ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 651 ช่วยรบ!
ตอนที่ 651 ช่วยรบ!
ติ๋ง….ติ๋ง…เสียงหยดน้ำกระเพื่อมออกไปเป็นวงกลมวงแล้ววงเล่า…
โจวเจ๋อยืนอยู่ท่ามกลางความมืด และตรงหน้าเขามีเงาดำหนึ่งเช่นกัน ถึงแม้จะไม่เหมือนของจริง แต่ไม่รู้ทำไม‘คนดำ’ ที่อยู่ตรงหน้ากลับให้ความรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน
“คุณคือ” โจวเจ๋อเอ่ยถาม อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่โจวเจ๋อกลับเห็นความขาวอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นฟันของอีกฝ่าย เขากำลังยิ้ม เขายิ้มทำไม
…
โจวเจ๋อลืมตา เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ส่งผ่านไปทั่วร่างของตัวเอง และยังมีความรู้สึกเหมือนร่างกายถูกบีบจนเกือบจะหักพังลงมา ตรงหน้าเขาคือสองมือของตัวเองที่พันแน่นอยู่กับพระขี้เรื้อน
พระขี้เรื้อนหน้าตาสกปรกมอมแมม เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลลึกเห็นถึงกระดูก สภาพดูไม่ได้อย่างชัดเจน โจวเจ๋อไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่า ตอนนี้ตัวเองไม่ได้ดีเด่ไปกว่าพระขี้เรื้อนเลย เหมือนจิ้งหรีดสองตัวกำลังสู้กันให้ตาย ต่อสู้กันบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายแต่กลับไม่มีฝ่ายไหนยอมหลีกทางให้
“พุทธะอยู่ในใจ!” พระขี้เรื้อนคำรามเสียงต่ำ ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวเขาที่เดิมทีครึ่งหนึ่งเป็นสีทองครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ ทั้งเนื้อทั้งตัวแทบจะกลายเป็นสีดำทั้งหมด เขาปล่อยพลังที่ได้รับมาจากถ้ำผีสิงอีกครั้ง ใบหน้าผีประดุจปีศาจอันชั่วร้ายแต่ละตัววนเวียนแยกยิ้มด้วยใบหน้าที่อัปลักษณ์น่ากลัวอยู่ข้างกายเขาไม่หยุด มาพร้อมกับเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง
มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างกันคือ ตำแหน่งตรงกลางระหว่างคิ้วของพระขี้เรื้อนมีจุดสีทองจุดหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็น ‘จุดสว่าง’ เพียงจุดเดียวบนตัวของเขา
เมฆดำบนท้องฟ้ารวมตัวหนาแน่นกว่าก่อนหน้านี้ ความรู้สึกบีบเค้นถาโถม เหมือนกลับมาควบแน่นรวมกันอีกครั้ง
ด้านหนึ่งคือโจวเจ๋อที่พยายามอย่างสุดฤทธิ์ อีกด้านหนึ่งคือพระที่ยอมทุ่มสุดตัวแม้จะเสี่ยงต่อการโดนฟ้าผ่าก็ตาม
“โฮก!”
“ฮ้า!”
ทั้งสองฝ่ายเหมือนกับสัตว์ร้ายก็ไม่ปาน สองแขนของพระขี้เรื้อนออกแรงอีกครั้ง ‘กร๊อบ’ เสียงของแตกดังลั่น แขนทั้งสองข้างของโจวเจ๋อถูกบิดหักโดยตรง ไม่สามารถออกแรงได้อีก แต่ศีรษะของโจวเจ๋อกลับกระแทกไปที่ศีรษะของพระขี้เรื้อนอย่างแรง หน้าผากของทั้งสองฝ่ายกระแทกชนกัน
‘ปึ้ง!’ สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง นี่คือการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอย่างแท้จริง!
ร่างของพระขี้เรื้อนถอยกรูดไม่หยุด จุดสีทองบนหน้าผากเหมือนจะไหวเอน ก้อนเมฆบนท้องฟ้าคล้อยตัวรวมกันไม่หยุด มองเห็นงูสายฟ้าหมุนวนอยู่ในนั้นรำไร
แขนทั้งสองข้างของโจวเจ๋อห้อยลงมาอย่างหมดแรง แต่ทั้งตัวของเขายังคงจ้องมองพระที่อยู่ตรงหน้าตาเขม็งบาดแผลตามร่างกายแผ่กระจายไอสีขาวออกมา ถึงแม้ร่างกายจะโอนเอน ความรู้สึกอ่อนแรงทั่วร่างที่ไม่อาจหาพลังได้อีกเริ่มโจมตีเข้ามาเหมือนกระแสน้ำขึ้น แต่โจวเจ๋อยังคงกัดฟันฝืนทน
เขาจะล้มไม่ได้ และยอมแพ้ไม่ได้ เขาทรมานมาก แต่คนนั้นที่อยู่ตรงหน้าก็ทรมานไม่ต่างกัน พระขี้เรื้อนเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วก้มหน้าอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ร่างกายของเขานับตั้งแต่ที่ต่อสู้กับโจวเจ๋อ ได้ถูกทำลายถึงขีดสุดแล้ว
และที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่กล้าใช้กายเนื้อต่อสู้อีกต่อไป เพราะร่างกายของเขาเป็นแค่ภาชนะอย่างหนึ่ง เป็นที่คุ้มภัย ถ้าหากกายเนื้อพังสลาย ทุกอย่างจะไม่สามารถปิดบังได้อีก
เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถชนะได้ แต่อีกฝ่ายกลับสู้แบบหมาจนตรอก กระทั่งพระขี้เรื้อนเหมือนจะสัมผัสได้ว่า อีกฝ่ายคิดจะลากตัวเองให้ตายตกไปพร้อมกัน!
เขาไม่อยากตาย ไม่ใช่เพราะกลัวตาย แต่สิ่งที่เขาไล่ตามหาทั้งหมด เขายังหาไม่เจอ ดังนั้นเขายังไม่อยากตาย
เศรษฐีไม่นั่งชิดชายคาบ้าน พระขี้เรื้อนหลับตาทันที ประนมสองมืออีกครั้ง โจวเจ๋อเงยหน้า โน้มกายไปข้างหน้าเริ่มเร่งความเร็ว เถ้าแก่โจวราวกับย้อนกลับไปตอนวิ่งแข่งระยะไกลสมัยที่ตัวเองเป็นนักเรียนก็ไม่ปาน ทั้งๆ ที่หมดแรงแล้วแต่กลับกัดฟันสู้ต่อ ทีละนิดๆ ฝืนตัวเองต่อไป!
ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นฟองน้ำอันหนึ่ง บีบแล้วก็ยังบีบน้ำออกมาได้เสมอ โจวเจ๋อพุ่งไปตรงหน้าพระขี้เรื้อน เขาที่แขนห้อยลงทั้งสองข้าง ครั้งนี้กลับอ้าปากใช้ฟันกัดโดยตรง
ก่อนที่โจวเจ๋อจะเข้ามาใกล้ พระขี้เรื้อนพลันลืมตา นัยน์ตาทั้งสองข้างของเขาไม่เห็นความเมตตากรุณาอีกต่อไปเหลือเพียง ‘ความแค้น’ กับ ‘ความโกรธ’ เท่านั้น!
ขณะเดียวกัน ตา หู จมูก ปากของพระขี้เรื้อนเริ่มมีของเหลวสีดำไหลออกมา แม้แต่หัวขี้กลากของเขาก็ยังมีเงาผีขนาดเล็กมากมายนับไม่ถ้วนกำลังสั่นไหว!
ภายในชั่วพริบตา โจวเจ๋อตกตะลึง เพราะเขาพบว่าพระขี้เรื้อนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่อยู่แล้ว เป้าหมายของตัวเองไม่มีแล้ว ทำไมถึงไม่มี
“ฮือๆๆๆ…”
“เหอะๆๆๆ…”
“มามะ…มาสิ…ฉันอยากได้…ฉันอยากได้…”
เสียวยั่วยวนของหญิงสาวดังเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงแหลมเศร้ารันทดหรือไม่ก็เสียงคำรามด้วยความโกรธประดุจเกลียวคลื่นของน้ำขึ้นถาโถมมาอย่างต่อเนื่อง เกิดคลื่นยักษ์อันน่ากลัวพุ่งมาทำลาย!
โจวเจ๋อรู้ว่าพื้นที่อยู่ใต้เท้าของตัวเองกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว วิญญาณของเขา ร่างกายของเขา กำลังถูกวิญญาณชั่วร้ายหน้าตาอัปลักษณ์ที่เพิ่มจำนวนไม่จบสิ้นฉีกขาดและกัดกิน
ถ้ำผีสิง นี่คือถ้ำผีสิงอย่างแท้จริง!
“มาสิ…มามะ…”
“ฉันอยู่ตรงนี้…มาจับฉันสิ…”
“เหอะๆๆๆ….เหอะๆๆ….”
ดวงตาแดงก่ำของโจวเจ๋อกำลังหายไป กลายเป็นความพร่าเลือน เขาเหนื่อย เขาอ่อนล้าเป็นอย่างมากขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ความสงสัยเหมือนเมล็ดพันธุ์เมล็ดหนึ่ง กำลังขยายใหญ่และถูกหล่อเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง เพียงชั่วพริบตาก็เหมือนกับไวรัส เริ่มแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว!
ที่นี่ที่ไหน ฉันอยู่ที่ไหน ฉันเป็นใคร
…
“จริงๆ เลย พระรูปนี้ใช้ไม้เด็ดแล้ว” ทนายอันรีบยืนตัวตรงทันที มือซ้ายกลายเป็นกระดูกขาวอย่างรวดเร็วเตรียมจะเข้าไปช่วย
เขาเป็นปรมาจารย์เรื่องภาพลวงตา ดังนั้นจึงรู้ดีว่าพระขี้เรื้อนกำลังทำอะไร นี่คือใช้ถ้ำผีสิงเป็นสื่อ พยายามสร้างอาณาเขตเฉพาะขึ้นมา โดยใช้วิญญาณมากมายนับไม่ถ้วนในถ้ำผีสิงเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือย เริ่มโจมตีโดยการ ‘พลีชีพ’ พระรูปนี้ไม่ถือสาที่จะยอมสละวิญญาณจำนวนมากมายที่ได้รับมาจากถ้ำผีสิง สิ่งที่เขาต้องการก็คือใช้ความเคียดแค้นของวิญญาณร้ายเหล่านี้ที่ถูกจองจำนานนับร้อยปี บังคับให้ไปทำลายจิตใจของโจวเจ๋อ!
เพื่อให้โจวเจ๋อดำดิ่งสุดขั้ว! ในเมื่อการต่อสู้ด้วยร่างกายไม่สามารถครองความได้เปรียบ เช่นนั้นก็ต้องใช้การโจมตีทางด้านจิตใจ!
ทนายอันรู้ดีว่าไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างเดียว แต่เป็นอาณาเขตเฉพาะที่สร้างจากชีวิตของวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วน เขาไม่สามารถทำลายได้ จึงได้แต่ลองโจมตีพระขี้เรื้อน ถึงแม้ว่าจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ต้องช่วยเถ้าแก่ออกมา!
ใบหน้าของสวี่ชิงหล่างเริ่มปกคลุมไปด้วยเกล็ดงูอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็พึมพำกับตัวเองว่า “ฉันต้องการยืมพลังขั้นสูงสุด” ร่างเงาของงูเหลือมตัวหนึ่งเริ่มขยายออกไปจากใต้เท้าของสวี่ชิงหล่าง
ทว่าเวลานี้ พระขี้เรื้อนเหมือนจะเหลือบตามองมาทางนี้อย่างไม่ได้ใส่ใจ และตรงหน้าเขาคือโจวเจ๋อที่ยืนนิ่งอยู่
พระขี้เรื้อนชี้นิ้วนิ้วหนึ่งไปบนท้องฟ้ากว้าง ‘ครืนๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!!!’ ชั้นก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าเกิดเสียงฟ้าร้องดังเป็นพักๆ! ถึงแม้จะไม่มีสายฟ้าฟาดลงมา แต่ก็ใกล้เคียง
พระขี้เรื้อนแสยะยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็ไม่สนใจสวี่ชิงหล่างกับทนายอันที่เขาเห็นนานแล้ว แล้วจึงมองโจวเจ๋อที่อยู่ต่อหน้าตัวเองต่อไป พร้อมกับพึมพำว่า “อมิตาภพุทธ ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต เหตุใดต้องข้าม กลับใจคือฟากฝั่ง ใครจะสนใจ วนเวียนอยู่ในโลกนี้กลับไปกลับมา!” ไปเถอะ ไปทำให้ตัวเองลุ่มหลง ไปทำให้สูญเสียความเป็นตัวเอง!
พระระดับพระเกจิอาจารย์ เมื่อเข้าสู่ทางแห่งมาร หลังจากปล่อยวางสิ่งยึดติดต่างๆ ได้แล้ว ก็เริ่มใช้วิธีการทุกอย่างถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล พระขี้เรื้อนที่เป็นอย่างนี้ เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาเขาก็ยังแก้ไขได้ ดังนั้นในเรื่องของคาถาอาคมจึงได้รับการพัฒนาไปอีกหนึ่งขั้น!
ร่างเงาของงูเหลือมที่อยู่บนตัวของสวี่ชิงหล่างเริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว สวี่ชิงหล่างส่งเสียง ‘ฮื่อ’ ออกมา คุกเข่าลงกับพื้น แล้วพูดตวาดเสียงทุ้มต่ำด้วยความโกรธว่า “ทำไม!” ทำไมพลังทั้งหมดจึงถดถอยไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้!
ทนายอันมีสีหน้าที่ดูไม่ได้เช่นกัน พูดอย่างลำบากใจว่า “ไม่ใช่เพราะเทพเจ้าแห่งท้องทะเลขี้กลัว แต่เป็นเพราะพระรูปนี้ เขาบ้าไปแล้ว! เขาใช้พลังของอัสนีบาตมาเป็นตัวข่มขู่ หมายความว่าถ้าหากพวกเราสองคนลงมือ เขาจะระเบิดตัวเองเพื่อล่อสายฟ้าให้ฟาดลงมา ถึงตอนนั้น เขาจะลากพวกเราและเถ้าแก่ให้ตายไปด้วยกัน!”
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลย่อมสัมผัสได้ถึงจุดนี้ สามารถพูดได้ว่าเขายอม สามารถพูดได้ว่าเขาขี้ขลาด ไม่ว่าอย่างไร ก็ดึงพลังของสวี่ชิงหล่างกลับไปโดยไม่เหลือให้เขาแม้แต่นิดเดียว และทนายอันสาเหตุที่ไม่ลงมือ ไม่ใช่เพราะตัวเองกลัวตาย แน่นอนว่ากลัวตายก็ต้องกลัวอยู่แล้ว แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดนั้นเป็นเพราะถ้าหากเขาลงมือ เช่นนั้นหมายความว่าทุกคนจะต้องตายไปพร้อมกัน!
ถึงแม้เถ้าแก่ที่อยู่ตรงหน้าจะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมาก แต่อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสอีกนิด ไม่ใช่เหรอ
…
ท่ามกลางความมืด โจวเจ๋อมองไปรอบๆ เมื่อนานมาแล้ว เขามั่นใจในตัวเองมาตลอดว่าจะไม่ถูกโจมตีด้วยภาพลวงตาเด็ดขาด อย่างแรกเป็นเพราะจิตใจของตัวเองมีความเข้มแข็งเป็นทุนเดิม อย่างที่สองเป็นเพราะเมื่อก่อนมีเจ้าโง่อยู่ด้วย แต่ครั้งนี้ความมั่นใจนี้ ดูเหมือนจะถูกโจมตีจนพังทลาย
อันที่จริงไม่ใช่ตัวของโจวเจ๋อไม่ไหว แต่แผนการของพระขี้เรื้อนมีความเจ้าเล่ห์สูง และยังใช้ฟุ่มเฟือยเกินไป
ความสับสน หมดแรง ที่ใดคือหนทางกลับ โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ จมดิ่งลงไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ร่วงลงไปแล้วก็ร่วงลงไป เขาก้มหน้า ล้วนมีแต่ความมืดมิด มองไม่เห็นทางอย่างสิ้นเชิง
…
พระขี้เรื้อนรู้สึกว่าทุกอย่างใกล้จะสำเร็จแล้ว เวลานี้เขารู้สึกปลื้มปริ่มอยู่ในใจ คนผู้นั้นน่าจะลงมือแล้วใช่ไหมตัวเองทำสำเร็จแล้ว ทว่าไม่ช้า ในดวงตาของพระขี้เรื้อนกลับแสดงความตื่นตกใจออกมา พวกผีของถ้ำผีสิงที่อยู่ข้างกายเขาได้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวออกมาเช่นกัน เหมือนเจอศัตรูทางธรรมชาติก็ไม่ปาน
…
ตอนที่โจวเจ๋อกำลังจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ใครก็ได้พาฉัน…กลับไป…”
‘ครืน!’
‘ครืน!’
‘ครืน!’
ร่างเงาของคนมากมายเริ่มปรากฏอยู่ข้างกายของโจวเจ๋อ พวกเขาหลังจากวิญญาณกลับมาจากประเทศของอริได้สลายหายไปนานแล้ว แต่ความเชื่อมั่นศรัทธาและตราประทับที่พวกเขาทิ้งไว้บนตัวของโจวเจ๋อกลับปรากฏออกมาในเวลานี้
โจวเจ๋อมองไปรอบๆ เห็นร่างเงาที่กำยำแข็งแกร่งยืนอยู่ข้างกายของตัวเองเต็มไปหมด เขายังคงสับสน ยังคงสงสัย แต่ในนัยน์ตาของเขากลับมีความสงบเยือกเย็นเพิ่มขึ้นมาอยู่บ้าง
กองทัพเริ่มเดินไปข้างหน้า โจวเจ๋ออยู่ท่ามกลางกองทัพเหล่านี้ เริ่มเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพวกเขา ตอนแรกโจวเจ๋อพาพวกเขากลับมาจากภูเขาคะฉิ่น วันนี้พวกเขาพาโจวเจ๋อเดินออกมาจากความมืดมิด เพื่อกลับบ้าน!
กองทัพเริ่มเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจึงเริ่มพุ่งโจมตี! วิญญาณทหารหลายหมื่นนายทำให้ความมืดที่อยู่โดยรอบเริ่มพังทลาย!