ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 661 สุนัขเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยมที่สุด!
ตอนที่ 661 สุนัขเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยมที่สุด!
โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานมาก ความทรงจำของเขาเหมือนยังหยุดอยู่ในช่วงที่ถูกฟ้าผ่า ชีวิตกลายเป็นม้วนวิดีโอในช่วงนั้น ที่เดิมทีเล่นด้วยความเร็วคงที่สม่ำเสมอ แต่กลับถูกหยุดอยู่ในวินาทีนั้น เกิดลายจุดเหมือนเกล็ดหิมะมากมายนับไม่ถ้วน เสียง ภาพ ทั้งหมดทั้งมวลเข้าสู่ความบิดเบี้ยวและวุ่นวาย ถูกฟ้าผ่ามันเป็นความรู้สึกแบบนี้นี่เอง
เถ้าแก่โจวชาตินี้ถูกนำเข้าเตาเผาศพมาแล้วหลายครั้ง แต่เพิ่งถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งแรก ตอนแรกรู้สึกถึงความแปลกใหม่ แต่รู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย เพราะอยู่ใกล้เกินไป ใกล้มากไปจริงๆ ถึงแม้จะพูดว่าสายฟ้านั้นไม่ได้เล็งตรงมาที่เขา แต่เนื่องจากอยู่ใกล้เกินไป เขาไม่สามารถหลบได้ จึงโดน ‘สายฝนและน้ำค้างโปรยปรายในปริมาณที่เท่ากัน’
ฟ้าดินไร้เมตตา เห็นสรรพสิ่งเหมือนสุนัขฟาง เขาไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร ในสายตาของเขา ความดีและความเลวมันเลือนราง ตัวเล็กตัวใหญ่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าผู้ใหญ่ใช้สายตามองมดตัวเล็กๆ
และไม่รู้เหมือนกันว่าติดอยู่นานแค่ไหนแล้ว แต่โจวเจ๋อก็ไม่ได้เหงามากขนาดนั้น เพราะสิ่งที่ติดอยู่ด้วยกัน ดูเหมือนยังมีเวลาอยู่ด้วย
ราวกับว่าตัวเองในเวลานี้กลายเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมองไม่เห็น เล็กมากเหมือนฝุ่นผง ไม่ช้าก็จะเจอจุดจบสุดท้ายของตัวเอง นี่คือความรู้สึกที่แปลกประหลาด คล้ายกับตอนป่วยหนักกำลังจะสิ้นใจ ถ้าพูดว่าฝันนานมากจนไม่รู้วันเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ดูเกินจริงไปบ้าง แต่ถ้าบอกว่ายังพอรู้ว่าเป็นวันใดปีใด นับว่าเหมาะสมหน่อย
‘ติ๋งๆ…ติ๋งๆ…ติ๋งๆ…’ มีเสียงน้ำ และเสียงน้ำเริ่มดังมากขึ้น โจวเจ๋อเงยหน้า เหนือศีรษะของเขาเต็มไปด้วยความขาวโพลน เหมือนสตูดิโอที่สะอาดสุดๆ แต่ตอนนี้เสียงน้ำกลับดังขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นของเหลวสีเขียวแต่ละหยดกำลังไหลลงมา ในสายตาของเขา หรือจะพูดให้ถูกก็คืออยู่ในจิตสำนึกของเขามานานแล้ว ดูเหมือนจะมองเห็นสีสันที่แปลกตาไปเป็นครั้งแรก
ของเหลวสีเขียวไหลหยดลงมาไม่หยุด ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทำให้คนหลงใหล ทำให้คนเคลิบเคลิ้ม มาพร้อมกับความรู้สึกที่โจวเจ๋อนั้นคุ้นเคย แต่ตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะยื่นมือไปแตะของเหลว กลับพบว่าตัวเองไม่สามารถแตะต้องมันได้ พวกมันเหมือนกำลังวนอยู่รอบเขา หรือจะพูดอีกอย่างคือ พวกมันมองข้ามเขา
โจวเจ๋อรู้สึกจนใจอยู่บ้าง เขานั่งยองๆ บนพื้น เงยหน้ามองอยู่อย่างนั้น เขากำลังรอแล้วก็รอ รอความตาย รอความรู้สึกของความตาย อันที่จริงรู้สึกแย่มาก แต่ตอนนี้นอกจากรอแล้ว เขาก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ต้องทำ
เขากระทั่งรู้สึกว่าตัวเองน่าจะตายไปนานแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องค้างอยู่ที่นี่ จิตสำนึกน่าจะหายไปนานแล้ว รถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่เป็นของตัวเอง เขารอนานแล้ว แต่พนักงานขายตั๋วก็ยังไม่มา รอแล้วรอเล่า มองดูของเหลวสีเขียวเหล่านี้ไหลซึมมาอยู่ใต้เท้าของตัวเอง คุณรู้ว่าพวกมันปรากฏตัวแล้ว คุณเห็นพวกมันเยอะแยะมากมาย แต่กลับไม่มีสักหยดที่เป็นของคุณ เหมือนกับคนที่หิวโซ มองอาหารมื้อเย็นสุดอลังการที่อยู่ข้างในผ่านกระจกกันกระสุน
โจวเจ๋อกระทั่งอยากนอนลงไป แล้วหลับตา ถือเสียว่ามองไม่เห็นอะไร ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น นี่คือการทรมานทางจิตใจอย่างหนึ่ง สิ่งที่ตัวเขาสามารถทำได้เหลือเพียงความหมดอาลัยตายอยาก โชคดีที่ก่อนที่เขาจะหมดอาลัยตายอยาก ของเหลวสีเขียวหยดหนึ่งหยดลงบนหน้าผากของเขาเหมือนบริจาคทาน โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ ทันใดนั้นรู้สึกว่าท้องฟ้าสดใส
ก้าวแรกมักยากเสมอ ตอนที่ของเหลวสีเขียวที่อยู่รอบๆ เริ่มเปลี่ยนจากลำน้ำเล็กๆ ที่ไหลเอื่อยกลายเป็นสายน้ำที่ไหลเชี่ยว หยดที่สอง หยดที่สาม หยดที่สี่… เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าตัวเองเหมือนขอทานถือถาดพลาสติกนั่งอยู่ใต้สะพาน รอคนใจดีหลอกง่ายเดินผ่านมาให้เงินตัวเองสักหยวนสองหยวน แต่อย่างน้อยก็ยังสะสมได้เยอะ ตอนที่หน้าผากของตัวเองกลายเป็นสีเขียวนั้น โจวเจ๋อหลับตาอย่างห้ามใจตัวเองไม่อยู่ เขาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายลม และเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิ นี่คือการแสดงออกให้เห็นว่าจิตสำนึกกำลังฟื้นตัวและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
‘ซู่ๆๆ…’ เหมือนเปิดประตูน้ำปล่อยน้ำออกมา เกลียวคลื่นที่มาพร้อมกับคลื่นแห่งความสุขกระแทกเข้ามาไม่หยุด ตอนที่ความสุขมาหาคุณ เป็นความรู้สึกของความสุขแบบไหน เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขจนแทบจะเป็นลม เขาเริ่มลอยล่อง และเริ่มไหวเอน เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนอยู่ในทะเลที่เต็มไปด้วยไวน์แดง ล่องเรือพัดปลิวไปตามสายลม เรืออยู่คือความสุข เรือไม่อยู่ยิ่งเป็นความสุข เอาอีก ขอแรงกว่านี้ อย่าหยุด!
นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของโจวเจ๋อตอนนี้ เขากระหายมานานแล้ว และหิวมานานเช่นกัน ครั้งนี้เขาจะกินให้อิ่มหนึ่งมื้อ ในจิตสำนึกของเขา เกิดความรู้สึกอบอุ่น ทำให้คนรู้สึกสบายยากที่จะควบคุมตัวเอง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ลืมตา แต่ตรงหน้ากลับปรากฏลำแสงสีขาว และแสงนี้ยิ่งแสบตามากขึ้นเรื่อยๆ
…
หลังจากที่แสงสว่างวาบจนถึงขีดสุด บริเวณโดยรอบกลับเริ่มปรากฏภาพอื่นขึ้นมา โจวเจ๋อเกิดความรู้สึกรอคอยขึ้นมาในใจ เพราะข้างกายของตัวเอง ไม่มีสีขาวที่ทำให้คนสิ้นหวังอีกแล้ว
ในคุกหรือในค่ายทหารมีการลงโทษให้อยู่ใน ‘ห้องกักขัง’ คนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ยากที่จะจินตนาการว่าเป็นความทรมานแบบไหน แต่ช่วงที่ผ่านมาโจวเจ๋อได้เพลิดเพลินไปกับ ‘การกักขัง’ ระดับประธานาธิบดีสุดหรูมาตลอด
มีสายลมแล้ว และสายลมก็แรงมาก มาพร้อมกับกลิ่นฉุนของคาวเลือด โจวเจ๋อเงยหน้า ดวงตามนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวสูง เวลาที่คุณปิดไฟตอนกลางคืน จู่ๆ คุณจะรู้สึกว่ามืดสนิทไปทั่วห้อง แต่ไม่นานคุณจะปรับตัวอย่างช้าๆ ยังสามารถมองเห็นสิ่งของได้อยู่บ้าง เวลานี้แค่เปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวันเท่านั้น ซึ่งเป็นหลักการเดียวกัน
โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองนั่งอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง มือทั้งสองข้างกำลังยันอยู่ในตำแหน่งหนึ่ง สักพักเขาจึงมองเห็นในที่สุด เขาเห็นใต้เท้าของตัวเอง มีโครงกระดูกสีขาวมากมาย มองเห็นสองมือของตัวเองถือหัวกะโหลก ใช่แล้ว คุ้นเคยคุ้นเคยมากจริงๆ แม้แต่หินหนืดที่เดือดปุดๆ เป็นพักๆ ดูแล้วสบายตาเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างไม่สามารถบรรยายด้วยคำว่าเหมือนเคยเห็นมาก่อน แต่มันเหมือนกลับมาบ้านแล้ว
นี่คือ บัลลังก์กระดูกขาว!
ที่นี่ คือทะเลแห่งความตาย!
นี่คุณตื่นแล้วใช่ไหม คุณตื่นได้อย่างไร
เจ้าโง่
ไอ้โง่
ไอ้เบื๊อก
โจวเจ๋อตะโกนสองสามทีอยู่ในใจ แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองของ ‘เสียงติดอ่าง’ ที่เป็นมาตรฐานแบบนั้น ราวกับเหลือตัวเองเล่นละครและพูดบทคนเดียวอยู่ที่นี่
‘ปึ้ง!’ โอ้ว ไม่ใช่แค่ตัวเองเท่านั้น โจวเจ๋อเห็นแล้ว เบื้องหน้าของตัวเอง ซึ่งก็คือด้านล่างของบัลลังก์กระดูกขาวมีผู้ชายใส่ชุดคลุมยาวสีขาวนั่งอยู่
ตรงหน้าของผู้ชายวางโต๊ะน้ำชาตัวเล็กไว้ตัวหนึ่ง บนนั้นมีน้ำชาและกับแกล้มสองสามอย่าง เนื่องจากความสูงของทั้งสองคนมีความต่างกันอย่างชัดเจน เป็นผลทำให้โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนกำลังก้มหน้ามองเขา หรือนี่คือสาเหตุที่เจ้าโง่ฆ่าปีศาจมากมายมาวางกองสะสมจนบัลลังก์สูงขนาดนี้ในตอนแรก เพราะว่าเจ้าโง่ชอบท่าทางเวลาตัวเองนั่งอยู่บนบัลลังก์
“อย่าโกรธนะ ห้ามโกรธจริงๆ โกรธแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่คุ้มค่าเลย” ผู้ชายดื่มเหล้าหนึ่งจอก แล้วส่ายหน้า แสดงสีหน้าอันเสแสร้ง ท่าทางที่ดูไม่จริงใจ ดูแล้วเสแสร้งตอแหลทั้งหมด
ดูเหมือนว่านับตั้งแต่ที่ได้เห็นไอ้หมอนี่ในแวบแรก โจวเจ๋อก็รู้สึกเกลียดอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก เหมือนเกิดมาก็เกลียดแล้ว ไม่มีเหตุผลแต่อย่างใด รู้สึกเหมือนมองเขาแล้วก็เกลียดสุดๆ
ไม่ช้า โจวเจ๋อจึงจำได้ ภาพนี้คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง นี่คือทัศนียภาพที่อยู่ในภาพที่แขวนอยู่ในบ้านของมู่เฉิงเอิน!
“เจ้าตกต่ำถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีอะไรต้องโกรธอีก หลายปีมานี้ เจออุปสรรคมากมาย หลบโน่นซ่อนนี่ ก็ผ่านมาได้ทำไมยังคิดไม่ได้ปลงไม่ตกอีก” ผู้ชายรินเหล้าให้ตัวเอง ในน้ำเสียงของเขามาพร้อมกับเจตนา ‘ฉันอยากให้เธอโกรธตาย’
ดูเหมือนจะใช้ได้ผลกับเจ้าโง่ เพราะเจ้าโง่มีนิสัยแบบนี้ เขาไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ใส่ร้ายป้ายสี พูดตีวัวกระทบคราดแต่อย่างใด ขอแค่คุณด่าเขาหนึ่งประโยคว่า ‘ไอ้โง่’ เขาจะพุ่งเข้ามาสู้กับคุณอย่างไม่คิดชีวิต!
โจวเจ๋อไม่ได้คิดแค่ครั้งเดียว ถ้าหากเจ้าโง่ไม่ได้เกิดในยุคจักรพรรดิเหลือง แต่เกิดในยุคปัจจุบัน บางทีเขาอาจจะนั่งอยู่ในคุก หรือไม่ก็ถูกคนฆ่าตายอยู่ในร้านอาหารแผงลอย แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถูกภรรยาของตัวเองวางยาพิษฆ่าเพื่อหลอกเอาเงินประกันวงเงินสูง
นิสัยก็แย่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เพิ่มมะเร็งชายแท้ขั้นรุนแรงเข้าไปอีก ทิ้งรัศมีทั้งหมดและผ้าคลุมหน้าอันลึกลับอาจจะเป็นการปลดปล่อยที่ดีที่สุดต่อเจ้าโง่ก็เป็นได้
ผู้ชายยืนขึ้น เดินมาด้านล่างของบัลลังก์ เดินขึ้นบันไดทีละก้าว เพิ่มระดับความสูงไปอีกขั้น แต่เขายังต้องเงยหน้าสายตาของตัวเองถึงจะมองเห็นคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
“มาถึงข้า เจ้าเลี้ยงสุนัขเฝ้าบ้านมาแล้วกี่ตัว ข้าไม่รู้ เจ้าแค่อยากหลบอยู่ในจิตสำนึกและช่วงชีวิตหนึ่งของแต่ละคน เพื่อเลียบาดแผลของตัวเองให้ฟื้นฟูกลับมาช้าๆ ใช่ไหม หรือเป็นเพราะว่าเบื่อเกินไป เบื่อจนต้องหาภาพยนตร์แต่ละเรื่องมา แล้วตัวเองค่อยๆ ดูอยู่เบื้องหลังเพื่อฆ่าเวลา หรือไม่ก็ใช่ทั้งสองอย่าง กระทั่งครั้งหนึ่งข้ายังรู้สึกได้ว่า ไม่สิ น่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยคิดเหมือนกับข้า คิดว่าเจ้ากำลังหาผู้สืบทอด หรือไม่ก็ เจ้ากำลังอบรมปลูกฝังใคร
เจ้ารู้ไหม ตอนแรกที่ข้าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเจ้าที่อยู่ในร่างกายของข้า ข้ารู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล ข้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักของโชคชะตา ข้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้กล้าในตำนาน เพราะว่าเจ้าอยู่ข้างหลังข้า ข้าเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุด และอยู่สูงที่สุดในโลกนี้!”
ผู้ชายสวมชุดคลุมยาวพูดกับตัวเอง ไม่สนใจใบหน้าที่โกรธขึ้งของโจวเจ๋อแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆๆ แต่ตอนหลังข้าได้สติแล้ว เจ้าเห็นแก่ตัวเกินไป จริงๆ นะ เจ้ามองตัวเองเป็นใหญ่เกินไปจริงๆ! เจ้าเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง เจ้าหลงตัวเองสุดๆ! แต่ขอแค่เจ้าไม่เห็นแก่ตัวเพียงนิดเดียว แต่ขอแค่เจ้าใจกว้างสักเล็กน้อย แต่ขอให้เจ้าเคารพกันบ้าง พวกเราสองคงไม่ต้องเดินมาถึงขั้นนี้ พลังสะสมและฟื้นฟูสามพันปีของเจ้าก่อนหน้านั้น ข้าจึงเอาไปอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไร ในหมู่สุนัขเฝ้าบ้านแต่ละยุคของเจ้า ข้ายอดเยี่ยมที่สุด เจ้าควรจะชื่นชม อ้อไม่ ขอโทษ ข้าควรจะเปลี่ยนน้ำเสียง เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่เจ้าชอบที่สุด มาพวกเราลองดูสักครั้ง เจ้า…ควร…จะ…ชื่น…ชม…!”