ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 692 โปรยปราย
ตอนที่ 692 โปรยปราย
ร่างของเดดพูลหดตัวอย่างต่อเนื่อง ราวกับลูกโป่งรั่ว กำลังจะกลายเป็นมัมมี่ หญิงสาวตัวดำคุกเข่าอยู่บนพื้นร้องไห้อ้อนวอนไม่หยุด อิงอิงที่อยู่ข้างๆ จ้องมองหญิงสาวตัวดำต่อไป และคอยจ้องมองเดดพูลที่อยู่ข้างหลังโจวเจ๋อด้วย
นักพรตเฒ่าเดาะปากเสียงดัง รู้สึกหมดสนุก เดดพูลเป็นอะไร นักพรตเฒ่ารู้ดี กายเนื้อของเถ้าแก่ในชาติที่แล้วถูกไอ้หมอนี่เอาไปทำข้าวคลุกอัฐิกิน บางครั้งนักพรตเฒ่ายังรู้สึกว่าเดดพูลยิ่งเหมือนคนแปลกหน้าไปเรื่อยๆ ตอนแรกเนื่องจากการอบรมสั่งสอนของทนายอัน จากนั้นมีหญิงสาวตัวดำเข้ามาภายหลัง จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจหวนกลับ
ถ้าหากเถ้าแก่อยากอาศัยโอกาสนี้จัดการเดดพูลทิ้ง นักพรตเฒ่าสามารถเข้าใจได้ ถึงแม้จะพูดว่าเป็นลูกบุญธรรมกับพ่อบุญธรรม แต่สุดท้ายเป็นความสัมพันธ์แบบใดกันแน่ ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ
เพียงแต่ไม่สนุกเลย ไม่สนุกเลยจริงๆ
จิ้งจอกขาวกลับสนใจเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกำลังดูฉากในภาพยนตร์ตะวันตก มีการเกิดใหม่ของร่างกาย และยังมี ‘พ่อลูกไม่ถูกกัน’ ทุกสิ่งที่เห็นล้วนน่าสนใจ เสียดายที่ไม่ใช่ยุคราชวงศ์ชิงที่ล้อมวงดูละคร ไม่อย่างนั้นเธออยากจะโยนเงินสองสามเบี้ยขึ้นไปจริงๆ วันนี้ข้าถูกใจให้รางวัล!
โจวเจ๋อหลับตาต่อไป เหมือนไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจากโลกภายนอก ตอนที่เดดพูลใกล้จะเป็นหนังหุ้มกระดูกแล้ว อักขระสายหนึ่งเริ่มข้ามผ่านร่างของโจวเจ๋อไปบนร่างของเดดพูล แล้วไล่ไปตามส่วนอื่นของร่างกาย
เดดพูลมีสีหน้าผ่อนคลาย เผยรอยยิ้มออกมา เหมือนเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง ขยันทำการบ้าน จึงได้ลูกอมสองเม็ดจากผู้ปกครองเป็นรางวัล
หญิงสาวตัวดำที่อยู่ข้างๆ อ้าปากค้าง เอ่อ…
นักพรตเฒ่าเดาะปากเสียงดังอีก เฮ้ รู้สึกสนุกแล้ว
จิ้งจอกขาวส่ายหน้า ศิลปะที่สวยงามที่สุดมักจะเป็นโศกนาฏกรรมเสมอ เธอจึงผิดหวังอยู่บ้าง
ในที่สุดโจวเจ๋อก็ลืมตา แขนข้างขวาที่สูญเสียไปฟื้นคืนกลับมาดังเดิม ผิวขาวนวลเหมือนเด็กแรกเกิด แต่ด้านในกลับแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
นี่คือสิ่งที่โจวเจ๋อให้ความสำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม เถ้าแก่โจวต้องไปต่อสู้ ไม่ได้ไปร่วมการประกวด
เขาลุกขึ้นวาดหมัดออกไปเล็กน้อย กล้ามเนื้อบนตัวของคนทั้งสองที่เชื่อมติดกันแตกหักโดยตรง ไม่ทิ้งรอยแผลบนตัวของโจวเจ๋อ เดดพูลที่อยู่อีกด้านแทบจะกลายเป็นมัมมี่แล้ว แห้งเหี่ยวจนคนไม่กล้ามอง แต่ตรงหน้าอกกลับมีอักขระสายหนึ่ง ทิ้งอยู่ตรงนั้นตลอดไป
‘พลั่ก’ เดดพูลคุกเข่าให้โจวเจ๋อ ยิ้มแย้มสดใส แต่ฝืนได้ไม่กี่วินาทีศีรษะก็ทิ่มลงพื้นไปแล้ว
หญิงสาวตัวดำคลานเข้ามากอดเดดพูลไว้ในอ้อมอก ขณะเดียวกันเริ่มโปรยเมล็ดพืชไปปรอบๆ ร่างของเดดพูลถูกโจวเจ๋อสูบไปเกือบหมด แต่เธอกลับไม่เศร้าใจเลยสักนิด ของสะสมที่มีอยู่แต่เดิมสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ และอักขระที่โจวเจ๋อมอบให้ คือโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณไปเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างแท้จริง!
เถ้าแก่โจวบิดคอเล็กน้อย เกิดเสียงดังกร๊อบ เขาไม่พูดอะไร เดินไปที่ประตูบานเล็กโดยตรง
“เถ้าแก่ ข้าจะไปเปิดน้ำ!” อิงอิงเดินออกไปก่อนด้วยความดีใจ เธอรู้ว่าตอนนี้เถ้าแก่ของตัวเองต้องการอาบน้ำแน่นอน ส่วนคนอื่น อิงอิงไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว
ผีดิบสาวนอกจากแสดงความสดใสน่ารักเวลาที่อยู่ต่อหน้าโจวเจ๋อแล้ว ยามที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น ถึงแม้ภายนอกจะแสดงออกถึงความเกรงใจ แต่ในก้นบึ้งหัวใจอย่างแท้จริงนั้น กลับเย็นชาไร้ความรู้สึกที่สุด
อย่าว่าแต่เดดพูลที่ตอนนี้ยังไม่ตาย ถ้าหากเถ้าแก่ต้องการและตกลงละก็ เธอจะจับเดดพูลกับหญิงสาวตัวดำมาอยู่ตรงหน้าเถ้าแก่แล้วฆ่าพร้อมกันอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
โจวเจ๋อเดินเข้ามาในร้านหนังสือ ลมพัดกลิ่นหอมลอยมาปะทะจากด้านหลัง เสื้อคลุมตัวหนึ่งห่มอยู่บนร่างกายแล้ว ด้านหลังของตัวเองยังรู้สึก…
ทำเกินไปแล้ว ทำเกินไปแล้วนะ
“คุณมาทำอะไร” โจวเจ๋อถาม ขนาดตอนแรกเขายังมีพลังในการยับยั้งชั่งใจที่แข็งแกร่งต่อจิ้งจอกขาว นับประสาอะไรกับตอนนี้
“ข้าคิดถึงท่าน” จิ้งจอกขาวพูดออดอ้อน
“ถ้าไม่พูดดีๆ คุณไสหัวกลับได้เลย”
“ข้ามาหลบภัย”
โจวเจ๋อเดินมาที่ข้างเคาน์เตอร์ รับน้ำชามาจากนักพรตเฒ่า ดื่มหนึ่งคำ แล้วหัวเราะพูดว่า “หลบภัย หลบภัยอะไร”
“พอนอนตื่นมาก็รู้สึกระแวง อยากหาที่พึ่งพิงที่มั่นคง ผู้หญิง ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“อย่างนั้นคุณน่าจะไปหาหวังเคอ”
“โอ๊ยๆๆ ต่อไปถ้าข้าพูดว่าเขาไม่เก่งแต่ท่านสุดยอดอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านจะรู้สึกสบายใจไหม”
“เหอะๆ” โจวเจ๋อมองจิ้งจอกขาวอย่างตั้งใจแล้วเอ่ยว่า “โอเค ช่วงนี้งานทำความสะอาดเป็นหน้าที่ของคุณ”
“ไม่มีปัญหา อย่างนั้นข้าจะขึ้นไปเก็บห้องก่อน”
โจวเจ๋อพยักหน้า หลังจากมองจิ้งจอกขาวเดินขึ้นบันไดแล้ว โจวเจ๋อจึงวางถ้วยน้ำชาลง
“เถ้าแก่ จิ้งจอกตัวนี้ตลกจริงๆ เกลียดกลิ่นเหม็นคาวแต่กลับวิ่งมาหลบอยู่ในดงของปลาเค็ม…”
“นักพรตเฒ่า ผมพบว่าหลังจากที่ผมไม่อยู่ ดูคุณซนมากขึ้น” โจวเจ๋อหมอบอยู่บนเคาน์เตอร์มองนักพรตเฒ่า
“แบบนี้ดูสนิทสนมขึ้นไม่ใช่เหรอ”
“ปีใหม่ผ่านไป ถนนข้างนอกสกปรกเละเทะไปทั่ว นักพรตเฒ่า พนักงานทำความสะอาดลำบากมากนะ”
ใบหน้าแก่ๆ ของนักพรตเฒ่าห่อเหี่ยวทันที อายุของเขาดูเหมือนจะมากกว่าพนักงานทำความสะอาดมากโข
“เถ้าแก่ ข้าจะไปชงกาแฟให้เจ้าดีไหม”
โจวเจ๋อพยักหน้า นักพรตเฒ่าเหมือนได้รับการอภัยโทษ รีบไปด้านหลังชงกาแฟทันที
โจวเจ๋อกลับพึมพำกับตัวเองหนึ่งประโยค “หรือไม่ก็ เธอยังไม่ลืมความเจ็บปวดที่โดนตัดหาง”
เวลานี้สวี่ชิงหล่างเดินลงมาจากชั้นบน เขาน่าจะนอนหลับไปหนึ่งตื่น เพราะใส่ชุดนอน
“อยากดื่มน้ำไหม” โจวเจ๋อถาม
“อยากกินข้าวมื้อดึกไหม” สวี่ชิงหล่างถาม
ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมกัน
สวี่ชิงหล่างเดินไปข้างเคาน์เตอร์ หยิบบุหรี่ขึ้นมา ดึงออกมาหนึ่งมวน จุดบุหรี่ แล้วสูบอย่างแรงหนึ่งที
“สูบบุหรี่ตอนท้องว่างไม่ดีต่อสุขภาพ” โจวเจ๋อพูดเตือน
สวี่ชิงหล่างพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงกลม เหลือบตามองโจวเจ๋อ ชูมือขึ้นแล้วชี้พลางเอ่ยว่า “แขนงอกใหม่แล้วเหรอ”
“ใช่แล้ว”
“นี่ดีมาก ต่อไปออกไปไหนก็ไม่ต้องกลัวถูกรถชนพิการแล้ว”
“แต่ก็ต้องระวังหน่อย”
“ผมนอนหลับหนึ่งตื่น รู้สึกดีขึ้นเยอะ”
“มองออก”
“พวกเราจะรออย่างนี้เหรอ”
“อย่างน้อยดูจากตอนนี้ ไม่มีเค้ามูลอะไร”
“เขากำลังมองพวกเราอยู่ ผมรับรู้ได้”
“ตอนกลางวันผมก็สามารถสัมผัสได้” ควันขาวโขมงที่น่าสะพรึงกลัวนั่น
สวี่ชิงหล่างเขี่ยบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วถอนหายใจเอ่ยว่า “จิ้งจอกขาวตัวนั้นกลับมาอีกแล้ว”
“ได้กลิ่นเหรอ”
“เธอเพิ่งทักทายผมเมื่อกี้นี้”
“เถ้าแก่ เตรียมน้ำเรียบร้อยเจ้าค่ะ” อิงอิงเดินออกมาเรียกจากในห้องน้ำ
“โอเค”
โจวเจ๋อโบกมือให้สวี่ชิงหล่าง แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ สวี่ชิงหล่างหาวอีกครั้ง เขาที่ใส่ชุดนอนเดินไปที่หน้าประตูร้านหนังสือ แล้วผลักประตูร้าน ลมหนาวพัดมาพร้อมกับหิมะ สวี่ชิงหล่างหนาวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เขาไม่ได้หลบ แต่เดินออกไปข้างนอกสองสามก้าว แล้วนั่งลงยองๆ
…
“เขานั่งยองๆ ตรงนั้นเป็นรูปปั้นเหรอ” เจิ้งเฉียงชี้ไปที่นอกหน้าต่าง เอ่ยพลางหัวเราะ
ณ ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่อยู่ตรงข้ามร้านหนังสือ เจิ้งเฉียงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างมองประตูใหญ่ร้านหนังสือโดยตรง
หลิวฉู่อวี่เดินเข้ามาดูสองครั้ง “สงสัยจะตื่นเต้น”
“ตื่นเต้น”
“เมื่อก่อนหัวหน้าเคยเรียกพวกเรามาสองสามครั้งแล้ว แต่ก็แค่ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน กำชับให้พวกเราอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ”
“ดังนั้น”
“ดังนั้น พวกเราอาจจะตายได้”
“เดิมทีเขากุมชะตาชีวิตของพวกเราอยู่แล้ว”
“ใช่แล้ว หลังจากตายไป ก็เป็นอิสระ”
“เฮ้ พวกนายผู้ชายสองคน ดึกป่านนี้มาพูดเรื่องเศร้าอะไรกันตรงนี้” เยวี่ยหยาเอามือทัดผมพลางเดินมาทางนี้
“เปล่า กำลังดูหิมะอยู่ หิมะ ตกหนักมาก” เจิ้งเฉียงแสร้งทำเป็นพูดเกินจริง
“ใช่แล้ว หิมะสีขาว สะ…” หลิวฉู่อวี่ตกตะลึง ทันใดนั้นก็พูดเสียงสั่นว่า “หิมะๆ ทำไมหิมะเป็นสีแดง!”
…
“ไปกันเถอะ ที่นี่ใหญ่มาก คุณคนเดียวหาไม่เจอหรอก และที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาล ไม่ใช่เรือนจำ คนหายตัวไป มากกว่าครึ่งคือโดนจำกัดอิสระ มีความเป็นไปได้สูงที่ไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ผมรู้ แต่ผมไม่ยอม” เหล่าจางจับผมของตัวเอง ด้วยความเศร้าใจอยู่บ้าง
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ ฉันเหนื่อยแล้ว อยากกลับบ้าน”
“โอเค ผมจะไปส่งคุณ”
เหล่าจางยอมแพ้ชั่วคราว ถึงแม้จะพูดว่าคนที่หายตัวไปสี่คนนั้นตอนนี้ถูกยืนยันแล้วว่าเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่เบาะแสที่แท้จริงเขายังจับไม่ได้ อยากจะตามหาพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ตำรวจเฉินสบายใจเล็กน้อย ตอนนี้กลับน่าจะยังทัน เพียงแต่ตอนที่ลิฟต์เลื่อนลงมาชั้นนี้ แล้วค่อยๆ เปิดออกกลับมีหมอชราใส่เสื้อกาวน์คนหนึ่งยืนอยู่ข้างใน หมอชรายืนอยู่มุมหนึ่งในลิฟต์เพียงคนเดียว ท่าทางดูเป็นคนขี้กังวลอยู่บ้าง
เหล่าจางเดินเข้าไปในลิฟต์ เมื่อหันกลับไปมองเห็นตำรวจเฉินยังยืนอยู่ข้างนอกลิฟต์ เขาจึงรีบยื่นมือกดปุ่มเปิดประตู พลางเอ่ยเร่ง “เข้ามาสิ”
สายตาของตำรวจเฉินกวาดตามองหมอชรา เธอลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังก้าวขาเข้าไปในลิฟต์
หมอชรายืนอยู่ตรงมุมต่อไป ไม่ขยับ เหล่าจางมองหมอชราสองสามครั้ง เขารู้สึกว่าหมอชราคนนี้แปลกอยู่บ้าง
หมอชราแสยะยิ้มทันที เอ่ยว่า “ข้างนอกหิมะตก หิมะสีแดง”
“หิมะเป็นสีแดงได้ยังไง คุณตาฝาดหรือเปล่า” เหล่าจางกล่าว
หมอชรายื่นมือปิดตา “ปิดตา แล้วในหัวคิดว่าหิมะนี้เป็นสีอะไร มันก็จะเป็นสีนั้น”
“เหอะๆ พูดตลกดีนะครับ”
ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง เหล่าจางกับตำรวจเฉินเดินออกจากลิฟต์ หมอชรากลับไม่เดินออกมา สักพักประตูลิฟต์จึงปิดแล้วเลื่อนลงไปข้างล่างต่อ
ตำรวจเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำมือของเหล่าจางแน่น แล้วรีบพูดอย่างร้อนใจ “ไปค่ะ ส่งฉันกลับบ้าน ฉันปวดท้อง!
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาล…”
“คุณจะให้ฉันไปรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กอีกครั้งเหรอ”
“เอ่อ ครับ ผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน”
เหล่าจางอยากจะสะบัดมือของตำรวจเฉิน แต่กลับสะบัดไม่ออก เขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจทำไมถึงมีแรงเยอะขนาดนี้
เมื่อเดินออกจากห้องโถงใหญ่ของโรงพยาบาล เดินไปที่ลานจอดรถ หิมะตกลงมาที่ปลายจมูกของเหล่าจาง เหล่าจางหยุดเดินทันที เบิกตาโต หิมะนี้เป็นสีแดง
…
‘ติ๊ง!’ ลิฟต์มาถึงชั้นลบสาม แล้วเปิดออก หมอชราที่ใส่เสื้อกาวน์เดินออกมา สองมือไพล่หลัง เดินไปข้างหน้า ทันใดนั้นในโถงทางเดินที่เงียบสนิท กลับมีมือแต่ละข้างยื่นออกมาจากช่องว่างของประตูเหล็ก
“ฉันอยาก ฉันอยากรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กระดับเอ…”
“ขอร้องพวกคุณ ให้ฉันได้รักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กระดับเออีกเถอะ…”
“ฉันปวดมาก ฉันทรมานมาก ฉันอยากรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กระดับเออีกครั้ง…”
“ขอร้องพวกคุณ ขอร้องละ ฉันจะโขกหัวคำนับคุณ…”
หมอชราหยุดเดิน ตะโกนว่า “การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กล้วนหลอกลวงคน หลอกเงิน ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด!”
“คุณพูดเพ้อเจ้อ!”
“คุณพูดจาไร้สาระ!”
“คลื่นแม่เหล็กสามารถรักษาโรคของฉันได้!”
“คุณพูดมั่ว รอให้ฉันออกไปแล้วจะจัดการคุณ!”
“ไอ้เหี้X กล้าพูดมั่วอีกฉันออกไปแล้วจะถลกหนังแก!”
หมอชราหัวเราะอย่างไร้เสียงทันที เขาชูมือทั้งสองข้างของตัวเอง ปิดดวงตาของตัวเองเอาไว้ เริ่มส่ายตัวไปมาพร้อมกับพึมพำอยู่ในปาก “ฉันมองไม่เห็นๆๆ! เฮ้อ ฉันมองไม่เห็นเลย มองไม่เห็นจริงๆ…”