ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 672 ต่างชนิดกัน
ตอนที่ 672 ต่างชนิดกัน
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง” อาหงไม่อยากจะเชื่อภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
โจวเจ๋อขี้เกียจพูดให้ความรู้หรือให้กำลังใจอะไรกับเธอ ไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ ล้วนเป็นคนเข้มแข็งทั้งสิ้น
สำหรับยมทูตหญิงคนนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ความรู้สึกอันสวยงามบางอย่างถูกทำลายไป
“จริงๆ แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยผู้ชายคนนั้นของคุณไม่ได้หาคนมาให้ดูดเลือด แต่เลี้ยงไก่เป็นฝูงอยู่ในบ้าน” พูดถึงตรงนี้ โจวเจ๋อพลันตกตะลึง เพราะเขานึกได้เรื่องหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นเป็นฝ่ายมอบกุญแจบ้านให้อาหง ถ้าอาหงเป็นผู้หญิงทั่วไป เป็นฝ่ายเข้ามาในบ้านของเขาสร้างเซอร์ไพรส์ให้เขาละก็…
“ใช่แล้ว ตอนแรกคุณคิดอยากดูดเลือดคนไหม” โจวเจ๋อมองไปที่อาหงแล้วถาม
อาหงส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ตอนแรกฉันไม่มีความคิดชั่วแล่นอยากจะดูดเลือดเลย”
“อย่างนั้นก็แปลก หรือว่าแม่ของเขากลายพันธุ์แล้ว” ป่วยติดเตียงมานาน เมื่อสองปีก่อนอาหงยังจงใจแอบเข้ามาที่นี่ แม่ของเขาตอนนั้นยังนอนอยู่บนเตียง สภาพแห้งเหี่ยว สติฟั่นเฟือน ไม่น่าจะเสแสร้งแกล้งทำ แต่สองปีผ่านไป แม่ของเขากลับกลายสภาพเป็นอย่างนี้ ไม่เหมือนสภาพที่เกิดขึ้นมาจากสายเลือดอะไร เพราะอาหงตอนนั้นก็ได้รับความทรมานสิบกว่าปี แต่ไม่มีลักษณะการกลายพันธุ์ปรากฏ
หญิงชราคนนี้น่าจะถูกกัดในช่วงเวลาเดียวกันกับอาหง มีตัวอย่างอยู่ข้างๆ เช่นนั้นตัวอย่างนี้น่าจะเกิดอุบัติเหตุบางอย่าง และเกิดขึ้นภายในช่วงสองปีนี้
“ลูกชายของเธอเลิกงานกี่โมง” โจวเจ๋อหาว ในเมื่อลูกชายของเธอเริ่มช่วยเลี้ยงไก่ให้เธอแล้ว จึงพิสูจน์ได้ว่าลูกชายของเธออาจจะรู้เรื่องนี้ พูดจริงๆ นะ ผู้ชายคนนี้เรื่องความกตัญญูไม่มีอะไรต้องพูดถึงแม้แต่น้อย ผู้คนมักจะพูดว่าป่วยเรื้อรังไร้ลูกกตัญญู ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่พิชิตเรื่องนี้ได้ แถมยังพัฒนาในระดับที่สูงไปอีกขั้น เห็นได้ชัดว่า ลูกกตัญญูคนนี้รู้เรื่องพวกนี้แล้ว
“ค่ะ” อาหงพยักหน้า
“เขาทำงานที่ไหน”
“ฉัน…ฉันไม่รู้ค่ะ”
“ไม่รู้”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ”
โจวเจ๋อหัวเราะ “ครับ อย่างนั้นก็รอเขากลับมา” อะไรที่มากกว่านี้ โจวเจ๋อไม่พูด เขาเชื่อว่า อาหงไม่โง่ขนาดนั้น ไม่ถึงขั้นจงใจไปแจ้งข่าวเพื่อสิ่งที่เรียกว่าความรักที่มืดมัว
“เถ้าแก่ จะเอายังไงกับเธอ” อิงอิงตะโกนถามโจวเจ๋อ
หญิงชราคนนั้นยังคงเตรียมท่ากระโจนเข้าหาอยู่ แต่กลัวฝ่ามืออรหันต์ของอิงอิงเมื่อครู่ จึงได้แต่ทำดวงตา ‘ฉ่ำวาว’ อยู่ตรงนั้นไม่หยุด
“เฝ้าเธอไว้”
“ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
โจวเจ๋อลงไปข้างล่าง อากาศในนี้ไม่โสภาเลยจริงๆ โจวเจ๋อไปหยิบขวดน้ำในห้องครัว นั่งลงบนโซฟา ดื่มน้ำ แล้วยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง หยิบโทรศัพท์ออกมา บังเอิญเห็นข้อความในวีแชตพอดี เป็นทนายอันที่ส่งมา เขาบอกว่าเขากับเด็กผู้ชายตามหาตำรวจเก่าที่เกษียณอายุคนหนึ่งเจอแล้ว จึงถามเรื่องราวกับเขา แต่ต้องตรวจสอบอีกหน่อย รอเจอกันตอนเย็นอีกที
โจวเจ๋อจึงตอบข้อความว่าเขาก็เจอเหตุการณ์บางอย่างที่นี่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียด เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ข้อมูลจริง แค่ตามหาผู้เคราะห์ร้ายเจออีกหนึ่งคนเท่านั้น และผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ได้เกิด ‘การกลายพันธุ์’ แล้ว
หลังจากเหตุการณ์ผีดิบผ่านไปสิบกว่าปี จึงเกิดการกลายพันธุ์ โจวเจ๋อไม่คิดว่าเป็นผลมาจากเหตุการณ์ผีดิบในตอนนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องอื่น
อาหงก็เดินลงมาข้างล่าง นั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับโจวเจ๋อ บนใบหน้าของเธอ โจวเจ๋อไม่เห็นสีหน้าสิ้นหวังแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถจัดการตัวเองได้ รอจนถึงเวลาหกโมงเย็น เสียงเครื่องยนต์ดังมาจากข้างนอก หนุ่มเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว ไม่ช้า เสียงรูดประตูดังมาจากประตูทางเข้า ประตูถูกผลักออก อาหงลุกขึ้นทันที รีบเดินเข้าไปหา
‘ตึ้งๆๆ!!’ ทันใดนั้น ผู้ชายที่เพิ่งกลับบ้านถูกทุ่มกลิ้งไปบนพื้นทันที อาหงใช้หัวเข่ากดหลังของผู้ชาย
ถุงที่ถืออยู่ในมือของผู้ชายร่วงลงบนพื้น ในนั้นมีของที่เขาซื้อกลับมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต เวลานี้ร่วงกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
“เป็นคุณ อาหง อาหงคุณอยู่ในบ้านของผมได้ยังไง” ผู้ชายเงยหน้า ตอนที่เขาพบว่าใครเป็นกดทับเขา เขาจึงแสดงสีหน้าดีใจออกมา
เหอะ โจวเจ๋อยิ้มมุมปากเล็กน้อย งานนี้สนุกจริงๆ โจวเจ๋อลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าผู้ชาย โน้มตัวมองเขา แล้วถามโดยตรง “คุณทำให้แม่ของคุณกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง” เขาพูดตรงประเด็น ขี้เกียจพูดจู้จี้จุกจิก
ไม่ว่าเขาจะทำให้แม่อยู่ในบ้านกินไก่กินเป็ดได้อย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับคนปกติเลย และไม่พบกะโหลกและศพในบ้านของเขาอีกด้วย
“ผม…ผม…” ผู้ชายพูดติดอ่าง
โจวเจ๋อถอนหายใจ ยื่นเท้าเหยียบไปที่มือของผู้ชายที่อยู่บนพื้น ตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะออกแรง ทันใดนั้นอาหงกลับหยิบมีดสั้นออกจากแขนเสื้อ จ่อไปที่คอของผู้ชาย “เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นวันนี้คุณตายแน่”
โจวเจ๋อหรี่ตา มองด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
“ผมพูดๆๆ แม่ของผม แม่ของผมถูก…” ร่างของผู้ชายเกร็งขึ้นมาในทันใด แขนเสื้อของเขาจู่ๆ มีค้างคาวสีดำแต่ละตัวพุ่งออกมา ค้างคาวเหล่านี้ดุดันเป็นอย่างมาก จิกเข้าไปที่ดวงตาของอาหงโดยตรง อาหงถอยหลังเมื่อรู้ตัว เพื่อเว้นระยะห่าง
ผู้ชายลุกขึ้นยืนตัวตรง ขณะเดียวกัน หน้าต่างยาวจรดถึงพื้นในห้องรับแขกพลันระเบิดออก เงาดำสองคนโผล่พรวดเข้ามาทันทีพร้อมกับโจมตีอย่างไม่ลดละ เข้าประชิดอาหงที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุด มีดสั้นที่อยู่ในมือของอาหงโบกสะบัดไม่หยุด เธอตวัดมีดสั้นในมือเร็วมาก ถึงแม้เงาดำทั้งสองจะเร็วกว่า แต่เธอก็รับมือไหว
โจวเจ๋อสังเกตเห็นแล้ว ดวงตาของอาหงมีประกายแสงสีฟ้าจางๆ อยู่ตลอดเวลา ความสามารถของเธอคล้ายกับการ ‘มองทะลุ’ ได้ เพราะความไวของเธอไม่ถึงกับไวมาก ฝีมือดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่ไม่ถึงขั้นพิเศษเกินไป แต่เธอดูเหมือนจะสามารถมองเห็นกระบวนท่าและทิศทางของคู่ต่อสู้ล่วงหน้า ดังนั้นจึงอาศัยวิธีเหล่านี้เตรียมรับมือทั้งหมด ถึงแม้จะถูกบีบให้ร่นถอยตลอด แต่กลับไม่แย่ถึงขนาดนั้น
เพียงแต่ ตอนที่เงาดำคนที่สามปรากฏตัว อาหงลนลานมาก เริ่มเข้ามาใกล้โจวเจ๋อ กระทั่งไม่เสียดายที่จะเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเอง โจวเจ๋อไม่ไหวติง ไม่เลือกที่จะยื่นมือช่วย เขากำลังกังวลว่า อาหงคนนี้จะมีพฤติกรรมอย่างอื่นหรือไม่ เพราะการเปลี่ยนแปลงของผู้ชายคนนี้แปลกประหลาดเกินไป เงาดำทั้งสามนี้โผล่มากะทันหัน ทำลายจินตนาการก่อนหน้านี้ของเถ้าแก่โจวพอสมควร
อาหงเป็นยมทูต ณ จุดนี้โจวเจ๋อสามารถยอมรับได้ ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อก็มั่นใจคิดว่าอาหงจะไม่ทำเรื่องที่ไม่แน่นอนเพื่อสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรักของชายหญิง’ ถึงแม้ตอนนี้ โจวเจ๋อก็ยังคิดแบบนี้ แต่เขาไม่กล้าเดิมพัน ชีวิตของเขามีคุณค่ามาก ตอนนี้ตัวดำไปทั้งตัวแล้ว รอยไหม้มีอยู่ทุกอณูของร่างกาย แขนก็ขาดไปข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งก็เหลือแต่กระดูกสีขาว ตอนนี้เถ้าแก่โจวเหลือเพียงชีวิตที่เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด
อาหงอยากขอให้โจวเจ๋อยื่นมือช่วย เธอต่อสู้กับสามคนไม่ไหว! ถึงแม้เธอจะมองกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ล่วงหน้า แต่ก็อยู่เหนือขอบเขตการรับมือที่เธอสามารถรับได้
‘ฉึก!’ กรงเล็บอันหนึ่งทิ่มเข้าไป อาหงล้มลงไปบนพื้นทั้งตัว กรงเล็บทิ่มลงไปที่หลังของเธอโดยตรง ห่างจากหัวใจแค่นิดเดียว และความนิดเดียวนี้ ยังเป็นเพราะเธอสามารถเคลื่อนตัวได้ล่วงหน้า จึงหลบหลีกได้ทันอย่างเฉียดฉิว เหตุการณ์เข้าสู่ความสงบ เงาดำทั้งสามหยุดอยู่กับที่ ผู้ชายใส่ชุดทักซิโดสีดำโผล่ออกมาจากเงาดำทั้งสาม ใบหน้าซูบผอม พร้อมกับคมเขี้ยวที่มุมปาก
นี่คือการแต่งตัวของผีดูดเลือดแบบมาตรฐาน แต่ไม่ได้มีใบหน้าเหมือนชาวตะวันตก ทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นใบหน้าของชาวเอเชีย
ลูกชายกตัญญูคนนั้น เวลานี้เผยคมเขี้ยวทั้งสองออกมาจากมุมปาก สายตาดุดัน เพียงแต่ตอนที่สายตาของเขามองอาหงที่ร่วงไปกองอยู่บนพื้น กลับแสดงแววตาอดรนทนไม่ได้ออกมา
โจวเจ๋อโน้มตัว นั่งยองๆ ข้างอาหง ฉีกเสื้อผ้าของเธอออก แล้วห้ามเลือดให้เธอ ตลอดขั้นตอนนี้ เต็มไปด้วยความใจเย็นและมีน้ำใจไมตรีเป็นอย่างมาก อาหงกัดฟันแน่น ถึงแม้บาดแผลจะน่าตกใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต เธอมองโจวเจ๋อ เธอสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน เมื่อครู่โจวเจ๋อเห็นเธอจะตายแต่ไม่ช่วย เวลานี้ในฐานะยมทูตที่ไม่แปดเปื้อนไปกับกระแสนิยมส่วนใหญ่ ความประทับใจของเธอที่มีต่อโจวเจ๋อผู้จับกุมคนนี้ มีแต่ความไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าเชื่อถือเลย
เถ้าแก่โจวกลับไม่รู้สึกอะไร หลังจากช่วยทำแผลง่ายๆ ให้อาหงแล้ว เขานั่งยองๆ บนพื้น เงยหน้ามองผู้ชายในชุดทักซิโดที่ยืนอยู่ตรงหน้าสามคนนี้
วันนี้เป็นวันคริสมาสต์ ไม่ใช่วันฮาโลวีน แต่โจวเจ๋อคิดไม่ออก ในประเทศจีน มีสิ่งแบบนี้ปรากฏได้อย่างไร
“พวกคุณเป็น ผีดูดเลือด” โจวเจ๋อหันหน้าเล็กน้อยแล้วถาม
“ในบ้านของผม ติดตั้งกล้องวงจรปิด ตอนที่พวกคุณเข้ามา ผมก็รู้แล้ว” ผู้ชายเจ้าของบ้านกล่าว
อ้อ กล้องวงจรปิด เถ้าแก่โจวพยักหน้า ลืมเรื่องนี้ไปเลย
เดิมทีเขาคิดจะเป็นคนเฝ้าต้นไม้รอกระต่าย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกคนอื่นจับได้ น่าอาย น่าอายจริงๆ
“อาหง คุณอยู่ได้ ผมสามารถทำให้คุณกลายเป็นแบบผม ผมชอบคุณ คุณก็รู้ ผมสามารถช่วยคุณขอร้องนายท่านนายท่านจะตกลงยอมรับคุณอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น พวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
โจวเจ๋อมองผู้ชายเจ้าของบ้านคนนี้ เขากำลังวิเคราะห์ว่าผู้ชายคนนี้โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ เรื่องราวในวันนี้ คนในวันนี้ ทำให้เถ้าแก่โจวรู้สึกเหมือนคนมีประสบการณ์เยอะเข้ามาอยู่ในเรื่องราวความรักใสๆ และคนที่มากประสบการณ์ก็คือเถ้าแก่โจวนั่นเอง
“พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงมาที่นี่ พูดมา แล้วผมจะไว้ชีวิตชีวิตพวกคุณ!” ผู้ชายที่ใส่ชุดทักซิโด้คนหนึ่งเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วก้มหน้ามองโจวเจ๋อ
“อาหง คุณถูกเขาบังคับใช่ไหม อาหง คุณรีบพูดสิ!”
ตอนนี้ ไม่เพียงแต่โจวเจ๋อเท่านั้น แม้แต่เพื่อนร่วมงานในชุดทักซิโดทั้งสามคนก็ยังมองผู้ชายเจ้าของบ้านคนนี้ด้วยสายตาที่เอาไว้มองคนโง่ บังคับเหรอ ดูเธอต่อสู้กับคุณก่อนหน้านี้แล้วดูเธอต่อสู้กับพวกเราเมื่อครู่ ก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา!
โจวเจ๋อยกมือ เอ่ยว่า “เดี๋ยวก่อน พวกเรามีอะไรเข้าใจกันผิดหรือเปล่า”
“เข้าใจผิด ไม่เข้าใจผิด จนป่านนี้แล้ว อยากจะปิดบังอะไรอีกคงเป็นไปไม่ได้แล้ว คุณอย่าคิดที่จะแกล้งโง่ต่อไป!”ผู้ชายในชุดทักซิโดคนนั้นพูดดุ
โจวเจ๋อส่ายหน้า ลุกขึ้นอย่างช้าๆ จากน้ำเสียงลอยๆ กลายเป็นเฉียบขาด “ที่ผมบอกว่าเข้าใจผิดคือ อะไรทำให้พวกคุณมีความมั่นใจมาพูดอย่างนี้ต่อหน้าผม!”
“โฮก!”