ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 674 ขายหน้า
ตอนที่ 674 ขายหน้า
เมื่อเจอประโยคขอบคุณ อิงอิงไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไรจริงๆ
โจวเจ๋อโบกมือ ขี้เกียจเถียงอะไรกับ ‘คนซื่อบื้อ’ คนนี้ แล้วถามโดยตรง “คุณทำให้แม่ของคุณ อ้อ แล้วก็ตัวคุณเองกลายเป็นแบบนี้เหรอ ตอบดีๆ ให้ความร่วมมือดีๆ แล้วผมจะปล่อยคุณกับแม่ของคุณ” โจวเจ๋อขี้เกียจหลอกลวงพวกเขา เขาไม่ใช่นักพรตอะไร และยิ่งไม่มีความคิดจะ ‘กวาดล้างทั่วปฐพี’ บวกกับคนที่ดื่มเลือดเป็ดเลือดไก่อยู่ในบ้าน ดูเหมือนจะไม่ใช่โทษมหันต์อะไร ไม่อย่างนั้น ‘ซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดจินหลิง’ ที่อยู่เกลื่อนตามท้องถนนล้วนทำผิดมหันต์ด้วยใช่ไหม
“เอ่อ…ผม…เอ่อ…คือว่า…” ผู้ชายพูดตะกุกตะกัก เหมือนกำลังกังวลอะไรอยู่ จนถึงป่านนี้แล้ว เขายังไม่ตัดสินใจอีก
โจวเจ๋อโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย หันหูเข้าหาผู้ชาย เอ่ยว่า “พูดถึงแม่ของคุณ”
“แม่ของผม หลังจากเกิดเรื่อง ผมหาวิธีรักษาแม่ของผมมาตลอด เมื่อหลายปีก่อน ก็ไปตามโรงพยาบาลใหญ่แต่ไม่ได้ผล แต่เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว มีคนกลุ่มหนึ่งมาหาผม พวกเขาบอกว่า พวกเขาสามารถช่วยรักษาแม่ของผมได้ ทำให้แม่ของผมฟื้นตัวกลับมา แต่ขอให้ผมช่วยทำงานให้พวกเขา”
“ทำงานให้” โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน ถามว่า “คุณทำงานอะไร”
“วิจัยทางชีววิทยา”
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว “ความหมายของคุณคือ ที่นี่ ยังมีสถาบันวิจัยของพวกเขา” นี่คือพล็อตเรื่องในนิยายแนววิทยาศาสตร์ของต่างประเทศไม่ใช่เหรอ และยังเป็นเซ็ตติ้งที่มีอยู่เกลื่อนกลาดอีกด้วย
“ไม่มีสถาบันวิจัย มีแต่สถานพักฟื้นแห่งหนึ่ง ทั้งยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับห้องทดลองแนวหน้าระดับสากลแล้ว ถือว่าเป็นรังมดครับ กระทั่งสำหรับในประเทศแล้วก็ไม่นับว่ามีเงื่อนไขที่ดี”
“เป็นของ…เอกชน”
“เป็นของเอกชนครับ งานของผม จริงๆ แล้วรับผิดชอบการรักษาโรคให้ท่านผู้ใหญ่”
“ท่านผู้ใหญ่ รักษาโรค ท่านผู้ใหญ่เป็นใคร”
“ผมไม่รู้ครับ เขาปิดหน้าตลอดเวลา แต่ผมถูกเคยถูกเขากัด แม่ของผมก็เคยถูกเขากัด พวกเขาบอกว่า นี่คือการยอมรับและการมอบชีวิตอย่างหนึ่ง เป็นวิวัฒนาการอย่างหนึ่ง…”
“คุณเชื่อจริงๆ เหรอ นี่คือบทพูดแย่ๆ ในภาพยนตร์”
“ผมไม่เชื่อครับ แต่ตอนนั้นแม่ของผมทนไม่ไหวแล้ว หลายปีก่อน ตอนที่แม่ของผมยังมีสติ เคยขอร้องผมให้ผมทิ้งเธอ ปล่อยให้เธอได้หลุดพ้น ปล่อยให้เธอตาย! เธอคุกเข่าต่อหน้าผม จับมือของผม ข้อร้องแล้วขอร้องอีก เธอบอกว่าเธอทรมานมาก ทนไม่ไหวแล้ว ยอมตายดีกว่า
แต่ผมปฏิเสธ เพราะความเห็นแก่ตัวของผม ผมเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก ผมไม่อยากเสียแม่ไปอีก เป็นผมที่ทำให้แม่ของผมต้องทนทรมานนานหลายปี ผมไม่อยากเห็นเธอตายไปต่อหน้าต่อตา ไม่อย่างนั้นความเจ็บปวดหลายปีที่ผ่านมานี้ก็เท่ากับเสียเปล่าไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นความจริงหรือโกหก ไม่ว่าเขาจะโกหกและหลอกใช้ผมหรือไม่ ผมไม่มีทางเลือก อย่างน้อย เขาทำให้แม่ของผมเปลี่ยนไป…เปลี่ยนไป…มาก…” ดูเหมือนผู้ชายยากที่จะใช้คำบรรยายที่ถูกต้องมาบอกเล่าอาการของแม่เขาในตอนนี้
“แข็งแรงมาก” โจวเจ๋อช่วยบรรยายให้เขา
“ครับ แข็งแรงมาก”
เถ้าแก่โจวมองดูเวลา ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว แล้วจึงครุ่นคิด กลัวว่ายิ่งนานจะยิ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี จึงพูดไปตามตรง “พาพวกเราไปที่นั่น อ้อใช่ ผมฆ่าพวกเขาสามคนแล้ว ที่นั่นจะเกิดความตื่นตระหนกไหม”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะท่านผู้ใหญ่คนนั้น เขาไปไหนไม่ได้ ตอนที่ผมยังไม่ไปที่นั่น เขาก็อยู่ที่นั่นตลอด”
“อืม ดี”
“ช่วยนำทางด้วย นั่งรถของคุณ”
ตอนที่รถขับออกมาจากหน้าคฤหาสน์นั้น ภายในห้องนอนของตึกที่อยู่ตรงหน้า อาหงยืนอยู่ริมหน้าต่างกำลังทำแผลให้ตัวเองใหม่ พลางเฝ้ามองสถานการณ์ด้านล่างโดยมีผ้าม่านกั้นไว้
ใบหน้าของเธอ มีความหดหู่สิ้นหวังอยู่บ้าง ตัวเธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังผิดหวังเรื่องอะไร ดูเหมือนจะเสียใจและจนใจที่ฟองอากาศสวยงามถูกทำลาย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ น้อยใจ
สำหรับเรื่องพวกนี้ เถ้าแก่โจวขี้เกียจจะสนใจ เขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น ผู้จับกุมจากทงเฉิงจะเดินทางไกลมาถึงเสฉวนเพื่อให้ความสนใจเรื่องราวความรักของยมทูตหญิงคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ
…
หลังจากรถขับออกมาจากเขตตูเจียงเยี่ยนแล้วได้มุ่งหน้าไปยังภูเขาชิงเฉิงโดยตรง โจวเจ๋อนั่งข้างคนขับ อิงอิงนั่งข้างหลัง
“คุณคิดว่า พวกคุณเป็นผีดูดเลือดไหมครับ” โจวเจ๋อมองวิวนอกหน้าต่างพลางถาม
ผู้ชายส่ายหน้า “ในสายตาของผม น่าจะเป็นการติดเชื้ออย่างหนึ่ง”
“อืม” โจวเจ๋อยังจำนักแต่งคอสเพลย์ทั้งสามคน กับฉากที่ร่างกายภายในถูกกัดกินจนว่างเปล่าได้ การติดเชื้อนี้มีความคล้ายกับการเสพยา ใช้วิธีทำลายชีวิตเพื่อให้ได้รับความสุขสุดยอด อันที่จริงหลายคนเวลาป่วยใกล้ตาย อัตราที่อวัยวะทั่วทั้งร่างกายจะล้มเหลวพร้อมกันนั้นต่ำเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะความเสื่อมของจุดศูนย์รวมของโรคหนึ่งเป็นผลทำให้ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้
และ ‘ผีดูดเลือด’ ประเภทนี้ เถ้าแก่โจวไม่แน่ใจว่าเขาเป็นต้นกำเนิดดั้งเดิมหรือไม่ แต่ดูจากตอนนี้แล้วผีดูดเลือดที่เขาได้สัมผัสและฆ่าเมื่อครู่ ล้วนใช้วิธี ‘การกระตุ้น’ ให้ชีวิตดำเนินต่อไป ถูกเผาอย่างสะอาดหมดจด แต่สุดท้ายก็ยังปิดม่านขอบคุณ
ว่ากันว่าผีดูดเลือดมีอายุยืนยาว แต่ที่นี่ โจวเจ๋อไม่เชื่อว่าหลังจากพวกเขากลายเป็นผีดูดเลือดแล้วจะมีอายุที่ยืนยาวได้ แต่จะมีอายุสั้นกว่าคนทั่วไป ทว่าดูเหมือนสามารถรักษาความทรมานของโรคบางอย่างได้ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรครักษาไม่หาย ถือว่าสามารถ ‘ต่ออายุ’ ได้จริงๆ
“คุณไม่คิดที่จะแจ้งความบ้างเหรอ” โจวเจ๋อยิ้มถาม “อย่างเช่น ส่งมอบให้ประเทศ”
“พวกเขา พวกเขาความจริงแล้วไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อฟ้าดิน คนเจ็ดแปดคนที่อยู่ในสถานพักฟื้นล้วนสมัครใจเอง เวลาที่ชีวิตกำลังจะจบลง มีคนยอมบอกวิธีรักษา แลกกับความยืนยาวของชีวิต ถึงแม้จะมีอายุต่อได้สองสามปีกระทั่งอยู่ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น ก็ยากที่จะปฏิเสธ”
“อ้อ อย่างนั้นคุณดื่มเลือดคนไหม”
“ไม่วู่วามขนาดนั้นครับ เลือดไก่เลือดเป็ดปกติก็พอ เลือดคนกลับรู้สึกอยากจะอาเจียน”
“รักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมขนาดนี้เชียว”
“เหอะๆ นับว่าใช่มั้งครับ”
“คุณทำงานที่สถานพักฟื้นรับผิดชอบงานอะไรบ้าง”
“ทำความสะอาด”
“…” โจวเจ๋อ
“ผมไม่ได้โกหกคุณ งานของผมคือทำความสะอาดจริงๆ ครับ ที่นั่นเป็นห้องวิจัยทางชีววิทยาที่สร้างขึ้นแบบเรียบง่าย แต่ไม่เคยได้ดำเนินงานและใช้งานมาตลอด เพราะท่านผู้ใหญ่คนนั้นบอกว่า ยังไม่ถึงเวลา เขาต้องรออีกสักพักหนึ่งผมคิดว่า ท่านผู้ใหญ่คนนั้นพยายามจัดการความบกพร่อง…หรืออาจเรียกว่าโซ่พันธนาการบนตัวของเขามาตลอด และสถานพักฟื้นรวมทั้งผม ล้วนถูกเตรียมไว้หลังจากเขาสามารถจัดการพันธนาการของตัวเองได้”
“อ้อ อย่างนั้นคุณรู้สึกว่า หลังจากนี้เขาอยากให้คุณทำอะไร”
“การรวมตัวกันใหม่ของยีน คุณรู้ไหมครับ”
โจวเจ๋อพยักหน้า
“ผมคิดว่า เขาน่าจะอยากให้ผมช่วยทำอะไรพวกนี้”
“เป็นหัวข้อที่เป็นทางการมาก” โจวเจ๋อเอนเบาะไปข้างหลังแล้วเอ่ยว่า “อ้อใช่ คุณรู้เรื่องเหตุการณ์ผีดิบในศตวรรษที่แล้วไหม”
ผู้ชายตกตะลึงเล็กน้อย มองโจวเจ๋อหนึ่งทีแล้วถามว่า “ท่าทางของคุณก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในบ้านของผม เป็นผีดิบใช่ไหมครับ”
“ผมกำลังถามคุณ ไม่ใช่คุณมาถามผม”
“ผมสงสัยอยู่ช่วงหนึ่งว่า แม่ของผมเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่รายละเอียดอะไร ผมสืบได้ไม่มาก ผมเคยหาโอกาสถามท่านผู้ใหญ่คนนั้น แต่เขาไม่ตอบผม” ไม่ตอบ ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้ “แต่ผมสืบแล้ว สถานพักฟื้นนั่น ถูกเหมาเมื่อปี 96 เรื่อยมาจนถึงตอนนี้”
“แม่ของคุณตอนนั้นถูกกัด ได้เล่ารายละเอียดอะไรกับคุณไหม”
ผู้ชายส่ายหน้า “ตอนนั้นเธอถูกตีสลบ หลังจากตื่นมาจึงพบแผลบนตัว”
“คุณเคยสงสัยไหม”
ผู้ชายหัวเราะ แล้วหัวข้อสนทนาจึงจบลง โจวเจ๋อไม่ได้ถามต่อ แต่ชี้ไปที่ภูเขาด้านนอกพลางพูดกับอิงอิงที่อยู่ด้านหลัง “อิงอิง ที่นี่คือภูเขาชิงเฉิง มีเพลงหนึ่งร้องยังไงนะ ไป๋ซู่เจินอยู่ที่ใต้ภูเขาชิงเฉิง บำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำนับพันปี อา…อา….”
“เถ้าแก่ ไป๋ซู่เจินออกมาจากที่นี่เหรอ”
“น่าจะใช่ บำเพ็ญเพียรจากงูกลายเป็นคนอยู่ที่นี่”
“อ้อ ที่แท้แม่นางไป๋อยู่ที่นี่นี่เอง ไม่ถูกสิ เถ้าแก่ ถ้าแม่นางไป๋บำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ เจดีย์เหลยเฟิงอยู่ที่หางโจวได้ยังไง และทะเลสาบซีหูก็อยู่ที่หางโจวเหมือนกัน”
คำถามนี้ ทำให้โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย ดูเหมือนมีน้อยคนที่คิดถึงคำถามนี้ คนหนึ่งอยู่เสฉวน เป็นปีศาจงูที่บำเพ็ญตบะอยู่ที่เฉิงตู ทำไมต้องวิ่งไปมีแฟนไกลถึงหางโจว
“เธอเป็นปีศาจงู เธอเหาะได้ พอเธอเหาะก็เหาะไปไกลมาก เหาะไปถึงริมทะเลสาบซีหู”
“ว้าว เถ้าแก่ฉลาดมาก แม้แต่อันนี้ก็รู้!”
ผู้ชายที่ขับรถอยู่ข้างๆ ทำสีหน้าเหนื่อยใจ หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไปท้องฟ้ามืดแล้ว ผู้ชายจอดรถ ตรงหน้าเป็นสถานพักฟื้นซ่อมซ่อ ประตูใหญ่ขึ้นสนิม คล้ายสถานที่รกร้างกึ่งหนึ่ง
“อยู่ข้างในนี้ครับ” ผู้ชายชี้ไปข้างหน้าแล้วกล่าว
โจวเจ๋อกับอิงอิงลงจากรถพร้อมกัน เถ้าแก่โจวบิดขี้เกียจ โทรศัพท์ดังขึ้นในเวลานี้พอดี พอดูสายที่โทรเข้ามา เป็นทนายอัน
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล เถ้าแก่ เย็นนี้ผมกลับช้าหน่อย”
“บังเอิญมาก ผมก็กลับช้าเหมือนกัน”
“ผมเจอเบาะแสบางอย่างที่นี่ จากคำชี้แนะของตำรวจเก่าเกษียณแล้วคนนั้น ผมเจอสถานที่แห่งหนึ่ง กำลังจะไปสืบดู”
“ผมก็เจอเหมือนกัน”
“ฮ่าๆๆ อย่างนั้นพวกเรามาแข่งกัน ว่าใครจะเจอเยอะกว่า ใครจะหาไอ้หมอนั่นเจอก่อนกัน”
“ได้เลย แข่งก็แข่ง”
“ได้เลย เถ้าแก่…”
เวลานี้ มีรถจี๊ปคันหนึ่งปรากฏบนถนนที่อยู่ด้านหลังแล้วหยุดรถ จากนั้นเงาร่างของผู้ใหญ่คนหนึ่งกับเด็กอีกคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ ผู้ใหญ่คนนั้นกำลังถือโทรศัพท์พูดเสียงดัง “ได้เลย เถ้าแก่ พวกเรามาแข่งกัน…เอ่อ”