกตัวเองทำลายได้
แต่ถ้าหากอิงอิงลงไป อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ ในเมื่ออีกฝ่ายจงใจล่อเขาและคนอื่นมาที่นี่ จะต้องมีความมั่นใจต่อการจัดวางค่ายกลที่อยู่ข้างล่างอย่างแน่นอน ถึงแม้จะฆ่าเขาไม่ได้ แต่ความน่าจะเป็นที่จะฆ่าอิงอิงได้นั้นมีสูงมาก
เพียงแต่โจวเจ๋อไม่เข้าใจจริงๆ ว่าที่ยูนนาน มีใครอยากฆ่าเขากันแน่ นับตั้งแต่ที่เข้าทำงานเป็นเวลาเกือบสองปี เรื่องรบราฆ่าฟันไปทั่วนรกกับเจ้าโง่นั้นยังไม่พูดถึง อย่างไรเสียนอกจากยายเมิ่งที่สะพานไน่เหอแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ฐานะของเขาในโลกมนุษย์
ตอนที่อิ๋งโกวอยู่ที่นรก ได้จงใจทำให้ฐานะและหน้าตาของโจวเจ๋อพร่าเลือน จึงไม่ถูกจับได้ และนับตั้งแต่ที่ตัวเขาเป็นยมทูตเป็นต้นมาก็ช่วยเหลือคนมาตลอด คอยสะสมกรรมดี แม้จะไม่ถึงขั้นใครเห็นก็รัก ดอกไม้เห็นก็เบ่งบาน แต่ก็มีศัตรูเหลืออยู่ไม่กี่คนเท่านั้นถึงจะถูก อืม ศัตรูส่วนใหญ่โดนถอนรากถอนโคนไปแล้ว
เรื่องของแม่นางไป๋กับเรื่องของพระขี้เรื้อนยังจัดการไม่เรียบร้อยดี แต่พวกเขากับยูนนานก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเท่าไร การวางแผนในครั้งนี้ น่าจะเป็นเจ้าถิ่นของยูนนานมากกว่า
เฝิงซื่อก็ไม่ได้ถามคำถามปัญญาอ่อนว่าโจวเจ๋อมีศัตรูพวกไหนบ้าง เมื่ออยู่ในฐานะและตำแหน่งอย่างเขาแล้ว ย่อมเข้าใจเป็นธรรมดาว่ามีหลายครั้ง คุณถูกคนอื่นวางแผนเล่นงาน ไม่ใช่เพราะคุณผิดใจกับเขา ถึงแม้ยากที่จะทำให้คนเข้าใจ แต่โลกนี้จริงๆ แล้วไม่ขาดคนจำพวกที่ทำร้ายผู้อื่นทั้งๆ ที่ตัวเองทำไปก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไร โดยเฉพาะพวกคนอิจฉาตาร้อน
ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อพาวิญญาณทหารหลายหมื่นนายเดินทางออกมาจากป่าฝนเป็นเวลาสองวัน คนจมูกดีที่อยู่ในละแวกนี้ น่าจะสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว ถ้าหากมีคนเกิดความคิดไม่ดีเพราะเหตุนี้ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เพียงแต่ คนนี้กระเพาะใหญ่เกินไป และยังมีรากฐานที่มั่นคง คิดจะใช้ประโยชน์จากยมทูตก็ใช้ หลังจากหมดประโยชน์ก็ฆ่าทิ้ง นึกจะฆ่าคนทั่วไปก็ฆ่า ไม่กลัวทำผิดกฎบ้างเลย
ควรทราบว่า เราทำอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้เห็นทุกอย่าง ต่อให้ไม่มีการตรวจสอบและถามเอาความผิดจากยมโลก แต่ตั้งใจกระทำความชั่วโดยไม่ละอายต่อบาปเลยสักนิดอย่างนี้ ไม่กลัวถูกสวรรค์ประณามหรือ การกระทำของคนผู้นี้ แสดงความบ้าคลั่งออกมาอย่างชัดเจน
“ผลการตรวจสอบ ต้องใช้เวลานานเท่าไร” ทนายอันมองไปทางเฝิงซื่อเอ๋อร์
เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ ใช่ว่าจะพูดว่าไม่สนใจแล้วเดินทางออกจากยูนนาน ก็สามารถหลุดพ้นจากเรื่องราวเหล่านี้ได้ อีกทั้งคนอื่นวางแผนทำร้ายเขาถึงที่แล้ว อยากให้เขาต้องตายตก มีเหตุผลอันใดที่เขาจะต้องทำตัวเป็นเต่าหดหัว
ไม่ว่าอย่างไรตอนนั้นก็เคยเป็นผู้ตรวจสอบชั้นยอด ทนายอันจึงรู้ดีว่า ขอเพียงอีกฝ่ายเป็นคนของยมโลก ใช้อำนาจของยมโลก ก็สามารถตรวจสอบเบาะแสของเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
เฝิงซื่อหัวเราะ “ใกล้แล้ว อันที่จริงเริ่มมีเค้าโครงบ้างแล้ว แต่ต้องรอข้อมูลที่แม่นยำมากกว่านี้ จะได้ประหยัดเวลาทุกคนไม่ต้องวิ่งอย่างไม่รู้ทิศทางเป็นเพื่อนข้าใช่ไหมล่ะ”
ในเมื่อออกมาแล้ว ในเมื่อรับปากแล้ว ก็ต้องตั้งใจทำให้ดี เฝิงซื่อทำไม่ได้เหมือนทนายอันที่ถึงขั้นยอมคุกเข่าเป็นสุนัขรับใช้ของโจวเจ๋อโดยตรง และถึงแม้เขาจะยอม แต่มีทนายอันเป็นแบบอย่างอยู่ก่อนหน้า ด้านหน้าของโจวเจ๋อจึงไม่ขาดอันปู้ฉี่คนที่สอง
ดังนั้นต้องตั้งใจทำงานให้ดี หมัดเดียวเอาอยู่ ถือเสียว่าทิ้งความประทับใจที่ดีให้กับอีกฝ่าย สร้างวาสนาที่ดี เมื่อนึกถึงวาสนา เรื่องของหยกผีครั้งที่แล้ว นอกจากชุ่ยฮวาเอ๋อร์กับอีกฝ่ายมีเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อย ตัวเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาความต่อ ถือว่าแสดงความมีน้ำใจต่ออีกฝ่าย
ส่วนชุ่ยฮวาเอ๋อร์ เฝิงซื่อรู้จักสาวใช้ของตัวเองดี ใครจะโกรธแค้นข้ามคืนกับเธอกัน
“อ้อใช่ คุณโจว หยกผีอันนั้น” เฝิงซื่อเอ่ยถามโจวเจ๋อ เพิ่งจะนึกถึงเรื่องนี้ แต่กลับไม่ได้กลิ่นอายของหยกผีบนตัวของโจวเจ๋อ
“อ้อ ผมปล่อยไปแล้วครับ”
“…” เฝิงซื่อ
โจวเจ๋อจะไม่บอกเฝิงซื่อแน่นอนว่า หยกผีได้สละชีพของตัวเองไปแล้ว ตอนที่เขาต้องเผชิญหน้ากับขันทีคนนั้นในพระราชวัง หยกผีถูกเขาบังคับให้พุ่งเข้าใส่ จากนั้นจึงถูกขันทีคนนั้นทำลายดับสูญ อย่างไรก็ตาม ระดับของหยกผีกับระดับของขันทีคนนั้น เหมือนกับปลาหนีชิวกับมังกรน้ำในแอ่งน้ำเหม็น มีความแตกต่างกันมากเกินไป
แน่นอนว่าเฝิงซื่อไม่เชื่อ โจวเจ๋อก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อ แต่โจวเจ๋อรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เฝิงซื่อจะไปถามสิบขันที การมีตัวตนอยู่ของสิบขันทีอยู่ในขั้นสูงเกินไป เป็นการวางแผนของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่จะให้แทนที่พญายมทั้งสิบ ถึงแม้ว่าหลังจากที่กองทัพใหญ่ของยมโลกเคลื่อนไหว พญายมมากมายปรากฏตัว แต่สิบขันทีก็ไม่โผล่ออกมา จึงสามารถแสดงให้เห็นว่าฐานะของพวกเขาไม่สามารถเปิดเผยได้
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้ายังมีของเล่นเล็กๆ น้อยๆ อีกอย่างหนึ่ง ออกมาจากนรกครั้งนี้ ข้าพกติดตัวมาด้วย” ขณะที่พูด เฝิงซื่อยื่นมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง หยิบกำไลสีเลือดชิ้นหนึ่งออกมา สวยงามเป็นอย่างมาก
อันปู้ฉี่หรี่ตามองอยู่ข้างๆ ความรู้สึกอันตรายเหมือนชักศึกเข้าบ้านจู่โจมเข้ามา ออกมาทำงานนอกนรก แต่ไม่ลืมที่จะพกของขวัญติดมือติดมือมาด้วย ถ้าจะบอกว่าพกมาแบบไม่ตั้งใจ ใครจะเชื่อ คิดอยากจะแย่งความเป็นที่โปรดปรานแน่นอน!
โจวเจ๋อยื่นมือรับมา กำไลชิ้นนี้ดูเหมือนจะธรรมดา ความรู้สึกขณะที่สัมผัสก็ธรรมดา แต่เขารู้ดีว่า เฝิงซื่อไม่มีทางมอบของเล่นที่ธรรมดา ให้เขาเอาไปขายเป็นเงินหยวนเพื่อใช้ชีวิตงั้นเหรอ
เมื่อลองหมุนดูอย่างละเอียด โจวเจ๋อพบว่าด้านในของกำไลดูเหมือนจะมีตะขาบถูกผนึกอยู่ในนั้นตัวหนึ่ง โจวเจ๋อพยายามส่งพลังปราณพิฆาตเข้าไปเล็กน้อย ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว ตะขาบที่อยู่ในหยกสีเลือดนี้เหมือนมีชีวิตอีกครั้ง ทะยานออกมาจากด้านในหยกสีเลือด คลานวนเวียนอยู่รอบหลังมือของโจวเจ๋อ
ทว่าตะขาบตัวนี้ตัวเล็กกว่าตะขาบทั่วไปอยู่บ้าง มีขนาดใหญ่เท่าเล็บเท่านั้น ถ้าจะสั่งให้มันไปกัดคน แค่ไม่โดนลมพัดปลิวก็ถือว่าโชคดีแล้ว
มันในเวลานี้ ดูแล้วน่ารักมากจริงๆ ดูเนือยๆ เหมือนลูกหมาลูกแมวแสนน่ารัก หน้าตาก็ไม่ขี้เหร่ ตามสุนทรียภาพของคนทั่วไป ตะขาบมีหลายขา แค่มองก็ทำให้คนรู้สึกขยะแขยง แต่เจ้าตัวน้อยนี้กลับให้ความรู้สึกน่ารักมีเสน่ห์บางอย่าง
ในเมื่อเอาของมาให้ ก็ต้องพูดถึงคุณค่าของมันให้ชัดเจน มิฉะนั้นของที่มอบไม่สามารถเอาใจได้คงขาดทุนแย่ เฝิงซื่อจึงพูดทันทีว่า “ข้าได้มันมาโดยบังเอิญตอนที่อยู่ในนรก ถือว่าเป็นครรภ์เลือด เป็นจิตสำนึกที่เกิดจากการเกาะตัวของไอวิญญาณ ไม่มีรูปร่าง คุณชายโจวอย่ามองว่ามันเล็กมาก เนื่องจากของสิ่งนี้จำเป็นต้องเลี้ยงดูตั้งแต่แรก ถึงจะมีความซื่อสัตย์และจริงใจ ดังนั้นข้าจึงเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา ไม่ได้แตะต้องมัน”
หมายความว่า นี่คือสิ่งที่ต้องให้อาหารเลี้ยงดู และยังมีฟังก์ชันจำเจ้านายของตัวเองอยู่ในตัว คาดว่าจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก ดังนั้นตัวเองจึงไม่แตะต้องมัน เก็บหยกสีเลือดนี้เอาไว้ตลอด
“เทียบกับหยกผีแล้วเป็นยังไง” โจวเจ๋อถาม
“มีพลังพิฆาตที่รุนแรงกว่าหยกผี คล้ายกับสุนัขพันธุ์ทิเบตันในโลกมนุษย์ ปกติจะดูไม่ออก แต่หลังจากที่ออกคำสั่งจริงๆ มันสามารถงับกัดเป้าหมายไม่ปล่อยโดยไม่สนใจตัวเองแม้แต่นิดเดียว แต่อาหารที่ใช้เลี้ยงดูมีความยากพอสมควร มันไม่ชอบกินเลือดเป็นอาหารเหมือนหยกผี แต่ชอบกินพลังปราณพิฆาตหรือไอวิญญาณ คุณชายโจวสามารถพกมันติดตัวได้ ถือเสียว่าพกไว้เล่นๆ เป็นหยกโบราณ ปล่อยให้มันดูดซับอยู่ข้างตัวของเจ้าอย่างช้าๆ”
โจวเจ๋อพยักหน้า เก็บหยกสีเลือดขึ้นมา หลังจากหยกผีสูญสิ้น เขาเหมือนขาดอะไรไปจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนต่อสู้หรือว่าสืบความ สามารถพกพาผู้ช่วยที่ไร้ตัวตนไปได้ ถือว่าเป็นการช่วยเหลืออย่างมากจริงๆ ส่วนปัญหาของอาหารเลี้ยงดู ถ้าหากเหมือนกับหยกผี ใช้เลือดเลี้ยงเป็นอาหาร เถ้าแก่โจวทำเรื่องแบบนั้นไม่ลงจริงๆ แต่ในเมื่อต้องบำรุงด้วยพลังปราณพิฆาต ถือเสียว่ามีอิงอิงอีกคนอยู่กับตัวก็แล้วกัน
นี่คือความแตกต่างของโจวเจ๋อกับคนอื่น สำหรับคนอื่นแล้ว การกินเลือดเป็นอาหารไม่มีอะไรมากไปกว่าการคร่าชีวิตคนอย่างง่ายดาย แต่พลังปราณพิฆาตหรือไอวิญญาณเป็นแหล่งกำเนิดสุดล้ำค่าของพวกเขา แล้วจะนำมาเป็นอาหารบำรุงได้อย่างไร
แต่โจวเจ๋อไม่มีปัญหานี้ เขามีพลังที่เปี่ยมล้นเสมอ ไม่อย่างนั้นอิงอิงคงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดเมื่อนอนกับเขา
ทนายอันหัวเราะพูดอย่างข้างๆ “ของสิ่งนี้ราคาแพงไม่ธรรมดา ครั้งนี้ถือว่าลงทุนเยอะมาก”
ถึงแม้จะเป็นการแย่งความโปรดปราน แต่ด้วยน้ำใจของทนายอัน เขายินดีที่จะช่วยเฝิงซื่ออีกแรง มีเขาคอยพูดถึงมูลค่าของสิ่งนี้อยู่ข้างๆ สามารถทำให้โจวเจ๋อยอมรับน้ำใจของเฝิงซื่อได้แน่นอน
บางครั้งโจวเจ๋อรู้สึกงงกับความสัมพันธ์ระหว่างเฝิงซื่อกับทนายอัน ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบใดกันแน่
เฝิงซื่อยิ้มอย่างสงวนท่าที ไม่ได้รู้สึกหยิ่งผยองที่มอบของสิ่งนี้ให้คนอื่น แต่กลับหยิบภาพวาดที่ชุ่ยฮวาเพิ่งวาดเสร็จขึ้นมา ชี้ไปที่ด้านบนแล้วเอ่ยว่า “พอจะมองออกว่า ตอนนั้นท่านอ๋องมู่เชิญซินแสหยินหยางระดับปรมาจารย์มาจริงๆ เพื่อสร้างค่ายกลที่แยบยลเช่นนี้
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเต่าแก่ตัวนั้นเป็นดวงตาค่ายกลปิดผนึกนานเกินหนึ่งร้อยปี ดังนั้นฮวงจุ้ยพิฆาตที่สะสมอยู่ ณ ที่แห่งนี้จึงอยู่ในระดับที่เข้มข้น แขนขาที่ถูกตัดขาดก่อนหน้านั้นถูกโยนออกมาแต่กลับรวมตัวกันไม่กระจายออกไป ไม่ไหลไปตามกระแสน้ำแต่รวมตัวกันอยู่ตรงนี้ คงเป็นเพราะสาเหตุนี้เช่นกัน
คุณชายโจว สวรรค์มอบโอกาสแล้วห้ามพลาด ในเมื่อผนึกนี้ถูกเปิดออก เช่นนั้นภายในสองสามวันต่อจากนี้ ฮวงจุ้ยพิฆาตที่อัดแน่นเกินหนึ่งร้อยปีจะระเหยออกไป ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก เจ้าทำค่ายกลเป็นใช่ไหม” เฝิงซื่อมองไปทางสวี่ชิงหล่าง
“เป็นนิดหน่อยครับ” สวี่ชิงหล่างตอบ
เฝิงซื่อมองหน้าอกของสวี่ชิงหล่างหนึ่งที เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าสวี่ชิงหล่างพูดด้วยความถ่อมตัว
“เปลี่ยนค่ายกลเล็กน้อย จากทำลายพลังพิฆาตให้กลายเป็นพลังพิฆาตรวมตัว” ขณะที่พูดเฝิงซื่อมองไปที่โจวเจ๋อ “คุณชายโจว กล้าไปนั่งบนแท่นทรมานนั่นไหม” นี่คือของขวัญชิ้นที่สองที่เฝิงซื่ออยากจะมอบให้ ใช้พลังปราณพิฆาตหล่อเลี้ยงกายเนื้อ จึงมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่า เขาทำการบ้านสืบเรื่องของโจวเจ๋อมาในระดับที่ลึกซึ้งพอสมควร
แต่เดิมทีคิดว่าความจริงใจของตัวเองมีเยอะพอแล้ว ต่อมาคำตอบของโจวเจ๋อกลับทำให้เฝิงซื่อเอ๋อร์คาดคิดไม่ถึง
“ไม่กล้าครับ”
“…” เฝิงซื่อ
“ฮ่าๆ!” ทนายอัน