ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 659 เป็นเจ้า!
ตอนที่ 659 เป็นเจ้า!
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้สวี่ชิงหล่างใจสั่น เขากลัวเป็นอย่างมากว่าเหล่าโจวจะตายด้วยน้ำมือของตัวเอง ถุยๆๆ ไม่ว่าจะด้วยน้ำมือของตัวเองหรือไม่ เหล่าโจวจะต้องไม่ตาย ทุกคนต่างรู้ดีว่า หลังจากโดนฟ้าผ่า ปากกาด้ามนั้นได้รักษากุญแจสำคัญอันเป็นโอกาสรอดชีวิตสุดท้ายของร่างกายและวิญญาณของโจวเจ๋อ
ก่อนหน้านั้นปากกาเคลื่อนตัวออกมาข้างนอกอย่างช้าๆ อันที่จริงก็แสดงให้เห็นเค้าลางว่าการ ‘ปกป้อง’ แบบนี้เริ่มจะค้ำยันต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่ค้ำยันไม่ไหวก็คือค้ำยันไม่ไหว ตอนนี้กลับเด้งออกมา นี่มันอะไรกัน
ร่างของโจวเจ๋อกำลังหลุดลอกออกไปทีละนิด ผิวหนังที่ไหม้เกรียมรวมทั้งเลือดเนื้อที่อยู่ภายในเหมือนถูกสับเป็นชิ้นๆ มากมายนับไม่ถ้วน และค่อยๆ แยกออกจากกัน
นี่ไม่ใช่ภาพจิ๊กซอว์ การแยกตัวออกจากกันแบบนี้แทบจะหวนคืนไม่ได้ คุณไม่สามารถใช้กาวห้าศูนย์สองต่อเถ้าแก่โจวกลับไป
สวี่ชิงหล่างตกใจ หญิงสาวตัวดำก็ตกใจกลัวเช่นกัน! เธอเพิ่งจะปักธงก็ถูกตบหน้าอย่างรวดเร็วขนาดนี้ และที่สำคัญที่สุดคือ ชีวิตของเธอผูกติดอยู่กับชีวิตของโจวเจ๋อ เธอไม่ได้เป็นห่วงว่าคนอื่นจะแก้แค้นตัวเอง เพราะถ้าหากโจวเจ๋อตายไป พวกเขาจะแก้แค้นหรือไม่แก้แค้นเธอก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว อย่างมากเธอมีชีวิตได้ไม่เกินครึ่งเดือนก็ซี้แหงแก๋แล้ว
ทันใดนั้น หญิงสาวตัวดำจึงกัดปลายลิ้นของตัวเองพ่นเลือดออกมา ขณะเดียวกันก็ใช้สองมือทำท่ามุทราอย่างรวดเร็ว ตรงกลางระหว่างคิ้วปรากฏตราประทับคล้ายพระจันทร์เสี้ยวลอยขึ้นมาจางๆ ทั้งตัวของเธอเหมือนมีควันสีขาวลอยขึ้นมาเป็นระยะ นี่คือใช้เลือดตั้งต้นของตัวเองเร่งการเติบโตของพืช เธอไม่อยากตาย เธออยากมีชีวิต เธอยอมรับโชคชะตา เธอเลือกที่จะเป็นทาส เพราะไม่อยากตาย!
‘ครืนๆๆ!!!!!!!!!’ เถาวัลย์ที่อยู่ในร่างของโจวเจ๋อแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว แต่ละสาย แต่ละเส้น ชูสลอนขึ้นมาจากภายในร่างกายทั้งหมด
“ทำลายผนัง เร็วเข้า!” หญิงสาวตัวดำร้องตะโกนเสียงสูง
สวี่ชิงหล่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว ชูดาบเหรียญทองแดงของตัวเองแล้วทุบลงไปโดยตรง
‘ปึ้ง!’ ผนังถูกทุบบุ๋มลงไป เถาวัลย์ที่รวมตัวกันแน่นหนามุดเข้าไปภายใต้การควบคุมของหญิงสาวตัวดำ จากนั้นหญิงสาวตัวดำเริ่มใช้สองมือทำท่าดึงไปข้างหลังอย่างสุดชีวิต เหมือนคุณลุงชาวไร่กำลังตักน้ำในบ่อลึก
ตอนนี้ไม่ว่าสวี่ชิงหล่างจะเชื่อมั่นในความสามารถของหญิงสาวตัวดำหรือไม่ ก็ได้แต่ดูเธอลงมือแล้ว เพราะถึงแม้จะแบกเถ้าแก่ขึ้นไปหาทนายอันและคนอื่นๆ ก็ไม่ทันแล้ว
มาถึงตอนนี้จึงได้แต่เลือกที่จะสู้สุดแรง ไม่อย่างนั้นจะให้พาเถ้าแก่ขึ้นไป แล้วตะโกนเรียกทุกคนมาลาเถ้าแก่เป็นครั้งสุดท้ายเหรอ ไม่นานนัก สวี่ชิงหล่างก็เห็นเถาวัลย์ที่หนาแน่นเริ่มถูกแช่ให้ชุ่มด้วยสีเขียว และค่อยๆ ขยายออกไป จนกระทั่งเชื่อมต่อกับร่างของเถ้าแก่โจว เหมือนโครงการผันน้ำใต้ขึ้นเหนือของจีน มีความเขียวชอุ่มและสุขภาพดีเป็นอย่างมาก
สวี่ชิงหล่างรีบก้มมองโจวเจ๋อ ในที่สุดเขาก็ดีใจเมื่อพบว่า การหลุดลอกของร่างกายโจวเจ๋อเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ได้ผลแล้วๆ! ดูท่าแล้วสามารถดึงโจวเจ๋อกลับมาจากประตูผีได้อีกครั้ง!
ร่างกายของโจวเจ๋อเริ่มมีสีเขียวจางๆ สวี่ชิงหล่างเดิมทีวางก้อนหินไว้ที่หน้าอกของโจวเจ๋อ แต่กลับไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด ตอนนี้อาศัย ‘พืช’ เป็นสื่อกลางจึงสามารถซึมเข้าไปได้จริง เหมือนกับหลักการของการให้น้ำเกลือ
สวี่ชิงหล่างยืนอยู่ข้างๆ เขาช่วยอะไรไม่ได้จึงได้แต่มอง และทิศทางที่เขามองก็คือเงาดำที่อยู่ในผนังหิน
ก่อนหน้านี้ทนายอันได้ย้ำเตือนถึงเงาดำนั่น อย่างไรก็ตาม เวลานี้ไม่ว่าปัจจัยไม่แน่นอนใดๆ มีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดหายนะอันใหญ่หลวง แต่เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่คับขัน จึงยากที่จะมีโอกาสเก็บกู้ระเบิดไว้ล่วงหน้า
เงานั้นเล็กมาก ไม่น่าจะใช่คน ดูแล้วมีขนาดเท่าแมวตัวหนึ่ง แต่ไม่เหมือนแมว มันขดตัวอยู่ตรงนั้น ทำให้สวี่ชิงหล่างนึกถึงยุงที่อยู่ในอำพัน
จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ดูภาพยนตร์ ‘จูราสสิค’ มีตอนหนึ่งที่พูดถึงนักวิทยาศาสตร์ได้รับเงื่อนไขการฟื้นคืนชีพด้วยการโคลนนิ่งจากภายในร่างของยุงที่เคยกัดไดโนเสาร์และบังเอิญถูกผนึกอยู่ในอำพัน
ผนังหินนี้อยู่มานานกี่ปีแล้ว ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่เชื่อว่าไม่ใช่วัตถุที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน และสิ่งที่อยู่ในนั้นน่าจะถูกผนึกอยู่ในนั้นมานานหลายปีแล้ว ถ้าหากมันตายแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดี ไม่มีเรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด แต่เมื่อมองความแปลกประหลาดของก้อนหินสีเขียวนั่น อยากจะทำตัวไร้เดียงสาสะกดจิตตัวเองให้เชื่อว่าสิ่งนั้นตายไปแล้ว ถือว่ายากมากถึงมากจริงๆ
หัวของเถาวัลย์ทิ่มเข้าไปในก้อนหินสีเขียว ถลำลึกเข้าไปไม่หยุด หญิงสาวตัวดำที่หน้าซีดขาวก่อนหน้านี้ เวลานี้กลับมามีเลือดฝาดเหมือนเดิม
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก มือข้างหนึ่งคอยควบคุมต่อไป ส่วนมืออีกข้างหนึ่งที่ยังว่างอยู่ได้เช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากของตัวเอง
“เป็นยังไงบ้าง” สวี่ชิงหล่างถาม
“ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร พิษผีดิบที่อยู่ในก้อนหินนี้แทรกซึมเข้าไปอยู่ในร่างของเถ้าแก่สำเร็จแล้ว บำรุงพลังชีวิตของเถ้าแก่ และสร้างการหมุนเวียนใหม่ในร่างของเถ้าแก่อีกครั้ง ตอนแรกฉันเป็นตัวนำเฉยๆ ด้วยพลังของฉันไม่มีทางที่จะยืนหยัดได้นาน ตอนนี้เถาวัลย์เหล่านี้อาศัยพลังภายในร่างของเถ้าแก่เพื่อรับพลังชีวิต ฉันจึงไม่เหนื่อยแล้ว”
ซึ่งหมายความว่า ต่อจากนี้ไปต้องอาศัยเถ้าแก่กับเถาวัลย์นี้ เป็นกระบวนการดูดซับพิษผีดิบเข้าไปอย่างช้าๆ หญิงสาวตัวดำแค่คอยดูแลอยู่ข้างๆ ก็พอ
สวี่ชิงหล่งถอนหายใจยาว แล้วกัดริมฝีปาก รู้สึกโล่งใจในท้ายที่สุด แต่ทันใดนั้น ความโล่งอกเมื่อครู่ต้อง ‘สะดุ้ง’ ขึ้นมาอีกครั้ง!
เพราะสวี่ชิงหล่างตกใจเมื่อพบว่า ตอนที่เขากำลังสำรวจดูโจวเจ๋อเมื่อครู่นี้ เงาดำที่อยู่ในส่วนลึกของผนังหินสีเขียวนั่นได้ขยับออกมาไม่น้อยเพื่อมาชิดด้านนอกอย่างเงียบๆ มือซ้ายของสวี่ชิงหล่างหยิบดาบเหรียญทองแดงของตัวเองออกมา เขาลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังหยิบยันต์กระดาษออกมา เริ่มสร้างค่ายกลไปรอบบริเวณนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ถึงแม้จะได้ผลเพียงแค่ชั่วครู่ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
สวี่ชิงหล่างสร้างเอาไว้ทั้งหมดสามค่ายกล บนค่ายกลอันสุดท้าย เขาใช้ดาบเหรียญทองแดงของตัวเองเป็นตาค่ายกล
เพราะความขัดแย้งของพลังส่วนตัว ขณะที่ใช้วิชาเต๋า เขาไม่สามารถใช้พลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ ดังนั้นหลังจากวางไพ่ตายที่เหลือทั้งหมด เขายืนอยู่ข้างหลังกำแพงเพียงลำพัง ใช้ตัวเองเป็นแนวป้องกันอันที่สี่
หญิงสาวตัวดำมองเงาหลังของสวี่ชิงหล่าง ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่คิดที่จะสำรวจสิ่งอื่นใด ไม่ว่าอย่างไรใครใหญ่กว่าก็รับหน้าไปก่อน ทว่าสิ่งที่เธอสงสัยคือ เวลานานขนาดนี้ พิษผีดิบในปริมาณที่น่ากลัวได้ซึมซาบเข้าไปในร่างของเถ้าแก่แล้ว แต่ร่างกายของเถ้าแก่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
เธอรู้แต่ว่าเขายังคงดูดซับมันอยู่ ดูดซับเข้าไปอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีการฟื้นฟูของบาดแผล และไม่มีวี่แววของการเกิดใหม่ กระทั่งผิวหนังที่ไหม้เกรียมล้วนไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น พิษผีดิบมากมายขนาดนี้ไปอยู่ที่ไหนหมด
เวลานี้หญิงสาวตัวดำอยากจะจับโจวเจ๋อมาผ่าดู ซึ่งเหมือนกับตอนที่เธอศึกษาวิจัยประเภทของปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ก่อนหน้านั้น จะต้องศึกษาประเภทของพวกมันอย่างละเอียดและทะลุปรุโปร่ง ถึงจะมีเป้าหมายหลังจากที่ปลูกลงไปแล้ว เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าเป็นความเพ้อฝัน
สวี่ชิงหล่างไม่กล้าดูอาการของโจวเจ๋อ แต่จ้องมองเงาดำที่อยู่ในผนังต่อไป เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเงาดำกำลังขยับออกมาข้างนอกทีละนิด ขยับช้ามากแต่ขยับตัวอยู่ตลอดเวลา!
ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ แต่อย่างน้อยสามารถมั่นใจได้อย่างหนึ่ง มันเป็นสิ่งมีชีวิต!
สวี่ชิงหล่างเริ่มปรับลมหายใจของตัวเอง พูดจริงๆ นะเขาตื่นเต้นมาก “ครั้งนี้ มอบพลังให้ผม ยิ่งเยอะยิ่งดี” สวี่ชิงหล่างกดเสียงต่ำ การต่อสู้ครั้งที่แล้ว เขากับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลคนนั้นได้ต่อรองกันทางไกลนับหมื่นลี้ แต่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลกลับไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับฟ้าผ่าในครั้งนั้น เทพเจ้าแห่งท้องทะเลไร้คุณธรรมดึงพลังทั้งหมดออกไป ทว่าครั้งนี้สวี่ชิงหล่างไม่อนุญาต!
เขายังจำคืนนั้นที่ผนึกพลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ดี โจวเจ๋อไม่ได้เอ่ยห้ามปราม แต่กลับคอยเฝ้าอยู่ข้างนอกร้านคอยปกป้องเขาไว้
“ครั้งนี้ ถ้าท่านทำไขสืออีก ผมจะสาปแช่งตัวเอง ถึงแม้ผมจะสาปให้ตัวเองตาย ไม่ ไม่สาปแช่งให้ตาย หลังจากสาปแช่งแล้วผมจะไปก่อเรื่องที่เป็นภัยต่อสวรรค์ ฆ่าคนเป็นกองพะเนิน! สร้างเคราะห์สวรรค์ให้ท่านไปเลย!” นี่คือการข่มขู่
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังไม่มีการตอบสนอง และไม่รู้ว่ากลัวหรือว่ากำลังครุ่นคิด
ในที่สุดเงาดำนั่นก็เข้าใกล้ผนังหินสุดๆ สวี่ชิงหล่างตัวสั่นเล็กน้อยพลางนั่งลงยองๆ เพื่อเตรียมตัว
‘กรึก…’ ผนังหินเริ่มแตก จากนั้นควันสีม่วงหนึ่งสายได้ลอยออกมาจากข้างใน ต่อจากนั้นอุ้งมือที่มีขนนุ่มๆ ข้างหนึ่งจึงโผล่ออกมาจากในนั้น บนอินเทอร์เน็ตมีรูปภาพที่คล้ายกันแบบนี้ อย่างเช่นอุ้งมือเล็กๆ สีชมพูของสัตว์เลี้ยงในบ้านตัวเอง มักจะทำให้คนเห็นแล้วละลายไปทั้งตัว พร้อมกับพูดว่าน่ารักจังเลย
แต่อุ้งมือเล็กที่อยู่ตรงหน้านี้กลับไม่ทำให้สวี่ชิงหล่างร้องอุทานว่าน่ารักแม้แต่นิดเดียว เพราะสิ่งที่ปรากฏออกมาพร้อมกับอุ้งมือนี้ คือไอพิฆาตอันน่ากลัวที่จับต้องได้! หลังจากอุ้งมือที่น่ารักโผล่ออกมาแล้ว มันกำเล็กน้อย เพียงชั่วพริบตา ค่ายกลทั้งสามที่สวี่ชิงหล่างสร้างไว้ได้พังทลายลงไปสองแห่ง!
หลังจากค่ายกลอันที่สามสั่นคลอนเล็กน้อย ดาบเหรียญทองแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ! ‘ปึ้ง!’ รอยแตกใหญ่กว่าเดิม สิ่งที่อยู่ในนั้นก็ออกมาแล้ว เร็วเกินกว่าจินตนาการของมนุษย์อย่างเรา สวี่ชิงหล่างเพิ่งยื่นมือทั้งสองข้างออกไป ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ส่งผ่านมายังหน้าอกของตัวเอง!
‘ครืน!’ สวี่ชิงหล่างลอยกระเด็น ขณะเดียวกันร่างของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดงูอย่างรวดเร็ว เงาร่างที่มีตัวเป็นคนใบหน้าเป็นงูสีเขียวปรากฏอยู่ข้างหลังเขา แผดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธเคือง ทั่วทั้งถ้ำเริ่มมีไอปีศาจโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง!
ครั้งนี้เทพเจ้าแห่งท้องทะเลไม่ออมมือ มอบพลังให้สวี่ชิงหล่างภายใต้เงื่อนไขที่ร่างกายของเขาสามารถรับได้อย่างเต็มที่!
‘ปึ้ง!’ สวี่ชิงหล่างล้มกลิ้งติดต่อกัน รอตอนที่เขาคลานขึ้นมา เงาดำนั่นมาปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมกับจู่โจมไปที่เขา!
คราวนี้เงาลวงตาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลปรากฏอยู่เบื้องหน้าสวี่ชิงหล่าง จากนั้นตอนที่เงาดำนั่นพุ่งเข้ามาเงาลวงตาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้สกัดอยู่ครู่หนึ่ง ต่อจากนั้นก็ถูกเงาดำนั่นพุ่งทะลุเข้าไป ใบหน้างูของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลหันหน้ามา พร้อมกับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ “เป็น…เจ้า…”