ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 671 หญิงชรา
ตอนที่ 671 หญิงชรา
เถ้าแก่หญิงไม่รู้ว่าควรจะรับคำของโจวเจ๋อต่ออย่างไร เธอรับรู้ถึงความผิดปกติได้โดยสัญชาตญาณ แต่ไม่กล้าเถียงโจวเจ๋อโดยตรง ซึ่งไม่แปลกเลย ถึงแม้โจวเจ๋อจะมาจาก ‘ยมทูต’ เดินทีละก้าวมาถึงขั้นนี้ แต่สภาพแวดล้อมในการทำงานและประสบการณ์ในการทำงานของทั้งสองคน ต่างกันอย่างฟ้ากับดิน
เถ้าแก่หญิงเป็นยมทูตที่ ‘ซื่อสัตย์’ รักษากฎมากคนหนึ่ง แต่โจวเจ๋อแตกแถวมานานแล้ว ลองยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม ถ้าหากพูดว่าเถ้าแก่หญิงเป็นนักเรียนที่เรียบร้อยเชื่อฟัง เช่นนั้นโจวเจ๋อก็เป็นเด็กที่แม้แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ยังเอาไม่อยู่
“เรื่องนี้ ตกลงตามนี้ก่อน อ้อ ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ไหม” ตามคำบรรยายของเถ้าแก่หญิง เธอกับผู้ชายคนนั้นรู้จักกันจากนั้นจึงรู้สถานการณ์ของแม่ของผู้ชายคนนั้น นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว ถ้าหากคนตายไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องสืบ
“ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ” เถ้าแก่หญิงพูดอย่างมั่นใจ
โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ยว่า “คุณคอยสำรวจเขามาตลอด” เขาในที่นี้หมายถึงผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง
เถ้าแก่หญิงเหมือนจะเข้าใจความหมายของโจวเจ๋อ จึงพยักหน้าพูดว่า “ฉันกับเขาเราคอยติดต่อกันอยู่ตลอดค่ะ”
“เพราะว่าเขาหน้าตาดีใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” เถ้าแก่หญิงยอมรับแล้ว ชาติที่แล้วเนื่องจากร่างกายของเธอ จึงไม่เคยมีแฟนและไม่ได้แต่งงาน ชาตินี้เป็นยมทูต อย่างไรก็ตามต้องชดเชยด้านความรักเสียหน่อย
“คุณเตรียมตัว อีกสักพักไปที่บ้านของเขากัน ผมอยากไปเยี่ยมแม่ของเขาหน่อย”
เถ้าแก่หญิงลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้า แล้วเดินออกจากห้องทำงาน
โจวเจ๋อจับมือของอิงอิง ถามว่า “เถ้าแก่ของคุณหน้าตาแย่มากเหรอ” ทำไม ท่าทีของเถ้าแก่หญิงที่มีต่อผู้ชายคนนั้นกับเขาถึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่ได้โชว์ป้ายออกมา เธอตอบเขาว่าอย่างไรนะ ขอโทษค่ะตอนนี้ฉันยุ่งมาก แต่ทำไมกับผู้ชายคนนั้นถึงดื่มเหล้าด้วยกัน แถมยังคอยจับตามองเขาตลอด และยังเป็นห่วงแม่ของเขาอีกด้วย
เมื่อครู่เธอยังกังวลว่าตัวเองจะทำร้ายแม่ของเขา จึงลังเล! ณ จุดนี้ เถ้าแก่โจวมองออก ไม่ว่าอย่างไรยมทูตหญิงคนนี้เมื่อเทียบกับเถ้าแก่โจว ‘ที่เผชิญความลำบากมามากมาย’ ถือว่ายังอ่อนหัดเกินไป
ปัญหาคือ โจวเจ๋อไม่เคยคิดว่าตัวเองขี้เหร่ ชาติที่แล้วโจวเจ๋อก็หน้าตาไม่เก๊ ชาตินี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง รูปลักษณ์ของสวีเล่อ หน้าตาดีที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นตระกูลหลินคงไม่ยอมให้สวีเล่อแต่งเข้า ผู้ชายคนนั้นหน้าตาหล่อสู้พานอันได้ไหม
“เถ้าแก่หล่อที่สุด เท่ที่สุด ดูดีที่สุดแน่นอนเจ้าค่ะ!” อิงอิงทำท่าอย่างสมเหตุสมผล โจวเจ๋อรู้ดีว่าเธอพูดความจริง และพูดความจริงออกมาจากใจ แต่ผู้หญิงคนนี้ คำพูดของเธอ ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่ไม่สามารถเป็นตัวแทนของคนหมู่มากได้
โจวเจ๋อลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างของห้องทำงาน เริ่มพิจารณามองตัวเองอย่างละเอียด จากนั้นโจวเจ๋อเข้าใจแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไม่อย่างนั้นคงอยากจะชี้หน้าด่ากระจกด้วยความรังเกียจว่า ‘ไอ้โง่นี่เป็นใคร’ ขาดแขนไปข้างหนึ่งก็ช่างมัน กู่เทียนเล่อที่แสดงเป็นเอี้ยก้วยก็ยังหล่อมาก แต่ใบหน้าใบนี้มีความดำมากกว่ากู่เทียนเล่อมาก
ผิวหนังที่ไหม้เกรียมถึงแม้จะหลุดลอกออกไปไม่น้อยแล้ว แต่รอยดำที่อยู่แน่นติดกันก็ยังแน่นขนัดเหมือนเดิม พูดจริงๆ นะไม่เข้ากับคำว่าดูดีเลยด้วยซ้ำ กระทั่งระดับ ‘พอเข้าตาเฉยๆ’ ก็ยังเอื้อมไม่ถึง
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เถ้าแก่โจวถึงแม้จะไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ภายนอกมากนัก แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองดูเหมือน ‘ตัวอัปลักษณ์’ เช่นกัน
สงสัยทนายอันจะพูดถูก หลังจากกลับไปต้องสั่งให้หญิงสาวตัวดำลองปลูกตัวเขาเสียหน่อย ทำแขนให้งอกออกมา และผิวหนังนี้ก็ต้องจัดการในขั้นลึก
ถ้าหากหญิงสาวตัวดำสามารถทำได้ถึงจุดนี้ โจวเจ๋อไม่เพียงแต่จะมอบอิสระให้เธอเท่านั้น กระทั่งมอบรางวัลอย่างอื่นให้เธอด้วย อย่างเช่น เธอชอบเดดพูลมากไม่ใช่เหรอ เช่นนั้นก็ให้เธอแต่งงานกับเดดพูล ปลูกผักครองรักกันอยู่ในร้านหนังสือแบบนี้ตลอดไป
หลังจากสิบห้านาทีผ่านไป เถ้าแก่หญิงขึ้นมาเพื่อบอกว่าไปได้แล้ว โจวเจ๋อกับอิงอิงเดินลงไป นั่งบนรถของเถ้าแก่หญิง
“ดูเหมือนยังไม่ลืมที่จะถามชื่อของคุณ ผมชื่อโจวเจ๋อ”
“ฉันแซ่วัง คุณเรียกฉันว่าอาหงก็ได้ค่ะ”
เมื่อแนะนำตัวเองแล้ว โจวเจ๋อจึงไม่พูดอีก หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที รถขับเข้ามาในโครงการบ้านหรูแห่งหนึ่ง โจวเจ๋อสังเกตเห็นอาหงหยิบบัตรที่อยู่ในรถแล้วรูดประตู โดยไม่รอให้โจวเจ๋อถาม อาหงเป็นฝ่ายพูดก่อน “ฉันก็มีบ้านอยู่ที่นี่ค่ะ ทำธุรกิจสุกี้หม้อไฟสองสามปี พอได้กำไรอยู่บ้างค่ะ”
ผมก็มีบ้าน สองสามปีนี้ทำธุรกิจเปิดร้านหนังสือ…สาวใช้ของผมซื้อบ้านไว้หลายหลัง!
เมื่อขับรถเข้าไปที่ลานจอดรถใต้ดินของคฤหาสน์หลังหนึ่งแล้ว พอลงจากรถโจวเจ๋อเดินตามอาหงออกมาจากโรงจอดรถ แล้วเดินเลี้ยวมาถึงทางเข้าลานบ้านของคฤหาสน์หลังหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง อาหงชี้นิ้ว เอ่ยว่า “บ้านของเขาอยู่ที่นี่ค่ะ”
เช่นนั้นคุณอยู่ตรงข้ามกับเขา โจวเจ๋อส่ายหน้า เขาไม่สนใจอยากทำความรู้จักเรื่องราวความรักของยมทูตหญิงวัยกลางคน แต่ยังคอยสังเกตอยู่บ้าง
เพราะผู้หญิงบางครั้งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอารมณ์ความรู้สึก มักจะไม่ค่อยมีเหตุผล โดยเฉพาะยมทูตหญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เธอไม่เคยมีแฟนมาทั้งสองชาติ และยังต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ทรมานมาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกันยังเคยเห็นความน่ากลัวของนรกมาแล้ว ถ้าหากเธอหัวใจหวั่นไหว ชอบผู้ชายคนนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะคลั่งรักผู้ชายคนนั้นโดยไม่สนใจอะไรสักอย่าง
โจวเจ๋อพลันนึกถึงตัวเอง ชาติที่แล้วตัวเขาเองก็ไม่เคยมีแฟน และไม่เคยแต่งงาน แต่ผู้หญิงกับผู้ชาย ไม่เหมือนกันจริงๆ
“หกโมงเย็นเขาถึงเลิกงานกลับบ้าน ตอนนี้ที่บ้านของเขาไม่มีคนค่ะ”
“ไม่มีคน แม่ของเขาป่วยนอนอยู่บนเตียง ไม่มีแม่บ้านเหรอ”
อาหงส่ายหน้า “ฉันสืบแล้วค่ะ ที่บ้านของเขาไม่มีแม่บ้านค่ะ”
“อย่างนั้นแม่ของเขาเวลาที่เขาไปทำงานจะกินดื่มเข้าห้องน้ำยังไง คุณคงไม่ปลีกเวลาเข้าไปช่วยดูแลแม่ของเขาหรอกใช่ไหม” พูดล้อเล่นแบบนี้ไม่ดีจริงๆ แต่ผู้ชายก็เลวแบบนี้แหละ อีกทั้งความแตกต่างทางฐานะของทั้งสองฝ่าย ก็มากพอที่จะทำให้โจวเจ๋อมองข้ามหลายสิ่งไปโดยไม่รู้ตัว
อาหงอ้าปากค้าง แต่ก็ยังส่ายหน้า “ฉันไม่เคยเข้าบ้านของเขาเป็นครั้งที่สองค่ะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า พูดกับอิงอิงที่อยู่ข้างๆ “กระโดดขึ้นไปชั้นสอง เปิดประตู”
“ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
“ไม่ต้องค่ะ” อาหงหยิบคีย์การ์ดใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า แล้วรูดประตู กลอนประตูจึงถูกเปิดออก
“…” อิงอิง
โจวเจ๋อไม่พูดอะไร เปิดประตูแล้วเข้าไป อาหงอธิบายอีกหนึ่งประโยค “เขาเป็นคนให้คีย์การ์ดกับฉันเองค่ะ แต่ฉันไม่เคยเข้าไปเลยสักครั้ง ฉันกับเขา ยกเว้นเรื่องบนเตียงแล้ว อย่างอื่นเคยทำมาหมดแล้วค่ะ ฉันไม่กล้าเข้าใกล้เขามากเกินไป กลัวว่าจะไม่ดีกับเขา”
“โอเค ไม่ต้องอธิบายให้ผมฟังครับ ผมไม่ถือสาเรื่องนี้”
พูดจริงๆ นะ โจวเจ๋อกับเรื่องสุนทรียภาพของยมทูต โดยเฉพาะเวลามองยมทูตหญิง พูดตามจริง พอๆ กับผู้ชายทั่วไปที่มองผู้หญิงสวยจากศัลยกรรม สิ่งมีชีวิตอย่างยมทูตหญิง ต่อให้สวยแค่ไหน ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับของแท้ดั้งเดิมโดยเฉพาะเมื่อครู่นี้ ตัวเขายังต้องไปที่ห้องแช่แข็งเพื่อชื่นชมศพของเธอ
“แม่ของเขาอยู่ชั้นสามค่ะ” อาหงพาโจวเจ๋อเดินขึ้นบันได โจวเจ๋อกลับหยุดเดิน ไม่รีบขึ้นไป แต่หมุนตัวเดินมาที่ข้างบันไดที่เดินลงไปด้านล่างได้ แนบหูฟังพักหนึ่ง แล้วชี้ไปข้างล่างพลางเอ่ยว่า “ข้างล่าง เลี้ยงไก่ด้วยเหรอ”
“ฉันไม่รู้ค่ะ” อาหงส่ายหน้า
ถึงแม้ราคาบ้านของตูเจียงเยี่ยนจะไม่เวอร์วังอลังการเท่าเขตเมืองหรงเฉิง แต่คนที่สามารถซื้อบ้านหรูที่นี่ได้ จะเลี้ยงไก่อยู่ในห้องเก็บของใต้ดินของบ้านตัวเองแบบนี้เหรอ มีคนที่ประหยัดมัธยัสถ์ขนาดนี้ด้วยเหรอ และฟังจากคำบอกเล่าของอาหงแล้ว ผู้ชายคนนั้นถึงแม้โจวเจ๋อไม่รู้ว่าทำงานอะไร แต่น่าจะเป็นคนมีเงิน ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถพาแม่ของเขาไปหาหมอรักษาได้ทั้งในและต่างประเทศ
โจวเจ๋อตบมือ เป็นฝ่ายเดินขึ้นไปข้างบนก่อน และไม่คิดถือสาเรื่องไก่อีก เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสาม โจวเจ๋อขมวดคิ้วทันที แล้วหยุดเดิน ที่นี่มีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อฉุนกึก และมีกลิ่นแรงยิ่งกว่าในโรงพยาบาล เหมือนมีคนใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดที่นี่ทุกวัน แต่กลิ่นคาวเลือดรุนแรงแบบนั้น ไม่สามารถกลบกลิ่นได้โดยสมบูรณ์
อาหงก็อุดจมูก เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ เธอบอกว่าไม่เคยมาเป็นครั้งที่สอง โจวเจ๋อเชื่อแล้ว วิธีคบแฟนของยมทูตหญิงคนนี้มีความพิเศษไม่เหมือนใครจริงๆ มีความยืดเยื้อมากกว่าพระเอกนางเอกของนักเขียนฉงเหยาที่ยอมซื้อบ้านอยู่ตรงข้ามเขา ได้มองเขาเป็นบางครั้ง แต่ไม่กล้าก้าวข้ามขอบเขตแม้เพียงก้าวเดียว กระทั่งตัวเธอรู้สึกมีความสุขอยู่คนเดียว ดำดิ่งอยู่ในนั้น
มีหลายคนตอนที่เพิ่งคบกัน ก็อยู่ในสภาวะเช่นนี้ หลังจากตัวเองมีความช่ำชองแล้ว จึงขี้เกียจเล่นอะไรพวกนี้แล้ว
“ผมคิดว่า คุณอาจจะมองข้ามบางสิ่งที่สำคัญมาก” โจวเจ๋อเอ่ย
อาหงไม่ตอบ เพราะเวลานี้ไม่จำเป็นต้องตอบแล้ว
“แม่ของเขาพักอยู่ห้องไหน” ชั้นนี้มีอยู่สี่ห้อง
“ถ้าหากไม่ได้เปลี่ยน น่าจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ”
โจวเจ๋อเดินเข้าไปผลักประตูห้อง อาหงก็เดินตามไป เมื่อมองดูข้างในก็ตกตะลึงไปทั้งตัว
“ดังนั้น ผมจึงสงสัย จากคำพูดของคุณ แม่ของเขาน่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ตอนนี้กลับยังมีชีวิตอยู่”
บนเตียงที่อยู่ในห้อง หญิงชราคนหนึ่งกำลังจับไก่ตัวหนึ่งพลางกัดกินเลือดสดของมันอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งภายในห้อง ทำให้คนอยากจะอาเจียน ขณะเดียวกันผ้าม่านล้วนเพิ่มความหนา ปิดบังหน้าต่างมิดชิด เล็บของหญิงชรายาวมาก เป็นสีดำ ใบหน้าขาวซีด ขาวจนน่ากลัว แต่ดวงตาคู่นั้นกลับสดใสอย่างชัดเจน
“เฮ้ คุณดูแม่ของเขา เหมือนคนใกล้ตายตรงไหน ยิ่งอยู่ยิ่งอายุยืนมากกว่า”
“อ๋า!”
หญิงชราโยนไก่ตายที่อยู่ในมือไปบนเตียงในทันใด ทั้งตัวเธอกางแขนกางขาบนพื้นเหมือนสุนัขล่าเหยื่อตัวหนึ่งกระโดดพุ่งเข้าใส่โจวเจ๋อทันที!
อิงอิงเดินไปหนึ่งก้าวมาอยู่ข้างหน้าโจวเจ๋อ ‘เพียะ!’ หญิงชราถูกอิงอิงตบกระเด็นออกไปกระแทกกำแพง แต่หลังจากที่ร่วงลงมาขาและแขนคลานอยู่บนพื้นทันที จ้องมองมาทางนี้ตาเป็นมัน
โจวเจ๋อหันไปมองอาหงที่ทำสีหน้าตื่นตระหนกและเอ่ยว่า “แข็งแรงจริงๆ ผมพูดถูกใช่ไหม”